บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1048: สำนักลานดาบทะยาน
ตอนที่ 1048: สำนักลานดาบทะยาน
เมืองมะเดื่อ เขาเพิงหงส์
มันคือยามเช้าตรู่ แสงบนนภาทอสีอ่อนพรมลงบนเขาเพิงหงส์สูงหลายพันจั้ง เพิ่มเสน่ห์มนตร์ขลังแก่แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาโบราณอันงดงามนี้
เส้นทางบนเขารายล้อมด้วยต้นมะเดื่อสองข้างทางเวียนขึ้นจากตีนเขา และเมื่อขึ้นไปถึงกลางเขาก็จะพบหอสูงตำหนักงามเรียงรายเป็นทิวแถว
ที่แห่งนี้เองที่หอตำราเทียนเสวียนตั้งอยู่!
เมื่อร่างอาบแสงอรุณของซูอี้ก้าวช้า ๆ มาจากไกล ๆ เขาก็ดูจะสังเกตเห็นบางอย่างและหยุดลงทันที
เหล่านักศึกษาแห่งหอตำราเทียนเสวียนมีนิสัยชอบอ่านหนังสือยามเช้าเสมอ
ทุกรุ่งสาง เมื่อเสียงระฆังเช้าตรู่ดังกังวาน เสียงอ่านหนังสือออกเสียงจะล่องลอยแพร่กระจายจากช่วงกลางเขานี้
นักศึกษาเหล่านั้นล้วนแต่เป็นผู้ฝึกตนในวิถีขงจื่อ เสียงอ่านตำราของพวกเขาปะปน และมักก่อให้เกิดนิมิตพร่างพราวสารพัด
เช่นแสงธรรมส่องหล้า แสงเทพจุติพร่าง ชุมนุมร้อยปักษาเป็นต้น
ภาพเช่นนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่ต้องมีในเมืองมะเดื่อ
ทว่ายามนี้กลับไร้เสียงอ่านท่องตำราในหอตำราเทียนเสวียน ณ ช่วงกลางเขาเพิงหงส์ ซึ่งดูเงียบเหงาเกินธรรมดา
ยิ่งกว่านั้น ซูอี้ยังมองปราดเดียวก็เห็นทันทีว่าค่ายกลที่ปกคลุมเขาเพิงหงส์ทำงานตัดขาดทุกการเคลื่อนไหวบนเขาอยู่อย่างเงียบ ๆ
“นี่มันเรื่องอันใดกัน?”
ซูอี้แปลกใจ
เขายังจำได้ว่าในอดีตชาติ หนอนตะกละผู้คร่ำหวอดในวิถีขงจื่อเคยกล่าวโอ้อวดอย่างภาคภูมิว่าเสียงท่องอ่านตำราในเขาเพิงหงส์ไม่เคยขาดช่วงตลอดหลายพันปี!
ทว่าเช้านี้กลับไร้เสียงอ่านสวด!
ยิ่งกว่านั้น ที่ตีนเขาเพิงหงส์นั้นในอดีตเคยครึกครื้นอย่างมาก ผู้ฝึกตนมากมายจะมาที่นี่เพื่อฟังเสียงสวดในหอตำราเทียนเสวียนแต่เช้าตรู่
ทว่ายามนี้ พื้นที่ตีนเขากลับรกร้าง ไม่มีแม้แต่เงาใครสักคน!
หลังครุ่นคิดสักพัก ซูอี้ก็เตรียมเดินไปสำรวจเหตุการณ์ที่เขาเพิงหงส์ ทว่าเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น
ชายชุดดำผู้หนึ่งเดินมาหาเขา
ใบหน้าของเขาแข็งกร้าว แขนโอบรอบดาบเล่มหนึ่ง ขณะกล่าวกับซูอี้ด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้าไม่อยากตาย ก็ไสหัวไปเสีย”
ซูอี้เลิกคิ้ว
ซูอี้สังเกตเห็นว่าที่เอวของชายชุดดำมีจี้หยกสีน้ำตาลทองรูปดาบสลักลายหมอกเมฆห้อยอยู่ชิ้นหนึ่ง
คนของสำนักลานดาบทะยาน!
ซูอี้ตัดสินที่มาของอีกฝ่ายได้ทันที จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
สำนักลานดาบทะยานคือหนึ่งในสำนักหกมหาวิถีแห่งเก้ามหาแดนดินเหมือนกับสำนักเทพอัสนีเขียว บรรพตวิถีพยัคฆ์มังกร โถงดาบเทียบเทวะ หอดาบฟ้าดินและคีรีดาบเก้าดารา
เท่าที่ซูอี้ทราบ สำนักหกมหาวิถีเหล่านี้เข้าร่วมพันธมิตรเสวียนจวินที่ผีหมัวตั้งหมดแล้ว!
เมื่อนึกย้อนไปถึงห้าร้อยปีก่อน สมัยที่เขายังไม่ได้เวียนวัฏสงสาร เขาได้เห็นกับตาว่ายอดฝีมือของสำนักลานดาบทะยานเคยเข้ามาในถ้ำเสวียนจวินภายใต้การนำของผีหมัว
เพื่อชิงสมบัติ ไอ้แก่เหล่านั้นไม่ลังเลจะกุเรื่องโกหก บอกว่าซูเสวียนจวินติดค้างสำนักลานดาบทะยาน 893 ชีวิต และกระทั่งขโมย ‘คัมภีร์ดาบหมื่นทิศ’ จากคลังคัมภีร์ของสำนักลานดาบทะยานด้วย
และเมื่อพวกเขาเข้ามาในถ้ำเสวียนจวิน ก็มาเพื่อทวงหนี้
ซูอี้ในยามนั้นแปลกใจมาก
เพราะเดิมที สำนักลานดาบทะยานนี้เป็นเพียงสำนักนิรนาม และผู้ก่อตั้งก็เป็นเพียงหนึ่งในศิษย์สามสิบหกคนที่เขารู้จัก
และเพราะพึ่งพาพลังกับการคุ้มครองของซูเสวียนจวินนั้นเอง สำนักลานดาบทะยานจึงสามารถเรืองอำนาจขึ้นมาเป็นหนึ่งในสำนักหกมหาวิถีแห่งเก้ามหาแดนดินได้
ทว่าเมื่อห้าร้อยปีก่อน ภายใต้การนำของผีหมัว คนจากสำนักลานดาบทะยานกลับเข้ามาในถ้ำเสวียนจวิน อ้างทวงหนี้เพื่อปล้นบ้านยามไฟไหม้!
ทว่า ซูอี้ไม่คาดเลยว่าเขาจะได้มาพบคนจากสำนักลานดาบทะยานที่ตีนเขาเพิงหงส์ ควรค่าจดจำว่านี่คือโลกเทียนเสวียน และฐานที่มั่นของสำนักลานดาบทะยานก็อยู่ในเก้ามหาแดนดินอันแสนไกลโพ้น
“ไฉนยังยืนอยู่นี่เล่า กลัวจนโง่ไปแล้วหรือไร? ไสหัวไป!”
เมื่อเห็นว่าร่างของซูอี้ไม่ได้ขยับ ชายชุดดำก็ตวาดด่าอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
ทว่าชายชุดดำก็ต้องแปลกใจเมื่อชายหนุ่มชุดเขียวซึ่งอยู่ห่างออกไปมิได้ตกใจกลัวเลย แต่กลับเดินมาหาเขา
สิ่งนี้ทำให้ชายชุดดำหมดความอดทน จากนั้นเขาก็คว้าดาบวิถีในอ้อมแขนด้วยมือขวา แล้วฟาดฟันเข้าใส่ซูอี้จากอากาศ
ขวับ!
แสงสะท้อนจากดาบดุจสายฟ้า ปราณดาบดุจสายรุ้ง
เพียงหนึ่งตวัดดาบมั่วซั่วก็ฉีกกระชากสุญญะได้อย่างง่ายดายไร้ใดเทียบ
ซูอี้ไม่แม้แต่จะมอง เขาก้าวต่อไปตามใจชอบ
และปราณดาบก็สลายไปตรงหน้าเขาสามจั้งราวเป็นฟองสบู่
สีหน้าของชายชุดดำแปรเปลี่ยนเฉียบพลัน “เจ้า…”
ก่อนเขาจะทันได้กล่าวอันใด ร่างของซูอี้ก็มาถึงตรงหน้า มือขวายกขึ้นคว้าคอของชายชุดดำอย่างง่ายดาย
กร๊อบ!
คอของชายชุดดำหักดังกร็อบ หัวห้อยลงบนบ่า
ซูอี้ดึงวิญญาณของชายชุดดำออกมาเริ่มสืบค้น
หลังชั่วครึ่งอึดใจ
ในที่สุดซูอี้ก็ได้เข้าใจทุกอย่าง
เมื่อคืนก่อน ยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งจากสำนักลานดาบทะยานมาถึงที่หอตำราเทียนเสวียนในเขาเพิงหงส์
จากความทรงจำของชายชุดดำ พวกเขามายังหอตำราเทียนเสวียนครั้งนี้ก็เพื่อนำสมบัติลึกลับชิ้นหนึ่งไป
เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ สำนักลานดาบทะยานจึงส่งผู้อาวุโสสูงสุดในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำผู้หนึ่งนามว่าหวังเทียนอวิ๋น ตัวตนจักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำสี่คน และผู้ฝึกตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณสิบคน
นอกจากนั้น ยังมีตัวตนลึกลับจากพันธมิตรเสวียนจวินนาม ‘ผู้เฒ่าเฝิง’ มาด้วย
และเมื่อคืนนี้เช่นกันที่หอตำราเทียนเสวียนเริ่มผนึกเขา!
ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นในหอตำราเทียนเสวียนตั้งแต่คืนก่อน ชายชุดดำมิอาจทราบ
เขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณซึ่งรับหน้าที่คุ้มกันที่ตีนเขาเท่านั้น
“เกรงว่าเจ้าหนอนตะกละเฒ่าไม่น่าจะอยู่ในหอตำราเทียนเสวียนแล้ว”
ซูอี้ลอบกล่าว
หากหนอนตะกละเฒ่ายังอยู่ คนจากสำนักลานดาบทะยานเหล่านี้จะมาปิดเขาเพิงหงส์ได้หรือ?
“มิน่าเล่า เช้านี้จึงไร้เสียงสวดอ่าน และที่นี่จึงรกร้างเพียงนี้…”
ซูอี้รำพึง
การที่หนอนตะกละเฒ่าไม่อยู่หมายความว่าการมาที่นี่ของเขาเสียเปล่า และไม่อาจถามถึงที่อยู่ของศิษย์คนรอง จิ่งหังได้
สิ่งนี้ทำให้ซูอี้ผิดหวังเอาการ
ทว่าเขาก็ไม่ได้จากไป แต่เดินเข้าสู่เส้นทางภูเขาอันเรียงรายด้วยต้นมะเดื่อโบราณสองข้างทางไปสู่หอตำราเทียนเสวียน ณ ช่วงกลางเขา
การกระทำของสำนักลานดาบทะยานต่อหอตำราเทียนเสวียนในครั้งนี้มีสิ่งผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด และอาจไม่สามารถแยกกับผีหมัวได้ขาดอีกด้วย
เพราะในกลุ่มคนจากสำนักลานดาบทะยานนี้ มีตัวตนลึกลับนาม ‘ผู้เฒ่าเฝิง’ มาจากพันธมิตรเสวียนจวินด้วย!
ครึ่งทางขึ้นเขา ประตูหอตำราเทียนเสวียนปิดเงียบสนิท
“ว่าแล้วเชียว มีเรื่องผิดปกติ”
ซูอี้ไพล่มือไว้เบื้องหลัง และหลังจากมองผ่าน ๆ เขาก็สังเกตเห็นบางอย่างผิดแปลก
หอตำราเทียนเสวียนทั้งหอถูกปกคลุมด้วยค่ายกลอันเหมือนม่านหนาจนไม่อาจมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน
เมื่อมองจากด้านนอกไม่พบการเคลื่อนไหวใด ๆ
แต่นี่เป็นเพราะทุกสิ่งในหอตำราเทียนเสวียนถูกพลังของค่ายกลดังกล่าวขวางไว้ แยกเป็นเอกเทศจากโลกภายนอก!
ควรค่าจดจำว่าที่แห่งนี้คือที่ตั้งหอตำราเทียนเสวียน ในฐานะสำนักวิถีขงจื่ออันดับหนึ่งในโลกเทียนเสวียน เขาเพิงหงส์นั้นปกคลุมด้วยสารพัดค่ายกล
ทว่ายามนี้ ค่ายกลลึกลับแห่งหนึ่งปกคลุมทั่วหอตำราเทียนเสวียน!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสำนักลานดาบทะยานเตรียมตัวมาดี และเพื่อบรรลุเป้าหมาย พวกเขาก็ปิดกั้นหอตำราเทียนเสวียนไว้!
“หยุดนะ! เจ้าเป็นใคร?”
เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น
กลุ่มคนปรากฏขึ้นจากระยะไกล และรีบเร่งมาหาซูอี้
ผู้นำคือชายชุดม่วงผู้เต็มไปด้วยปราณขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ เปี่ยมจิตสังหารกดดัน
นอกจากเขายังมีผู้ฝึกตนสี่คนในขอบเขตวงล้อวิญญาณมาด้วย
หากเป็นคนทั่วไปมาพบเรื่องเช่นนี้ พวกเขาคงสงสัยแน่ว่ามาผิดที่หรือไม่
เพราะถึงอย่างไร ที่นี่ก็คือเขาเพิงหงส์ ที่ตั้งหอตำราเทียนเสวียน ทว่ากลับมีกลุ่มยอดฝีมือจากสำนักลานดาบทะยานเดินเวรยาม!
ซูอี้ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นในหอตำราเทียนเสวียน แต่เขาแน่ใจว่าสถานการณ์ของเหล่ายอดฝีมือในหอตำราเทียนเสวียนไม่มีทางอยู่ดี
หาไม่ พลังของค่ายกลลึกลับนี้คงไม่อาจปกคลุมเหนือนภารอบหอตำราเทียนเสวียนได้ตลอด
“จับตัวเขาก่อนแล้วค่อยถาม!”
ทันใดนั้น ชายชุดม่วงซึ่งเป็นผู้นำก็ตะโกน พลางนำกลุ่มคนมาหาซูอี้
ซูอี้ไม่พูดมากความ เขาเพียงแค่สะบัดแขนเสื้อออกไป
ตู้ม!
แสงสว่างสาดส่อง คำรามก้องฟังดูศักดิ์สิทธิ์
สี่ตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณสิ้นกำลังเกินกว่าจะต่อต้าน พวกเขาจึงถูกสังหารจนวิญญาณละล่องลอยในพริบตา
ชายในชุดม่วงถูกกดตัวลงกับพื้น โลหิตทะลักจากศีรษะ กระดูกป่นแหลก แหกปากกู่ร้อง
“ท่านเป็นผู้ใด? ไฉนต้องเข้ามาพัวพันในเรื่องของสำนักลานดาบทะยานของข้าด้วย?”
สีหน้าของชายชุดม่วงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวระคนงุนงง
ซูอี้ไม่พูดพร่ำและดึงจิตวิญญาณของชายชุดม่วงออกมา
ในขณะที่เขากำลังจะสืบค้นวิญญาณนั้นเอง ก็ต้องผิดคาดเมื่อได้เห็นว่าจิตวิญญาณของชายชุดม่วงถูกปกคลุมด้วยชั้นพลังมนตราลับ เมื่อถูกแตะ จิตวิญญาณของชายชุดม่วงจะระเบิดในทันที
“หากมีคำถามใด ถามข้าก็ย่อมได้ แต่หากต้องการสืบจากวิญญาณข้า เจ้าจะไม่ได้อันใดทั้งสิ้น”
จิตวิญญาณของชายชุดม่วงกรีดร้อง ตระหนกกลัวกลยุทธ์อันเฉียบขาดของซูอี้โดยสมบูรณ์
ไม่อาจคาดได้เลยว่าจะมีชายผู้ไร้ปรานีเช่นเขาปรากฏขึ้นในโลกเทียนเสวียน ดึงวิญญาณของเขาไปค้นโดยไม่พูดจา แข็งแกร่งเสียจนน่ากลัว
“ข้าไม่มีเวลาให้โอ้เอ้แล้ว”
ซูอี้กระซิบ
ชายชุดม่วงตัวสั่น “ท่านหมายความเช่นไร?”
เปรี้ยง!
เสียงยังไม่ทันจางหาย จิตวิญญาณของเขาก็แหลกเป็นเสี่ยงเสียแล้ว
ในยามสิ้นสลาย เขาเองก็งุนงง ไม่ใช่อีกฝ่ายอยากถามบางอย่างหรือ?!
ไฉนยังคิดฆ่ากันอีกเล่า?
ซูอี้ไม่ได้ใส่ใจ เขาก้าวสู่อากาศ แสงทองปริศนาฉายลึกในดวงตาลึกล้ำ และเริ่มตรวจหาทำความเข้าใจพลังของค่ายกลลึกลับ
เพียงครึ่งชั่วอึดใจ
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ค่ายกลลึกลับนี้เหมือนดั่งปาฏิหาริย์ มันสามารถกักขังตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้!
มันสามารถใช้เป็นค่ายกลพิทักษ์เขาของขุมอำนาจสูงสุดสักแห่งได้เลย!
ทว่ายามนี้ ค่ายกลนี้กลับถูกใช้เพื่อผนึกหอตำราเทียนเสวียน จึงคาดได้เลยว่าสำนักลานดาบทะยานเตรียมตัวเพื่อการนี้มาพร้อมเพียงไร
ทว่าสิ่งนี้ไม่ได้คณามือซูอี้
ร่างของเขาวูบไหว ทะยานไปยังหอตำราเทียนเสวียน
ฮึ่ม!
เมื่อร่างของเขาเข้ามาใกล้ คลื่นค่ายกลลึกลับก็อุบัติขึ้น แผ่ปราณทำลายล้างแข็งแกร่ง
“เสื่อม!”
ทว่าในกาลเพียงพริบตา ร่างของซูอี้ก็แปรเป็นเส้นแสงหลบคลื่นพลังจากค่ายกลได้อย่างแสนง่าย ก่อนจะเข้าสู่ค่ายกลใหญ่อย่างเงียบงัน
วูบ!
ความเร็วของเขาสูงส่งยิ่งราวเดินบนพื้นราบ ค่ายกลซึ่งสามารถกักสังหารตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้กลายเป็นเช่นของปลอมเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
เพียงชั่วไม่กี่พริบตา
ร่างของซูอี้ก็ผ่านค่ายกลลึกลับมาถึงหอตำราเทียนเสวียนโดยไร้ความเสี่ยง!
ภาพอันนองเลือดสุดขีดปรากฏขึ้นในคลองจักษุของซูอี้เป็นครั้งแรก ทำให้ม่านตาของเขาบีบตัวเล็กน้อย
……….