บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1037: สุสานอาภรณ์
ตอนที่ 1037: สุสานอาภรณ์
ในจักรวาลพร่างดาว
ซูอี้และชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าเดินทางต่อด้วยกัน
ในสายตาของชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋า ซูอี้อย่างมากก็อายุยี่สิบ ไม่มีทางเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าไปได้ เพราะอายุกระดูกของเขาไม่อาจถูกปลอมแปลงได้เลย
ทว่าชายหนุ่มผู้นี้กลับกล้าเดินทางข้ามจักรวาลพร่างดาวลำพัง หากไม่ใช่ว่ามีที่มาน่าอัศจรรย์ก็ต้องมีที่พึ่งอื่นแน่แท้
และที่พึ่งที่ว่าก็เป็นไปได้ที่สุดว่าจะเป็นสมบัติลับอันทรงพลังยิ่ง!
นอกจากนั้น ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋ายังสังเกตเห็นด้วยว่าปราณของซูอี้ผิดปกติอย่างมาก เขาดูราวไม่ได้ฝึกฝนใด ๆ แต่เมื่อสำรวจอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น มันก็ทำให้เขาไม่อาจตัดสินได้
ทั้งหมดนี้กระตุ้นความสนใจของชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋า และเขาตั้งใจจะหยั่งข้อมูลของชายหนุ่มผู้นี้เพื่อหาว่าจะเป็นแกะอ้วนที่พอยาไส้ของเขาหรือไม่
ในสายตาของซูอี้ ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าผู้นี้สามารถบรรยายได้ด้วยหนึ่งประโยค ‘กุยช่ายส่งถึงที่’!
ทั้งคู่ต่างก็มีความคิดของตน และสีหน้าต่าง ‘อ่อนโยน’ อย่างยิ่ง พูดคุยหัวเราะราวกับเพื่อนเก่าพบพานหลังจากห่างหายหลายปี
อันที่จริงแล้ว คนหนึ่งมองอีกฝ่ายเป็นแกะอ้วน ในขณะที่อีกฝ่ายมองเขาเป็นกุยช่าย
“จะว่าไป ข้ายังไม่ได้ไถ่ถามเลย นามของน้องชายคืออันใด มาจากหนใดหรือ?”
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าแกล้งตีหน้าซื่อถามยิ้ม ๆ
ซูอี้ตอบยิ้ม ๆ “ไม่กล่าวคงดีกว่า เกรงหัวใจเจ้าจะรับไม่ไหวเอา”
ดวงตาของชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าวูบไหว จากนั้นเขาจึงกล่าวอย่างเอ้อระเหยว่า “บอกน้องชายตรง ๆ พี่ชายผู้นี้อยู่มานาน นับได้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก และคุ้นเคยกับความเป็นไปต่าง ๆ บนโลกหล้าแล้ว”
เขากล่าวอย่างลื่นไหล สีหน้าเจือความภาคภูมิ “จวบจนยามนี้ กระทั่งจักรพรรดิเฒ่าบางคนในเก้ามหาแดนดิน พบข้ายังต้องเกรงใจข้าสามส่วน! และตลอดมานี้ ผู้ที่เป็นปรปักษ์กับข้า… เฮ้อ ยามนี้ไม่เหลือกระดูกแล้วล่ะ”
เขาหันไปกล่าวกับซูอี้อย่างแฝงความนัย “ยามนี้ น้องชายยังคิดว่าหัวใจข้าจะรับไม่ไหวอีกหรือไม่?”
เขาพยายามหาการเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของซูอี้
ทว่าผิดคาด ชายหนุ่มชุดเขียวตรงหน้าเขายังคงเยือกเย็นเช่นกาลก่อน
ซูอี้ครุ่นคิด “อืม ในเมื่อพี่ชายอยากรู้ที่มาของข้า ซ่อนต่อไปคงไม่เป็นการดี”
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าหัวเราะ แสดงท่าทีว่าฟังอยู่
ซูอี้เงยหน้ามองห้วงดารามหาศาลไกลออกไป และกล่าวเบา ๆ “ข้าแซ่ซู ชื่อเสวียนจวิน”
“ที่แท้ก็เป็นน้องชายซูนี่เอง”
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าแย้มยิ้ม
ทันใดนั้น เขาก็พลันดูตระหนก ดวงตาเบิกกว้าง รอยยิ้มบนใบหน้าค้างกับที่ กล่าวอย่างตะลึงอึ้ง “เจ้าบอกว่านามเจ้าคือซู… ซูเสวียนจวินหรือ!?”
ซูอี้พยักหน้าพลางยิ้ม “เจ้าได้ยินถูกแล้ว”
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าจ้องมองซูอี้ชั่วขณะหนึ่ง คิ้วของเขาขมวดมุ่น และกล่าวอย่างไม่พอใจนัก “น้องชาย ข้ามองเจ้าเป็นสหาย และปฏิบัติต่อเจ้าอย่างจริงใจ แต่มาล้อเล่นกันเช่นนี้มันเกินไปนะ!”
“ล้อเล่นหรือ?”
ซูอี้ยิ้มอย่างฉงน
ทว่าชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋ามิทันฉุกคิด เขากล่าวอย่างอารมณ์เสีย “มองไปยังโลกกว้าง จักรวาลไพศาลนี้ ใครเล่าจะไม่รู้นามปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน ตัวตนในตำนานผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่คับฟ้าบ้าง?”
“เจ้ากล้าล้อเล่นกับนามเขาได้เช่นไร กล้ามากจริง ๆ!”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าผู้ยังงุนงงก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา “น้องชาย อย่าหาว่าพี่ชายผู้นี้พูดจาไม่เข้าหูเลย แม้ว่าปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจะจากไปเมื่อห้าร้อยปีก่อน แต่หากวาจาของเจ้าแพร่ไปหาศิษยานุศิษย์ของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินล่ะก็ หายนะเกิดแน่!”
แววตาของซูอี้ซับซ้อน เขาส่ายหน้ากล่าว “ช่างเถอะ อย่าพูดเรื่องนี้เลย”
เมื่อคิดถึงเหล่าศิษยานุศิษย์ เขาก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋ากล่าว “ช่างเถอะ ในเมื่อน้องชายไม่อยากกล่าว ข้าก็จะไม่ถามแล้ว”
ในใจของเขามีจิตสังหารคุกรุ่น ไอ้หนูนี่โกหกเก่งนัก แสร้งเป็นผู้ใดไม่แสร้ง มาแสร้งเป็นซูเสวียนจวิน!
ต่อให้เป็นคนโง่ยังฟังออกว่าโกหก แต่ไอ้หนูนี่กลับมาหลอกเขาหน้าตาเฉย!
ยั่วยุกันชัด ๆ จงใจแน่ ๆ!
นับแต่ยามนี้ ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าก็เงียบไปบ่อยครั้ง
ซูอี้ไม่คิดใส่ใจความคิดของเจ้ากุยช่ายเฒ่านี้ และกล่าวขึ้น “จะว่าไป พี่ชาย รู้หรือไม่ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบนเส้นทางพันวังวนดารา?”
ดวงตาของชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าวูบไหว “น้องชายไม่รู้หรือ?”
ซูอี้กล่าวขอคำชี้แนะ “ข้าขอให้พี่ชายชี้แนะด้วย”
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋ากล่าวพร้อมกับยิ้ม “มันดูซับซ้อน แต่ที่แท้เรียบง่ายนัก เมื่อสามวันก่อน ที่ดาวรกร้างแห่งหนึ่งในเส้นทางพันวังวนดาราเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง มีสุสานอาภรณ์ลึกลับแห่งหนึ่งโผล่ขึ้นมา!”
สุสานอาภรณ์ที่ว่านั้นคือสุสานไร้ศพ มีเพียงเสื้อผ้าและอนุสรณ์ต่าง ๆ ของผู้ตายเท่านั้นที่ถูกฝังในนั้น
จากคำกล่าวของชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋า สุสานอาภรณ์นั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่ง เมื่อมันปรากฏขึ้น มันทำให้จักรวาลพร่างดาวสั่นสะท้าน เรืองแสงสีดำเจิดจ้าไปทั่วทิศ
นอกจากนั้น ในสุสานอาภรณ์นี้ยังเกิดเสียงบริกรรมมนตร์คาถาดังออกมาบ่อยครั้ง ฟังดูเหมือนเสียงบริกรรมแห่งเหล่าพุทธองค์อันยิ่งใหญ่
ทว่า สิ่งที่แปลกผู้คือเหล่าผู้ฝึกตนที่ได้ยินเสียงสวดนี้ต่างวิญญาณปั่นป่วน สติพังทลายตายไป!
แม้กระทั่งจักรพรรดิก็ยังได้รับผลกระทบหนักหนา!
คนบางคนคาดการณ์ว่าสุสานอาภรณ์นั้นต้องมียอดสมบัติอันจารึกตรามหาวิถีลึกลับ ซึ่งสามารถทำลายวิญญาณผู้ฝึกตนได้ฝังอยู่
บ้างก็สงสัยว่าเสียงสวดโบราณที่ไม่อาจหยั่งทราบนั้นน่าจะมาจากคัมภีร์โบราณที่ฝังอยู่ในสุสานนี้ และเสียงสวดก็มาจากข้อความในคัมภีร์ที่เล็ดลอดจากหลุม
ทันทีที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น จักรวาลพร่างดาวก็เดือดพล่าน
ไม่รู้ว่ามีตัวตนร้ายกาจมากมายเพียงใดถูกดึงดูดมาจากทั่วสารทิศบนจักรวาลพร่างดาว พยายามเสาะแสวงหาสมบัติลึกลับชิ้นนั้น
เมื่อรู้เช่นนี้ ซูอี้ก็ไม่แปลกใจ
ในโลกผู้ฝึกตน มีการแข่งขันแก่งแย่งโอกาสเช่นนี้นับไม่ถ้วน
“หากน้องชายคิดอยากลองดู พี่ชายก็ไม่คิดมากหากจะพาไปสักหน่อยนะ”
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋ากล่าวพร้อมกับยิ้มเช่นเคย
ซูอี้กล่าวพลางยิ้มแย้ม “งั้นไปดูกันเถอะ”
หากเขาจะไปยังโลกเทียนเสวียน เขาย่อมต้องผ่านเส้นทางพันวังวนดารา ไม่อาจเลี่ยงได้เลย
หลังชั่วหนึ่งก้านธูป
เรือมากมายพลันปรากฏขึ้นจากไกล ๆ และล้วนรีบร้อนตรงมาทางนี้
“ไปเร็ว ทางข้างหน้าถูกขวางหมดแล้ว ผู้บุกรุกต้องตาย!”
บางคนตะโกน
“เจ้าพวกนี้เป็นใครมาจากไหน เข่นฆ่าผู้คนใด ๆ ที่ไม่เห็นพ้องกัน! ขนาดจักรพรรดิยังฆ่ากันง่าย ๆ ร้ายกาจจริงแท้!”
บางคนพึมพำอย่างหวาดหวั่น
จักรวาลพร่างดาวนี้พลันหนวกหูยิ่ง
“ทางข้างหน้าถูกปิด?”
ซูอี้เลิกคิ้วเล็กน้อย
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าพลันเอื้อมมือออกไป
ตู้ม!
เรือยาวร้อยจั้งลำหนึ่งถูกฝืนคว้าไว้
ผู้ฝึกตนบนเรือลำนั้นแทบเป็นอัมพาตด้วยความตกใจ
เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าก็ยิ้มบางอย่างเมตตา “อย่ากังวลไป ทุกท่าน เหตุที่ข้าเชิญพวกท่านมาที่นี่ก็เพื่อถามไถ่ว่าทางข้างหน้าเกิดอันใดขึ้น”
ผู้ฝึกตนเหล่านั้นไม่กล้าปฏิเสธ และพวกเขาต่างเล่าเรื่องทุกอย่างออกมา
บนเส้นทางไกลออกไป ขุมกำลังลึกลับอันแข็งแกร่งปรากยกายขึ้นขวางจักรวาลพร่างดาวไว้ ไม่ยอมให้คนนอกเข้าใกล้ และผู้ที่ฝืนข้ามไปจะถูกสังหารสิ้น!
เมื่อรู้เช่นนี้ สีหน้าของชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าก็ดูมืดหมอง กระซิบกับตนเอง “ดูเหมือนว่าครานี้ขุมกำลังใหญ่จะมากัน อยากฮุบสมบัติในสุสานอาภรณ์ไว้ผู้เดียว…”
ทันใดนั้น เขาก็หันไปถามซูอี้ยิ้ม ๆ “น้องชาย กลัวหรือไม่เมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้?”
“…”
มีอันใดให้ต้องกลัว!?
“หากกลัว ข้าไปคนเดียวก็ได้นะ”
ซูอี้ก้าวไปเบื้องหน้า
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าอดเลิกคิ้วไม่ได้ เจ้าเด็กนี่มั่นใจยิ่ง!
ทว่า ข้าก็ฉวยโอกาสนี้แตะเส้นความอดทนของเขาได้!
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าไล่ตามเขาไปโดยไม่ลังเล
เมื่อทั้งสองจากไป ผู้ฝึกตนบนเรือลำนั้นก็ตื่นจากอาการตกใจ
“นักพรตเต๋าเมื่อครู่คือใครกัน ไฉนจึงร้ายกาจได้เพียงนั้น?”
“ชู่ เบาเสียงหน่อย!”
ชายชราผู้หนึ่งกล่าวอย่างกระวนกระวายด้วยใบหน้าซีดเซียว “หากข้าเข้าใจไม่ผิด คนผู้นั้นคือ ‘มารเฒ่านกฮูกโลหิต’!”
ทุกคนสูดหายใจเฮือก เย็นเฉียบทั่วร่าง
มารเฒ่านกฮูกโลหิต!
หนึ่งใน ‘เก้ายักษ์ใหญ่วิถีมาร’ อันลือนามในจักรวาลพร่างดาว มารเฒ่าผู้สังหารตัวตนมากมายนับไม่ถ้วน
จากคำร่ำลือ มารเฒ่าผู้นี้ดูเหมือนคนดี ทว่าที่จริงแล้วนิสัยของเขาโหดร้ายไร้เมตตา แข็งแกร่งจนไม่อาจหยั่งคาด และถือว่าเป็นหนึ่งในยอดฝีมือวิถีมารผู้ไม่อาจล่วงเกินที่สุดในจักรวาลพร่างดาว!
ตลอดทางต่อมา พอจะเห็นเรือเคลื่อนกลับออกมาเป็นครั้งคราว และยังมีผู้ฝึกตนแข็งแกร่งบางคนที่เดินทางลำพังบนจักรวาลพร่างดาวด้วย
ทว่า ทั้งซูอี้และชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าล้วนไม่ได้ถอยกลับ ทั้งคู่ต่างเดินหน้าต่อ
ระหว่างทาง ยอดฝีมือบางคนรู้จักตัวตนของชายวัยกลางคนคนนั้น ก็ล้วนหลีกลี้ไปไกลเสียเนิ่น ๆ ด้วยสีหน้าหวาดกลัว
สิ่งนี้ทำให้ตัวตนของชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าลึกลับมากขึ้นทุกที
ซูอี้ทำเป็นไม่เห็น
ทว่าปฏิกิริยาของเขาทำให้ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าตะลึงเล็กน้อย หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาทั่วไป คงตระหนักแล้วกระมังว่าตัวตนของเขาไม่ธรรมดา?
ทว่าเจ้าหนูนี่กลับไร้ปฏิกิริยาแม้สักนิด!?
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าถามอย่างระมัดระวัง “น้องชาย เจ้าไม่อยากรู้ตัวตนของข้าบ้างหรือ?”
ซูอี้ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม ก็แค่กุยช่ายเฒ่าผู้ไม่อาจหนีการเก็บเกี่ยวพ้น ควรค่าให้สนใจด้วยหรือ?
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าขมวดคิ้วเล็กน้อย
ระหว่างทาง เขาลอบเฝ้าสังเกตซูอี้อยู่ และยามนี้ หัวใจของเขาก็ยิ่งไม่แน่ใจมากขึ้นทุกที
แม้จะอยู่กับเขา แต่ชายหนุ่มชุดเขียวตรงหน้าผู้นี้ก็เยือกเย็นเกินไป ราวไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น
นี่ย่อมผิดปกติโดยไม่สงสัย
“เจ้าจะแสร้งทำหรือมีภูมิหลังอื่นก็ช่าง ลองเชิงต่อไปก็รู้เองว่าแกะอ้วนเช่นเจ้าหนักเพียงไร!”
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าเหยียดยิ้มแก่ตนเอง
“โอ้ พี่ชายร่วมวิถีนกฮูกโลหิตก็มาแฮะ!”
ไม่นานนัก เสียงแหบพร่าเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
ร่างคนหลายสิบยืนอยู่บนจักรวาลพร่างดาวไกลออกไป
มีทั้งชายหญิง แต่ละคนล้วนมีอำนาจร้ายกาจ
ซูอี้เคยเห็นพวกเขาบางคนมาก่อนแล้ว
เช่นชายชราชุดดำร่างผอมบนน้ำเต้ายักษ์สีดำ ชายชุดเทาเหน็บดาบบนหลังวิหคร้ายผู้มีปราณดุดัน บัณฑิตหนุ่มสวมหมวกไหมดำถือพัดขนนกบนรุ้งสีเงิน เป็นต้น
หากไม่ใช่โจรร้ายจากกลุ่มโจรบนจักรวาลพร่างดาว ก็เป็นคนเถื่อนหรือมารปีศาจ!
เมื่อชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าและซูอี้มาถึง พวกเขาก็ดึงความสนใจของมารเฒ่าเหล่านี้ทันที
และชายชราชุดดำก็เป็นผู้กล่าวทักทายชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าเมื่อครู่นี้
เมื่อเขาเห็นซูอี้อยู่ข้างกายชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋า ชายชราชุดดำก็อดแปลกใจมิได้
ไฉนเจ้าเด็กนี่จึงเข้าไปเกี่ยวกับมารเฒ่านกฮูกโลหิตได้?
ชายชราชุดดำจำได้แม่นว่ายามเดินทางมาที่นี่ เขาตั้งใจจะหยั่งข้อมูลของเด็กนั่น ทว่าอีกฝ่ายกลับเตือนเขาอย่างเสียมารยาท
ดูโอหังอย่างยิ่ง!