บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1034: สามดาบ
ตอนที่ 1034: สามดาบ
เสียงระฆังสะท้อนก้อง ทว่าโลกหล้ากลับเงียบลงเรื่อย ๆ
ทั่วเขาคุนอู๋ตกสู่สภาวะตื่นตระหนกร้ายแรง
ท่าทีของทุกคนดูราวกับนางสนมไว้ทุกข์
ก่อนหน้านี้ ใครเล่าจะจินตนาการได้ว่าชายหนุ่มที่พวกตนมองเป็น ‘มารหัวขน’ จะสังหารจักรพรรดิสามคนของตระกูลเยี่ยในทันใด?
และครานี้เองที่ตระกูลเยี่ยได้ตระหนักเสียทีว่าวาจาเมื่อครู่ของซูอี้ไม่ใช่คำลวง บรรพชนอวิ๋นเจี่ยอาจตายไปแล้วจริง ๆ!
ยามนี้ ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย จวบจนยามนี้ เยี่ยเทียนตูผู้มีการฝึกฝนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำก็ไม่ได้ปรากฏตัว
เขาไม่มัวโอ้เอ้อีกต่อไป แขนเสื้อพลิ้วสะบัด และดาบวิถีเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นพร้อมเสียงดังเคร้ง
ดาบวิถีสามจั้งนี้ถูกหล่อหลอมราวหมอกโปร่งกระจ่างสี โปร่งใสงามงด สร้างแสงดาบเรืองรองดุจแสงจันทร์กระจ่างฟ้า
อำนาจดาบร้ายกาจเกินบรรยายแผ่ออกมาทั่วฟ้าดิน
ดาบเงากระจ่าง!
เนิ่นนานมา ซูอี้ทิ้งมันไว้ในซากโบราณกองตัดสินในเมืองตาข่ายม่วง โดยผนึกมันไว้ในแท่นเต๋า
แม้มันจะไม่ได้แข็งแกร่งเยี่ยงดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ แต่มันเหมาะกับการฝึกฝนของซูอี้ในปัจจุบันที่สุด
เมื่อมีดาบในมือ พลังในร่างของซูอี้ก็แปรผันตาม ราวเทพเซียนจุติจากฟ้าท่ามกลางมวลฝุ่นควัน มองลงสู่โลกหล้า
ขวับ!
ซูอี้ฟาดดาบของเขาลงจากฟ้าโดยไร้ความลังเล
หนึ่งดาบดึงดารา
ภาวะดาบแข็งแกร่งดุจธารสวรรค์ดระเซ็นฝั่งทะลักไหลตรงสู่เขาคุนอู๋
แค่มองวิชาดาบนี้ สมาชิกตระกูลเยี่ยที่กระจายอยู่ทั่วเขาคุนอู๋ก็ลนลานจนหัวใจเต้นแรง วิญญาณของพวกเขาแทบล่องลอย
ทว่ายามนั้นเอง เสียงเฉยเมยก็ดังขึ้นอย่างน่าเกรงขาม
“โอหัง!”
ตู้ม!
หนึ่งบุรุษผู้มีเรือนผมสีดำยาวดุจหมึกในอาภรณ์สีเหลืองสว่างปรากฏขึ้นบนยอดเขาคุนอู๋ และฟาดฝ่ามือขวาไปบนฟ้า
ปราณดาบบนฟ้าพลันแหลกสลาย
ท่ามกลางพิรุณแสง ชายชุดเหลืองผู้นั้นทะยานสู่เวหา
เขาห้อมล้อมด้วยกฎอสนีบาตพร่างพราย การหายใจเข้าออกดุจอสนีเคลื่อนนภาครืนคราง เวหาสะท้านยุ่งเหยิงราวเทพจุติ!
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยหายใจหอบอย่างยากลำบาก ทั่วร่างแข็งทื่อราวกับปุถุชนได้เข้าเฝ้าเทพ ความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังเกาะกุมทั้งใจกาย และสงสัยว่าอีกฝ่ายอาจบดขยี้เขาอย่างแสนง่ายด้วยเพียงหนึ่งคำนึง!
“บรรพชนเทียนตู!”
เยี่ยอวิ๋นหลันกำมือของเขาอย่างเงียบ ๆ หัวใจแขวนอยู่ที่คอ สีหน้าย่ำแย่ถึงขีดสุด
ไฉนตระกูลเยี่ยสายหลักจึงสูญสลายไปได้?
แก่นของมันอยู่ที่บรรพชนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำผู้นี้กดขี่และขัดขวางการพัฒนาของสายตระกูลหลักอย่างลับ ๆ มาตลอด!
สิทธิและทรัพยากรที่เดิมควรเป็นของสายตระกูลหลักล้วนถูกช่วงชิง!
จวบจนยามนี้ ตระกูลสายหลักได้กลายเป็นตัวตนไร้ค่าในตระกูล ไม่อยู่ในสายตาของทายาทตระกูลสาขาแม้แต่น้อย
“นั่นบรรพชนเทียนตู!”
“บรรพชนเทียนตูเก็บตัวฝึกฝนเมื่อกาลก่อน แต่ยามนี้เขากลับถูกบีบให้ต้องออกมาเพราะมารหัวขนน้อยนั่น แค่ฆ่าให้ตายก็ยังไม่พอสงบโทสะเราได้เลย!”
บรรยากาศบนภูเขาคุนอู๋เดือดปะทุด้วยโทสะของตระกูลเยี่ย พวกเขาเดือดดาลจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ไอ้หนู เจ้าทำลายเหตุการณ์สำคัญนี้!”
ใบหน้าของเยี่ยเทียนตูที่อยู่ใต้ท้องนภาเย็นชาเฉยเมย ดวงตาดูจะเปี่ยมเพลิงสายฟ้าดุดันน่าหวาดเกรง “ครานี้ สิ้นภพจบแดน ไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าได้!”
ซูอี้ที่อยู่ไกลออกไปยังคงดูเฉยชาเช่นกาลก่อน
เขามองปราดเดียวก็เห็นได้ว่าเจ้าเฒ่าผู้นี้พร้อมบุกทะลวง และใกล้เลื่อนสู่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นกลางรอมร่อ
การที่คนผู้นี้ไม่ปรากฏกายในยามก่อน เป็นเพราะเขากำลังเก็บตัวพยายามเลื่อนขอบเขตอยู่
ทว่ายามนี้ การเลื่อนขอบเขตกลับถูกเขาขวางไว้
ซูอี้ใช้นิ้วของเขาดีดดาบเงากระจ่าง และกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “อย่ามาว่าข้าเลย ต่อให้เจ้าเลื่อนขั้นสู่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นกลางแล้ว ก็ยังไม่อาจเปลี่ยนชะตากรรมของตระกูลเยี่ยแห่งคุนอู๋ที่จะถูกลบจากโลกหล้าอยู่ดี”
“เฮอะ! แค่เจ้า… ในขอบเขตวงล้อวิญญาณน่ะหรือ?”
เยี่ยเทียนตูไม่ได้ซ่อนความดูแคลนแต่อย่างใด
ซูอี้กล่าวลอย ๆ “ข้าฆ่าจักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำได้เหมือนเชือดไก่ฆ่าหมา เจ้าคิดดูว่าหากข้าเป็นจักรพรรดิขึ้นมา เจ้าเฒ่าเช่นเจ้าจะถูกข้าจัดการเช่นไร?”
เยี่ยเทียนตูอดเชิดหน้าหัวเราะเย้ยฟ้าไม่ได้ “มารหัวขนน้อย คำกล่าวเดือดดาลเหล่านี้มีประโยชน์อันใด? วันนี้เจ้าต้องตาย ชะตาไร้หวังเป็นจักรพรรดิอยู่แล้ว!”
“จริงหรือ?”
ซูอี้ก้าวเข้ามา
ยามเยื้องย่าง พลังขอบเขตที่เขาผนึกไว้พลันระเบิดออกอย่างเงียบ ๆ ราวภูเขาไฟปะทุ ปราณของเขาทะยานสูงอย่างต่อเนื่อง!
ฟ้าดินปั่นป่วน ทั่วทิศสะท้านสั่น
ภายใต้สายตาไม่อยากเชื่อที่เฝ้ามองของทุกคน ซูอี้ดูจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน รอบกายเขาเรืองแสงวิถีสีทองพร่างพราว สร้างเป็นพลังแห่งกฎเกณฑ์ปกคลุมทั่วทิศ!
เมื่อเขาก้าวลง อากาศคำรามกึกก้อง ปฐพีรอบข้างโอนเอนราวกับศิโรราบ
อำนาจยิ่งใหญ่สูงส่งนี้ราวกับชายผู้กลืนสวรรค์ยามโทสะ กดบรรพตจมลำธาร!
ดวงตาของจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
ยามที่ซูอี้บั่นคอเยี่ยอวิ๋นเจี่ย เขาไม่เคยแสดงอำนาจแห่งจักรพรรดิ ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยได้ประจักษ์ถึงพลังที่แท้จริงของซูอี้
เทียบกันแล้ว เยี่ยโยวจู๋ เยี่ยผิงไห่ และเยี่ยเทียนหง สามตัวตนในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำนั้นหม่นรัศมีราวหิ่งห้อย
และซูอี้ก็เจิดจ้าหนึ่งเดียวในโลกาดุจดวงตะวันพร่างนภา!
ไม่อาจเทียบกันได้เลย
เยี่ยอวิ๋นหลันเองก็ตะลึงนิ่ง มือเท้าสั่นระริก ตะลึงโดยความจริงนี้อย่างสมบูรณ์
“ขอบเขตจักรพรรดิ!!”
“มารหัวขนน้อยนี่ยังเด็กอยู่เลย ไฉนจึงเป็นจักรพรรดิไปได้?”
“อย่าว่าแต่สิ่งอื่นใด เมื่อสามปีก่อนเขาเป็นคนไร้ค่า ไฉนจึงใช้เวลาเพียงสามปีก้าวสู่วิถีลึกล้ำได้เล่า?”
ทั่วภูเขาคุนอู๋พลันปั่นป่วนขึ้นมา
สมาชิกตระกูลเยี่ยล้วนตะลึงงัน สีหน้าของพวกเขาซีดขาว
“ที่แท้เจ้าก็เป็นจักรพรรดิไปแล้ว…”
ไกลออกไป ดวงตาของเยี่ยเทียนตูฉายประกายแปลกใจ ราวกับเชื่อไม่ลง
ในเวลาสามปี จากคนไร้ค่าผู้เสียการฝึกฝน เขากลับก้าวสู่การเป็นจักรพรรดิในจุดสูงสุดได้!?
ในภูมิคังเสวียนอันรุ่งเรืองที่สุด ณ กาลก่อน ยังไม่เคยมีตัวตนน่าตกใจเพียงนี้อยู่!
การเป็นจักรพรรดิได้ในร้อยปีนั้นนับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว นับประสาอันใดกับสามปีเป็นจักรพรรดิ?
หัวใจของเยี่ยเทียนตูปั่นป่วนยากสงบลง
“ซูอี้ หากเจ้าเต็มใจก้มหัวรับใช้ตระกูลเยี่ยของข้า ข้าจะทิ้งอดีตและให้เจ้าได้อยู่ต่อ”
เยี่ยเทียนตูสูดหายใจลึก ๆ ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงลุ่มลึก “แต่เงื่อนไขคือเจ้าต้องแปรพักตร์ชดใช้อย่างจริงใจ รับใช้เราด้วยชีวิต ขอเพียงเจ้าตกลง ข้าจะปล่อยเจ้าไป!”
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ถูกกล่าว ผู้ฟังก็เงียบลง
ไม่มีผู้ใดคาดว่าเยี่ยเทียนตูจะเปลี่ยนใจกะทันหันและออกข้อเสนอเช่นนี้
ทว่าซูอี้กลับระเบิดหัวเราะ “เพ้อเจ้อ!”
สีหน้าของเยี่ยเทียนตูพลันเปลี่ยนเป็นดำมืด
ซูอี้เดินบนอากาศ อาภรณ์ของเขากระพือไหว ขณะกล่าวเสียงเบา “ฟังนะ ข้าจะออกเพียงสามดาบ ดาบแรกจะตัดหัวเจ้า ดาบที่สองจะทำลายค่ายกลบนเขาคุนอู๋ และดาบที่สาม ดาบนี้จะทำลายตระกูลเยี่ย!”
เขากล่าวพลางใช้ปลายนิ้วดีดไปที่ดาบเงากระจ่าง ฝ่าเท้าพลันออกแรง และร่างของเขาก็พุ่งเข้าใส่เยี่ยเทียนตูราวเป็นเส้นแสง
ขวับ!
ความเร็วของซูอี้เกินกว่าคำว่ารวดเร็ว เมื่อร่างสูงใหญ่ของเขาพุ่งตรงมา ภาวะดาบอันน่าหวาดหวั่นซึ่งถูกควบแน่นจนถึงระดับอันไม่อาจเทียบเคียงก็พุ่งออกมาจากร่างเขา
มันก่อให้เกิดรอยแยกในอากาศเป็นแนวยาวเมื่อร่างของเขาเคลื่อนผ่าน!
ม่านตาของเยี่ยเทียนตูหดจนเหมือนรูเข็ม ผิวกายเจ็บแปลบเล็กน้อย
คนระดับเขาไวต่ออันตรายอย่างยิ่ง เมื่อเห็นซูอี้พุ่งเข้ามา หัวใจวิถีของเขาก็สัมผัสถึงอันตรายอย่างแรงกล้า
“จงตื่น!”
เขาไม่กล้าลังเล จากนั้นสะบัดแขนเสื้อคว้าไปในอากาศ
ตู้ม!
กฎอสนีบาตกระหวัดเกี่ยวสายฟ้าบนเวหา ตราประทับวิถีตระการสีสันทะยานหาว โลกหล้าพลันสั่นสะเทือนราวกับไม่อาจทนรับ
ตราประทับมหาอสนีบาตห้าธาตุ!
สมบัติวิถีคู่ชีพของเยี่ยเทียนตู หนึ่งการโจมตีพลิกโลกากลับด้าน ถล่มหมื่นบรรพต จมหมื่นธารนที
แทบจะในยามเดียวกัน ซูอี้ก็ออกดาบแรก
เขาบิดข้อมือขวา ตวัดไกวดาบเงากระจ่างสู่โลกหล้าราวจันทราพร่างเวหา
งดงามโปร่งใส กระจ่างพร่างพราว!
ตู้ม!
ทั่วฟ้าดินปั่นป่วน สุญญะคำรามลั่น
ในคลองจักษุของทุกคน แสงดาบโค้งดุจจันทร์เสี้ยวทอประกายทลายคลื่นอสนีบาตป่นสิ้น กฎอสนีบาตก็เสื่อมสลาย
ตามมาด้วยเสียงบดขยี้เสียดแก้วหูสะท้านทั่วโลกา
ตราประทับมหาอสนีบาตห้าธาตุซึ่งเยี่ยเทียนตูเรียกใช้อย่างสุดกำลังถูกผ่ากลางเป็นสองเสี่ยง เฉียบขาดราวตัดกระดาษ
เยี่ยเทียนตูไร้โอกาสหลบเลี่ยง หัวของเขากระเด็นสู่เวหา
ร่างของเขาแหลกสลาย โลหิตทะลักย้อมนภาแดงฉาน
สมดังวาจาของซูอี้เมื่อครู่ ดาบแรกบั่นหัวเยี่ยเทียนตู!
“บัดซบ!!!”
จิตวิญญาณของเยี่ยเทียนตูหนีออกมาได้ก่อน จากนั้นทั้งร่างก็ทะยานสู่ยอดเขาคุนอู๋ในพริบตา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความสยดสยอง
เคร้ง!
วจีดาบกังวานใส ซูอี้เยื้องย่างใต้ผืนฟ้า ดาบเงากระจ่างในมือเจิดจ้าเรืองรอง เขายกมันขึ้นและฟันลงอย่างดุดันในทันที
“กำราบ!”
จิตวิญญาณของเยี่ยเทียนตูไม่ลังเลที่จะใช้งานค่ายกลทั่วเขาคุนอู๋ มหาค่ายกลหลายสิบแห่งคำรามลั่น ส่งคลื่นพลังกล้าแกร่งอันสามารถสังหารตัวตนในขอบเขตจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย
ตู้ม! ตู้ม!
ทว่า ภายใต้ดาบนี้ของซูอี้ อำนาจค่ายกลอันปกคลุมทั่วเขาคุนอู๋กลับไร้ค่าเยี่ยงคลื่นทะเลที่พลันระเบิดแล้วหดกลับดุจกระแสน้ำล่าถอย
คลื่นอำนาจทำลายล้างแพร่กระจายดุดัน สารพัดตำหนักอาคารบนภูเขาคุนอู๋ถล่มลง พืชพันธุ์หายากนานาสูญหาย ขุนเขาตระหง่านสูงเสียหายอย่างหนัก เต็มไปด้วยหลุมบ่อเว้าโหว่
เสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะด้วยความเจ็บปวดหรือตกใจก็ตามทีดังระงม สมาชิกตระกูลเยี่ยทั่วเขาคุนอู๋กระเสือกกระสนหนีตาย แต่คนมากมายยังต้องปลิดปลิวจากคลื่นทำลายล้างก่อนทันมีเวลาดิ้นรน
ภาพนี้นองเลือดดุจขุมนรก
จิตวิญญาณของเยี่ยเทียนตูเองก็เสียหายหนักใกล้สลายเต็มที
เขาไม่อาจคาดฝันเลยว่าอำนาจวิชาดาบของจักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำจะน่ากลัวได้เพียงนี้
ดาบแรกบั่นหัวเขา
ดาบที่สองทำลายค่ายกลแห่งคุนอู๋ ก่อกวนจักรวาล!
กระทั่งจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยผู้เฝ้ามองการต่อสู้จากไกล ๆ ยังตกตะลึงกับวิถีดาบที่ซูอี้แสดงออกมา กายและใจของพวกเขาก็สั่นสะท้านจนยากระงับ
การจะมีวิถีดาบเหลือเชื่อได้เพียงนี้ ต้องมีภูมิหลังร้ายกาจเพียงไร?
การเคลื่อนไหวของซูอี้ ณ ใต้ผืนฟ้าไม่ได้หยุดยั้งแต่อย่างใด ดาบเงากระจ่างในมือของเขาฟาดฟันคำราม และยามนี้เอง เขาก็ฟาดฟันดาบที่สาม
หนึ่งดาบทัศนาสิบทิศ!
ขึ้นสุดนภาคราม ร่วงสุดธารยมโลก!
……….