บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1046: ลากลงสู่ปลักโคลน
ตอนที่ 1046: ลากลงสู่ปลักโคลน
บนผาวสันตวารียังมีจักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำสี่คนจากลัทธิสัตตบงกช รวมถึงแขกบางคนที่ลัทธิสัตตบงกชเชื้อเชิญมาด้วย
พวกเขาแต่ละคนล้วนตกใจตื่นกลัว
แต่เดิมแล้ว พวกเขาวางแผนจะหนี ทว่าก่อนจะทันได้ลงมือก็ถูกพลังปราณของเยว่ไป่หลิงผนึกไว้ ไม่กล้าเคลื่อนไหวอีก
พวกเขาล้วนมีการบ่มเพาะในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ เมื่อถูกพลังปราณของตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำหมายหัวเข้า ก็ไม่ต่างจากกวางที่ถูกเสือจับจ้องเลย
ผู้ใดก็ตามที่ขยับจะต้องตาย!
เยว่ฉางเทียน เยว่สุ่ยหานและคนอื่น ๆ ล้วนใจหายวาบ
หนึ่งคนหนึ่งดาบสังหารศัตรูด้วยเพียงดีดนิ้ว เหมือนดั่งเซียนดาบจุติจากนภา โลกนี้จะได้พานพบสักกี่หน?
ท่วงท่าเช่นนั้นราวแข็งแกร่งเดียวดายในโลกหล้า!
“จริงดั่งวาจาสหายเต๋าซูว่า สำหรับเขาแล้ว นี่… ก็เหมือนแก้ปัญหาเล็กน้อยจริงแท้…”
เยว่อวิ๋นซานพึมพำ
เขาจำสิ่งที่ซูอี้กล่าวยามกลับจากเส้นทางพันวังวนดาราได้ ว่าการลอบสังหารตระกูลเยว่ครั้งนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่ทำลายได้อย่างง่ายดาย
ยามนั้น เยว่อวิ๋นซานไม่ได้คิดใส่ใจเลย คิดเพียงว่าซูอี้กำลังปลอบใจเขาเท่านั้น
ไม่คิดเลย…
ว่าทั้งหมดนี้จะเป็นจริง!
“ท้ายที่สุดแล้ว ข้าก็ยังคงมองโลกแคบไปนัก…”
เยว่อวิ๋นซานรำพัน
“หากให้ผู้อาวุโสเยี่ยนซู่หนีมาเห็นวิถีดาบอันเลิศล้ำเช่นนี้ เกรงว่านางคงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเรียนรู้จากเขาแน่แท้”
ชายในอาภรณ์ขนนกสติหลุดลอย
เยี่ยนซู่หนีคือนักดาบอันดับหนึ่งในแดนลี้ลับขั้นเก้า!
นางคือ ‘ต้นแบบวิถี’ ของเหล่าจักรพรรดิในแดนลี้ลับขั้นเก้า ความสามารถของเยี่ยนซู่หนีถูกยกเป็นหนึ่งในเหล่าสำนักเต๋าแห่งมหาแดนดิน แทบเทียบได้กับศิษย์ของซูเสวียนจวิน ชิงถัง!
แน่นอนว่าการประเมินนี้เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว
และห้าร้อยปีก่อน เมื่อปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินล่วงลับ ‘จักรพรรดินีชิงถัง’ ก็ดูแลถ้ำเสวียนจวินในเก้ามหาแดนดินเพียงลำพัง กล่าวได้ว่านางเลิศล้ำเหนือผู้ใดในโลกหล้า!
เกียรติภูมิ มรดกและวิถีเต๋าของเยี่ยนซู่หนีไม่อาจทัดเทียมจักรพรรดินีชิงถังได้อีกต่อไป
แต่ถึงเช่นนั้น เยี่ยนซู่หนีก็ยังเป็นนางเซียนดาบชั้นหนึ่งในมหาแดนดิน สูงส่งพอจะกลบรัศมีจักรพรรดิรุ่นใหญ่ส่วนใหญ่ในโลกหล้าได้
การที่เขาเปรียบเทียบซูอี้กับเยี่ยนซู่หนีในยามนี้ นับว่าเป็นการประเมินที่ดีแล้ว
น่าเสียดายที่ความคิดของเขาเลื่อนลอยไปสักหน่อย…
ชิ้ง!
ซูอี้เก็บดาบของเขา จากนั้นก็ผ่อนร่างล่องลอยออกจากสุญญะ
เขาเมินคนของลัทธิสัตตบงกชผู้มีใบหน้าซีดขาว โบกมือให้ชายในอาภรณ์ขนนกซึ่งยืนอยู่ไกล ๆ “มานี่สิ”
ชายในอาภรณ์ขนนกตะลึงไป
การกวักมือเรียกเขาผู้มาจากแดนลี้ลับขั้นเก้าตามใจชอบเช่นนี้ ช่างเย่อหยิ่งและเสียมารยาทยิ่งนัก
ทว่า ชายในอาภรณ์ขนนกไม่กล้าเผยความคิดตน เขาสงบใจก้าวสู่อากาศมาหาซูอี้แล้วกุมกำปั้น “ไม่ทราบว่าใต้เท้าต้องการชี้แนะอันใดหรือ?”
ซูอี้ถามเนิบ ๆ “เยว่ซือฉานเชิญเจ้ามาช่วย หรือเป็นคำสั่งผู้อื่นหรือ?”
แม้ชายในอาภรณ์ขนนกจะงุนงง เขาก็ยังตอบกลับ “เยว่ซือฉานขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสใหญ่ของข้า ผู้อาวุโสใหญ่จึงส่งข้ามาช่วย”
ซูอี้แค่นเสียงกล่าว “ในฐานะตัวตนจักรพรรดิจากแดนลี้ลับขั้นเก้า ในเมื่อถูกสั่งมาที่นี่ย่อมหมายความว่าเป็นตัวแทนสำนัก เจ้าคิดว่าการกระทำของเจ้าวันนี้เป็นเช่นไรบ้าง?”
ชายในอาภรณ์ขนนกผงะไปเล็กน้อย รู้สึกไม่สบายใจไปชั่วขณะ คนผู้นี้คิดตำหนิเขาหรือไร?
ทว่า ก่อนที่เขาจะได้ตอบ ซูอี้ก็ตอบตนเอง “กล่าวตามตรง แค่พฤติกรรมแข็งกร้าววางก้ามของเจ้าในวันนี้ ทั้งเจ้าและแดนลี้ลับขั้นเก้าก็เสียหน้าแล้ว”
ทุกคนต่างอ้าปากค้าง ไม่มีผู้ใดคาดว่าหลังจบศึก ซูอี้จะเรียกชายในอาภรณ์ขนนกมาหาเพื่อตำหนิ!
ใบหน้าของชายในอาภรณ์ขนนกแดงก่ำ ดูอับอายไม่น้อย
“แค่หนึ่งตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำจากวังมารโลกโลกีย์ หากเจ้าสาบานว่าจะปกป้องชื่อเสียงสำนัก ทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อช่วยตระกูลเยว่ เจ้าคิดหรือว่าไอ้เฒ่าสารเลวนามโม่เหิงเทียนจะกล้าทำร้ายเจ้าจริง ๆ?”
ซูอี้ไม่สบอารมณ์อย่างจริงแท้
เดิมที ชายในอาภรณ์ขนนกผู้นี้ถูกส่งมาเป็นตัวแทนของแดนลี้ลับขั้นเก้า และเขาจะใช้อำนาจสำนักบีบให้ศัตรูต้องประนีประยอมด้วยก็ย่อมได้
ทว่าคนผู้นี้ขลาดเขลาเบาปัญญา เมื่อถูกคำขู่ของโม่เหิงเทียน เขากลับนิ่งเฉยและเลือกที่จะไกล่เกลี่ยแทน!
การถอยก้าวเดียวของเขาทำให้ตระกูลเยว่ย่ำแย่!
หากไม่ใช่เพราะพบพานเขา ซูเสวียนจวินในวันนี้ เยว่ฉางเทียนคงตายแน่แท้!
ชายในอาภรณ์ขนนกถูกตำหนิเสียจนแก้ตัวอย่างเสียไม่ได้ “เขาไม่กล้าฆ่าข้าหรอก แต่วิถีเต๋าของเขาจะเอาชนะข้าได้…”
ซูอี้กล่าวขัด “เจ้าก็รู้นี่ว่าเขาไม่กล้าฆ่าเจ้า แต่เจ้ากลับถอยหลัง รู้หรือไม่ว่าการกระทำเช่นนี้จะฆ่าบิดาของแม่นางซือฉาน?”
ชายในอาภรณ์ขนนกดูเลิกลั่กไม่แน่ใจ
“การรอมชอมของเจ้ายังทำให้ชื่อเสียงยิ่งใหญ่ของสำนักเจ้าแปดเปื้อน หากเรื่องวันนี้แพร่งพรายออกไป นอกจากเจ้าจะอับอายแล้ว โลกยังจะคิดด้วยว่าพวกเจ้า แดนลี้ลับขั้นเก้าล้วนมีแต่คนไร้ค่า เป็นสำนักอันดับหนึ่งในแดนเทวามหาแดนดิน ทว่ากระทั่งไอ้แก่จากวังมารโลกโลกีย์ยังขู่ให้เจ้ายอมลงได้!”
วาจาของซูอี้สั้นห้วน ดุด่าชายในอาภรณ์ขนนกจนอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี
เมื่อเห็นเช่นนี้ เยว่ไป่หลิงกับคนอื่น ๆ ก็รู้สึกสะท้อนใจ
เมื่อคิดให้ถี่ถ้วน ชายในอาภรณ์ขนนกผู้มาช่วยเหลือก็อ่อนแอเกินไปจริงแท้
หากก่อนหน้านี้เขาวางตนแข็งกร้าวไม่ยอมงอ โม่เหิงเทียนหรือจะกล้ากร่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม?
นั่นเพราะผู้ที่อยู่เบื้องหลังเขาคือสำนักอันดับหนึ่งของแดนเทวามหาแดนดิน แดนลี้ลับขั้นเก้า!
วังมารโลกโลกีย์หรือจะกล้าล่วงเกินขุมกำลังเช่นนี้ง่าย ๆ?
ซูอี้นำไหสุราออกมาจิบ พลางกล่าวว่า “อย่าว่าแต่เรื่องอื่นเลย เจ้าคิดว่าเหล่าผู้อาวุโสในสำนักเจ้าจะปฏิบัติต่อเจ้าเช่นไรยามกลับสำนักหนนี้? คนใหญ่คนโตในสำนักจะตัดสินการกระทำนี้ของเจ้าเช่นไร?”
วาจานี้ทำให้ชายในอาภรณ์ขนนกตัวแข็งทื่อ อาภรณ์ชุ่มด้วยเหงื่อกาฬ
จริงดังว่า ครานี้เมื่อเขารอดกลับไปยังสำนัก ด้วยนิสัยแข็งกร้าวของผู้อาวุโสใหญ่ หากล่วงรู้การกระทำของเขาในวันนี้เข้า เขาคงเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ และลงโทษเขาสถานหนักแน่แท้!
เมื่อคิดเช่นนี้ ชายในอาภรณ์ขนนกก็ดูเหม่อลอยไปชั่วขณะ
“ทว่า ข้าจะให้โอกาสเจ้าแก้ตัวแล้วกัน”
ซูอี้เปลี่ยนวาจา
ชายในอาภรณ์ขนนกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็สูดหายใจลึก ๆ และคำนับซูอี้อย่างหวาดเกรง “วาจาของท่านดุจตบหน้าให้ตื่น ทำให้ข้าละอายลึกล้ำยิ่งนัก โปรดให้โอกาสข้าชดเชยให้ด้วยเถอะ!”
ซูอี้กล่าวลอย ๆ “ไปฆ่าพวกคนจากลัทธิสัตตบงกชนั่นสิ แค่นั้นก็พอแล้ว”
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ถูกเอ่ย ในที่สุดตระกูลเยว่ก็เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของซูอี้และอดตัวสั่นไม่ได้ แดนลี้ลับขั้นเก้าถูกลากลงปลักโคลนเต็มตัวแล้ว!
หากทำเช่นนี้ ถ้าลัทธิสัตตบงกชคิดล้างแค้นตระกูลเยว่ในภายหน้า ก็เกรงว่าคงต้องคิดหาวิธีรับมือผลที่ตามมาของการล่วงเกินแดนลี้ลับขั้นเก้าก่อน!
ในขณะเดียวกัน แดนลี้ลับขั้นเก้าจะไม่อยู่เฉยแน่แท้
เพราะถึงอย่างไร พวกเขาก็ส่งชายในอาภรณ์ขนนกมาช่วยตระกูลเยว่ และเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้แต่แรก!
ขอเพียงชายในอาภรณ์ขนนกสังหารจักรพรรดิจากลัทธิสัตตบงกช ปมก็จะถูกขมวดสมบูรณ์
แดนลี้ลับขั้นเก้า สำนักอันดับหนึ่งแห่งมหาแดนดินจะหลุดลอยไปไหนเสีย?
เมื่อได้ยินวาจาของซูอี้ ใบหน้าของผู้ฝึกตนแห่งลัทธิสัตตบงกชก็เปลี่ยนสีไป
บางคนตะโกนอย่างโกรธเคือง “ข้าก็สารภาพหมดเปลือกแล้ว ยังคิดฆ่าเราทั้งหลายอีกหรือ?”
บางคนตกใจเสียจนวิ่งหนีไปเสียเดี๋ยวนั้น
บรรยากาศพลันยุ่งเหยิง
ทว่า เมื่อซูอี้และเยว่ไป่หลิงลงมือ พวกเขาก็หยุดคนใหญ่คนโตจากลัทธิสัตตบงกชได้คนแล้วคนเล่า แม้แต่แขกรับเชิญก็ไม่ถูกละเว้น
ชายชราผู้หนึ่งเค้นเสียงอย่างไม่คิดยินยอม “ข้าแค่มางานพิธี ไม่ได้กระทำสิ่งเลวร้ายใดต่อตระกูลเยว่ ไฉนจึงไม่ปล่อยเราไป?”
“เจ้าช่วยลัทธิสัตตบงกชด้วยการอยู่นิ่งเฉยราวไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แล้วคิดจะสะบัดก้นจากไปง่าย ๆ หรือ?”
เยว่ไป่หลิงแค่นเสียงอย่างเย็นชา
ซูอี้กล่าวกับชายในอาภรณ์ขนนกว่า “หากเจ้าไม่อยาก ข้าจะไม่ฝืนใจ แต่เจ้าควรรู้ไว้ว่าการฆ่าคนเหล่านี้สามารถใช้ลบล้างความผิดเจ้าที่มีต่อสำนักในวันนี้ได้ และเมื่อมองดี ๆ แล้ว เจ้าก็ไม่ต้องกังวลว่าคนพวกนี้จะมาตามล้างแค้นเจ้าภายหลังด้วย”
ชายในอาภรณ์ขนนกเงียบไปชั่วขณะ และลงมือโจมตีสังหารสมาชิกลัทธิสัตตบงกชซึ่งถูกปราบไว้โดยไม่พูดพร่ำเพ้อ
ไร้ความปรานี!
เหตุการณ์นี้นองเลือดเละเทะ
ทว่าทุกคนจากตระกูลเยว่กลับไร้ความสงสารเห็นใจ
แพ้ชนะคือสิ่งตัดสิน หากวันนี้ผู้แพ้คือพวกเขา ศัตรู… มีหรือจะเมตตา?
ที่สำคัญที่สุดคือ การกระทำของซูอี้เป็นการช่วยเหลือตระกูลเยว่ของพวกเขา!
ยามนี้ ชายในอาภรณ์ขนนกหันกลับมาคำนับซูอี้ “ขอบคุณที่ชี้แนะ งั้นข้าก็ขอตัวกลับก่อนแล้ว!”
ซูอี้พยักหน้าอย่างสุขุม “การที่ข้าลากพวกเจ้าแดนลี้ลับขั้นเก้าเข้าสู่ปลักโคลนจะทำให้เกิดความไม่พอใจและเสียงค้านจากเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าในสำนักเจ้า เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดอยากถูกใช้ แต่เจ้าสามารถบอกพวกเขาตามจริงก็ได้ ต่อให้เจ้าจะทำให้พวกเขาต้องโกรธเคืองข้าก็เถอะ”
หลังชะงักไปเล็กน้อย ซูอี้ก็กล่าวต่อ “จะว่าไป ข้ามีนามว่าซูอี้ เป็นสหายผู้หนึ่งของแม่นางซือฉาน”
เขาคาดเดาได้ว่าหลังจากชายในอาภรณ์ขนนกกลับไปยังสำนักและเล่าเรื่องของเขาออกไป พวกเจ้าเฒ่าในแดนลี้ลับขั้นเก้าต้องมาสืบหาตัวตนและที่มาของเขาในตระกูลเยว่แน่แท้
ทว่าซูอี้ไม่คิดใส่ใจแม้แต่น้อย
ชายในอาภรณ์ขนนกอึ้งไป และยามนี้เอง เขาจึงตระหนักได้ทันทีว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาดูจะไม่สนใจเลยว่าตนจะกระตุ้นให้เกิดความขุ่นเคืองจากสำนักของเขาหรือไม่!
ซูอี้… เขาเป็นใครกันแน่? ไปเอาความกล้ามาจากไหนจึงมิคิดกลัวเรื่องเหล่านี้?
ชายในอาภรณ์ขนนกงุนงงเล็กน้อย
ทว่าเรื่องเดียวที่เขาแน่ใจก็คือ ต่อให้เขารู้ว่าตัวเองถูกหลอกใช้ ยามได้รู้ถึงอำนาจต่อสู้ท้าทายสวรรค์ของซูอี้ พวกผู้อาวุโสในสำนักต้องไม่คิดสู้เขาแน่
เพราะถึงอย่างไร จักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำอายุสิบกว่าปีผู้สามารถสังหารจักรพรรดิในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำห้าคนได้ด้วยตัวคนเดียว มองหาทั่วโลกกว้าง เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินคนเช่นนี้ง่าย ๆ!
“แม่นางซือฉานได้กราบอาจารย์บ้างหรือไม่?”
ซูอี้ถามอย่างเย็นชา
ชายในอาภรณ์ขนนกส่ายหน้ากล่าว “นางเข้าร่วมสำนักเมื่อปีก่อน แม้นางจะเก่งกาจสามารถยิ่ง นางก็ยังต้องรอสามปีก่อนจะมีโอกาสได้เป็นศิษย์สำนักในของผู้อาวุโสสักท่าน”
“ทว่าแม่นางซือฉานช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ นางมีวิชาดาบลึกล้ำ แม้จะเข้าสำนักมาเพียงปีกว่า แต่นางก็ได้รับความสนใจจากสัตว์ประหลาดเฒ่าหลายตน ไม่นานมานี้ ผู้อาวุโสเยี่ยนซู่หนียังเคยกล่าวอย่างหาได้ยากว่า สามปีจากนี้ นางจะให้แม่นางซือฉานกราบนางเป็นอาจารย์ ฝึกฝนเป็นศิษย์นาง”
กล่าวถึงตรงนี้ ชายในอาภรณ์ขนนกก็ดูริษยาอย่างหาได้ยาก
จริงอยู่ที่เขาเป็นจักรพรรดิ แต่เขารู้ดีว่าหากสามารถฝึกฝนเป็นศิษย์ของเยี่ยนซู่หนีได้ ความสำเร็จในภายหน้าของเยว่ซือฉานจะสูงส่งกว่าเขาแน่นอน!
“เยี่ยนซู่หนี? เป็นนาง…”
ดวงตาของซูอี้ทอประกายหวนรำลึก
เขาประทับใจเยี่ยนซู่หนีมาก
เพราะเมื่อนานมาแล้ว หญิงงามไร้ผู้เทียบแห่งสำนักอันดับหนึ่งในมหาแดนดินผู้นี้เคยถูกมหาแดนดินเปรียบว่าสามารถเทียบวิถีดาบกับศิษย์คนเล็กของเขา ชิงถังได้!
……….