บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1044: ชีวิตของเขา ข้ารับประกัน!
ตอนที่ 1044: ชีวิตของเขา ข้ารับประกัน!
คนที่มาเยือน คือชายสวมชุดที่ทำจากขนนก หนวดเครายาวพลิ้ว เขาเหน็บดาบวิถีไว้ที่ข้างเอว ท่าทางงดงามสง่าผ่าเผย
จุดที่ดึงดูดสายตาเป็นพิเศษคือคนผู้นี้เหยียบเมฆสีทอง!
“ยอดฝีมือแห่งแดนลี้ลับขั้นเก้า!”
แขกเหรื่อบางส่วนเกิดความอลหม่าน สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป ในแววตาและสีหน้าผุดประกายแห่งความเคารพเลื่อมใส
แดนลี้ลับขั้นเก้า!
สำนักวิถีอันดับหนึ่งของมหาแดนดิน ซึ่งติดอันดับ ‘สี่ขั้วมหาแดนดิน’ โดยมีตัวตนขอบเขตจักรพรรดิคอยดูแลควบคุม!
ทั่วทั้งแดนดิน ผู้ที่สามารถเทียบเคียงได้ก็มีเพียงแต่แดนบูรพาน้อยซึ่งเป็นดินแดนหนึ่งของวิถีพุทธ ‘สำนักแดนอสูรปรีดี’ สายวิถีอันดับหนึ่งของวิถีมาร และถ้ำเสวียนจวิน!
ในจำนวนนี้ ถ้ำเสวียนจวินเป็นขุมกำลังอันดับหนึ่งของมหาแดนดินอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นผู้นำของ ‘สี่ขั้วมหาแดนดิน’!
ทว่า คนทั้งหลายในโลกต่างก็รู้ว่า หลังจากที่ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินกลับชาติเกิดใหม่เมื่อห้าร้อยปีก่อน ถ้ำเสวียนจวินก็ตกอยู่ในความโกลาหล จนกระทั่งถึงตอนนี้ พลังอำนาจของขุมกำลังลดถอยไปจากแต่ก่อนมาก
“คนของแดนลี้ลับขั้นเก้า?”
เยว่ไป่หลิงกับคนอื่น ๆ ต่างก็นิ่งอึ้ง จิตใจของพวกเขาสั่นสะท้านราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้
คนที่มามีระดับการฝึกตนเพียงแค่ขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำเท่านั้น ทว่าด้วยฐานะของฝ่ายตรงข้าม ก็สามารถทำให้คนในงานทั้งหมดหวาดเกรง และไม่กล้าผิดใจด้วย
คนทั้งหลายของลัทธิสัตตบงกชต่างก็ตื่นตระหนกตกใจ สีหน้าสับสนไม่นิ่ง
ฉางซุนหงที่นั่งวางท่าอยู่ตรงนั้นเมื่อครู่ก่อนถึงกับลุกขึ้น เขายิ้มพลางเดินเข้าไปหาอีกคนทันที
“ฉางซุนหง ผู้ฝึกตนคนหนึ่งของลัทธิสัตตบงกชคารวะสหายเต๋า!”
ฉางซุนหงผงกศีรษะแสดงความเคารพ
ในฐานะที่เขาเป็นยอดฝีมือขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ เวลานี้กลับเป็นฝ่ายเดินมาต้อนรับตัวตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ ทั้งยังแสดงความเคารพอย่างจริงจัง!
คนอื่น ๆ ในที่ประชุมเห็นแล้วก็ยิ่งไม่กล้านิ่งดูดาย เพราะสิ่งนี้ยิ่งแสดงให้เห็นถึงฐานะที่เหนือธรรมดาของคนที่มาเยือน
ซูอี้ครุ่นคิด
ชายในอาภรณ์ขนนกผู้มาเยือน หยุดยืนกลางอากาศห่างจากผาวสันตวารีไม่ไกลนัก เขากวาดตามองดูคนทั้งหลายในงาน เมื่อเห็นฉางซุนหงผงกศีรษะแสดงความเคารพต่อตนเอง เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอันใดออกมามากนัก
นั่นก็เพราะเขาชินชากับเรื่องเหล่านี้ไปแล้ว
“เยว่ซือฉานคือศิษย์สายตรงของสำนักข้า ได้รับความสำคัญจากผู้อาวุโสทั้งหลาย สหายเต๋าแห่งลัทธิสัตตบงกชจะเห็นแก่หน้าของพวกเราดินแดนลี้ลับขั้นเก้า ยอมรามือในเรื่องนี้ได้หรือไม่?”
ชายในอาภรณ์ขนนกเอ่ยพูดน้ำเสียงราบเรียบ
คำพูดแผ่วเบาเพียงประโยคเดียว ทำให้คนทั้งหลายในลัทธิสัตตบงกชกับแขกเหรื่อต่างก็อึ้งตะลึงในใจ
เมื่อหันกลับไปมองพวกของเยว่ไป่หลิง พวกเขาทั้งตกใจระคนดีใจ ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าเยว่ซือฉานที่เพิ่งเข้าไปฝึกตนในดินแดนลี้ลับเก้าขั้นเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้กลับสามารถเชิญผู้เป็นตัวตนจักรพรรดิของสำนักออกมาช่วยได้แล้ว!
“ซือฉานเป็นเด็กดีมากคนหนึ่ง!”
เยว่ไป่หลิงรู้สึกตื้นตันในใจ
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของตระกูลเยว่ก็แอบโล่งใจเช่นเดียวกัน
พวกเขาไม่เชื่อหรอกว่า ลัทธิสัตตบงกชจะกล้าขัดความต้องการของดินแดนลี้ลับขั้นเก้า!
“เรื่องนี้…”
น้ำเสียงและแววตาของฉางซุนหงมีแต่ความสับสน
หากพูดถึงการฝึกตน เขาสามารถฆ่าผู้ชายผู้สวมชุดขนนกคนนั้นได้อย่างง่ายดาย แต่เขากลับไม่กล้าทำเช่นนั้น
เพราะว่าหากผิดใจกับดินแดนลี้ลับขั้นเก้าขึ้นมา ลัทธิสัตตบงกชจะต้องถูกถอนรากถอนโคนอย่างแน่นอน!
“หืม? หรือว่าเจ้ามีปัญหา?”
ผู้ชายในชุดขนนกเอ่ยถามราบเรียบ
ฉางซุนหงตัวแข็งทื่อ และรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ถ้าเช่นนั้นก็เป็นไปตามนี้”
ผู้ชายในชุดขนนกกล่าว “นับแต่นี้เป็นต้นไป ลัทธิสัตตบงกชจะไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ตระกูลเยว่อีก…”
ขณะที่กำลังพูด เสียงหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ดินแดนลี้ลับขั้นเก้าช่างยิ่งใหญ่เสียจริง เพียงแค่ส่งตัวตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำตัวเล็ก ๆ มา ก็คิดจะเกี่ยวข้องกับเรื่องในวันนี้เช่นนั้นหรือ?”
ทุกคนหันไปมองอย่างพร้อมเพรียงกัน
ภายใต้ท้องฟ้าอันไกลโพ้น ผู้เฒ่าร่างผอมสูง ผิวเหลืองซีด สวมชุดคลุมหนังสัตว์สาวเท้าก้าวใหญ่ ๆ เดินมา
ทุกแห่งที่เขาเดินผ่าน สายฟ้าคะนองลั่นลงมาจนส่งผลให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ทรงพลังน่ากลัว!
“ในที่สุดก็มาแล้วจนได้…”
รอยยิ้มผุดขึ้นบนริมฝีปากของฉางซุนหง
ชั่วขณะนี้ ความกดดันและตื่นเต้นภายในใจของเขาไม่เหลืออีกแล้ว!
“นั่นคือ?”
“หนึ่งในสามสำนักมหาอสูรแห่งมหาแดนดิน ‘โม่เหิงเทียน’ ยอดฝีมือขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำแห่งวังมารโลกโลกีย์!”
…ทุกคนที่อยู่ในงานต่างแตกตื่น สมาชิกลัทธิสัตตบงกชแสดงสีหน้าแห่งความยินดีออกมา ยามเห็นอีกฝ่ายปรากฏกาย
ส่วนตระกูลเยว่กลับตื่นตระหนกตกใจ
ใครจะคาดคิดว่าหลังจากยอดฝีมือแห่งแดนลี้ลับขั้นเก้าปรากฏตัวแล้ว ยังจะเกิดเรื่องขึ้นอีก!
“ตามความคาดหมาย ข้าจำไม่ผิด ปรมาจารย์ผู้บุกเบิกลัทธิสัตตบงกชมีความสนิทสนมใกล้ชิดกับวังมารโลกโลกีย์”
ซูอี้แอบคิด
ถึงแม้วังมารโลกโลกีย์จะด้อยกว่า ‘สำนักแดนอสูรปรีดี’ สำนักมารอันดับหนึ่งของมหาแดนดิน ทว่ามันก็ด้อยกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขุมกำลังระดับสูงทั่ว ๆ ไปในมหาแดนดินไม่อาจเปรียบเทียบได้
โม่เหิงเทียนกล้าสอดมือเข้ามายุ่ง ทั้งยังพูดตำหนิผู้ชายที่สวมชุดขนนก ประการที่หนึ่งเพราะฐานะของเขาสูงกว่า ประการที่สองเพราะเขาเป็นตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ จึงไม่สนใจตัวตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำเช่นผู้ชายที่สวมชุดขนนกเป็นธรรมดา
“ตัวประหลาดเฒ่าโม่?”
ผู้ชายในชุดขนนกขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นมา
โม่เหิงเทียนส่งสายตาเย็นยะเยือก “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีฐานะอันใดในแดนลี้ลับขั้นเก้า แต่เห็นแก่หน้าของแดนลี้ลับเก้าขั้น ข้าสามารถเป็นตัวแทนของลัทธิสัตตบงกชยอมถอยไปก้าวหนึ่งได้ ไม่เอาความผิดกับเยว่ซือฉานอีก”
หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เขาก็กล่าวต่อว่า “แต่เยว่ฉางเทียนจะต้องตาย! ข้าขอเตือนเจ้าอย่าได้สอดมือเข้ามายุ่งอีก มิเช่นนั้น หากต้องถึงขั้นแตกหักขึ้นมา ข้าไม่เกรงกลัวหรอกที่จะให้บทเรียนแก่เจ้า ให้เจ้าได้รู้รสความเจ็บปวด!”
คำกล่าวนี้ทรงพลังอย่างไร้ขอบเขต
ทว่านี่ถือเป็นการให้เกียรติชายในอาภรณ์ขนนกแล้ว ว่าพวกเขารับปากว่าจะให้อภัยเยว่ซือฉาน และคิดบัญชีกับเยว่ฉางเทียนเท่านั้น
ชายในอาภรณ์ขนนกจึงลังเลขึ้นมา จากนั้นเขาก็นิ่งเงียบไป
เยว่ไป่หลิงกับคนอื่น ๆ เห็นเช่นนี้แล้วความปีติยินดีภายในใจราวกับถูกน้ำเย็นราด มือเท้ารู้สึกเย็นชา
โม่เหิงเทียนยิ้มน้อย ๆ พลางกล่าวเตือนสติด้วยเสียงจริงจัง “อย่างไรเสียเยว่ซือฉานก็เป็นเพียงแค่ศิษย์สายตรงคนหนึ่งเท่านั้น แต่เรื่องในวันนี้พัวพันไปถึงความขัดแย้งของสองขุมกำลังใหญ่แห่งโลกเทียนเสวียน สหายเต๋าคิดว่า จำเป็นต้องถึงขั้นแตกหักกับม่อผู้นี้เพื่อศิษย์สายตรงคนหนึ่งจริง ๆ หรือ?”
ไม่รอให้ชายในอาภรณ์ขนนกตอบ โม่เหิงเทียนก็ประสานมือร้องตวาด “สหายเต๋าโปรดสนับสนุนด้วย!”
ผู้ชายในชุดขนนกถอนใจยาว ๆ กล่าวเสียงเย็นชา “ตัวประหลาดโม่ ข้าจะกลับไปรายงานทุกการกระทำของเจ้าในวันนี้ให้เจ้าสำนักรับทราบ!”
ดูเหมือนเป็นการข่มขู่ ทว่าความจริงแล้วเท่ากับยอมรับ
เพราะเขาย่อมมองออกว่าหากต้องแตกหักขึ้นมา โม่เหิงเทียนอาจจะลงมือสั่งสอนเขาจริง ๆ !
คำกล่าวเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยตระกูลเยว่ไม่ได้ ทั้งยังทำให้เขาขายหน้าอีกด้วย!
“ฮ่า ๆๆ วันข้างหน้าหากแดนลี้ลับขั้นเก้าจะเอาโทษ โม่ผู้นี้จะต้องชดเชยอย่างแน่นอน!”
โม่เหิงเทียนหัวเราะเสียงดังด้วยความมั่นใจเต็มที่
คนทั้งหลายของลัทธิสัตตบงกชกับแขกเหรื่อเหล่านั้นต่างพากันหัวเราะ หมอกดำภายในใจหายไปจนสิ้น
ทว่าผิดกับคนในตระกูลเยว่ที่สีหน้าสลดลง ความมั่นใจพลันสั่นคลอนจนไม่อาจควบคุม
การปรากฏตัวของโม่เหิงเทียนเปรียบได้กับฟางเส้นสุดท้ายที่ทับอูฐตาย ทำให้บุคคลอย่างเยว่ไป่หลิงรู้สึกจนวิถีทาง
เดิมที เขาก็เตรียมไพ่ใบสุดท้ายเอาไว้เช่นกัน ทว่าต่อหน้าโม่เหิงเทียน ไพ่ใบสุดท้ายเหล่านี้ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย!
เห็นหรือไม่ว่าแม้กระทั่งผู้ชายสวมชุดขนนกจากแดนลี้ลับขั้นเก้าก็ยังต้องถอยไปเลย?
“เยว่ไป่หลิง ความอดทนของข้ามีจำกัด ขอถามเจ้าเพียงประโยคเดียว จะมอบตัวคนออกมาหรือไม่!?”
ฉางซุนหงเอ่ยพูดเสียงเคร่งเครียด
สีหน้าของเขาดุดัน และไม่คิดจะเสียเวลาให้มากกว่านี้อีก จึงต้องการบีบให้ตระกูลเยว่ยอมจำนนโดยไว!
สายตาของทุก ๆ คนในงานมองไปที่เยว่ไป่หลิงอย่างพร้อมเพรียงกัน
เยว่ไป่หลิงมีสีหน้าเคร่งเครียด สองมือกำหมัดแน่น
ไม่ว่าใครก็มองออกว่าหัวใจของตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำแห่งตระกูลเยว่ท่านนี้กำลังทรมานอย่างแสนสาหัส
“ตัวประหลาดเยว่ ยอมเสียเถอะ ข้าเคยบอกเจ้าตั้งนานแล้ว สถานการณ์ในวันนี้ ตระกูลเยว่ของเจ้าไม่มีทางจะพลิกผันได้ ยอมเสียสละเยว่ฉางเทียนเพียงคนเดียวเพื่อแลกกับความสงบสุขของตระกูลเยว่ เช่นนี้จึงเป็นผลที่ดีที่สุด”
อาจารย์อวิ๋นอิ่งยังคงเกลี้ยกล่อมต่อไปอีก
เยว่ไป่หลิงหน้าดำคร่ำเคร่ง และกัดฟันกรอด ๆ
“บรรพชน อย่าได้ลำบากเพื่อข้าอีกเลย”
ทันใด เสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
ร่างร่างหนึ่งบินลงมาอย่างรวดเร็ว
คนผู้นี้เป็นผู้ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงสวมชุดสีขาวหยก ใบหน้างดงามประดุจหยก เพียงแต่ว่าหน้าซีดมาก พลังในตัวอ่อนแอ
“เยว่ฉางเทียน! คนผู้นี้ปรากฏแล้วจนได้!!”
มีคนร้องตะโกน
บนผาวสันตวารีเกิดความแตกตื่น
“ฉางเทียน เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่?”
ดวงตาของเยว่ไป่หลิงวาวโรจน์ด้วยความโกรธ “รีบกลับไป!”
เยว่ฉางเทียนหัวเราะพลางกล่าว “พวกเขาต้องการชีวิตของข้า ข้าแค่มอบให้พวกเขาก็จบเรื่อง”
พูดจบ เขากวาดมองดูแต่ละคนโดยเริ่มจากฉางซุนหง ฉินลั่วสุ่ย และโม่เหิงเทียน เมื่อมองเห็นซูอี้ที่นั่งอยู่ริมหน้าผา สายตาของเขาสะดุดหยุดไปครู่หนึ่งเล็กน้อย ฉับพลันก็เพิกเฉยไป
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ขอบคุณสหายเต๋าที่มาช่วย บุญคุณยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ตระกูลเยว่ของข้ารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก”
เยว่ฉางเทียนผงกศีรษะแสดงความเคารพต่อผู้ชายในชุดขนนก
ชายในอาภรณ์ขนนกรู้สึกอึดอัดขึ้นมา กล่าวทอดถอนใจ “อย่าได้เอ่ยความเช่นนี้ ข้าไม่ได้ช่วยอะไรเลย”
สายตาของเยว่ฉางเทียนอ่อนโยนลง ขณะกล่าวเบา ๆ “ข้าเชื่อว่า บุตรสาวของข้าฝึกตนอยู่ที่แดนลี้ลับขั้นเก้า จะต้องไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิตอย่างแน่นอน เช่นนี้ ต่อให้ข้าต้องตาย ก็ไม่มีอะไรให้กังวล”
คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเห็นใจ ใคร ๆ ก็มองออกว่าเยว่ฉางเทียนกำลังเดินทางสู่ความตาย! ต้องการใช้ชีวิตของตัวเองแลกกับความสงบสุขของตระกูลเยว่ทั้งตระกูล!
ชิ้ง!
ฉินลั่วสุ่ยหยิบดาบวิถีออกมา จากนั้นก็เขวี้ยงออกไป ดาบวิถีลอยอยู่กลางอากาศ
“อยากจะฆ่าตัวตาย? ได้ ใช้ดาบเล่มนี้จบชีวิตตัวเองเสีย!”
บนใบหน้าเย่อหยิ่งจองหองของฉินลั่วสุ่ยเต็มไปด้วยความเย็นชา
เยว่ไป่หลิงกับคนอื่น ๆ ในตระกูลเยว่ทั้งตระหนกและโกรธเกรี้ยว ขณะพยายามร้องห้าม
พวกของฉางซุนหงมองดูพร้อมกับหัวเราะเย็นชา เยว่ฉางเทียนเป็นฝ่ายรนหาที่ตายเอง ก็แสดงว่างานประชุมวสันตวารีในวันนี้มีข้อสรุปแล้ว!
“เจ้านี่นะ หากปรากฏตัวออกมาเร็วสักหน่อย จะเกิดเรื่องมากมายเช่นนี้หรือ?”
โม่เหิงเทียนร้องฮึ
ผู้ชายในชุดขนนกหันหน้าไปทางอื่น ไม่กล้ามองอีก
ทว่าเวลานี้ ซูอี้เก็บน้ำเต้าสุรา และไม่รอคอยอีกต่อไป
เดิมทีเขาเข้าใจว่าวันนี้จะได้เห็นคนของแดนบูรพาน้อยซึ่งเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของฝ่ายพุทธมาช่วย หากเป็นเช่นนี้ ตนเองก็ไม่จำเป็นต้องลงมือ
เพราะอย่างไรเสียก็ดี เขาเคยสั่งกำชับเยว่ซือฉานเอาไว้ว่าหากเจออันตรายใด ๆ ที่ไม่อาจแก้ไขได้ สามารถไปขอความช่วยเหลือจากแดนบูรพาน้อยได้ หลวงจีนเยี่ยนซินจะต้องให้ความช่วยเหลืออย่างแน่นอน
ทว่าดูท่าทางในตอนนี้แล้ว เยว่ซือฉานคงไม่ได้ทำตามที่กำชับไว้
ทว่าเรื่องเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
เวลานี้ เขาไม่อาจปล่อยให้เยว่ฉางเทียนตายไปได้
ขณะที่ครุ่นคิด ซูอี้ก็ลุกขึ้นเก็บเก้าอี้หวายแล้ว จากนั้นเบนสายตามองไปที่เยว่ฉางเทียน “ชีวิตของเจ้า ข้ารับประกัน”
คนในงานทั้งหมดพากันตะลึง
ก่อนหน้านี้ ซูอี้ไม่เคยใส่ใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานเลย ทำให้พวกฉางซุนหงเกือบจะลืมไปเลยว่ายังมีซูอี้อยู่อีกคน
และก็เป็นเพราะเหตุนี้ด้วยเช่นกัน เมื่อซูอี้ก้าวยืนออกมาในเวลานี้ อีกทั้งยังพูดว่ารับประกันชีวิตของเยว่ฉางเทียน ทุก ๆ คนต่างก็เข้าใจไปว่าตัวเองหูฝาด!
เรื่องนี้เกินความคาดหมายเสียเหลือเกิน
ตามที่รู้กันดีว่า สถานการณ์มาถึงช่วงเวลาสำคัญในช่วงสุดท้ายแล้ว ความสนใจของทุก ๆ คนล้วนพุ่งไปที่ตัวของเยว่ฉางเทียน ใครกันจะคิดว่าหนุ่มน้อยผู้ถูกเพิกเฉยราวกับเป็นคนนอกจะกล้ายืดอกออกมาในเวลานี้เช่นนี้?
เพียงครู่เดียว ซูอี้กลายเป็นจุดเด่นของงานทันที!
พวกของเยว่ไป่หลิงพากันตะลึง
ซูอี้กล้ายืดอกออกมารับหน้าในเวลาเช่นนี้ เป็นสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจทำได้!
เพราะจ้าวหลินคงกับเซียวอู๋จี้ที่ทรยศหักหลัง
ไหนจะอาจารย์อวิ๋นอิ่งผู้เลือกที่จะร่วมมือกับลัทธิสัตตบงกช มีคนไหนบ้างที่ไม่ใช่ผู้อาวุโสขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำที่มีชื่อเสียงมานาน?
ทว่าพวกเขากลับไม่กล้าออกหน้าช่วยตระกูลเยว่!
แต่ชายหนุ่มอย่างซูอี้กลับยืดอกเข้ามาช่วย!
ทำให้พวกเยว่ไป่หลิงรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก ตื้นตันใจจนพูดไม่ออก
“อีกประเดี๋ยวไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของพวกเรา สหายเต๋าซูอี้จะพลอยเดือดร้อนไปด้วยไม่ได้เด็ดขาด!!”
เยว่ไป่หลิงส่งกระแสเสียงปราณออกคำสั่งหนักแน่น
ทุกคนในตระกูลเยว่ต่างพยักหน้ารับ
แต้มลายดอกไม้บนสิ่งทอสวยงามนั้นง่าย ทว่ามอบถ่านฟืนในยามหิมะหนาวนั้นยาก!
“รับ… รับประกันชีวิตข้า…”
และในขณะเดียวกันนี้เอง เยว่ฉางเทียนก็สะดุ้งเช่นกัน เขาแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมา พลางประสานมือคารวะต่อซูอี้กล่าว “สหายน้อยมีคุณธรรม เยว่ผู้นี้ขอรับไว้ด้วยใจ แต่ สหายน้อยจงอย่าได้เกี่ยวข้องด้วยเลย อย่าสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเอง”
ในสายตาของเยว่ฉางเทียน ซูอี้เป็นเพียงแค่ชายหนุ่มผู้มีไฟแรงคนหนึ่งเท่านั้น เขาจึงไม่คิดจริงจังกับคำพูดของชายหนุ่ม
พวกของเยว่ไป่หลิงก็ส่งเสียงร้องทัดทานซูอี้ด้วย
ซูอี้ “…”
“หนุ่มน้อยคนนี้คือใครกัน เหตุใดจึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้? เหลวไหลสิ้นดี!”
ทันใด โม่เหิงเทียนก็สบถด้วยความไม่พอใจ
พวกฉางซุนหงก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงเช่นกัน
จิ้งหรีดตัวเล็ก ๆ ที่ถูกเพิกเฉยตัวหนึ่งเท่านั้น ยังกล้ากระโดดออกมาในเวลาเช่นนี้ได้ อยากตายมากนักหรือ?
“ซือเผิง ไปจัดการให้เจ้าเด็กนั่นหุบปาก”
ฉางซุนหงออกคำสั่ง
“ขอรับ!”
ผู้อาวุโสซือเผิงแห่งลัทธิสัตตบงกชก้าวออกมา
ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือ แขกคนหนึ่งก็หัวเราะหึ ๆ ขึ้นมา “จัดการกับหนุ่มน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ถึงกับต้องให้ใต้เท้าซือเผิงลงมือเลยเชียวหรือ? ให้ผู้น้อยจัดการจะดีกว่า”
คนผู้นี้เป็นชายวัยกลางคนสวมชุดผ้าแพรอย่างดี มีระดับการฝึกตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลาง เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสที่ทางลัทธิสัตตบงกชเชิญมาช่วย
พูดจบ ชายวัยกลางคนผู้สวมชุดผ้าแพรอย่างดีก็หายตัว จากนั้นเขาก็ซัดฝ่ามือเขกไปที่หน้าผากซูอี้ “คนหนุ่ม เคราะห์มาจากปาก ชีวิตของเจ้า ต้องดับไปง่าย ๆ เช่นนี้…!”
เอื๊อก!
หัวกะโหลกเลือดอาบลอยขึ้น
เพียงแต่ว่า คนทั้งหมดในงานต่างก็เบิกตากว้าง
เพราะคนที่ถูกฆ่า คือชายวัยกลางคนผู้สวมชุดผ้าแพรอย่างดีคนนั้น
คอของเขาถูกพลังดาบฟันจนขาด หัวลอยขึ้นสู่ฟ้า ร่างของเขามลายหายไปกลายเป็นเถ้าถ่าน!
รวดเร็วมาก!
จนกระทั่งผู้ชายวัยกลางคนผู้สวมชุดผ้าแพรอย่างนี้ตายไปแล้ว เสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและดูแคลนของเขายังคงดังวนเวียน
เพียงแต่ว่า ความหมายของคำพูดที่กล่าวมานั้นกลับกลายเป็นคำประชดอย่างแรง
เคราะห์ออกจากปาก
ผลปรากฏว่าผู้ชายวัยกลางคนผู้สวมชุดผ้าแพรอย่างดีตายไปก่อน…
ในงานเงียบสงัด ผู้อาวุโสทั้งหลายเหล่านั้นล้วนตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ตรงหน้า
คนของลัทธิสัตตบงกชพากันอึ้ง แทบไม่อยากจะเชื่อ
รวดเร็วมาก!
จนกระทั่งผู้ชายวัยกลางคนผู้สวมชุดผ้าแพรอย่างนี้ตายไปแล้ว เสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและดูแคลนของเขายังคงดังวนเวียน
เพียงแต่ว่า ความหมายของคำพูดที่กล่าวมานั้นกลับกลายเป็นคำประชดอย่างแรง
เคราะห์ออกจากปาก
ผลปรากฏว่าผู้ชายวัยกลางคนผู้สวมชุดผ้าแพรอย่างดีตายไปก่อน…
ในงานเงียบสงัด ผู้อาวุโสทั้งหลายเหล่านั้นล้วนตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ตรงหน้า
คนของลัทธิสัตตบงกชพากันอึ้ง แทบไม่อยากจะเชื่อ
ฉินลั่วสุ่ยร้องอี๋ขึ้นมาเบา ๆ ถึงกับพิจารณามองดูซูอี้ใหม่อีกครั้ง
ฉางซุนหงสีหน้าเครียด หัวคิ้วขมวดแน่น
ผู้อาวุโสซือเผิงตกใจจนเหงื่อหนาวอาบตัว จิตใจสั่นสะท้าน นึกไปว่าหากก่อนหน้านี้คนที่ลงมือคือตัวเอง ผลจะเป็นเช่นใด?
“ที่แท้ คน ๆ นี้ก็เป็นคนโหดที่ไม่แสดงตัวนั่นเอง!”
สายตาของอาจารย์อวิ๋นอิ่งเป็นประกาย
“อายุสิบแปดสิบเก้าเท่านั้น กลับสามารถฆ่าผู้เป็นจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลางได้ น่าสนุกเสียแล้ว”
โม่เหิงเทียนเลิกคิ้ว
เขามองเห็นอย่างชัดเจนว่า เมื่อซูอี้กวาดมือออกไป พลังดาบพลันปรากฏที่ปลายนิ้ว ฆ่าผู้ชายวัยกลางคนผู้สวมชุดผ้าแพรอย่างดีคนนั้นอย่างง่ายดาย พลังเช่นนั้นกล่าวได้ว่ามหัศจรรย์มาก
“ร้ายกาจ!”
เยว่ฉางเทียนดีใจ
เมื่อเทียบกันแล้ว พวกของเยว่ไป่หลิงดูสงบใจเย็นมากกว่า
เพราะพวกเขารู้เยว่อวิ๋นซานมาแล้วว่าบนหนทางพันวกวน ซูอี้ฆ่ามารเฒ่าผู้ชั่วร้ายสิบสี่ตนเพียงแค่อึดใจเดียว!
“เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน?”
บรรยากาศเงียบสงบอย่างน่าประหลาด
ซูอี้ปัดฝุ่นที่ติดเสื้อ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่ต้องเสียเวลามากไปกว่านี้อีก ข้าบอกไปแล้ว ชีวิตของเยว่ฉางเทียน ข้าจะเป็นผู้รับประกันเอง คนไหนไม่พอใจ คนนั้นตาย”
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา ทุกคนถึงกับแตกตื่น
“สารเลว คิดว่าตัวเป็นผู้ชี้ชะตา สามารถมองข้ามพวกข้าได้เช่นนั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสซือหงร้องตวาดด้วยความโกรธ
ทว่าเวลาถัดมา ซูอี้ก็กระดิกนิ้วทีหนึ่ง
สวบ!
พลังดาบฟันออกไปกลางอากาศ
ครืน!
ผู้อาวุโสซือหงต้านรับเต็มกำลัง
ทว่าเพียงแค่ชั่วครู่เดียว สมบัติและพลังป้องกันตัวของเขาก็ระเบิด
ตัวคนถูกฟันเป็นสองท่อน กลายเป็นเถ้าธุลีสลายหายไปในพริบตา
จิตและร่างดับสลาย!
วิธีฆ่าคนที่รุนแรงเช่นนี้สร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคนในงานอีกครั้ง
หากบอกว่าผู้ชายวัยกลางคนที่สวมชุดผ้าแพรอย่างดีตายเพราะประมาท
ถ้าเช่นนั้นผู้อาวุโสซือเผิงกลับถูกซูอี้ฆ่าตายอย่างง่ายดายในขณะที่ลงมืออย่างเต็มที่!
อีกทั้ง ผู้อาวุโสซือเผิงยังมีระดับการฝึกตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นปลาย แข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ชายวัยกลางผู้สวมชุดผ้าแพรอย่างดี ทว่าเขายังคงถูกฟันตายรายกับกระดาษ!
เช่นนี้ชักจะน่ากลัวเกินไปเสียแล้ว
ตัวตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำทั้งหลายในงานต่างก็ตื่นตระหนกจนหน้าถอดสี ขนลุกซู่ เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่?เหตุใดถึงน่ากลัวได้เพียงนี้!?
ตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำอย่างเช่นฉางซุนหง ฉินลั่วสุ่ย กับอาจารย์อวิ๋นอิ่งเหล่านี้ต่างก็ทำหน้าปั้นยาก ตื่นตระหนกไม่หาย
พวกเขายังแอบเสียใจว่าตอนที่ชายหนุ่มชุดเขียวคนนี้ปรากฏตัว เหตุใดจึงไม่สอบถามตื้นลึกหนาบางของฝ่ายตรงข้ามให้ละเอียดเสียก่อน
เยว่ฉางเทียนผู้ที่เดิมทีตั้งใจไว้แล้วว่าต้องตายแน่ รวมไปถึงผู้ชายในชุดขนนกคนนั้นก็ตกตะลึงมากเช่นกัน
ไม่มีใครคาดเดาได้ว่านี่เป็นกำลังการต่อสู้ที่ชายหนุ่มอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งควรจะมี!
“อันดับต่อมาก็ต้องเป็นไม่ตายไม่เลิกรา…”
เยว่ไป่หลิงถอนใจ
เขารู้สึกได้ว่า งานประชุมวสันตวารีในวันนี้ ต่อให้ตระกูลเยว่ของพวกเขาพยายามสุดชีวิตที่จะรักษาชีวิตของซูอี้ แต่หลังจากที่ซูอี้ลงมือฆ่าคน ลัทธิสัตตบงกชจะต้องพยายามทำทุกวิถีทางกำจัดเขาอย่างแน่นอน!
นี่จึงเป็นสภาพไม่ตายไม่เลิกรา!
โม่เหิงเทียนที่อยู่ห่างไกลออกไป กล่าวด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก “ตัวตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนผู้นี้ สหายเต๋าลั่วสุ่ย เจ้าไปจัดการเขาด้วยตัวเอง จำไว้ให้ดี อย่าได้ทำอันตรายถึงแก่ชีวิต ข้าสนใจในตัวเขา!”
“เจ้าค่ะ!”
นางสวมชุดสีดำทั้งตัว ผิวขาวยิ่งกว่าหิมะ ท่าทางเย็นชาหยิ่งผยอง
เมื่อนางก้าวออกมา พลังประหัตประหารอันน่ากลัวก็แผ่กระจายออกไปในทันที สั่นสะเทือนไปถึงชั้นเมฆ ทำให้ขุนเขาใหญ่ใต้ฝ่าเท้าถึงกับสั่นสะท้าน
ชิ้ง!
นางยื่นมือไปคว้าดาบวิถีซึ่งเดิมทีลอยอยู่ตรงหน้าเยว่ฉางเทียน ทันใดดาบก็มาอยู่ในมือ
จากนั้น นางก้าวขึ้นไปสู่กลางอากาศ ดวงตาสวยประดุจสายฟ้าก้มมองดูซูอี้ ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “เจ้าตัวน้อย กล้าสู้กับข้าหรือไม่?”
เยว่ไป่หลิงไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป จากนั้นเขาจึงกล่าวเสียงเครียด “ตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกลับทั้งคน กลับรังแกผู้ด้อยอาวุโสกว่า ช่างไร้ยางอายนัก! หากเจ้าต้องการจะสู้ ข้าพร้อมยินดี!”
เสียงดังไปทั่วฟ้าดิน
“บรรพชน ให้ข้าจัดการดีกว่า”
เยว่ฉางเทียนพุ่งขึ้นไปยังกลางอากาศด้วยการแตะปลายเท้าเพียงครั้งเดียว
เห็นได้ชัดว่ายอดฝีมือขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำของตระกูลเยว่ท่านนี้สู้สุดตัวแล้ว โดยไม่สนใจกับสิ่งใด ๆ อีกต่อไปแล้ว
“หากว่าเจ้ากล้าลงมือ ข้ารับรองได้ว่า ตระกูลเยว่ทั้งหมดของพวกเจ้าจะต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย เจ้าคิดดูให้ดีก็แล้วกัน!”
โม่เหิงเทียนส่งเสียงพูดเย็นชา
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา สีหน้าของเยว่ฉางเทียนก็ปั้นยากขึ้นมาในทันใด
เยว่ไป่หลิงก็หนักใจเช่นกัน หัวคิ้วขมวดแน่น
ทางด้านซูอี้ เขากวาดสายตามองดูเยว่ไป่หลิงกับพวกของเยว่ฉางเทียน ก่อนจะกล่าวขึ้น “นับแต่ตอนนี้เป็นต้นไป พวกเจ้ายืนดูอยู่ตรงนั้นก็พอ”
“นี่…”
ทุกคนในตระกูลเยว่ตะลึงจนเบิกตากว้าง
ต่อให้ตีจนหัวแตก พวกเขาก็คาดไม่ถึงว่าซูอี้จะรับมือการฟาดฟันในครั้งนี้เพียงคนเดียว อีกทั้งฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว ดูเหมือน… ไม่พอใจในสิ่งที่เยว่ไป่หลิงกับเยว่ฉางเทียนกระทำ?
พวกของโม่เหิงเทียนกับฉางซุนหงต่างตกตะลึงเช่นกัน
พวกเขาเคยเห็นคนบ้าบิ่นมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยเห็นคนที่บ้าดีเดือดเช่นนี้มาก่อน!
ใต้หล้าตอนนี้ ใครบ้างที่กล้ามองข้ามตัวตนขอบเขตจักรพรรดิขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำอย่างเช่นพวกเขาได้?
แม้กระทั่งผู้ชายในชุดขนนกจากแดนลี้ลับขั้นเก้าคนนั้น ก็ยังทำได้แต่เพียงบีบจมูกไม่กล้าส่งเสียง!
ทว่าตอนนี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งกลับกล่าวออกมาว่าจะสู้กับพวกเขาเพียงคนเดียว เช่นนี้จะเดือดระห่ำเกินไปแล้ว!
……….