บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1049: ปรากฏกาย
ตอนที่ 1049: ปรากฏกาย
หอตำราเทียนเสวียน
มีสงครามดำเนินอยู่
เสียงอ่านท่องคัมภีร์สะท้อนก้องทั่วฟ้าดินดุจวจีวิถี เผยอำนาจศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่
เสียงอ่านท่องนั้นมาจากสนามเต๋าแห่งหนึ่ง
พื้นที่ร้อยจั้งของสนามเต๋าในยามนี้ปกคลุมด้วยม่านแสงวิถีเจิดจ้า
เมื่อม่านแสงพลิ้ววน นิมิตตระการตาอุบัติราวสารพันคัมภีร์เขียนโดยนักปราชญ์เต๋าขงจื่อนับไม่ถ้วนกำลังผุดพราย
ทุกถ้อยวาจา ทุกวจีต่างเปล่งแสงเรืองรอง แผ่พลังอันลึกลับยากหยั่งทำนาย
ทุกอักขระเปล่งประกายเยี่ยงอัญมณี พุ่งทะยานชนกระทิง!
กลุ่มผู้ฝึกตนจากลัทธิเต๋าและขงจื่อจากหอตำราเทียนเสวียน นำโดยเจ้าหอตำราเทียนเสวียน ‘อวี๋ฉางหมิง’ กำลังยืนอยู่ในสนามเต๋า ต่างคนต่างโคจรวิถีเต๋าของตนเพื่อคงสภาพม่านแสงวิถีรอบสนามเต๋า
ตู้ม! ตู้ม!
อสนีบาตสีทองหนาเยี่ยงถังสายแล้วสายเล่าฟาดลงบนม่านแสงวิถีรอบสนามเต๋า ส่งเสียงคำรามต่อเนื่อง สะท้อนเป็นประกายแสงเจิดจ้านับไม่ถ้วน
ม่านแสงวิถีสั่นสะเทือนรุนแรง
พวกอวี๋ฉางหมิงที่ยืนอยู่ ณ ใจกลางม่านแสงวิถีล้วนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล สีหน้าของพวกเขาจริงจังมากขึ้น
ไกลออกไปจากสนามเต๋า ชายชุดดำผู้หนึ่งถือแท่งไม้ไผ่สีทองในมือ และยามตวัดมันออกไป อสนีบาตสีทองนับพันก็โปรยปรายลงมาจากท้องนภา เผยอำนาจมหาศาลน่าหวาดหวั่น
แท่งไม้ไผ่สีทองนี้หนาเพียงหนึ่งนิ้วหัวแม่มือ ยาวสี่จั้ง พื้นผิวเรียบกระจ่าง ทว่าภายในกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยมหาสมุทรอสนีสีทองดุดัน แผ่คลื่นทำลายล้างน่าอัศจรรย์
ไผ่ทองอัสนีลี้ลับ!
หนึ่งสมบัติศักดิ์สิทธิ์ปฐมสวรรค์อันก่อเกิดจากที่มาแห่งฮุ่นตุ้น!
ชายชุดดำมีนามว่าหวังเทียนอวิ๋น ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักลานดาบทะยาน เขามีการฝึกฝนอยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นกลาง
และเบื้องหลังหวังเทียนอวิ๋นยังมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่
พวกเขาเป็นจักรพรรดิสามคนในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำจากสำนักลานดาบทะยาน ห้าตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณ และชายชราในชุดผ้าลินินผู้หนึ่งนั่งอยู่บนโขดหินใต้ร่มไม้
ร่างของชายชราผู้นั้นผอมแห้ง ท่าทางเรียบเฉยลอยชาย
ในบริเวณใกล้เคียงเละเทะนองเลือด ซากศพจมเลือดเต็มไปหมด
พวกเขาคือผู้ฝึกตนจากหอตำราที่ตายอย่างน่าเวทนา!
นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งของหอตำราซึ่งถูกปราบคุกเข่าลงราวลูกแกะรอคอยการถูกเชือดอีกด้วย
สงครามยังคงดำเนิน
ไม่ว่าใครก็เห็นได้ว่าขอเพียงค่ายกลรอบสนามเต๋าถูกทำลาย หอตำราเทียนเสวียนก็จะต้องคืนสู่สวรรค์!
“ตั้งแต่คืนก่อน ผู้อาวุโสสามคนของหอตำราเทียนเสวียน เสียชีวิตไปสอง เก้าอาจารย์ดับดิ้นไปห้า และนักศึกษา 315 คนมอดม้วยไปมากกว่าสองร้อย”
ชายชราในชุดผ้าลินินใต้เงาไม้กล่าวช้า ๆ
เสียงของเขาแหบต่ำ สะท้อนไปทั่วฟ้าดินราวอสนีสะเทือนจิต
“ยามนี้ยังเหลือศิษย์ในหอตำราอีกสามสิบสามคนที่เราจับเป็นได้ อวี๋ฉางหมิง เจ้าจะมองพวกเขาถูกเชือดทีละคนเยี่ยงปศุสัตว์หรือไร?”
ในสนามเต๋า สีหน้าของพวกอวี๋ฉางหมิงต่างซีดขาว ไม่อาจซุกซ่อนความโศกอาลัย สงสารและกระวนกระวายได้
ศึกนี้เริ่มขึ้นเมื่อคืนก่อน และจวบจนยามนี้ ฝ่ายหอตำราเทียนเสวียนของพวกเขาบาดเจ็บล้มตายมากกว่าครึ่ง
ในขณะเดียวกัน ฝ่ายศัตรูไม่ได้รับบาดเจ็บล้มตายใด ๆ
เหตุเป็นเพราะชายชราในชุดผ้าลินินซึ่งถูกเรียกว่า ‘ผู้เฒ่าเฝิง’ และเหล่ายอดฝีมือจากสำนักลานดาบทะยานก็แข็งแกร่งเกินไป!
คนผู้นี้มีฝีมือแข็งกล้า ทำลายค่ายกลทั่วเขาเพิงหงส์ได้อย่างง่ายดาย และกระทั่งตั้งค่ายกลขึ้นมาด้วยมือตน ผนึกหอตำราเทียนเสวียนในชั่วพริบตา ทำให้พวกเขาไม่อาจหลบเลี่ยงหนีได้
และการเข่นฆ่าฝ่ายเดียวก็บังเกิด
สิ่งที่ยิ่งน่าหวาดหวั่นคือ ชายชราในชุดผ้าลินินนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เขาบรรลุกฎเต๋าซึ่งสามารถสังหารผู้คนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำอย่างง่ายดาย!
เพราะคนผู้นี้นำขมวดล่าสังหาร หอตำราเทียนเสวียนจึงแทบถูกทำลาย!
เมื่อถึงยามคับขัน อวี๋ฉางหมิงและนักศึกษาคนอื่น ๆ ในหอตำราก็ร่วมมือกับผู้มีอำนาจคนอื่น ๆ ใช้งานมหาค่ายกลของสนามเต๋านี้ กีดขวางการโจมตีของศัตรูไว้ได้
ทว่าจวบจนยามนี้ ค่ายกลโบราณซึ่งเหล่าปราชญ์แห่งหอตำราเทียนเสวียนร่วมกันสร้างก็เริ่มแสดงสัญญาณไม่อาจคงอยู่ต่อไปแล้ว
สิ่งนี้ทำให้พวกอวี๋ฉางหมิงรู้สึกหนักอึ้ง
สิ่งที่ทำให้พวกเขายิ่งเคืองแค้นก็คือ อีกฝ่ายจับเป็นศิษย์หอตำราของพวกเขาไว้ ใช้เป็นคำข่มขู่บังคับให้พวกเขาก้มหัวรับความพ่ายแพ้!
แน่นอนว่าพวกอวี๋ฉางหมิงไม่ยอมประนีประนอมเช่นนี้หรอก
ทว่าเมื่อเห็นศิษย์ที่ถูกจับเป็นเหล่านั้นถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมคนแล้วคนเล่า ความโศกเศร้าและโทสะในใจก็พอคาดเดาได้
“ข้าผู้นี้บอกไปแล้ว ว่าขอเพียงพวกเจ้าก้มหัวส่ง ‘ดาบปลายมนเสวียนหวง’ มาแต่โดยดี เราก็จะจากไปทันที”
ชายชราในชุดผ้าลินินดูไร้อารมณ์ “ทว่า หากพวกเจ้ายังดึงดันต่อต้าน จากวันนี้ไป เกรงว่าหอตำราเทียนเสวียนของพวกเจ้าคงถูกลบหายจากโลกหล้าเป็นแน่”
เขากล่าวพลางนำถั่วลิสงออกมาแกะยัดเข้าปากเคี้ยวทีละเมล็ด นาน ๆ หนจะยกสุราขึ้นจิบ ผ่อนคลายสบายใจ
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องลั่นเสียงหนึ่งกังวานก้อง
หัวของศิษย์หอตำราผู้หนึ่งกลิ้งไปบนพื้น โลหิตเจิ่งนอง
ข้างกายเขา ชายร่างสูงในชุดเทาจากสำนักลานดาบทะยานกำลังเช็ดคราบเลือดจากดาบในมือ พลางกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “เสียงร้องรื่นหูดีแท้”
ศิษย์หอตำราผู้ถูกกดให้คุกเข่ากับพื้นล้วนโกรธเกรี้ยว ดวงตาแทบถลนจากเบ้า
ทว่าชายชุดเทาไม่ได้สนใจ ยังคงยิ้มเอ้อระเหย
เหมือนเช่นเหล่ายอดฝีมือจากสำนักลานดาบทะยานในละแวกซึ่งไม่แม้แต่จะขยับเปลือกตา
ส่วนหวังเทียนอวิ๋นและชายชราในชุดผ้าลินินนั้น ทั้งสองเมินการนองเลือดนี้ไปโดยตรง
ช่างเย็นชาไร้ปรานี
“ลูกพ่อ!!”
เพราะศิษย์หอตำราที่ถูกฆ่าไปคือลูกชายของเขา!
ในฐานะบิดาผู้เฝ้ามองลูกชายถูกฆ่าเหมือนสัตว์ตัวหนึ่ง ความเจ็บปวดในหัวใจของชายชรานั้นคาดเดาได้
ภาพนี้ทำให้คนอื่น ๆ ในสนามเต๋าล้วนเดือดพล่านด้วยโทสะ กัดฟันกรอดอย่างเคืองแค้น
“เจ้าหอ ไปสู้กับพวกมันเถอะ!”
บางคนเค้นเสียงอย่างเดือดดาล
คนอื่น ๆ ต่างหันไปสนใจอวี๋ฉางหมิงเช่นกัน
อวี๋ฉางหมิงเงียบไป หากปรมาจารย์ยังอยู่ที่นี่ ไฉนเลยจะเกิดหายนะเช่นนี้?
หากหอตำราเทียนเสวียนถูกทำลายด้วยมือเขาเอง ยามปรมาจารย์กลับมา จะผิดหวังสักเพียงไร?
ทว่าสถานการณ์ยามนี้ก็มาถึงจุดสิ้นไร้ไม้ต่อแล้วจริง ๆ…
เมื่อคิดเช่นนี้ อวี๋ฉางหมิงก็กำมืออย่างเงียบงัน
ตู้ม!
ทันใดนั้น ค่ายกลใหญ่ล้อมรอบสนามเต๋าก็สะเทือนสั่นบ้าคลั่ง เป็นที่ชัดเจนว่าแทบไม่อาจทานทน
แทบจะในยามเดียวกัน ชายชราในชุดผ้าลินินใต้ร่มไม้พลันลุกขึ้นพลางหัวเราะขำขัน “อยากลงมือสุดตัว? สายไปแล้วล่ะ”
เขากล่าวพลางยกฝ่ามือขึ้นกดลงในอากาศ
เหนือหอตำราเทียนเสวียนพลันอุบัติอำนาจค่ายกลแปรเปลี่ยนเป็นอสรพิษขนดยาว ร่างมหึมาดุจขุนเขา เชิดคอชูหางสูง ปกคลุมด้วยสายฟ้านิลกาฬ ทะยานเข้าสู่สนามเต๋า
ตู้ม!!!
ค่ายกลล้อมรอบสนามเต๋าพลันระเบิดแหลกสลาย
ท่ามกลางละอองแสง หางของอสรพิษตัวยาวยกขึ้น ฟาดลงจากนภาดุจขุนเขา
อำนาจทำลายล้างน่าหวาดหวั่นฟาดหนึ่งตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำจากหอตำราเทียนเสวียนกระเด็นลอย กระอักเลือดพรั่งพรู
ไกลออกไป ชายชราในชุดผ้าลินินและหวังเทียนอวิ๋นอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนี้ หอตำราเทียนเสวียนนี้จบสิ้นแล้ว!
“ฆ่า!”
อวี๋ฉางหมิงในสนามเต๋าทะยานสู่ฟ้า ต่อสู้ดุเดือดกับอสรพิษตัวยาว
ทว่าเพียงชั่วไม่กี่ดีดนิ้ว เขาก็ถูกฟาดกระเด็นไป ร่างแหลกเลือดโซม บาดเจ็บสาหัส
“ท่านเจ้าหอ!”
ยอดฝีมือจากหอตำราเทียนเสวียนอุทานอย่างเศร้าสร้อย ต่างคนต่างก้าวออกมาช่วยเหลือ
ทว่าเพียงในพริบตา ยอดฝีมือเหล่านี้ล้วนถูกซัดกระเด็นลงพื้น
อสรพิษตัวยาวจากพลังค่ายกลนั้นแข็งแกร่งเกินไปและมีอำนาจไร้สิ้นสุด หยุดตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้!
ตู้ม!
อสรพิษตัวยาวทะยานสู่อากาศ ปลดปล่อยสายฟ้าทมิฬโจมตีอีกครั้งอย่างดุดัน
เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี๋ฉางหมิงผู้บาดเจ็บสาหัสอดแสดงสีหน้าเจือความสิ้นหวังเล็กน้อยมิได้
ทว่า ภาพอันเกินคาดคิดก็ปรากฏขึ้น…
จู่ ๆ อสรพิษร่างยาวตัวใหญ่ดุจขุนเขาบนอากาศพลันตัวแข็งทื่อ จากนั้นก็ระเบิดแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นพลังค่ายกลกระจายหายไป
“นี่…”
พวกอวี๋ฉางหมิงที่รอดจากความตายดูไม่อยากเชื่อ
“เป็นไปได้เช่นไร?”
หวังเทียนอวิ๋นผู้ถือไผ่ทองอัสนีลี้ลับในมือแปลกใจ หันไปมองชายชราในชุดผ้าลินินอย่างไม่รู้ตัว
ชายชราในชุดผ้าลินินดูจะคาดไม่ถึงสถานการณ์เช่นนี้เช่นกัน ร่างของเขานิ่งอึ้งชั่วขณะ พลังของค่ายกลอสรพิษทะยานค้ำสวรรค์ถูกทำลายหรือ!?
ยามนี้เอง ในคลองจักษุทุกคู่ก็พบชายหนุ่มชุดเขียวผู้หนึ่งพุ่งทะยานมาแต่ไกล
เฉยเมยไร้โลกีย์ราวเทพเซียนจุติหล้า
เขาคือซูอี้!
“ค่ายกลอสรพิษทะยานค้ำสวรรค์ของข้าถูกคนทำลายจริง ๆ!”
สีหน้าของชายชราในชุดผ้ากระสอบย่ำแย่
“ช… ชายหนุ่มผู้เยาว์หรือ?”
หวังเทียนอวิ๋นตะลึงจังงัง เขาคิดว่าผู้ที่สามารถบุกเข้ามาที่นี่ต้องเป็นตัวตนเหนือธรรมดา ทว่าใครเล่าจะคิดว่าเป็นชายหนุ่มแปลกหน้า!
อวี๋ฉางหมิงและคนอื่น ๆ ก็เห็นซูอี้เช่นกัน ทว่าพวกเขาล้วนแต่งุนงง เพราะพวกเขาเองก็ไม่รู้จักซูอี้
ดวงตาลึกล้ำของซูอี้เฉยเมย
เขาเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะโศกนาฏกรรมของเหล่าผู้ฝึกตนในหอตำราเทียนเสวียนที่ทำให้เขาสัมผัสถึงจิตสังหารอันเกินควบคุมในใจ
อย่าว่าแต่เรื่องอื่น เพียงมิตรภาพเก่าระหว่างเขากับหนอนตะกละเฒ่า เขาก็อยู่เฉยไม่ได้แล้ว!
“เจ้าเป็นใคร กล้าดีเช่นไรจึงบุกรุกเข้ามาที่นี่?”
จักรพรรดิผู้หนึ่งจากสำนักลานดาบทะยานตวาดด้วยหน้าถมึงทึง
ซูอี้ไม่แม้แต่จะหันมอง จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นเล็กน้อย
ฉับ!
หนึ่งปราณดาบวูบไหว ทะลวงหน้าผากสังหารจักรพรรดิผู้นั้นคาที่อย่างง่ายดาย
ภาพอันอหังการนี้ทำให้ทุกคนหน้าซีด
แข็งแกร่งนัก!!
พลังต่อสู้ระดับที่สามารถสังหารจักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำง่ายดาย ใครเล่าจะเห็นแล้วไม่แปลกใจ?
ชายชราในชุดผ้าลินินขมวดคิ้วเล็กน้อย “สหายเต๋าหวัง ไปพบเจ้าหนูไม่ได้รับเชิญผู้นี้สักหน่อยสิ”
“ขอรับ!”
หวังเทียนอวิ๋นร่างวูบไหวเข้าโจมตีซูอี้
ผู้อาวุโสสูงสุดจากสำนักลานดาบทะยานใช้ไผ่ทองอัสนีลี้ลับในมือส่งอสนีบาตสีทองจากฟากฟ้า ฟาดเข้าใส่ซูอี้ทันที
“ไผ่ทองอัสนีลี้ลับ…”
จิตสังหารของซูอี้พุ่งสูงขึ้นในใจ
เพราะสมบัติศักดิ์สิทธิ์ปฐมสวรรค์นี้ เดิมคือหนึ่งในสมบัติที่เขาสะสมไว้เมื่อกาลก่อน!
เมื่อห้าร้อยปีก่อน หลังเขาเวียนวัฏสงสาร สำนักลานดาบทะยานตามผีหมัวเข้าไปในถ้ำเสวียนจวินและฉวยโอกาสขโมยสมบัติชิ้นนี้ออกมา
“ไม่รู้จักตายเสียแล้ว”
ซูอี้แค่นเสียงอย่างเย็นชา ยกมือคว้าบนอากาศ
ตู้ม!
สายฟ้าสีทองบนท้องนภาแหลกสลายไป
ทันใดจากนั้น มือขวาของหวังเทียนอวิ๋นก็เจ็บสาหัส ไผ่ทองอัสนีลี้ลับพลันสะบัดหลุดจากการควบคุมของเขา แปรเปลี่ยนเป็นแสงทองทะยานสู่มือของซูอี้
และการเชื่อมต่อระหว่างหวังเทียนอวิ๋นและไผ่ทองอัสนีลี้ลับก็ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ ซึ่งทำให้วิญญาณของเขาถูกผลกระทบสาหัส ดวงตาของเขาเหลือกตั้งเกือบกระอักเลือด
เพียงหนึ่งการโจมตี เขาชิงสมบัติจากมือยอดยุทธ์ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ!
ภาพอันน่าตื่นตานี้ทำเหล่าผู้ชมตกใจทันควัน