บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1039: มีชะตาต้องกัน
ตอนที่ 1039: มีชะตาต้องกัน
ณ ยามนี้ ไม่เพียงชายชราร่างผอมเท่านั้นที่ขุ่นเคืองในใจ มารเฒ่าผู้อื่นเองก็ข้องใจไม่ต่างกัน
ในยามตึงเครียดแห่งการชิงสมบัติ ชายหนุ่มชุดเขียวผู้นี้กลับปะปนเข้ามาอย่างเงียบงัน และขู่ว่าสมบัตินี้จะหลุดรอดมือพวกเขาไป
ผู้ใดเล่าจะไม่โกรธ?
หากไม่ใช่เพราะเห็นซูอี้มากับชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าล่ะก็ ด้วยนิสัยของมารเฒ่าเหล่านี้คงสังหารซูอี้ไปก่อนแล้ว!
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าเองก็หดหู่ใจเล็กน้อย
ทว่าเมื่อเห็นซูอี้เคลื่อนไหว หัวใจของเขาก็อยากเห็นว่าซูอี้กล้าเข้ามาร่วมวงจากหนใดกัน
ซูอี้หันไปกล่าวกับชายชราร่างผอมว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่สนใจฟังเจ้า แต่ในสายตาข้า เจ้าก็แค่กุยช่ายเฒ่าที่จะเก็บเกี่ยวยามใดก็ได้เท่านั้น”
กุยช่ายเฒ่า?
ใบหน้าของชายชราผอมแห้งพลันแดงก่ำ
เขาเดินทางในจักรวาลพร่างดาวแสนนาน สังหารคนมากมายนับไม่ถ้วน เป็นที่หวาดกลัวของผู้ฝึกตนมากมาย ทว่ายามนี้ ต่อหน้าคนทุกคน เขากลับถูกเรียกเป็นกุยช่ายเฒ่า!
คำสบประมาทนี้ช่างร้ายแรงนัก!
มารเฒ่าบางคนเกือบหลุดหัวเราะ
ไม่มีผู้ใดคาดฝันว่าชายหนุ่มเช่นซูอี้จะกล้าดูถูกชายชราร่างผอมเป็นกุยช่าย นี่ช่างน่าอับอายโดยแท้!
ชายในชุดขาวซึ่งอยู่ห่างออกไปก็ตะลึงเล็กน้อยเช่นกัน ชายหนุ่มผู้นี้มาจากหนใดกัน เขากล้าเกินไปแล้ว!
ซูอี้ไม่คิดใส่ใจ เขาหันไปกล่าวกับชายชุดยาวว่า “หากข้าเดาถูก หยกในกล่องสำริดนั่นน่าจะชะตาต้องกับข้า ขอข้าดูหน่อยเถิด”
กล่าวจบ เขาก็โบกมือน้อย ๆ
จากนั้น ภาพอันน่าเหลือเชื่อก็บังเกิด
ตู้ม!
กล่องสำริดในมือของชายในชุดยาวสั่นไหวอย่างรุนแรงราวถูกเรียก และพลันหลุดจากอ้อมแขนชายในชุดยาว แปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสีครามพุ่งเข้าหาซูอี้
การเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ไม่เพียงทำให้ชายในชุดยาวตกใจ กระทั่งมารเฒ่าทั้งหลายยังไม่ตั้งตัว นี่มันเหตุใดกัน?
มีเพียงชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าที่สุดปรีดา เพราะเขายืนตรงหน้าซูอี้และสามารถคว้าสมบัติได้ทันที!
“กำราบ!”
ชายแขนเสื้อของเขาโบกสะบัด จากนั้นจึงฟาดฝ่ามือลงอย่างโหดเหี้ยม
ทว่าเพลิงสีม่วงกลับลุกโชนขึ้นคลอกกล่องสำริดพร้อมด้วยเสียงคำรามลั่น ดิ้นหลุดการกีดขวางของชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าและร่วงลงสู่มือของซูอี้ทันใด
ส่วนร่างของชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋านั้นโซเซ ใบหน้าของเขาซีดขาวสลับเขียวคล้ำ รู้สึกอับอายจนหน้าแข็งทื่อ
ทว่ายามนี้เขาไม่ได้สนใจ และหันไปมองซูอี้
ไม่ใช่เพียงเขา ทุกคนต่างหันไปจับต้องซูอี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ
เมื่อกล่าวว่า ‘มีชะตาต้องกัน’ แล้วโบกมือมั่ว ๆ กล่องสำริดก็ถูกชิงไปทั้งเช่นนั้นหรือ!?
ช่างน่าเหลือเชื่ออ
“ไฉนจึงเป็นเช่นนี้ได้…”
ชายในชุดยาวนามเยว่อวิ๋นซานเองก็ตะลึงงัน
ก่อนหน้านี้ เขากระเสือกกระสนเสี่ยงชีวิตกว่าจะนำสมบัตินี้ออกจากสุสานได้
ใครเล่าจะคิดว่าเพียงชั่วพริบตา สมบัตินี้จะชิงออกไปสู่ ‘อ้อมอก’ ของผู้อื่นเสียแล้ว!
สิ่งที่ทำให้เยว่อวิ๋นซานเชื่อลงยากที่สุดคือ หลังกล่องสำริดร่วงลงบนมือของชายหนุ่มผู้นั้น มันก็เงียบสนิทอย่างเชื่อฟังเป็นที่สุด!
บรรยากาศเงียบสงัด ทุกคนตะลึงงัน
ซูอี้เมินเหล่ามารเฒ่าแล้วเปิดกล่องสำริดด้วยตนเอง
เขาเห็นหยกม่วงกระจ่างใสรูปดาบนอนนิ่งในนั้น
บนผิวหยกมีลวดลายบัญญัติสลักไว้ด้วยลวดลายวิถีซึ่งดูเหมือนชั้นเพลิงเบ่งบาน แปลกประหลาดและเต็มไปด้วยกลิ่นอายมหาวิถีน่าตื่นตา
“เป็นสิ่งนี้จริง ๆ ด้วย”
ซูอี้แสดงสีหน้าดูแปลกใจ
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย ทว่าเมื่อมาเห็นหยกนี้เข้าจริง ๆ เขาก็จำเรื่องเมื่อนานมาแล้วขึ้นมาได้ในที่สุด
ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้ย้อนรำลึก เสียงตะโกนอย่างดุร้ายก็ดังขึ้น
“ไอ้หนู เจ้าจะนำสมบัตินั้นไปได้เช่นไร? เอามานี่!”
ชายชราร่างผอมในชุดดำลงมือทันที เขาตบเข้าใส่ซูอี้อย่างรุนแรงบนอากาศ
ตู้ม!
อสนีบาตสีเลือดรัดพัน ควบแน่นเป็นตราประทับฝ่ามือยักษ์ขยี้ไปบนสุญญะ ส่งเสียงครืนคราง อำนาจน่าอัศจรรย์ยิ่ง
ซูอี้โบกแขนเสื้อ และอสนีบาตสีเลือดก็ระเบิดเปรี้ยงกลายเป็นละอองแสงพร่างนภา
ทุกคนผงะนิ่ง
ชายชราร่างผอมมีการฝึกฝนในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นปลาย ประสบการณ์ต่อสู้โชกโชนยิ่ง เป็นมารเฒ่าผู้ลือนามในจักรวาลพร่างดาว
ทว่ายามนี้ ฝ่ามือของเขากลับถูกสลายอย่างแสนง่าย!
“นกฮูกโลหิต น้องชายเจ้าไม่ธรรมดาเลย! หรือเจ้าจะคุยกันก่อนแล้วว่าจะฮุบสมบัตินี้ไว้ผู้เดียวกัน?”
ใบหน้างามของฮูหยินหัวซิ่วเย็นชา
มารเฒ่าผู้อื่นล้วนมองมาด้วยสายตาทิ่มแทงเช่นกัน
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋ากรีดร้องอยู่ในใจ เขารู้ว่าทุกคนเข้าใจผิด จึงรีบอธิบาย “บอกพวกเจ้าตามตรง ข้ากับเขาเพิ่งพานพบ ไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กันเลยนะ!”
ซูอี้เองก็กล่าวอย่างจริงจัง “จริงตามเจ้ากุยช่ายเฒ่าว่า ข้ากับเขาเพิ่งพบพานเท่านั้น”
ทว่าทันทีที่วาจาเหล่านี้ถูกกล่าว ทุกคนก็ยิ่งสงสัย เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อถือ
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าโกรธเสียจนจมูกแทบเบี้ยว เจ้าแกะน้อยนี่ลากเขาลงปลักโคลนโดยจงใจชัด ๆ!
ทว่าโชคร้าย สถานการณ์นี้เหมือนนำโคลนเหลืองมาป้ายเป้ากางเกง ไม่ใช่อาจมก็เหมือนอาจม!
“เจ้าสารเลวน้อย ข้าจะฆ่าเจ้า!!”
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าเปี่ยมจิตสังหาร อยากโจมตีซูอี้เสียเดี๋ยวนั้นเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เพราะหากเขาถูกเข้าใจผิดโดยสมบูรณ์ยามใด มารเฒ่าตนอื่นจะโจมตีเขาแน่แท้
“ช้าก่อน!”
ทันใดนั้น ชายชุดเทาก็กล่าวอย่างเย็นชา “นกฮูกโลหิต เจ้าอยู่เฉย ๆ อย่าขยับ เมื่อเราจัดการไอ้เด็กนี่ได้ เราย่อมคลี่คลายความเข้าใจผิดนี่ได้เอง!”
“ใช่ นกฮูกโลหิต อย่าเข้ามายุ่งนะ ถึงเราจะไม่รู้ว่าเจ้าแค่เสแสร้งหรือไม่ก็เถอะ”
ชายชราชุดดำกล่าวอย่างเย็นชา
“ข้า…”
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าสีหน้าไม่น่าดู ดูไม่เต็มใจอย่างยิ่ง
เพราะหากเขาไม่เข้าร่วมการต่อสู้นี้ เขาจะไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น
แต่ก็ไร้หนทาง ยามนี้เมื่อเขาถูกเข้าใจผิด เขาก็ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองก่อน
เมื่อเห็นเรื่องทั้งหมดนี้ ซูอี้ก็หันไปกล่าวล้อเล่นกับชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าอย่างปรีดา “พี่ชาย ร่วมมือกับข้าฆ่าคนพวกนี้เถอะ และข้าจะไว้ชีวิตเจ้าทีหลัง”
“…”
เขาสังเกตเห็นทันทีว่าเหล่ามารเฒ่าต่างมองมาทางเขาอย่างเหี้ยมเกรียมเล็กน้อย พวกเขาสงสัยมากขึ้นว่าเขาและซูอี้จะเป็นพวกเดียวกัน
นี่ทำให้ปอดของเขาแทบระเบิดด้วยโทสะ เจ้าแกะอ้วนนี่ช่างน่าโมโหนัก!!
“อย่าเสียเวลา ฆ่าเจ้าเด็กนี่ก่อน!”
ชายชุดเทาหมดความอดทนแล้ว จากนั้นเขาก็เหวี่ยงดาบโจมตีทันที
ตู้ม!
แสงจากดาบทะยานราวน้ำตก บ้าคลั่งราวกับผีบ้า
พลังของชายชุดเทานั้นร้ายกาจยิ่ง จิตสังหารของเขาทะลวงไปทั่วทิศไร้ขอบเขต
แทบจะในขณะเดียวกัน มารเฒ่าสิบกว่าคนที่เหลือก็รุมเข้ามา
พวกเขาแต่ละคนล้วนมีจิตสังหารรุนแรง อย่าว่าแต่วิชายุทธ์ที่ประดังเข้ามาเลย
กล่าวอีกนัยก็คือ พวกเขาไม่ต้องการให้กล่องสำริดในมือซูอี้ถูกผู้อื่นชิงไป พวกเขาทั้งหมดจึงลงมือโจมตีบ้าคลั่ง
ซูอี้ส่ายหัวน้อย ๆ
กุยช่ายเฒ่าเหล่านี้เอาตัวมารับคมมีดโดยแท้
ไม่ถูกเกี่ยว ไฉนต้องเกี่ยวตนเอง?
เคร้ง!
ด้วยหนึ่งพลิกฝ่ามือ ดาบเงากระจ่างก็ทะยานจากเวหา เงาดาบสะท้อนแสงเลื่อมพรายดุจรัศมีจันทร์กระจ่างฟ้าท่ามกลางจักรวาลพร่างดาว งดงามราวภาพฝัน
ปราณของซูอี้พลันเปลี่ยน
ในอดีตเขาเฉยเมย ผู้อื่นจึงมองข้ามไปได้ง่ายดาย
ทว่ายามนี้ ภาวะดาบของเขาทะลวงสวรรค์สะท้านแดนดิน ปกคลุมทั่วจักรวาลพร่างดาว!
“หือ!?”
เมื่อสังเกตเห็นเช่นนี้ ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าซึ่งอยู่ห่างออกไปแทบกัดลิ้นตัวเองอย่างตกใจ
โดยไม่รีรอให้เขาฟื้นตัว
ตู้ม!
สงครามปะทุ จักรวาลพร่างดาวปั่นป่วน สารพัดแสงวูบไหวพลุ่งพล่าน
นับแต่อึดใจแรกแห่งสงคราม ดาบเงากระจ่างของซูอี้ก็ฟาดฟันบนอากาศ
ตู้ม!!
ดาบเล่มหนึ่งถูกฉีกกระชากแตกจากกัน
ปราณดาบอันคมกริบพลันระเบิดออกใส่ชายชุดเทาผู้เสียดาบไป และร่างของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นพิรุณโลหิตโปรยปรายในทันที
ด้วยดาบเดียว เขาก็สังหารมารเฒ่าผู้หนึ่งซึ่งอหังการไร้ขอบเขตได้!
ภาพอันสะอาดหมดจดนี้ทำให้มารเฒ่าอื่น ๆ ต่างตกใจแทบไม่อาจเชื่อสายตาตน
ชายหนุ่มเยาว์วัยผู้หนึ่งที่อย่างมากก็แค่ยี่สิบ สังหารจักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นปลายผู้อยู่ในจักรวาลพร่างดาวแสนนานด้วยหนึ่งดาบ!
หัวใจของเหล่ามารเฒ่าร่วงวูบ ตระหนักแล้วว่าครั้งนี้พวกเขาหาเรื่องใส่ตัว เด็กน้อยอันใดกัน นี่มันยอดฝีมือเร้นกายชัด ๆ!
ทว่าพวกเขาไร้โอกาสให้นึกเสียใจ
สงครามบังเกิด ยามซูอี้โจมตี ความเร็วของเขาช่างน่าเหลือเชื่อ ร่างของเขาวูบไหวในอากาศราวกับประกายแสง
เสียงดาบครวญวจีแล้วเล่าป่วนทั่วจักรวาลพร่างดาว เงาดาบดุจนิมิตพร่างพราวดุจแสงจันทร์ทอลงทั่วสารทิศ
และทุกครั้งที่ออกดาบ หนึ่งมารเฒ่าปลิดปลิว
ฉับ! ฉับ! ฉับ!
ร่างแล้วร่างเล่าระเบิดดับดิ้น ดอกไม้ไฟสีเลือดเบ่งบานในจักรวาลพร่างดาว
ไม่อาจหยุดยั้งเยี่ยงหลาวไม้ไผ่ ป่นทำลายล้างบาง
ในจักรวาลพร่างดาวอันปั่นป่วน เสียงกรีดร้องแหลมลั่นดังขึ้นซ้อนทับ
ไกลออกไป เยว่อวิ๋นซาน ชายในชุดยาวเหงื่อกาฬแตกพลั่ก สีหน้าของเขาอึ้งตะลึงไปแล้ว
ชายหนุ่มผู้นี้ยังเด็กแท้ ๆ แต่มองเช่นไรก็เป็นตัวตนร้ายกาจผู้มีอำนาจเกินหยั่ง!
มารเฒ่าเหล่านี้น่ากลัวเพียงไร ในอดีต พวกเขาอาละวาดไปทั่วโลกหล้าในจักรวาลพร่างดาว ก่อพิรุณโลหิตพร่างพรายนับจำนวนมิได้ แค่ได้ยินก็ขวัญผวาแล้ว
ทว่ายามนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มชุดเขียว พวกเขาก็ถูกเก็บเกี่ยวอย่างไร้ปรานีเยี่ยงผักกุยช่าย!!
“ไม่!”
ชายชราชุดดำกรีดร้องอย่างสยดสยองสิ้นหวัง
แล้วคอของเขาก็ถูกดาบหนึ่งเสียบทะลุ ร่างของเขาระเบิดเปรี้ยง วิญญาณละล่องลอย
“ข้าบอกแล้วว่าอย่ายุ่งกับข้า แต่เจ้าก็ไม่ฟังไง”
ซูอี้ส่ายหัวน้อย ๆ
เสียงยังไม่ทันสร่าง เขาก็สังหารมารเฒ่าอีกผู้ลงแล้ว
รวดเร็วยิ่งนัก!
เพียงไม่กี่พริบตา มารเฒ่าสิบกว่าคนก็แหลกสลาย
คนอื่น ๆ กลัวเสียจนต้องลนลานหลบหนี
ทว่าสายเกินไป
ตู้ม!
ตะกร้าบุปผาสานจากกระดูกขาวแหลกสลาย และฮูหยินหัวซิ่วผู้มีรูปโฉมโค้งเว้าอรชรท่าทางชดช้อยก็ถูกแยกร่างเป็นสองเสี่ยงด้วยดาบที่ปักกลางอกนาง
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
ในขณะเดียวกัน รุ้งสีเงินขาวใต้เท้าของชายหนุ่มผู้ดูเหมือนบัณฑิตพังทลายลงสายแล้วสายเล่า ร่างของเขากลืนหายไปในปราณดาบพร่างพราย ถูกทำลายทั้งกายและวิญญาณ
‘แกะน้อยบ้าอันใดกัน นี่มันเพชฌฆาตชัด ๆ! ต่อหน้าเขา ใครเล่าในหมู่เรากล้าเรียกตนเป็นมาร? กุยช่าย! พวกเรานี่กุยช่ายชัด ๆ!!’
ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าตะโกนในใจ เขากลัวจนหน้าซีดสติหลุดไปแล้ว
ขาของเขาสั่นเทิ้ม อยากจะวิ่งหนีไปอยู่หลายครั้ง ทว่าท้ายที่สุดก็ไม่กล้าทำ
เพราะเขาพบว่าใครก็ตามที่หนีจะถูกสังหารทันที!
เขายิ่งไม่แน่ใจว่าหนีไปจะรักษาชีวิตได้หรือไม่…
เปรี้ยง!
ในสนามรบ มารเฒ่าคนสุดท้ายถูกสังหารลงเช่นกัน โลหิตหลั่งรินสู่สุญญะ
ในสงคราม ก่อนหลังต่างกันเพียงวินาที มารเฒ่าดุร้ายสิบสามคนผู้เคยโด่งดังทั่วจักรวาลพร่างดาวถูกเก็บเกี่ยวราวกุยช่าย!
ไกลออกไป ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าและเยว่อวิ๋นซานต่างตะลึงนิ่งราวรูปปั้นดินเหนียว ร่างสะท้านด้วยความกลัว
ท่ามกลางสนามรบละเลงเลือด อาภรณ์เขียวของซูอี้ไร้รอยด่างพร้อย สะบัดไหวพลิ้วสง่าราวเทพเซียน ไม่อาจกลมกลืนไปกับภาพสนามรบอันปั่นป่วนโกลาหลได้เลย
ดาบเงากระต่างในมือของเขาดูจะไม่อิ่มหนำ มันเอื้อนวจีแผ่วเบาสะท้อนทั่วมวลดารา
“น่าเบื่อ”
เสียงรำพันดังออกมาจากปากของซูอี้