บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1007: มีฝีมือแค่นี้หรือ?
ตอนที่ 1007: มีฝีมือแค่นี้หรือ?
……….
ตอนที่ 1007: มีฝีมือแค่นี้หรือ?
สีหน้าของยมบาลสาวแปรเปลี่ยนกะทันหัน
นางไม่รู้เลยว่าเกิดสิ่งใดขึ้นจนกระทั่งซูอี้ทำลายการโจมตีของชายสวมหมวกไม้ไผ่สานได้ และสันหลังของนางก็เย็นวาบ
เกิดการโจมตีสังหารกันขึ้นอย่างเงียบงัน
หากการกระทำของซูอี้ช้ากว่านี้ เกรงว่าคงได้บาดเจ็บแล้วแน่แท้!
“แม้พลังของดาบนี้จะแข็งแกร่ง มันก็ทำลายกฎวิเวกดาราของข้าไม่ได้หรอก ดังนั้นเจ้าควรมีพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้นะ”
ห่างออกไปไม่ไกลนัก ดวงตากระจ่างของชายสวมหมวกไม้ไผ่สานลึกล้ำราวจักรวาลพร่างดาว แผ่อำนาจอันไม่อาจมองเห็นสู่โลกหล้า
บริเวณโดยรอบแผดเผาอย่างเงียบงัน แสงดาราอุบัติรายล้อมร่างของชายสวมหมวกไม้ไผ่สานราวกระแสคลื่น ทำให้เขาดูราวกับนายเหนือแห่งจักรวาลพร่างดาว
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว ยมบาลสาวก็รู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมา
นางสูดหายใจลึก ๆ อาภรณ์สีดำที่สวมใส่พลิ้วสะบัด กฎเกณฑ์วอนสวรรค์อันเหมือนหายนะปรากฏรอบร่างสง่าของนาง
ชายสวมหมวกไม้ไผ่สานผู้นั้นแข็งแกร่งเกินไป!
เมื่อเผชิญหน้ากับเขา นางก็รู้สึกอึดอัดนัก
ทว่านางก็ไม่ได้คิดจะอยู่เฉย
“กฎเกณฑ์วอนสวรรค์หรือ? เฮอะ”
ชายสวมหมวกไม้ไผ่สานชะงักไปชั่วขณะราวแปลกใจ จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อออกไป
ตู้ม!
หนึ่งดาราที่ลอยสูงพลันเผาไหม้อยู่กลางอากาศ
ร่างของยมบาลสาวพุ่งไปเบื้องหลังอย่างรวดเร็ว ร่วงลงห่างออกไปร้อยจั้ง
อาภรณ์ของนางฉีกขาด ผิวของนางโชกเลือด ใบหน้างดงามซีดขาว แววตาพราวเสน่ห์เต็มไปด้วยความตระหนกกลัว
การสะบัดเพียงหนึ่งครั้งเบา ๆ กลับสามารถบดขยี้นางโดยสมบูรณ์!
“เห็นแก่หน้าเจ้าหอของเจ้า ข้าจึงไม่ลงมือสังหารเจ้า จงมองอยู่เพียงวงนอกเถิด หาไม่ ก็ยากจะให้ข้าไว้หน้าเจ้าหอเจ้าได้ต่อ”
ชายสวมหมวกไม้ไผ่สานกล่าวอย่างเฉยเมย
เขาเห็นที่มาของหญิงสาวอย่างชัดแจ้ง อีกทั้งเขายังดูจะคุ้นเคยกับเจ้าหอเก้าสวรรค์ผู้ลึกลับผู้นี้ จึงเรียกอีกฝ่ายโดยไร้ความกลัวใด ๆ!
เมื่อกล่าวจบ ชายสวมหมวกไม้ไผ่สานก็หันไปพูดกับซูอี้อย่างสบายอารมณ์ “มาสิ ขอดูหน่อยว่าเจ้าจะฆ่าข้าเช่นไร”
ซูอี้พยักหน้า “ตามที่เจ้าปรารถนา”
น้ำเต้าสามชุ่นในมือของเขาพลันส่งเสียงดาบครวญลั่น และทันใดนั้นก็ปรากฏคมดาบสามชุ่น
คมดาบยาวสามชุ่นนี้เรียวบางกระจ่างใส งดงามดุจสวรรค์สร้าง เผยประกายแสงพร่างพรายสีเขียวคราม มันลอยขึ้นสู่อากาศ โปรยปรายพิรุณแสงดุจดาบลงมานับพันหมื่น
ตู้ม!
อากาศถูกฉีกเป็นริ้ว ๆ ดุจทำจากผ้า ดูเหมือนมันไม่อาจรับพลังอำนาจเช่นนี้ได้
โลกาพลันเต็มไปด้วยปราณดาบอันชวนครั่นคร้าม!
“นี่หรือคือดาบที่ซูเสวียนจวินภาคภูมิใจที่สุดในอดีตชาติ?”
ม่านตาของยมบาลหดตัว เพียงมองจากไกล ๆ ผิวของนางก็รู้สึกราวถูกเฉือนแล้ว!
“ยอดเยี่ยม วิถีดาบนี้ราวกับธรรมชาติสรรค์สร้าง กล่าวได้ว่าเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ปฐมสวรรค์อันหาได้ยาก และที่ยิ่งหาได้ยากเป็นพิเศษคือที่มาของดาบนี้ยังสามารถแปรร่างได้อีก ดีจริง ๆ!”
ชายสวมหมวกไม้ไผ่สานเอ่ยชื่นชม
“ในเมื่อเจ้าชอบมันนัก งั้นก็ใช้ดาบนี้ส่งวิญญาณเจ้าแล้วกัน”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยชา
อาภรณ์โบกสะบัด พลังวิถีเต๋าในร่างของเขาขยับเคลื่อนอย่างไม่เคยเป็น และรอบร่างสูงของเขาปรากฏแสงวิถีสีทองเฉิดฉาย
“ในอดีต มีศัตรูมากมายที่เอ่ยปากเช่นเจ้า ทว่าจวบจนยามนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดส่งวิญญาณข้าได้ หวังว่า…”
ชายสวมหมวกไม้ไผ่สานรำพึงเจืออารมณ์บ้าคลั่ง “เจ้าจะทำได้ดังปากว่า!”
ซูอี้เลิกคิ้วเล็กน้อย วาจาเหล่านี้ฟังดูเย่อหยิ่ง ทว่าเขาสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายวอนหาความพ่ายแพ้!
เหตุเป็นเพราะเขาไร้เทียมทานมาแสนนาน อ้างว้างเดียวดายชั่วกาล!
และความรู้สึกเช่นนี้ก็เกิดกับซูอี้บ่อยครั้งในอดีตชาติ
เคร้ง!
ดวงตาของซูอี้ลึกล้ำเฉยเมย เขาโบกมือขวาของเขา
คมดาบสามชุ่นทะลวงเวหา แปรเปลี่ยนเป็นขนาดสามจั้ง น้ำเต้าสามชุ่นแปรเป็นด้ามดาบซึ่งพอดีกับมือของซูอี้เหมาะเหม็ง
วจีดาบอันดูตื่นเต้นสะท้านฟ้าดิน
ทั่วบริเวณนี้ถูกปกคลุมไปด้วยภาวะดาบรุนแรงทะยานสู่ฟ้า ปั่นป่วนทั่วเก้าสวรรค์
ยามนี้ ทั่วร่างของซูอี้เต็มไปด้วยความอหังการ ท่าทีสูงส่งของเขาราวเทพดาบจุติหล้า
หัวใจของยมบาลสั่นสะท้าน แววตาพราวแสง “นี่… อาจจะเป็นการวางตัวที่แท้จริงของซูเสวียนจวิน เหมือนเรื่องเล่าลือว่าเขาถูกยกเป็นเทพจากสวรรค์!”
ตู้ม!
ซูอี้ก้าวขึ้นสู่อากาศ แขนเสื้อและอาภรณ์สะบัดพลิ้ว ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ผ่าขวางน่านฟ้า
เรียบง่ายตรงไปตรงมา ไร้สิ่งใดพิเศษ
ทว่าเพลงดาบและอำนาจที่สั่งสมในดาบนั้นแข็งแกร่งเสียจนไม่อาจคาดหยั่ง ทั่วฟ้าดินครวญครางราวสยบแทบเท้า!
“วิชาดาบเช่นนี้สะดุดตาทีเดียว”
หลังจากกล่าวขึ้น มือขวาของชายสวมหมวกไม้ไผ่สานยื่นออกไปตบอากาศ
มันคือการตบเบา ๆ ไร้ร่องรอยพลังใด ๆ
ทว่าภาวะดาบที่ทะยานจากฟ้ากลับถูกฝ่ามือนี้ตบกระจายเป็นเศษเสี้ยว
และดาบที่ซูอี้ฟันออกมาก็ราวถูกหัตถ์เทพขยี้ ดาบนี้สามารถสังหารยอดฝีมือใด ๆ ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้ ทว่ายามนี้กลับระเบิดแหลกเยี่ยงทำจากกระดาษ
ร่างสูงของซูอี้โซเซ ถอยหลังไปสามก้าว
ทุกก้าวที่เยื้องย่าง สุญญะพลันถล่มสลาย
หัวใจของเขาสั่นไหวอย่างไม่อาจช่วย
ความแข็งแกร่งของชายสวมหมวกไม้ไผ่สานไพศาลดุจจักรวาลพร่างดาว ลึกล้ำเกินหยั่งคาดราวเวิ้งมหาสุญญะ การเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกไร้พลังอย่างไม่อาจสั่นคลอน!
ยมบาลสาวเองก็ตกตะลึงเสียจนมือเท้าเย็นเฉียบ
ด้วยหนึ่งฝ่ามือ การโจมตีของซูอี้ก็ถูกทำลาย และเขาเองก็ถูกผลักจนเซไปเบื้องหลังด้วย!
สิ่งนี้น่ากลัวโดยไม่ต้องสงสัย
“แม้วิถีเต๋าของคนผู้นี้จะไม่อาจหยั่งวัด แต่เขาไม่มีทางอ่อนแอกว่าข้ายามสมบูรณ์พร้อมในอดีตชาติแน่แท้…”
ซูอี้หรี่ตาลง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชายสวมหมวกไม้ไผ่สานคือศัตรูผู้ร้ายกาจไร้คู่เปรียบผู้หนึ่ง
กระทั่งในอดีตชาติของเขา ซูอี้ยังแทบไม่เคยได้พบพานคู่ต่อสู้เยี่ยงชายสวมหมวกไม้ไผ่สานผู้นี้!
“ซูเสวียนจวิน รีบใช้พลังสูงสุดของเจ้าเร็วเข้า หาไม่ ข้าคงหมดความอดทนจะเล่นกับเจ้าต่อแล้ว”
ชายสวมหมวกไม้ไผ่สานไพล่มือไว้เบื้องหลังและกระซิบเบา ๆ
เมื่อดวงตาของเขาขยับไหว แสงศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นประกายขึ้นมา ความผันผวนแห่งกาลเวลาพุ่งสู่อากาศ หมู่ดาวอันสุกสกาวรอบร่างของเขาเจิดจ้ากระจ่างใสขึ้นทุกขณะ ทำให้เขาดูแข็งแกร่งราวเทพเจ้าเหนือจักรวาลพร่างดาว!
ซูอี้ไม่มัวพูดพล่าม และโจมตีอีกครั้ง
เขาก้าวสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง อาภรณ์เขียวโบกสะบัด ภาวะดาบรอบกายเดือดพล่านเยี่ยงทะเลคลั่ง
เคร้ง!
เสียงครวญดาบดังขึ้นจากดาบยาวสามจั้ง แสงประกายดุจรุ่งสางสาดส่องลงมา ขณะที่ฟาดฟันบนอากาศ
วิถีฟาดฟันของมันเรียบง่ายและตรงไปตรงมา เหมือนวิถีดาบเมื่อครู่ ขณะทะยานไปเบื้องหน้า
ชายสวมหมวกไม้ไผ่สานกระซิบพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีฝีมือแค่นี้หรือ?”
มือขวาของเขาพลันฟาดดุจหนึ่งดาบแหวกนภา
ปราณดาบอันควบแน่นจากแสงดาวปรากฏขึ้นบนฟากฟ้า ราวกับมันถูกแผดเผาด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ดูน่ากลัวยิ่งกว่าฝ่ามือเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด
ทั่วฟ้าดินสะเทือนสั่น และปราณดาบนี้ก็เต็มไปด้วยพลัง!
หัวใจของยมบาลสาวผู้ยืนอยู่ห่างออกไปรู้สึกราวกับถูกผ่า นางอดโอดครวญไม่ได้ และรีบเก็บจิตสัมผัสของนางทันที นางไม่กล้าหยั่งเชิงอำนาจของชายสวมหมวกไม้ไผ่สานอีกต่อไป
ช่างร้ายกาจ!
ไม่ว่าทำสิ่งใดล้วนทำร้ายนางทั้งสิ้น!
ทว่า ภาพอันเกินหยั่งคาดก็ปรากฏขึ้น…
แม้ว่าปราณดาบของชายสวมหมวกไม้ไผ่สานจะดูยิ่งใหญ่จนน่าหวาดหวั่น ทว่ายามประชันกับปราณดาบของซูอี้ มันก็กลับสั่นไหวอย่างรุนแรง
จากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดเปรี้ยงดังสนั่น
ปราณดาบราวแหวกนภาสลายไปภายใต้ปราณดาบของซูอี้!
“นั่นมันอำนาจลึกลับที่หยุดกฎวิเวกดาราได้นี่!!”
ยมบาลตื่นเต้นขึ้นมาทันใด
หือ?
ชายสวมหมวกไม้ไผ่สานประหลาดใจ
ทว่า ไม่รอให้เขาได้คิด
ตู้ม!
ปราณดาบอันรุนแรงทะยานตรงเข้ามาหา
ชายสวมหมวกไม้ไผ่สานประทับตราด้วยมือ และทุบลงราวตีกลองสนั่นฟ้า
ตู้ม!!
ปราณดาบระเบิดออกตรงหน้าเขา
ทว่าการโจมตีของชายสวมหมวกไม้ไผ่สานรีบร้อนไปเล็กน้อย แม้เขาจะเอาชนะดาบนี้ได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เสี้ยวหนึ่งของการระเบิดนั้นถากแก้มของเขาไป โลหิตไหลจากปากแผล
ความตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านในใจของยมบาลหายวับไป ดวงตาเบิกกว้างไม่อยากเชื่อ
ดาบที่สามารถต่อต้านกฎวิเวกดาราได้ถูกบดขยี้!?
เปลือกตาของซูอี้กระตุกเล็กน้อย เมื่อเขาตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของชายสวมหมวกไม้ไผ่สานมากขึ้นทุกขณะ
“ดาบนี้… น่าสนใจนิดหน่อยนะ”
ความเจ็บแปลบทำให้ชายสวมหมวกไม้ไผ่สานขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าสีหน้าของเขายังคงอบอุ่นเยี่ยงเก่า
เขายกมือขึ้น และปราณดาบสายหนึ่งซึ่งกำลังจะแหลกสลายก็ปรากฏขึ้นในมือ
หลังจากสัมผัสมันเล็กน้อย ชายสวมหมวกไม้ไผ่สานก็มีปฏิกิริยาผิดแผกไปจากเดิม สีหน้าที่เดิมผ่อนคลายเยือกเย็นของเขาแปรเปลี่ยนเล็กน้อย คิ้วเลิกขึ้น เห็นได้ชัดว่าประหลาดใจ
ทันใดนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมากะทันหัน แววตาวาวโรจน์ดุจสายธารท่ามกลางจักรวาลพร่างดาวมองไปยังซูอี้อย่างนิ่งสงบ
อำนาจทั่วร่างของเขาพลันดุดันร้ายกาจ ไม่ได้สูงส่งเกินใครอย่างก่อน แต่กลับยิ่งใหญ่กดดัน
“นี่เป็นพลังใดกัน ไฉนจึงสยบกฎวิเวกดาราของข้าได้?”
ชายสวมหมวกไม้ไผ่สานกล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“หากข้าตาย เจ้าย่อมรู้ หากเจ้าตาย รู้ไปก็เท่านั้น”
เมื่อวาจาเฉยเมยของซูอี้ดังขึ้น เขาก็ก้าวสู่เวหาและฟันดาบเข้าใส่แล้ว
“ซูเสวียนจวิน เจ้าทำให้ข้าสนใจด้วยอำนาจที่เจ้ามีสำเร็จแล้ว มันควรค่ากับการลงมือเต็มที่ของข้า”
ชายสวมหมวกไม้ไผ่สานมองขึ้นไปบนฟ้าพลางหัวเราะ ดูยินดียิ่งนัก
และอำนาจของเขาก็เปลี่ยนแปรไปเช่นกัน
ตู้ม!
เขายื่นแขนออก และขณะที่ชายเสื้อของเขาพลิ้วไหว เพลิงดาราไร้สิ้นสุดก็โปรยปรายจากนภา ปกคลุมทั่วฟ้าดิน เจิดจ้าทั่วสารทิศ
พื้นที่โดยรอบพลันหลอมละลาย เว้นเพียงสระเวียนวัฏและพฤกษาเทพเวียนวัฏ ทั่วบริเวณในรัศมีหมื่นจั้งต่างลุกไหม้ขึ้นกะทันหัน
กระทั่งริ้วอากาศบนท้องฟ้ายังเต็มไปด้วยเพลิงดาราคุกรุ่น
ภาพดังกล่าวดูราวกับทั่วฟ้าดินกำลังมอดไหม้!
ยมบาลสาวสัมผัสอันตรายได้ และขัดขืนอย่างสุดกำลังเป็นครั้งแรก นางใช้ตราประทับพุทธะเป็นตายคุ้มกันตนเอง และนี่เป็นเพียงวิธีเดียวในการต้านทานเพลิงดาราอันโชติช่วงอันตรายนี้
ทว่าใบหน้างามของนางซีดขาว สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
ยามนี้ ชายสวมหมวกไม้ไผ่สานแข็งแกร่งเหนือกว่าผู้บวงสรวงสวรรค์ทั้งสามแห่งหอเก้าสวรรค์ไกลลิบ!
อำนาจเช่นนั้นเหนือความรู้ความเข้าใจของนาง!
ในประสบการณ์ชีวิตนาง มีเพียงเจ้าหอสูงสุดแห่งหอเก้าสวรรค์เท่านั้นที่ทำให้นางสัมผัสอำนาจอันตรายชวนท้อแท้สิ้นหวังได้เช่นนี้!
“คนผู้นี้เป็นใครกัน?!”
ยมบาลตกตะลึงด้วยความกลัว ร่างกายของนางสั่นเทิ้มไม่หยุด
ขณะเดียวกัน ร่างที่ก้าวเข้ามาของซูอี้พลันถูกโจมตีอย่างร้ายกาจ!
……….