บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1027: สถานการณ์อันตรายในถ้ำอุกกาบาต
……….
ตอนที่ 1027: สถานการณ์อันตรายในถ้ำอุกกาบาต
ในขณะเดียวกัน ซูอี้ก็ได้รู้จากความทรงจำของชายวัยกลางคนในชุดม่วงว่านามของจักรพรรดิที่ตระกูลเยี่ยส่งมาคือเยี่ยอวิ๋นเจี่ย
เขาอยู่ในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นปลาย เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ใช้ชีวิตเนิ่นนานเกินนับปี
เมื่อสี่วันก่อน หลังจากที่เยี่ยอวิ๋นเจี่ยนำกลุ่มยอดฝีมือเข้าสู่นครหลวงจิ๋วติ่ง เขาก็บุกไปยังสวนน้อยนภาเมฆเพื่อจับตัวเหวินหลิงเสวี่ย ฉาจิ่นและคนอื่น ๆ ในทันที
ทว่า ท้ายที่สุดก็ไม่อาจทำได้สำเร็จ
เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะยามนั้นอาคังลงมือพาเหวินหลิงเสวี่ย ฉาจิ่นและคนอื่น ๆ หนีพ้นจากหายนะนี้ไป
และยันต์ลับที่ซูอี้ทิ้งไว้ให้เหวินหลิงเสวี่ยตอนที่จากกันก็มีบทบาทสำคัญ
ยันต์ลับชิ้นนั้นผนึกปราณของดาบเก้าคุมขังไว้ ซึ่งเป็นภัยถึงชีวิตสำหรับตัวตนขอบเขตจักรพรรดิ
โชคร้ายที่เหวินหลิงเสวี่ยใช้ยันต์นี้ผิดจังหวะ เยี่ยอวิ๋นเจี่ยจึงสังเกตเห็นอันตรายและหลบพ้น
ทว่าการโจมตีนี้ก็ทำให้พวกเยี่ยอวิ๋นเจี่ยตระหนกตกใจ จึงเผยโอกาสให้อาคังและคณะหลบหนีไปได้
ส่วนเหวินซินจ้าวและหยวนเหิงนั้น พวกเขาโชคร้ายเอาการ
เมื่อหายนะเกิดขึ้นเมื่อสี่วันก่อน ทั้งสองกำลังเดินทางในโลกภายนอก หลังทราบข่าว พวกเขาก็กลับมายังนครหลวงจิ๋วติ่งโดยเร็วที่สุด ทว่าโชคร้าย พวกเขากลับถูกยอดฝีมือจากตระกูลเยี่ยซุ่มโจมตีและจับตัวได้สำเร็จ
หลังจากเยี่ยอวิ๋นเจี่ยเหยียบย่ำภูเขาเทียนหมาง เขาก็ออกเดินทางตามล่าสังหารอาคังทันที
เมื่อรู้เช่นนี้ จิตสังหารในใจของซูอี้ก็รุนแรงขึ้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าครานี้ตระกูลเยี่ยเตรียมตัวมาดี พวกเขารู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าผู้ใดมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับซูอี้บ้าง จากนั้นจึงลงมือ!
“ข้ายังไม่ได้ไปคิดบัญชีกับพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับมาหาข้าเอง… ครานี้ข้าจะให้พวกเจ้าได้เห็นเองว่าคนแซ่ซูผู้นี้กระทำการเช่นไร!!”
แววตาของซูอี้ล้ำลึก
รัตติกาลดุจห้วงลึกแห่งวารี จันทราทอกระจ่างเฉิดฉาย
ท่ามกลางซากภูเขาเทียนหมางปกคลุมด้วยบรรยากาศอันหดหู่เย็นเฉียบ
ตู้ม!
วิญญาณของชายวัยกลางคนชุดม่วงในมือของซูอี้แผดเผาระเบิดสิ้นไปทีละน้อย ก่อนจะสลายไปเป็นละอองแสง
ถูกทำลายสิ้น!
จากนั้น ซูอี้ก็แบกจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยไว้บนหลัง และร่างของเขาก็วูบไหวกลายเป็นแสงทะลวงผ่านเวหา
ในความทรงจำของชายวัยกลางคนในชุดม่วง เมื่อวานนี้ เยี่ยอวิ๋นเจี่ยค้นพบร่องรอยของอาคังและไล่ล่าพวกนางไปจนถึงถ้ำอุกกาบาตแล้ว!
“คนผู้นั้นเป็นใครกัน ไม่แข็งแกร่งเกินไปหรือ?”
จนเมื่อร่างของซูอี้หายลับไปเนิ่นนาน จึงมีใครสักคนกล่าวขึ้นเสียงสั่น ทำลายความเงียบสงัดลง
ทันใดจากนั้น เสียงฮือฮาก็สะท้านก้องดั่งเสียงฉ่าบนกระทะ
“ยอดฝีมือจากขุมกำลังลึกลับนั้นก็ว่าแข็งแกร่งร้ายกาจแล้ว ใครเล่าจะคิดว่าจะมาถูกชายหนุ่มผู้นั้นกวาดล้าง!”
“เขาเป็นใครกัน? มีสัมพันธ์ใดกับจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย?”
…หนึ่งในตัวตนอาวุโสดูจะกำลังคิดถึงบางเรื่อง และทันใดนั้นก็ตะโกนอย่างเพิ่งนึกได้ “ข้ารู้แล้ว คนผู้นั้นคือท่านเทพเซียนซูอย่างไรเล่า!!”
หนึ่งวาจาสนั่นดุจอสนีบาต หยุดทุกวาจาของเหล่าผู้เห็นเหตุการณ์
ร่างของทุกคนแข็งค้าง และร่างของบุคคลในตำนานผู้ครั้งหนึ่งเคยเขย่ามหาทวีปคังชิงสะเทือนสั่นก็ปรากฏขึ้นในใจพวกเขา
บรรยากาศที่เคยเจี๊ยวจ๊าวเงียบลงอย่างฉับพลัน
“ที่แท้ตำนานก็หวนคืน…”
ครู่ต่อมา ใครบางคนก็พึมพำ
…
ทะเลเมฆาเดือดพล่าน แสงจันทร์สาดส่องเจิดจ้า
ร่างของซูอี้ดุจลำแสงทะลวงผ่านทะเลเมฆา บดขยี้แสงจันทร์ ทะยานหายลับไปแสนไกล
หากมิได้กดขอบเขตตนมาอยู่ในขอบเขตวงล้อวิญญาณ ด้วยความสามารถของซูอี้ เขาจะสามารถไปถึงถ้ำอุกกาบาตได้ในเวลาไม่ถึงชั่วยาม
ทว่าแม้จะใช้ความเร็วปัจจุบัน ก็เป็นไปได้อย่างที่สุดว่าจะไปถึงได้ในสองชั่วยาม
ระหว่างทาง จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยอดกล่าวเตือนมิได้
หลังจากกลืนโอสถที่ซูอี้นำออกมาให้ เขาก็ฟื้นพลังชีวิตมาได้บ้าง แต่บาดแผลของเขาก็ยังสาหัสเกินไป จึงทำได้เพียงถูกซูอี้แบกไว้เท่านั้น
“ในอดีต ข้าเคยได้เห็นเพียงพลังของยันต์ระดับจักรพรรดิ และคิดว่าข้าพอเข้าใจความแข็งแกร่งของขอบเขตจักรพรรดิขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อพบจักรพรรดิเข้าจริง ๆ ข้าก็พบว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งน่าหวาดหวั่นเพียงไร มันห่างไกลเกินกว่าจะเทียบกับแค่สมบัติหรือยันต์ลับใด ๆ ได้…”
สีหน้าของจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยดูซับซ้อน มีทั้งความหวาดกลัว ขมขื่นและจนใจ
“จักรพรรดิน่ะไม่เป็นไรหรอก เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล เมื่อข้ากำจัดเยี่ยอวิ๋นเจี่ย และช่วยพวกอาคังได้ ข้าจะพาเจ้าไปเยือนภูมิคังเสวียนสักหน่อย และให้เจ้าได้เห็นกับตาเลยว่าข้าเหยียบย่ำตระกูลเยี่ยแห่งคุนอู๋เช่นไร ถือได้ว่าช่วยเจ้าล้างแค้นให้ราชวงศ์ต้าเซี่ยนั่นแหละ”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยตะลึงอึ้ง ภายในใจพลันสั่นสะท้าน
เขากังวลอยู่ว่าซูอี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของเยี่ยอวิ๋นเจี่ยหรือไม่ แต่ซูอี้ได้วางแผนทำลายรังของอีกฝ่ายไปแล้ว!
ในช่วงปีกว่าที่เขาจากไป ซูอี้ไปประสบเรื่องใดมา และวิถีเต๋าของเขาแข็งแกร่งเพียงไร?
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยรู้อุปนิสัยของซูอี้ และรู้ดีมากว่าในเมื่ออีกฝ่ายกล้าพูดเช่นนี้ หมายความว่าเขาต้องมีความมั่นใจเต็มที่ว่าจะทำได้จริง!
ท้ายที่สุด จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยก็อนุมานสิ่งที่ทำให้ตนตัวสั่นออกมา
ซูอี้ในยามนี้มีอำนาจมากพอจะสังหารจักรพรรดิได้!
เมื่อคิดแล้ว หัวใจของจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยก็ไม่อาจสงบลงได้เลย
เขารู้เกี่ยวกับอดีตของซูอี้มาเนิ่นนาน และรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้มาจากเมืองเล็ก ๆ อันห่างไกลในต้าโจว ชายหนุ่มสูญเสียการฝึกฝนไปยามอายุสิบเจ็ด ถือได้ว่าไร้ค่าโดยสมบูรณ์
จากนั้น ชายหนุ่มผู้นี้ก็เรืองอำนาจขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เพียงปีกว่า เขาก็กลายมาเป็นตำนานอันเจิดจรัสที่สุดในมหาทวีปคังชิงไป
แต่ไหนแต่ไรมา เมื่อมองไปทั่วโลกหล้า ก็ไม่อาจหาผู้ใดมาทัดเทียม
และนับแต่ที่เขาจากมหาทวีปคังชิงไปจนกลับมาก็เป็นเวลาเพียงปีกว่า แต่เขากลับไม่เห็นจักรพรรดิในสายตาอีกต่อไป!
แค่คิดก็ทำให้เขาตัวสั่นแล้ว!
ซูอี้ไม่ได้คิดมาก
…
ถ้ำอุกกาบาต
ตั้งอยู่นอกทางเข้าเกาะเซียนพระสุเมรุ และเมื่อนานมาแล้ว พัศดีผู้หนึ่งนาม ‘เทียนจิ่ว’ บาดเจ็บสาหัสและจำศีลอยู่ในถ้ำอันมโหฬารนั้น
จนกระทั่งแสงสว่างแห่งโลกกว้างมาถึง เทียนจิ่วจึงปรากฏตัวขึ้นสังหารนกกระจอกสีเทาที่อยู่กับอาคัง และเกือบจะสังหารอาคังได้
ท้ายที่สุด เทียนจิ่วก็ถูกซูอี้บั่นหัว
เมื่อไม่กี่วันก่อน อาคังได้พาพวกเหวินหลิงเสวี่ยหนีเข้าไปในถ้ำอุกกาบาต
ยามนี้คือยามซื่อ
ภายในถ้ำอุกกาบาตเต็มไปด้วยม่านหมอก ชวนให้ผู้คนรู้สึกมืดมนหดหู่
ปราณดาบดุดันบ้าคลั่งอันห่อหุ้มด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าสายแล้วสายเล่าฟาดฟันเข้าสู่ส่วนลึกของถ้ำอุกกาบาต เผยคลื่นอำนาจทำลายล้างกู่คำรามครืนครางดุจสายฟ้า
เขายืนอยู่บนฟ้าเหนือถ้ำอุกกาบาต ร่างผอมชะลูด หนวดเคราล่องลอยใต้คางดุจกิ่งหลิว
เมื่อเขาลงมือ เขาก็ทรงพลังดุจเทพ แข็งแกร่งไร้ขอบเขต
ลึกเข้าไปในถ้ำอุกกาบาต คลื่นกระเพื่อมจากค่ายกลสะท้านสั่นรุนแรง ฝืนทำลายปราณดาบที่ฟาดฟันเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“โชคร้ายจริงที่มหาทวีปคังชิงนี้ไม่อาจต้านรับพลังในขอบเขตจักรพรรดิได้ หาไม่ การรับมือค่ายกลเช่นนี้ ดีดนิ้วก็ทำได้แล้ว”
เยี่ยอวิ๋นเจี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาไล่ล่ามาจนถึงยามนี้ และในที่สุดก็สกัดศัตรูไว้ได้ แต่ไม่คิดเลยว่าลึกเข้าไปในถ้ำที่ศัตรูซุกซ่อนจะเต็มไปด้วยพลังที่มาแห่งโลกหล้าอันแข็งแกร่ง
อีกฝ่ายใช้พลังนี้มาตั้งเป็นค่ายกลหยุดการโจมตีของเขามาได้จวบยามนี้!
“ความอดทนของข้ากำลังจะหมดสิ้น ข้าจะให้โอกาสกับพวกเจ้า ออกมาเสียยามนี้ และข้าจะประกันด้วยวิถีเต๋าของตนเองว่าขอเพียงจับมารหัวขนน้อยซูอี้ได้ ข้าจะปล่อยพวกเจ้าให้รอดชีวิต”
เยี่ยอวิ๋นเจี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก แววตาดุจอสนีบาตมองลึกเข้าไปในถ้ำอุกกาบาต “หาไม่ เมื่อข้าทำลายค่ายกลนี้ได้ ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้ลิ้มรสว่าการอยู่อย่างแย่กว่าตายเป็นเช่นไร!”
เสียงนั้นสะท้อนก้องเข้าไปในถ้ำอุกกาบาต
ภายในค่ายกล
ใบหน้างามของอาคังซีดขาว นางเคลื่อนค่ายกลอย่างสุดกำลัง
การต่อสู้ในยามนี้ นางเป็นเหมือนศรพ้นคันสิ้นแรงละลิ่วล่องแล้ว ร่างบอบบางของนางสั่นเทิ้มเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามิอาจทนได้นาน
เหวินหลิงเสวี่ย ฉาจิ่น หนิงซือฮวา ไป๋เวิ่นฉิงและคนอื่น ๆ ต่างกังวลร้อนใจ ทว่ากลับไม่อาจช่วยเหลือได้
เพราะพลังของค่ายกลนี้ มีเพียงจิตวิญญาณต้นกำเนิดเช่นอาคังผู้เกิดในที่มาแห่งคังชิงเท่านั้นที่ใช้ได้
“ถ้าพี่ซูอี้อยู่ที่นี่คงดี…”
ดวงตาของเหวินหลิงเสวี่ยเลื่อนลอย
หญิงสาวเคยร่าเริงงดงาม ทว่ายามนี้ ใบหน้าน้อยอันงดงามกลับเต็มไปด้วยความกังวลร้อนใจ
“แม่นางหลิงเสวี่ย สารเลวเฒ่าผู้นั้นกล้าเหิมเกริมได้ก็เพราะรู้นี่แหละว่าใต้เท้าซูไม่อยู่นั่นแหละ หากเขากล้าจริง ไฉนจึงไม่กล้าไปหาใต้เท้าซูตรง ๆ แต่กลับมาประทุษร้ายเราเล่า?”
ไป๋เวิ่นฉิงกัดฟันกรอด ใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะ
“ทุกท่านอย่ากังวลไป มันต้องมีทางออกเป็นแน่”
หนิงซือฮวากล่าวอย่างแผ่วเบา “ต่อให้ไม่อาจทนได้ไหว อย่างมากก็แค่ตาย ข้าเชื่อว่าหากรู้ข่าว สหายเต๋าซูต้องล้างแค้นให้เราแน่นอน”
“ใช่ อย่างมากก็แค่ตาย”
ฉาจิ่นสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวอย่างสุขุม “มีสิ่งใดให้ต้องกลัว?”
ยามนี้เอง อิงเชวียพลันผุดลุก เขากล่าวอย่างจริงจัง “ทุกท่าน โปรดให้คนแซ่อิงผู้นี้ออกไปสู้จนตัวตายเถิด!”
วาจาของเขาเยือกเย็น ทว่าเปี่ยมความมุ่งมั่นแน่วแน่
ทุกคนผงะตะลึง หัวใจเต้นกระตุก
มังกรเกล็ดดำเฒ่าผู้นี้ เพื่อตอบแทนบุญคุณของซูอี้แล้ว เขาจึงพิทักษ์สวนน้อยนภาเมฆอย่างซื่อสัตย์เสมอมา
ทว่าใครเล่าจะคาดคิดว่ายามนี้ เขาจะออกปากขอออกไปต่อสู้กับศัตรูจนตัวตาย!
ยามนี้ อาคังพลันกล่าวขึ้นว่า “ข้ารับปากสหายเต๋าซูไว้ว่าจะช่วยปกป้องทุกท่าน ดังนั้นข้าจะไม่ยอมให้ใครก็ตามเกิดอุบัติเหตุ หากข้ารับไม่ไหว ข้าจะจุดประกายจิตวิญญาณอุทิศตนเองสู้เพื่อให้ทุกท่านได้รอดชีวิต”
หัวใจของทุกคนบีบคั้นด้วยความโศกเศร้า
เสียงของอาคังกล่าวต่ออย่างนุ่มนวล “ในภายหน้า… พวกเจ้าต้องใช้ชีวิตให้ดีนะ เพื่อที่ข้าจะได้บรรลุคำขอของสหายเต๋าซูและตายอย่างไร้ความเสียดายได้”
พูดจบ นางก็หันไปยิ้มให้ทุกคน “แต่เดิม ข้าคือจิตวิญญาณต้นกำเนิดซึ่งเกิดจากที่มาแห่งคังชิง ตายไปก็แค่กลับสู่อ้อมกอดแห่งมหาทวีปคังชิง ดังนั้นพวกเจ้าไม่ต้องโศกเศร้าอาลัยข้าหรอกนะ…”
อาคังละสายตากลับมากระซิบเบา ๆ “ความเสียดายเดียวของข้าก็คือ คงยากจะได้เห็นการคืนชีพของที่มาแห่งคังชิงอีก… แต่ข้าเชื่อว่าสหายเต๋าซูจะช่วยข้าทำความปรารถนานี้เป็นจริงได้แน่…”
วาจานุ่มนวลหวานใสดังขึ้นอย่างผิดหวัง เจือด้วยความโหยหา
หัวใจของทุกคนรู้สึกเศร้ามากขึ้นทุกขณะ
“เฮอะ! ยังดื้อดึงอยู่อีกหรือ? ได้ ข้าผู้นี้จะทำลายค่ายกล และทำให้พวกเจ้าได้รู้ว่าการอยู่อย่างแย่กว่าตายเป็นเช่นไน!!”
เสียงเย็นชาเจือโทสะของเยี่ยอวิ๋นเจี่ยดังขึ้นเหนือถ้ำอุกกาบาต
เสียงนั้นยังมิทันสร่าง ปราณดาบเจิดจ้าสายหนึ่งก็สาดลงมาดุจน้ำตกอัคคี
ตู้ม!
ค่ายกลที่อาคังควบคุมส่งเสียงคำรามลั่น
ก่อนที่มันจะพังทลายลง!