บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1038: โจมตีทางอ้อม
ตอนที่ 1038: โจมตีทางอ้อม
“หรือที่เจ้าเด็กนี่มันกล้ากร่างนักก็เพราะมีนกฮูกโลหิตเฒ่าหนุนหลัง?”
ชายชราร่างผอมในชุดดำขมวดคิ้ว
ยามนี้ เมื่อพวกเขาเห็นซูอี้อยู่ข้างกายชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋า มารเฒ่าคนอื่น ๆ ก็แปลกใจเล็กน้อย
พวกเขาพอจำได้ว่ายามเดินทางมาที่นี่ พวกเขาเคยเห็นชายหนุ่มชุดเขียวผู้นี้เดินลำพังในจักรวาลพร่างดาว
“นกฮูกโลหิต ไฉนจึงพาน้องชายน้อยผู้นี้มาด้วยเล่า?”
หญิงงามผู้หนึ่งกล่าวยิ้ม ๆ กิริยาของนางอ่อนช้อย ร่างอ้อนแอ้นอรชร อาภรณ์บางเบาจนไม่อาจปกปิดเนินเขาอวบอิ่มได้มิด เผยช่วงมังสาขาวเนียนเจิดจรัสส่วนใหญ่ออกมา
ในมือของนางถือตะกร้าบุปผาที่ทำจากกระดูกขาว เพิ่มเสน่ห์เย้ายวนแก่นาง
น้องชายน้อย?
ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋ากล่าวด้วยรอยยิ้มสุภาพ “ฮูหยินหัวซิ่วโปรดอย่าดูแคลน น้องชายผู้นี้ของข้าไม่ธรรมดา อย่าว่าแต่อื่นใด เพียงความกล้าก็ไร้ใดเปรียบ แม้แต่ข้ายังนับถือเลย”
แววตาเหล่ามารเฒ่าทั้งหลายพลันเกิดประกายวูบไหวขึ้นมา
พวกเขาล้วนรู้ว่าชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าผู้ดูอ่อนโยนเมตตาผู้นี้ แท้จริงแล้วเย่อหยิ่งโอหังสุด ๆ และมักไม่เอ่ยชมผู้ใดง่าย ๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการที่ได้รับความนับถือและเดินทางกับเขาได้ ชายหนุ่มอ่อนวัยผู้นี้ต้องเป็นผู้เลิศล้ำไม่ธรรมดา
“งั้นเราก็จะเห็นฝีมือน้องชายผู้นี้ในภายหลัง”
ชายชราร่างผอมในชุดดำกล่าวยิ้ม ๆ
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋ายิ้มกว้าง “ข้าแนะนำนะเจ้าเฒ่า อย่าได้คิดชั่วร้ายใด ๆ หาไม่ ระวังฟันหักไว้เถอะ”
ชายชราร่างผอมแค่นเสียงอย่างเย็นชา “นกฮูกโลหิต เจ้านี่เสแสร้งนัก ข้าผู้นี้จะเทียบไม่ได้กับเจ้าหนูน้อยนี่เทียวหรือ?”
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรมากไปกว่านั้น
เมื่อเห็นเช่นนี้ มารเฒ่าคนอื่น ๆ ต่างครุ่นคิด พวกเขาเห็นได้ว่ามารเฒ่านกฮูกโลหิตดูจะให้ค่าชายหนุ่มผู้นี้มาก
และซูอี้ก็เหลือบมองชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าโดยไม่กล่าววาจาใด
กุยช่ายเฒ่านี่จงใจยกเขาขึ้นสูงเพื่อดึงความสนใจของมารเฒ่าอื่น ๆ ราวกับอยากยืมมือผู้อื่นตรวจสอบเขา
เรียกว่าโจมตีทางอ้อม!
ทว่าซูอี้ไม่คิดสนใจเรื่องนี้ มารเหล่านี้อาจเย่อหยิ่งได้ในจักรวาลพร่างดาว ทว่าในสายตาของเขา พวกนี้ก็แค่กุยช่ายกองหนึ่ง
“หากตาเฒ่าจักรพรรดิมหายุทธ์มาเห็นเข้า คงชอบเขาแน่แท้”
ซูอี้จำ ‘จักรพรรดิมหายุทธ์ผู้ชังความอยุติธรรม’ สหายเก่าผู้หนึ่งขึ้นมาได้ คนผู้นี้ต่อสู้ฆ่าฟันมารปีศาจชั่วชีวิต เข่นฆ่าบั่นหัวคนชั่วนับไม่ถ้วนจนนับได้ว่าเป็น ‘ศัตรูสาธารณะ’ ของสำนักมารใหญ่ทั่วเก้ามหาแดนดิน
ไม่นานนัก ความสนใจของซูอี้ก็ถูกสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะไกลดึงไป
ในจักรวาลพร่างดาวที่ไกลออกไป มีดวงดาวมหึมาดวงหนึ่งซึ่งดูราวลุกไหม้ด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงกระพือโหม จักรวาลพร่างดาวพร่างพราวสว่างไสว
มีเสียงสวดบริกรรมดังกระท่อนกระแท่นออกมาเป็นระยะจากดวงดาวไกลโพ้นดวงนั้น
“ไฉน… จึงรู้สึกคุ้น ๆ กันหนอ…”
เขาเห็นได้ว่าดวงดาวดวงนั้นไม่ได้กำลังลุกไหม้ ทว่ากลับปกคลุมด้วยอำนาจยิ่งใหญ่ดุจเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีม่วง
และเสียงสวดเบาแผ่วนั้นก็ดึงความสนใจของซูอี้ไป
เขารู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย!
“สุสานอาภรณ์อยู่บนดาวนั่นหรือ?”
ยามนี้เอง ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าก็ชิงอ้าปากพูดคุยกับมารเฒ่าอื่น ๆ
“ใช่ ข้าเฝ้ามองมันมานานแล้ว พอจะสรุปคร่าว ๆ ได้ว่าในสุสานที่เพิ่งโผล่มาเมื่อสามวันก่อนนั่นน่าจะมี ‘คัมภีร์เต๋า’ อันมีที่มาพิเศษยิ่ง!”
บางคนกระซิบ “สุสานอาภรณ์นี้ถูกฝังมาไม่รู้กี่ปี ทว่ายามมันโผล่พ้น เพลิงสีม่วงก็ทะยานเบ่งบานบนฟากฟ้า คาดได้เลยว่าหากเป็นคัมภีร์เต๋า ก็ไม่มีทางเป็นของธรรมดาไปได้”
ดวงตาของคนบางคนเรืองประกาย
ยามมารเฒ่าเหล่านี้สนทนา ต่างฝ่ายต่างไม่ปิดบังเรื่องใด
ซูอี้ได้เรียนรู้อย่างรวดเร็วว่ามีจักรพรรดิผู้หนึ่งไปยังดาวดวงนั้นมาก่อน ทว่าเขากลับตายหลังไปถึงอย่างกะทันหัน!
เพราะเหตุนี้ แม้ว่ามารเฒ่าเหล่านี้จะอยากสำรวจหาสมบัติใจจะขาด แต่ก็ไร้ผู้ใดกล้าบุ่มบ่าม
ทว่า จากคำกล่าวของพวกเขา มีคนผู้หนึ่งไปยังดาวดวงนั้น และไปถึงหน้าสุสานแล้ว!
“คนผู้นั้นเป็นใครกัน?”
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าถามอย่างแปลกใจ
“คนจากโลกคังเสวียน มีการฝึกฝนในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นปลาย ส่วนตัวตนของเขา ข้ายังไม่รู้”
ชายชราร่างผอมในชุดดำกล่าวแฝงความดูถูก “ตั๊กแตนตำข้าวจับจั๊กจั่น หารู้ไม่ว่ามีนกขมิ้นจับจ้องอยู่ข้างหลัง เราไม่จำเป็นต้องวุ่นวายเลย เพียงคนผู้นั้นถือสมบัติออกมา นั่นก็จะเป็นยามตายของเขา!”
มารเฒ่าคนอื่น ๆ ล้วนแค่นยิ้ม
“แต่โอกาสนั้นจะมาหาผู้ใด ก็ยากกล่าวได้”
ทันใดนั้น ซูอี้ก็กล่าวเสียงเย็น
ด้วยหนึ่งวาจานั้น เหล่ามารเฒ่าต่างดูพิกล บรรยากาศอึมครึมอย่างน่าประหลาด
“น้องชายน้อย เจ้านี่แย่จริง ๆ เรารู้จักกันมาตั้งหลายปี ร่วมมือรู้ใจ ไฉนจึงต้องสู้กันแค่เพื่อโอกาสเช่นนี้ด้วย?”
หญิงงามนามฮูหยินหัวซิ่วกล่าวพร้อมกับยิ้ม “เจ้าต่างหากที่ไม่รู้จักกับเรา และย่อมไม่อาจบอกชะตาได้”
“นกฮูกโลหิต น้องชายเจ้าไม่ได้จริงใจนี่!”
ชายชราร่างผอมแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ข้าบอกไว้ก่อนนะ หากเขากล้าทำอะไรแย่ ๆ อย่าโทษข้าที่ฆ่าเขาแล้วกัน!”
จิตสังหารพลุ่งพล่าน!
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าถอนหายใจ กล่าวกับซูอี้อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “น้องชาย เจ้าก็เห็นแล้ว โชคนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้านะ”
เขากำลังทดสอบทัศนคติของซูอี้ อยากรู้ว่าแกะอ้วนผู้มีที่มาประหลาดนี้จะมีปฏิกิริยาเช่นไร
หากซูอี้ประนีประนอม เขาก็จะฉวยโอกาสนี้จับตัวซูอี้และได้ลิ้มลองเนื้อแกะน้อยนี่อย่างไม่คิดมาก!
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยชา “ข้าสังหรณ์ว่าโชคนี้จะหลุดมือเจ้าไปนะ”
บางคนหัวเราะทันที ถือเสียว่าเป็นวาจาข่มขู่ลม ๆ แล้ง ๆ ของซูอี้
“น้องชายน้อย เป็ดต้มน่ะ เราไม่ให้มันบินหนีหรอกนะ”
ฮูหยินหัวซิ่วยิ้มอ่อนหวาน “แต่เจ้าสิ หากกล้าพูดจาไม่ดี ระวังพี่สาวผู้นี้ฉีกปากหาเรื่องของเจ้าออกจากหน้าให้นะ”
นางกล่าวพลางมีจิตสังหารฉายผ่านส่วนลึกในดวงตาคู่งาม
ซูอี้เมินนางไป
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าจับตามองปฏิกิริยาของซูอี้อยู่ และเขาก็วางแผนโจมตีปิดฉากแล้ว
ทว่าเมื่อเห็นว่าซูอี้ยังคงสุขุม เขาก็ลังเลขึ้นมาชั่วขณะ
นี่เป็นแกะน้อย หรือหมาป่าในคราบแกะกันแน่?
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าไม่แน่ใจเล็กน้อย
ทันใดนั้นเอง พลันเกิดเสียงคำรามลั่นไกลออกไป และบนดวงดาวอันคุกรุ่นด้วยเพลิง เพลิงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงพลันจางลงราวคลื่นตีกลับทะเล
ก่อนที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์จะทันหายไปหมด ร่างหนึ่งพลันทะยานจากดวงดาวนั้นไปดุจสายฟ้า
ทว่าระหว่างเดินทาง คมดาบสายหนึ่งพลันฟาดฟันปิดทางหนีตรงหน้าร่างนั้นอย่างรุนแรง
ผู้โจมตีคือชายชุดเทาบนหลังวิหคร้าย เขาถือดาบปรากฏขวางตรงหน้าร่างนั้นว่องไวดุจภูตพราย ดุร้ายทะนง
แทบจะในยามเดียวกัน มารเฒ่าตนอื่นล้วนลงมือ ร่างของพวกเขาวูบไหว ต่างคนต่างขวางทางหนีของคนผู้นั้น
กระทั่งชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋ายังก้าวเข้าไปผสมโรงล่าด้วย
เมื่อมองดี ๆ ร่างที่ถูกล้อมคือชายร่างผอมผู้มีหนวดเครารุงรัง สวมอาภรณ์ยาวและเหยียบบนดาบเล่มหนึ่ง
สิ่งที่สะดุดตาเป็นพิเศษคือ ชายผู้นั้นถือกล่องสำริดอันเปล่งประกายเจิดจรัสไว้ในอ้อมแขน และเสียงคล้ายเสียงสวดก็ดังออกมาจากมัน ทำให้เกิดคลื่นกระเพื่อมในอากาศรอบข้าง
ทันใดนั้น สายตาของเหล่ามารเฒ่าพลันรุ่มร้อนด้วยความโลภ
พวกเขาล้วนเห็นแล้วว่าอำนาจในกล่องสำริดนี้ดุจปาฏิหาริย์ ชายในชุดยาวผู้นี้ไม่อาจกำราบได้ และย่อมไม่อาจเก็บไว้ในสมบัติใดได้!
บรรยากาศตึงเครียด จักรวาลพร่างดาวเย็นยะเยือก
ชายในชุดยาวตระหนักชัดเจนว่าผิดปกติ เขาสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวอย่างจริงจัง “ตาเฒ่าผู้นี้คือผู้อาวุโสใหญ่ลำดับที่สอง ‘เยว่อวิ๋นซาน’ แห่งตระกูลเยว่จากโลกเทียนเสวียน ขอสหายเต๋าอย่าขวางทางสร้างความลำบากให้เลย!”
โลกเทียนเสวียน! ตระกูลเยว่!
ดวงตาเหล่ามารเฒ่าหรี่ลง
พวกเขาย่อมรู้ว่าตระกูลเยว่นับได้ว่าเป็นขุมกำลังสูงสุดแห่งหนึ่งในโลกเทียนเสวียน และมีจักรพรรดิในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำดูแล!
ชายในชุดยาวกล่าวต่อ “กล่าวตามตรง กล่องสำริดนี้เดิมถูกทิ้งไว้โดยบรรพชนตระกูลเยว่ของข้า และข้าก็มาที่นี่เพื่อรับอนุสรณ์ของบรรพชนกลับคืน มันคือชิ้นหยกที่บรรพชนของข้ามีในครอบครอง”
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ถูกกล่าว เหล่ามารเฒ่าก็ขมวดคิ้ว
“ช่างน่าขำ ไฉนอนุสรณ์ของบรรพชนตระกูลเยว่ของเจ้าต้องมาซ่อนในสุสานบนดาวดวงนี้ด้วย?”
ชายชราร่างผอมแค่นเสียงอย่างเย็นชา
“ในเมื่อเจ้าว่าไร้สมบัติใดในกล่องสำริดนั่น เจ้าก็เปิดให้ข้าดูประไร หากมันเป็นแค่ชิ้นหยกไร้ราคาเช่นที่เจ้าว่า ข้าก็จะไม่กวนเจ้าต่อไป”
ฮูหยินหัวซิ่วกล่าว
มารเฒ่าเหล่านี้กลัวตระกูลเยว่อยู่นิดหน่อย และไม่กล้าลงมือทันที
ชายในชุดยาวส่ายหน้ากล่าว “ไม่ ขอเพียงเปิดกล่องนี้ หยกจะหนีไป และข้าก็ไม่อาจแม้แต่จะกำราบมัน”
“เฮอะ! หากเป็นแค่อนุสรณ์หยกทั่วไป ไฉนตัวตนจักรพรรดิเช่นเจ้าจะไม่อาจกำราบมันเล่า?”
ชายชุดเทาถือดาบเปี่ยมจิตสังหาร วาจาของเขาสะท้อนก้องทุกทิศทาง
ชายในชุดยาวเงียบไปชั่วขณะ
“ทุกท่าน หากชักช้า สถานการณ์จะแปรเปลี่ยน หากมัวลังเล เป็ดต้มอาจบินหนีได้จริง ๆ นะ!”
ชายผู้ดูเหมือนบัณฑิตกล่าวอย่างเย็นชา
ชายในชุดยาวพลันแปรสีหน้า กล่าวเสียงแข็งว่า “พวกเจ้าคิดเป็นศัตรูกับตระกูลเยว่เราจริง ๆ หรือ?”
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าอดแย้มยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนไม่ได้ “ที่นี่คือจักรวาลพร่างดาว ไม่ใช่โลกเทียนเสวียนเสียหน่อย!”
ปราณของเขาพลุ่งพล่าน อำนาจไต่ระดับสูง ก้าวออกมาและเตรียมโจมตี
ทว่ายามนี้เอง เสียงเฉยเมยเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ข้าบอกแล้วว่าโชคนี้ไม่เกี่ยวพันกับพวกเจ้า ไฉนจึงไม่เชื่อกันหนอ?”
เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น ร่างสูงของซูอี้ก็ปรากฏขึ้นจากระยะไกล
มารเฒ่าทั้งหลายต่างตะลึงอึ้ง เจ้าเด็กนี่บ้าหรือไร กล้าเข้ามายุ่งในยามนี้ เขาพยายามทำสิ่งใดกันแน่?!
ชายในชุดขาวเองก็แปลกใจเช่นกัน ชายหนุ่มผู้เยาว์วัยนี้ตั้งใจขโมยอาหารจากมารเฒ่าเหล่านี้หรือ?
“ไอ้หนู! ข้าก็บอกแล้วนะว่าหากเจ้ากล้าทำเรื่องแย่ ๆ ข้าจะฆ่าเจ้า ไม่ฟังสิ่งที่ข้าพูดหรือไร!!”
สีหน้าของชายชราร่างผอมถมึงทึง จิตสังหารของเขาพลุ่งพล่าน
……….