บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1045: เจ็บใจคนโบราณไม่เห็นข้าเดือดระห่ำ
ตอนที่ 1045: เจ็บใจคนโบราณไม่เห็นข้าเดือดระห่ำ
บรรยากาศในงานเงียบสงบ
ถึงแม้เหล่าตัวประหลาดทั้งหลายจะผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก แต่ก็ยังรู้สึกตื่นตระหนกกับคำพูดของซูอี้ ราวกับไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
ในตัวของชายหนุ่มชุดเขียวคนนี้มีลักษณะของ ‘ไม่เห็นคนโบราณไม่เป็นไร แต่เจ็บใจคนโบราณไม่เห็นข้าเดือดระห่ำ’ มั่นใจในตัวเองมากจนถึงมองไม่เห็นใครในสายตา!
แม้กระทั่งตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำก็ยังไม่อยู่ในสายตาเขา!
จะไม่ให้ตื่นตะลึงได้เช่นใดกัน?
“หึ ในเมื่ออหังการถึงเพียงนี้ ข้าก็อยากจะดูนักว่าเจ้าจะนำความตื่นตะลึงมาให้ข้ามากน้อยเพียงใด”
โม่เหิงเทียนรำพึงเบา ๆ
คำกล่าวที่เย็นชาประโยคนั้นดังก้องไปทั่วฟ้าดิน คนทั้งหลายถึงกับขนลุกขึ้นมา
ชิ้ง!
ฉินลั่วสุ่ยตวัดดาบวิถี กล่าวเสียงเนิบ ๆ “มา ฆ่าข้าสิ!”
ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูแคลน
ซูอี้กลับไม่สนใจ กวาดตามองคนในลัทธิสัตตบงกช “พวกเจ้าบุกมาพร้อมกันเลยดีกว่า มิเช่นนี้ ศึกในครั้งนี้จะต้องน่าเบื่ออย่างแน่นอน”
ทุกคน “…”
เจ้าหนุ่มคนนี้จะอหังการมากขึ้นทุกทีแล้ว!!
ฉินลั่วสุ่ยถูกซูอี้มองข้ามไปหน้าตาเฉยถึงกับหน้าเสีย
สวบ!
นางพลิกข้อมือ ดาบวิถีคลี่ออกราวกับคลี่พัด เงาดาบสีน้ำเงินกลมมนถูกฟันออกไป แหวกอากาศพุ่งตรงไปฟันซูอี้
พลังกฎเกณฑ์ของขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำอัดอยู่ในภาวะดาบสีน้ำเงินจนเต็ม งดงามราวกับภาพลวงตา อานุภาพเช่นนั้นทำให้ใครไม่รู้เท่าไรถึงกับสั่นสะท้าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำที่อยู่ในงาน ต่างก็รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก!
ทว่าซูอี้กลับสะบัดแขนเสื้อ
เงาดาบสีน้ำเงินกลมมนราวกับเงาพระจันทร์ที่สะท้อนลงบนผิวทะเลสาบแตกสลายภายใต้กำลังการสะบัดแขนเสื้อของซูอี้ในทันใด
ท่ามกลางประกายแสงเทวะอันเรืองรอง ร่างสูงโปร่งของซูอี้พุ่งสูงขึ้นราวกับสายรุ้งทิพย์
ชิ้ง!
ดาบเงากระจ่างที่ปกคลุมไปด้วยประกายแสงพร่าวพราวประดุจฝันเหมือนแสงจันทร์ที่สะท้อนบนผิวน้ำในยามสารทฤดูปรากฏขึ้นในมือของซูอี้ ประกายแสงเรืองรองสาดส่อง ซูอี้ราวกับเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่
“ดาบวิถีเทวะสวรรค์บันดาล!”
เยว่ฉางเทียนตาลุกวาว
เขาเป็นนักดาบ ได้รับสมญานามว่า ‘จักรพรรดิดาบธุลีราตรี’ มองเพียงแค่แวบเดียวก็เห็นถึงความไม่ธรรมดาของดาบเงากระจ่าง!
เขามองเห็นซูอี้ทลายดาบของฉินลั่วสุ่ยขณะที่สะบัดแขนเสื้อ เมื่อคนทั้งหลายในงานที่ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนไปตั้งแต่ก่อนหน้าเหล่านั้นเห็นเขาชักดาบกลางอากาศ ค่อย ๆ ทะยานสูงขึ้น ความสง่างามในชั่วขณะนั้นทำให้ตัวประหลาดทั้งหลายตื่นตะลึงกันไม่หาย
ครืน!
บนฟ้า ฉินลั่วสุ่ยหรี่ตาคู่สวยลง ฉับพลันปรากฏแสงไฟฟ้าสีน้ำเงินขึ้นรอบตัว บดขยี้อากาศ แหวกทะลุท้องฟ้า!
ในชั่วขณะนี้ ผู้สามารถขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำจากลัทธิสัตตบงกชคนนี้ได้สำแดงระดับวิถีในตัวอย่างเต็มที่แล้ว
เพียงแค่อานุภาพก็แข็งแกร่งจนผู้แข็งแกร่งแห่งขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำในงานส่วนใหญ่ถึงกับทนไม่ไหว
“ประหาร!”
ฉินลั่วสุ่ยเอ่ยออกมา
ดาบวิถีในมือนางระเบิดแสงไฟฟ้าสีน้ำเงิน ปลายดาบมีกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างครอบคลุม จากนั้นพุ่งออกไปราวกับรู้หน้าที่
ตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเช่นเยว่ไป่หลิงกับเยว่ฉางเทียนสีหน้าเปลี่ยนพร้อมกัน
ถามใจตัวเองดู หากว่าเป็นพวกเขา ต้องลงมือทัดทานฉินลั่วสุ่ยอย่างเต็มที่ จึงสามารถรู้แพ้รู้ชนะได้
ซูอี้… ควรจะแก้ไขกระบวนดาบนี้เช่นใด?
ฉางซุนหงกับคนอื่นในลัทธิสัตตบงกช อาจารย์อวิ๋นอิ่งกับแขกเหรื่อเหล่านั้น รวมไปถึงโม่เหิงเทียนแห่งวังมารโลกโลกีย์กับชายในอาภรณ์ขนนกแห่งแดนลี้ลับขั้นเก้าก็ยังกลั้นหายใจตั้งสมาธิ ให้ความสนใจอย่างเต็มที่
ทว่าซูอี้ก็ไม่ได้หลบหลีก ร่างของเขายังคงทะยานสูงขึ้นเรื่อย ๆ มีแต่ดาบเงากระจ่างในมือเท่านั้นที่ส่งเสียงดังออกมา
ครืน!
ชั่วขณะนั้น ฟ้าดินสั่นสะเทือน
เมื่อซูอี้ตวัดดาบ อานุภาพดาบอันเกรียงไกรไร้เทียมทานแผ่ซ่านออกมาจากตัวดาบเงากระจ่าง
ราวกับเซียนดาบเริงระบำเงากระจ่าง ดาบสะท้านสวรรค์!
ปัง!!
เสียงระเบิดดังสนั่นแสบแก้วหูดังขึ้น แสงไฟฟ้าสีน้ำเงินสลายตัว พลังดาบที่ฉินลั่วสุ่ยซัดออกมานั้นแตกกระจุยราวกับกระจก
“นี่…”
ทุกคนในงานสั่นระริก
คนตระกูลเยว่อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เช่นนี้อหังการเกินไปแล้วกระมัง?
“มีปัญหา!”
โม่เหิงเทียนหรี่ตาลง
“วิถีดาบน่ากลัวมาก ดูเหมือนไม่ด้อยไปกว่าวิถีดาบของผู้อาวุโสเยี่ยนซู่หนีขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำของพวกเราเลย!”
ผู้ชายในชุดขนนกใจสั่นขึ้นมา
อานุภาพของดาบนี้ของซูอี้รุนแรงเฉียบขาดจนเกินไป สร้างความสะเทือนอย่างรุนแรงแก่คนทั้งหมด
และชั่วขณะนี้เช่นกัน ทุกคนจึงตระหนักได้แล้วว่าชายหนุ่มชุดเขียวผู้ไม่เห็นใครในสายตาคนนี้ ที่แท้แล้วเป็นตัวตนน่ากลัวที่ไม่แสดงออก!
พอเห็นดาบเล่มนี้ของซูอี้พุ่งเข้ามา สีหน้าของฉินลั่วสุ่ยก็เปลี่ยนไปในทันใด จากนั้นนางจึงรีบชักดาบขึ้นต้านรับ
ทว่าเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น ดาบวิถีของนางถูกฟันจนกระเด็นออกไป มันส่งเสียงดังสะเทือนถึงสวรรค์ จากนั้นข้อมือของนางเกิดรอยร้าว เลือดสด ๆ ซ่านกระเซ็น
“เป็นไปได้อย่างไร!?”
ฉินลั่วสุ่ยตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี
ทว่าซูอี้ถือดาบตรงเข้ามาแล้ว!
“ไป!”
เสียงร้องตวาดดังขึ้น ฉางซุนหงรีบเข้าไปช่วยในทันใด
ตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำแห่งลัทธิสัตตบงกชตวัดหอกรบประกายโลหิต แหวกทะลุอากาศพุ่งเข้าไปด้วยความดุดัน
หอกโลหิตเผาตะวัน!
ศาสตราวิถีคู่ชีพของฉางซุนหง เพียงแค่มันสำแดงพลังออกมา อานุภาพสามารถล้างผลาญโลกัลป์ ราวกับอัสนีเลือดพิฆาต
แทบจะเวลาเดียวกัน อาจารย์อวิ๋นอิ่งก็ลงมือด้วยเช่นกัน
คนผู้นี้หยิบแส้เต๋าสีทองเรืองอร่ามออกมา แล้วฟาดออกไป
“เฒ่าสารเลวคนนี้ หน้าไม่อายเอาเสียเลย!”
เยว่ไป่หลิงโกรธจัด
เขากำลังจะลงมือ ทว่ากลับถูกเยว่ฉางเทียนห้ามไว้ “ก่อนหน้านี้สหายเต๋าซูเคยบอกไว้แล้ว อย่าได้สอดมือเข้าไปยุ่ง ยิ่งไปกว่านั้น… ท่านคิดว่าสหายเต๋าซูต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ หรือ…”
เสียงของเขาแผ่วเบา สายตาล่องลอย
วิถีดาบของซูอี้แข็งแกร่งเสียเหลือเกิน แข็งแกร่งจนเขารู้สึกหวาดเกรง
เยว่ไป่หลิงอึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นก็แหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า
ภายใต้ท้องนภากว้าง ศึกครั้งใหญ่ระเบิดขึ้นแล้ว ซูอี้อาศัยกำลังของตัวเองเพียงคนเดียวรับมือการปิดล้อมของตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั้งสาม ทว่าไม่ได้ด้อยกว่าเลยแม้แต่น้อย!
เยว่ไป่หลิงถึงกับตะลึงตาค้าง
สหายซูท่านนี้เป็นใครกันแน่!?
“ให้ตายสิ! โลกเทียนเสวียนมีผู้ด้อยอาวุโสที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน!?”
โม่เหิงเทียนไม่อาจสงบใจได้อีกแล้ว
เขามาจากวังมารโลกโลกีย์แห่งมหาแดนดิน ตลอดชีวิตที่ผ่านมาได้พบเห็นผู้คนมามาก ทว่าพยายามครุ่นคิดแล้วก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าแผ่นดินแดนเทวาแห่งนี้มีชายหนุ่มผู้มีกำลังการต่อสู้ที่ร้ายกาจเช่นนี้โผล่หัวออกมาตั้งแต่เมื่อใด
อายุเพียงแค่สิบกว่าปีเท่านั้น ก็สามารถฆ่าตัวตนจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำได้ราวกับผักปลา!
และตอนนี้ เขาคนเดียวยังต่อสู้กับตัวตนขอบเขตจักรพรรดิขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำถึงสามคน!
เช่นนี้จะน่ากลัวเกินไปเสียแล้ว
โม่เหิงเทียนไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน!
เพราะเรื่องเช่นนี้ อย่าว่าแต่ใต้หล้ามหาแดนดินเลย แม้กระทั่งในช่วงเวลาที่ผ่านมานานแสนนานก็ยังไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
เป็นเรื่องที่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน!
“ร้ายกาจมาก!”
“คนผู้นี้ที่แท้แล้วเป็นใครกันแน่?”
“ตระกูลเยว่ไปเชิญเทพวิถีดาบเช่นนี้มาจากไหนกัน?”
ชั่วขณะนี้ บนผาน้ำในสารทฤดูเกิดเสียงร้องระงมแตกตื่นดังไปรอบด้าน ผู้แข็งแกร่งของทางลัทธิสัตตบงกชต่างมีสีหน้าตื่นตระหนกราวกับหวาดกลัวสิ่งที่ขึ้นตรงหน้า
ไม่ใช่เพราะพวกเขาขี้ตื่นตระหนกหวาดกลัว ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิ ลมฝนขนาดใหญ่แค่ไหนที่ไม่เคยเห็น?
ทว่าการต่อสู้ตรงหน้าครั้งนี้ ช่างอัศจรรย์เสียเหลือเกิน ไม่ว่าใครมาเห็นล้วนเป็นต้องสงบใจไม่อยู่!
“เฒ่าหนิว เจ้าก็ไปจัดการด้วย!”
จู่ ๆ โม่เหิงเทียนก็ร้องตะคอกเสียงดัง
เฒ่าหนิวที่ถูกเรียกชื่อเป็นตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเพียงคนเดียวที่ทางลัทธิสัตตบงกชเชิญมาเป็นแขก
เขาก็ตกตะลึงในกำลังการต่อสู้ของซูอี้เช่นกัน ดังนั้น เมื่อถูกโม่เหิงเทียนเรียกตัวเขาถึงกับลังเลไปชั่วครู่
ทว่าสุดท้าย เฒ่าหนิวก็กัดฟัน ส่งเสียงคำรามยาว ๆ ก่อนจะพุ่งตัวออกไป
ครืน!
เขาขับดันตราประทับวิถีสีทองอร่ามซึ่งมีอานุภาพแข็งแกร่ง
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อการต่อสู้ดำเนินไป อานุภาพของซูอี้ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากกว่าเดิม ราวกับเขาไม่ได้กำลังถูกกลุ่มของศัตรูปิดล้อม แต่เหมือนกับเขากำลังจัดการกับตัวตนจักรพรรดิขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำถึงสี่คนด้วยตัวคนเดียว!
กำลังการต่อสู้ที่น่ากลัวเช่นนี้ทำให้ทุกคนแทบสะดุ้ง
ในโลกนี้ มีคนหนุ่มที่ไหนอายุแค่สิบกว่าปีก็พิสูจน์เต๋าเป็นจักรพรรดิกัน?
และคนหนุ่มเช่นนี้ ยังสามารถข้ามขอบเขตสลายการโอบล้อมของตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้อีกด้วย!
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้…”
โม่เหิงเทียนตื่นตระหนก หน้าดำคร่ำเคร่งลงจนน่ากลัว ในใจร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก
หากให้เขาไปสู้ด้วยตนเอง ก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถรับมือตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั้งสี่ที่ร่วมมือบุกพร้อมกันได้
ทว่าตอนนี้ ชายหนุ่มขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลางกลับทำได้!
ใครบ้างจะไม่ร้อนรนใจ?
โม่เหิงเทียนกัดฟันแน่น ความเจ็บแค้นฉายวาบในสายตา
เขาไม่รีรออีกต่อไป จากนั้นจึงพุ่งทะยานขึ้นไปบนอากาศ และฟาดง้าวออกไปทันที
ครืน!
เพลิงแสงพุ่งขึ้นฟ้า กฎเกณฑ์ประสานเข้าหากันเป็นจุดเดียว
โม่เหิงเทียนบุกเข้าไปช่วยคนอื่น ๆ รับมือซูอี้ ด้วยการตวัดง้าวโลหะอย่างฉับไว
ความดุดันเช่นนั้น รุนแรงโหดระห่ำอย่างไร้ขอบเขต
“ในที่สุดผู้อาวุโสโม่ก็ลงมือ!”
“ครั้งนี้ เจ้าหนุ่มคนนั้นต้องตายแน่!”
คนของลัทธิสัตตบงกชต่างก็ตื่นตัวขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
หากพูดถึงความแกร่งของกำลังการรบ ในบรรดาตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำที่อยู่ในงาน โม่เหิงเทียนแข็งแกร่งที่สุด!
ทว่าในขณะนี้เอง เสียงหัวเราะของซูอี้กลับดังขึ้นมา “ตาเฒ่า ในที่สุดเจ้าก็มา!”
เสียงดังราวกับระฆังทำวัตรเช้าดังก้องไปทั่วแผ่นฟ้าและแผ่นดิน
ทุกคนต่างก็ตะลึง ซูอี้กล่าวมาเช่นนี้ ทำให้คนทั้งหลายรู้สึกว่าศึกในครั้งนี้ เขากำลังรอโม่เหิงเทียนมาโดยตลอด!
โม่เหิงเทียนสะดุ้งในใจ ‘มันเรื่องอันใดกัน?’
‘หรือว่าข้าจะหลงกลเสียแล้ว!?’
และในชั่วขณะนี้เอง กลิ่นอายพลังในตัวซูอี้ก็เปลี่ยนไป เขาขับดันระดับวิถีในตัวทั้งหมดอย่างเต็มที่ และไม่คิดที่จะไม่เก็บกักไว้อีกแล้ว
ครืน!
ชุดสีเขียวของเขาสะบัดโบกพลิ้ว อานุภาพดาบที่น่ากลัวจนสร้างความสั่นสะท้านให้กับฟ้าดินถาโถมไปที่ร่างสูงโปร่งของเขา
ดาบเงากระจ่างราวกับรับรู้ได้ถึงความดุดันในใจซูอี้ ตัวดาบส่งเสียงชิ้ง ๆ ขึ้นแผ่วเบาราวกับความฝัน คล้ายกับอานุภาพสวรรค์อันยิ่งใหญ่สั่นสะท้านไปถึงสวรรค์ชั้นเก้า
“ไม่ได้การ!”
โม่เหิงเทียนขนลุกซู่ บรรยากาศกดดันเสียจนเขารู้สึกไม่ต่างกับมีภัยกำลังคุกคามชีวิตของตน
เขารู้ว่าตัวเองหลงกลแล้วจริง ๆ ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ใช้สุดกำลัง ทว่าอีกฝ่ายทำเช่นนี้ก็เพื่อชักจูงให้ตัวเองเข้าร่วมต่อสู้ด้วย ไม่ให้ตัวเองได้มีโอกาสหนี!
แต่เสียดาย เมื่อเขารู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว!
“ตาย!”
เสียงราบเรียบดังขึ้น ระหว่างที่ซูอี้กวัดแกว่งดาบออกไป จนทำให้การปิดล้อมนั้นแตกพ่าย ส่วนปลายดาบพุ่งเข้าใส่โม่เหิงเทียนราวกับทางช้างเผือกอันยิ่งใหญ่ร่วงหล่นจากฟากฟ้า
“เปิด…!”
ในช่วงเวลาเป็นตายเท่ากันเช่นนี้ โม่เหิงเทียนแผดเสียงร้อง ขณะใช้เคล็ดวิชาต้องห้าม ระดับวิถีในตัวราวกับถูกเผาผลาญจนระเบิดสูงขึ้น
จากนั้นเขาก็กวัดแกว่งง้าวรบเข้าตอบโต้
แคว่ก!
ง้าวรบหัก
“เป็นไปได้อย่างไร…”
โม่เหิงเทียนตกใจจนขวัญแทบกระเจิง ไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด
เคล็ดวิชาลึกลับที่เขาใช้ระดับวิถีทั้งหมดผลักดันทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!?
ทันใด ภาวะดาบยิ่งใหญ่ราวกับเขื่อนใหญ่แห่งทางช้างเผือกก็เข้าปกคลุมโม่เหิงเทียน
ครืน!
ประกายดาบพุ่งกระจาย ท้องฟ้าบริเวณนั้นราวกับจะถล่มลงมา
ตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำจากวังมารโลกโลกีย์โม่เหิงเทียนผู้นี้ถูกภาวะดาบไร้เทียมทานบดขยี้ร่างในทันที จิตวิญญาณแตกดับ สลายหายไปท่ามกลางประกายแสงดาบอันสว่างไสวเรืองรอง
หายลับไปไม่มีเหลือ!
ขณะที่ถูกยอดฝีมือขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั้งหลายปิดล้อม เขากลับสามารถฆ่าโม่เหิงเทียนตายในดาบเดียวได้!
ภาพเหตุการณ์สยดสยองน่ากลัวเช่นนั้น สร้างความสั่นสะเทือนให้กับทุกคนในงาน
และก็เป็นเวลานี้เช่นกัน ทุกคนจึงเข้าใจแล้วว่า ในการประหัตประหารกันเมื่อครู่ ซูอี้ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มี และที่ทำเช่นนี้ก็เพราะเจตนาจะหลอกล่อให้โม่เหิงเทียนยื่นมือเข้ามาช่วยจะได้ฆ่าเสียทีเดียว!
ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน
เมื่อตระหนักได้ถึงจุดนี้ ฉางซุนหง ฉินลั่วสุ่ย อาจารย์อวิ๋นอิ่ง กับเฒ่าหนิวถึงกับหนาวสะท้าน ความตั้งใจเดิมสั่นคลอน
โม่เหิงเทียนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังถูกล่อลวงไปฆ่า นับประสาอะไรกับพวกเขา?
หากก่อนหน้านี้ซูอี้แสดงพละกำลังทั้งหมดที่มีออกมาเพื่อฆ่าพวกเขาล่ะก็ เพียงแค่ตวัดดาบก็ทำได้แล้ว!
ครืน!
หลังจากที่ฆ่าโม่เหิงเทียนเสร็จ ซูอี้ก็ตวัดดาบกวาดเรียบโดยไม่ไว้หน้า
ฉินลั่วสุ่ยผู้ซึ่งได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่ ทำได้เพียงแค่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาเท่านั้น จากนั้นนางก็ถูกพลังดาบอันรุนแรงไร้เทียมทานกวาดโดนร่างจนร่างแตกระเบิดกลางอากาศ
“ไป!”
เมื่อตระหนักได้ถึงจุดนี้ ฉางซุนหง ฉินลั่วสุ่ย อาจารย์อวิ๋นอิ่ง กับเฒ่าหนิวถึงกับหนาวสะท้าน ความตั้งใจเดิมสั่นคลอน
โม่เหิงเทียนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังถูกล่อลวงไปฆ่า นับประสาอะไรกับพวกเขา?
หากก่อนหน้านี้ซูอี้แสดงพละกำลังทั้งหมดที่มีออกมาเพื่อฆ่าพวกเขาล่ะก็ เพียงแค่ตวัดดาบก็ทำได้แล้ว!
ครืน!
หลังจากที่ฆ่าโม่เหิงเทียนเสร็จ ซูอี้ก็ตวัดดาบกวาดเรียบโดยไม่ไว้หน้า
ฉินลั่วสุ่ยผู้ซึ่งได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่ ทำได้เพียงแค่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาเท่านั้น จากนั้นนางก็ถูกพลังดาบอันรุนแรงไร้เทียมทานกวาดโดนร่างจนร่างแตกระเบิดกลางอากาศ
“ไป!”
ดวงตาของฉางซุนหงเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย
เขาหมุนตัวจะหนี เมื่อตระหนักแล้วว่าตนเองไม่มีโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์อีก
ความเป็นจริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ฉางซุนหงเตือน อาจารย์อวิ๋นอิ่งกับเฒ่าหนิวก็มองออกแล้วว่าสถานการณ์ไม่ดี พวกเขาจึงเตรียมตัวหนีไว้แต่แรกโดยไม่รอช้า
แต่เสียดาย อย่างไรก็ยังคงสายเกินไป
เหตุใดซูอี้จึงต้องเก็บรักษาพลัง?
ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ตาเฒ่าเหล่านี้หนีไปก่อนเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีอย่างไรเล่า!
มิเช่นนั้น ก็คงไม่ต้องรอให้โม่เหิงเทียนลงมือแล้วถึงลงมือฆ่าหรอก
“ตาย!”
เสียงราบเรียบดังขึ้น
ฉางซุนหงรู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณเจ็บแปลบขึ้นมา จากนั้นแสงดาบก็ปรากฏขึ้นกลางลูกนัยน์ตา
ไม่ทันได้หลบ หัวคิ้วของฉางซุนหงก็ถูกแทงทะลุ!
เพียงแค่ดาบเดียว พลังร้ายกาจที่อัดแน่นนั้นก็ทำให้ร่างและจิตวิญญาณของฉางซุนหงแตกสลายไปพร้อม ๆ กัน
แทบจะเวลาเดียวกัน…
ห่างออกไปหลายร้อยจั้ง ท้องฟ้าแตกสลายราวกับเศษผ้า ร่างของอาจารย์อวิ๋นอิ่งโซซัดโซเซออกมา
สีหน้าของเขาฉายแววหวาดผวา ขณะกรีดร้องด้วยความกลัวสุดขีด “พี่เยว่ ข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดให้คุณชายท่านนั้นไว้ชีวิตข้า…”
เสียงหยุดกึก
ฝนดาบของซูอี้บดขยี้ร่างของอาจารย์อวิ๋นอิ่งอย่างง่ายดาย
รวดเร็วมาก!
นับตั้งแต่ซูอี้ฆ่าโม่เหิงเทียนตาย จนกระทั่งทำลายฉินลั่วสุ่ย ฆ่าฉางซุนหงกับอาจารย์อวิ๋นอิ่ง เขาใช้เวลาเพียงแค่ชั่วอึดใจ เพียงพริบตาเดียวก็เสร็จสิ้น
ตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั้งสี่ซึ่งปกติแล้วอยู่ในสถานะสุดยอดของโลกถูกซูอี้ฆ่าตายอย่างง่ายดายราวกับหั่นผัก!
และขณะนี้เอง ซูอี้มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเฒ่าหนิวแล้ว!
เฒ่าหนิวตกใจจนปอดแทบฉีก เขาร้องขอชีวิตด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก “ข้าเพียงแค่มาช่วยเท่านั้น ผู้อาวุโสได้โปรดไว้…”
เอื๊อก!
ประกายดาบสว่างวาบ เฒ่าหนิวก็ดับสิ้นชีวา
จนถึงตอนนี้ ตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำของฝ่ายลัทธิสัตตบงกชตายหมดแล้ว!
ดาบกวาดสวรรค์ ฆ่ารู้แจ้งลึกล้ำ!
ในงานสงบเงียบ ทุกคนต่างก็ตื่นตะลึงนิ่งอยู่ตรงนั้น
อายุเพียงแค่สิบกว่าปี มีระดับการฝึกตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลาง ในสถานกาณ์หนึ่งต่อห้าเช่นนี้กลับสามารถพลิกผันสถานการณ์ บดขยี้ยอดฝีมือขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั้งห้าตายไม่เหลือ!
ภาพเหตุการณ์นองเลือดเช่นนั้น ใครบ้างจะไม่ตื่นตระหนก?
ไม่เพียงแต่ฆ่าตัวตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำราวกับฆ่าไก่ให้ลิงดูเท่านั้น แม้กระทั่งฆ่าตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำก็ยังง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน กลิ่นคาวเลือดตลบฟุ้ง
ท้องฟ้าเริ่มครึ้ม แสงตะวันยามเย็นทอประกายสวยงาม ต่อหน้าชายหนุ่มชุดเขียวที่ยืนอยู่ใต้ท้องนภาคนนั้น ดูเหมือนจะอับแสงลงไป
ร่างสูงโปร่งของเขาสะท้อนประกายแสงอันเจิดจ้าอย่างที่สุดในผืนแผ่นดิน
เขาลูบดาบเงากระจ่างเบา ๆ พลางกล่าวกับตัวเองเบา ๆ “คู่ต่อสู้เช่นนี้ อย่างไรก็ยังด้อยไปสักหน่อย เจ้าก็ไม่ชอบเช่นกัน ใช่ไหม”
ดาบเงากระจ่างสั่นสะท้านส่งเสียงเบา ๆ ราวกับเห็นด้วย