บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1050: บุตรศักดิ์สิทธิ์จากสำนักระดับสูงสุดในห้วงลึกจักรวาลพร่างดาว?
- Home
- บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ]
- ตอนที่ 1050: บุตรศักดิ์สิทธิ์จากสำนักระดับสูงสุดในห้วงลึกจักรวาลพร่างดาว?
ตอนที่ 1050: บุตรศักดิ์สิทธิ์จากสำนักระดับสูงสุดในห้วงลึกจักรวาลพร่างดาว?
ในมือซูอี้ ไผ่ทองอัสนีลี้ลับสั่นไหวเล็กน้อย อสนีบาตเดือดพล่าน แสงทองปะทุพุ่ง อำนาจลึกลับแผ่กระเพื่อมออกไปในบริเวณกว้าง
เหมือนเช่นที่เขากล่าวกับฮั่วเหยายามอยู่ในภูมิมืดมิด สิ่งที่ข้าให้ เจ้าย่อมได้มันไป ทว่าสิ่งที่ข้าไม่ให้ ย่อมไม่ใช่ของเจ้า!
หลังจากนั้น สมบัติทั้งหมดเช่นดาบเมฆาแดงและเกราะสวรรค์แสงเงินที่ฮั่วเหยาปล้นไปเมื่อกาลก่อนล้วนคืนสู่มือซูอี้ด้วยเคล็ดวิชาเดียวกัน
และการดึงไผ่ทองอัสนีลี้ลับคืน เขาก็ใช้เคล็ดวิชาเดียวกันนี้
เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะสมบัติทุกชิ้นที่ซูอี้สะสมไว้ในอดีตชาติล้วนถูกเขาตีตราไว้ด้วยอำนาจ ‘บัญญัติ’ แม้จะสูญหายไป พวกมันก็ถูกรับคืนได้โดยง่าย!
ทว่าซูอี้ไม่ใช่คนขี้เหนียว ขอเพียงเป็นสมบัติที่เขาให้ศิษย์ทั้งหลายไป เขาจะลบบัญญัติในสมบัติชิ้นนั้นก่อน
“เป็นไปได้เช่นไร!?”
หวังเทียนอวิ๋นที่อยู่ไกลออกไปตกตะลึงจนไม่อาจเชื่อ
ม่านตาของชายชราในชุดผ้าลินินเองก็หดตัวอย่างตกใจเงียบ ๆ
การที่ชายหนุ่มในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำชิงสมบัติจากมือยอดฝีมือในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้ในชั่วพริบตาช่างน่าเหลือเชื่อ!
“ยามสมบัตินี้ตกสู่มือเจ้า ช่างเหมือนไข่มุกเสื่อมค่าในโคลนตมแท้”
ซูอี้ใช้นิ้วลูบไปบนไผ่ทองอัสนีลี้ลับอย่างแผ่วเบาพลางรำพึง
“เอาคืนมานี่!”
หวังเทียนอวิ๋นคำรามอย่างเดือดดาล จากนั้นเขาพลันพุ่งทะยานเข้ามาทันที โดยพยายามจะชิงไผ่ทองอัสนีลี้ลับคืน
ซูอี้สะบัดฝ่ามือ แท่งไม้ไผ่ทองยกขึ้นตวัดราวคมดาบ
ตู้ม!
อสนีสีทองเจิดจ้าพลันปรากฏ แปรเปลี่ยนเป็นปราณดาบสีทองจรัสแสงฟาดฟันลง
ยามนั้น ฟ้าดินสว่างไสววูบวาบ สุญญะถูกฉีกกระชากเป็นรอยแผลยาว
ปราณดาบนี้เจิดจ้าแข็งแกร่งยิ่ง ปราณทำลายล้างถล่มปฐพี!
โดยไม่ลังเล เขาตะโกนลั่นสนั่นฟ้า สองมือประทับตรา ยกขึ้นเหนือนภาราวโอบกอดตะวันเฉิดฉาย
เคล็ดวิชาสูงสุดของสำนักลานดาบทะยาน… ระบำเทพสุริยัน!
เพียงหนึ่งการโจมตี ดูราวทวยเทพล้อมตะวันร่ายรำบ้าคลั่งในโลกา ดุร้ายรุนแรง
ทว่าเพียงชั่วเสี้ยวอึดใจ ภายใต้สายตาไม่อยากเชื่อของทุกคน ปราณดาบอสนีบาตของซูอี้ก็ทลายดวงตะวันใหญ่และฟาดเข้าใส่หวังเทียนอวิ๋นตรง ๆ
ตู้ม!!
ร่างของหวังเทียนอวิ๋นแหลกระเบิดคาที่ เลือดเนื้อกระเซ็นสาด
จิตวิญญาณของเขาเร่งหนีพลันกรีดร้องอย่างหวาดกลัว “ผู้เฒ่าเฝิง ช่วยข้าด้วย!”
เขาหวาดกลัวสติหลุด
อีกฝ่ายเป็นเพียงชายหนุ่มผู้หนึ่ง ทว่าดาบของเขากลับทำลายตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเช่นเขาได้ หากไม่หนีก่อน วิญญาณของเขาคงถูกทำลายสิ้นแน่แท้!
“นี่…”
สีหน้าของชายชราในชุดผ้าลินินก็แปรเปลี่ยนเช่นกัน เขาไม่มีเวลาครุ่นคิด เพียงพริบตาก็ทะยานเข้าหาจิตวิญญาณของหวังเทียนอวิ๋น
ทว่า ท้ายที่สุดเขาก็ช้าไปหนึ่งก้าว ปราณดาบสีทองพลันฟาดฟันใส่จิตวิญญาณของหวังเทียนอวิ๋นต่อหน้าชายชราในชุดผ้าลินิน
ฉัวะ!
จิตวิญญาณของหวังเทียนอวิ๋นพลันแตกสลาย ด้วยถูกอสนีบาตรุนแรงบดขยี้สลายเป็นเถ้า
ชายชราในชุดผ้าลินินชะงักงัน สีหน้าของเขาดูไม่สู้ดีนัก
เหตุนี้เกิดขึ้นรวดเร็วฉับพลัน แม้แต่เขาก็ไม่คาดว่าหวังเทียนอวิ๋นและตัวตนในวิถีลึกล้ำอื่น ๆ จะพ่ายแพ้รวดเร็วเพียงนี้ คนเหล่านั้นล้วนถูกบั่นคอคาที่ในชั่วพริบตา สายเกินกว่าที่เขาจะเข้าช่วยทัน!
“นี่มัน… โหดเกินไปแล้ว…”
ในสนามเต๋าห่างออกไป เหล่าผู้มีอำนาจในหอตำราเทียนเสวียนต่างผงะนิ่ง ตกใจอย่างลึกล้ำ
ก่อนหน้านี้ พวกเขาล้วนใกล้สิ้นหวังเต็มที ใครเล่าจะคิดว่าเพียงการปรากฏตัวของชายหนุ่มลึกลับผู้หนึ่ง สถานการณ์จะพลิกกลับตาลปัตรได้ในทันที?
ใครเล่าจะคิดว่าชายหนุ่มแปลกหน้าจะสามารถสังหารหวังเทียนอวิ๋นและยอดฝีมือในวิถีลึกล้ำคนอื่น ๆ ได้ด้วยเพียงปลายนิ้ว?
ในสนามรบ จักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำที่เหลือเพียงสองคนและห้าตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณต่างตกใจกลัวหัวใจแทบวาย
ถูกข่มขู่ราบคาบ!
“ผีหมัวส่งเจ้ามาที่นี่หรือ?”
ซูอี้ถามชายชราในชุดผ้าลินิน
แววตาของชายชราในชุดผ้าลินินพลุ่งพล่านด้วยโทสะ จากนั้นเขาจึงกล่าวอย่างเย็นชา “ผีหมัว? ไม่ เขาอยากสั่งการผู้ใดในพันธมิตรเสวียนจวินก็ได้ แต่เขาไม่อาจสั่งการข้าผู้นี้!”
ซูอี้เลิกคิ้ว แปลกใจเล็กน้อย และอดประเมินชายชราในชุดผ้าลินินใหม่ไม่ได้ ครู่ต่อมา เขาพลันสังเกตเห็นบางสิ่งจากเขา และเอ่ยถามว่า “เจ้ามาจากส่วนลึกของจักรวาลพร่างดาวหรือ?”
มีคลื่นพลังที่พิเศษเฉพาะอย่างยิ่งแผ่ออกมาจากร่างของชายชราในชุดผ้าลินิน เย็นเยียบบีบหัวใจอย่างประหลาด
บรรยากาศเช่นนั้นมิได้อ่อนแอไปกว่า ‘กฎเกณฑ์วอนสวรรค์’ ของหอเก้าสวรรค์และ ‘กฎวิเวกดารา’ ของลัทธิทางช้างเผือกเลย!
ควรค่าจดจำว่า ไม่ว่ากฎเกณฑ์วอนสวรรค์หรือกฎวิเวกดาราก็ดี พวกมันล้วนเป็นพลังกฎเกณฑ์สูงสุดของภูมิดาราแห่งหนึ่ง ซึ่งร้ายกาจไม่ต่างจากกฎสวรรค์แห่งจักรวาลพร่างดาว
และบรรยากาศของชายชราในชุดผ้าลินินก็คล้ายคลึงกัน!
จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ข้าเข้ามาในมหาแดนดินนี้ร้อยปีได้แล้ว ทว่านี่คือครั้งแรกที่มีผู้มองปราดเดียวก็เห็นที่มาของข้า พ่อหนุ่ม หรือเจ้า… จะมาจากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวเหมือนกัน?”
เขาดูประหลาดใจชั่วขณะ และสายตาที่มองซูอี้ก็แปรเปลี่ยนไปเช่นกัน
อวี๋ฉางหมิงและคนอื่น ๆ ล้วนใจสั่นสะท้าน ยามนี้เองที่พวกเขาเพิ่งตระหนัก ว่าแท้จริงชายชราในชุดผ้าลินินคือยอดฝีมือผู้หนึ่งจากส่วนลึกของจักรวาลพร่างดาว!
สิ่งนี้หาได้ยากอย่างไม่ต้องสงสัย ตลอดมามันแทบไม่เคยเกิดขึ้นเลย หากเผยแพร่ออกไป มันจะก่อให้เกิดเสียงฮือฮาในโลกได้แน่แท้
ซูอี้ไม่ได้ตอบ และถามอีกครั้ง “หากเจ้าว่าเช่นนั้น ผีหมัวก็สร้างพันธมิตรกับฝ่ายของเจ้าแล้วหรือ?”
ดวงตาของชายชราในชุดผ้าลินินวูบไหว “หากเจ้าเต็มใจบอกที่มา ข้าก็จะตอบคำถามเจ้า”
ซูอี้แค่นเสียงหึ “เจ้าเคยทำสัตย์ปฏิญาณมหาวิถีเช่นยอดฝีมือจากหอเก้าสวรรค์หรือไม่?”
ม่านตาของชายชราในชุดผ้าลินินหดตัวกะทันหัน เห็นได้ชัดว่าเขาฟังความนัยของวาจานั้นออก จึงอดหัวเราะอย่างโกรธเคืองมิได้ “กระไรหรือ? คิดจะค้นวิญญาณของข้าหรือไร?”
ซูอี้พยักหน้าอย่างเยือกเย็น “สำหรับข้า หากอยากเข้าใจเรื่องใด ค้นวิญญาณนั้นง่ายและได้ผลดีที่สุด”
หัวใจคนทุกคนสะท้านสั่น
ชายหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งมา จนไม่แม้แต่จะสนใจตัวตนร้ายกาจจากส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวด้วยซ้ำ!
ทว่าชายชราในชุดผ้าลินินกลับยิ้มน้อย ๆ “มองปราดแรก เจ้าก็เห็นได้แล้วว่าข้าผู้นี้ไม่ใช่คนของโลกนี้ ซ้ำยังรู้ถึงการมีอยู่ของหอเก้าสวรรค์ ข้าผู้นี้สนใจเจ้ามากเช่นกัน ไฉนเราสองจึงไม่ลองวัดแพ้ชนะแล้วค้นวิญญาณกันเล่า?”
เสียงยังไม่ทันสร่าง ชายชราในชุดผ้าลินินก็โจมตีกะทันหัน
ฉัวะ!
หมอกหนาเบ่งบานกลางอากาศดุจม่านหมึกหลากสี อสรพิษตัวยาวตัวหนึ่งเลื้อยออกมา
อสรพิษตัวยาวนี้ปกคลุมด้วยเกล็ดดำสนิท มีปีก และที่ปากมีหนวดมังกร ทันทีที่มันปรากฏ มันก็ชูคอแผดเสียง ส่งคลื่นหมอกทมิฬลอยเข้าหาซูอี้
อสรพิษมังกรทะยาน!
หนึ่งในสัตว์ร้ายบรรพกาล!
ตู้ม!
ด้วยการปรากฏของอสรพิษตัวนั้น โลกหล้าพลันปั่นป่วน คลื่นค่ายกลรวมตัวรอบอสรพิษนั้นอย่างบ้าคลั่ง จนเสริมอำนาจของมันให้น่าหวาดหวั่นยิ่งขึ้น
ราวเทพปีศาจจุติสู่หล้า อวี๋ฉางหมิงและตัวตนในวิถีลึกล้ำอื่น ๆ เพียงมองจากระยะไกล ก็หนาวสะท้านทั้งใจกายราวกับร่วงลงสู่ถ้ำน้ำแข็งแล้ว
“ที่แท้มันก็เป็นพลังกฎเกณฑ์บางอย่างที่ดึงพลังมหาวิถีมาแสดงความร้ายกาจที่แท้จริงของงูนั่น และเชื่อมกับพลังของค่ายกลล้อมรอบหอตำราเทียนเสวียน เป็นวิชาไม่ธรรมดาจริงแท้”
ดวงตาของซูอี้ทอแสงวูบวาบ มองปราดเดียวก็รู้ว่ากฎเต๋าที่ชายชราในชุดผ้าลินินบรรลุนั้นถูกใช้ได้ผ่าน ‘ภาพวาด’ ซึ่งลึกลับพิเศษเฉพาะ
ขณะครุ่นคิด เขาก็ไม่ได้เชื่องช้า และใช้ไผ่ทองอัสนีลี้ลับในมือฟาดฟันดุจดาบ
หนึ่งดาบคว้าสุริยันกุมจันทรา สาดแสงเจิดจ้าบนแขนข้า!
ปราณดาบอสนีบาตเจิดจ้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นทะเลครามอันทรงพลัง ตะวันจันทราผลุบโผล่
งดงามตระการดุจฝัน ทว่ากลับซ่อนสารพัดจิตสังหาร
เจ้าอสรพิษพ่นหมอกสีดำทะยานเข้าหาทะเลคราม อำนาจค่ายกลพุ่งสู่ฟ้า คู่สุริยันจันทราแหลกสลาย
และเมื่ออสรพิษทะยานเข้ามา ทะเลใหญ่สีครามก็พังทลายลงเช่นกัน
ตู้ม!
ท่ามกลางอำนาจทำลายล้างอันรุนแรงนี้ ทำให้ร่างของซูอี้ซวนเซถอยหลังสองสามก้าว ปราณทั่วร่างเขาปั่นป่วน
“ว่าแล้วเชียว พลังแห่งกฎเกณฑ์ที่อีกฝ่ายบรรลุคือกฎสูงสุดของหนึ่งภูมิดารา ไม่ได้ด้อยไปกว่ากฎเกณฑ์วอนสวรรค์หรือกฎวิเวกดาราเลย!”
ซูอี้ลอบกล่าว
ทว่ายามนี้ เขาไม่ได้แปลกใจอีกต่อไป แต่แปรเปลี่ยนเป็นยินดี
เพราะยามนี้ เขาไม่ต้องใช้ปราณของดาบเก้าคุมขัง ต่อให้ตัวเซก็แค่ถอยสองสามก้าว
“ลองกฎเวียนวัฏสงสารดูเถอะ!”
ร่างของซูอี้ทะยานสู่ฟ้า ขณะฟาดฟันดาบสังหาร
ไผ่ทองอัสนีลี้ลับถูกกระตุ้นโดย ‘กฎเวียนวัฏสงสาร’ ของเขา และปราณดาบที่พุ่งออกไปพลันเต็มไปด้วยอำนาจลี้ลับเงียบงันเกินเข้าใจ
นี่คืออำนาจแห่งการเกิดใหม่
เมื่อแตะต้อง ทั้งร่างกาย ความทรงจำ กระทั่งวิญญาณจะถูกล้างสิ้น!
นี่เป็นดั่งวาจา ‘เกิดมินำมา ตายมินำหวน’!
ในฐานะหนึ่งกฎเกณฑ์อันแฝงด้วยแก่นแท้แห่งการเวียนวัฏ กฎเวียนวัฏสงสารจึงเรียกได้ว่าเป็นอำนาจมหาวิถีสูงสุดแห่งภูมิมืดมิด
ตู้ม!
ยามเมื่อสงครามบังเกิด ซูอี้และอสรพิษมังกรทะยานก็ประชันดุเดือด
“ไม่เลว ไม่เลวเลย แม้กฎเวียนวัฏสงสารขั้นต้นจะยังอ่อนด้อย แต่ก็สามารถประชันกับพลังกฎเกณฑ์ของศัตรูระดับนี้ได้แล้ว!”
ซูอี้ลิงโลดในใจ
กฎเวียนวัฏสงสารในขั้นต้นนั้นยังแทบเอาชนะไม่ได้ แล้วกฎ0เวียนวัฏสงสารที่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้วล่ะ?
เมื่อมันถึงจุดสมบูรณ์แบบ มันจะเป็นเช่นไร?
หรือกฎเวียนวัฏสงสารอันสมบูรณ์แบบจะไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากฎสูงสุดแห่งภูมิดารา?
การค้นพบนี้ทำให้ซูอี้พลันตระหนักว่าพลังแห่งกฎอันสร้างจากแก่นแท้เวียนวัฏที่เขาบรรลุนั้น เขาประเมินค่ามันต่ำไปมาก!
ในขณะเดียวกัน…
“เจ้าหนูจากขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำผู้นี้ ต่อกรกับ ‘กฎแปรวิญญาณ’ ได้หรือ!?”
ชายชราในชุดผ้าลินินผู้กำลังใช้อสรพิษมังกรทะยานต่อกรอยู่ไกล ๆ ไม่อาจสงบใจได้
เขามาจากขุมกำลังลึกลับในห้วงลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่
และกฎแปรวิญญาณที่เขาบรรลุก็คือกฎเต๋าสูงสุดในภูมิดาราของพวกเขา ในโลกเทียนเสวียนซึ่งถูกลดขั้นเหลือเพียง ‘ปิตุภูมิเวิ้งดารา’ มาแสนนานนี้ มันเพียงพอแล้วที่จะบดขยี้แก่นแท้ของกฎเต๋าส่วนใหญ่ของที่นี่ได้
นี่ยังทำให้เขามีประวัติที่แทบไร้เทียมทานในขอบเขตเดียวกัน และกระทั่งจะฆ่าศัตรูข้ามขอบเขตยังทำได้
ทว่ายามนี้ หนึ่งชายหนุ่มในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำกลับหยุดการโจมตีเขาไว้ได้!
นี่จะไม่ทำให้เขาแปลกใจได้เช่นไร?
“ไอ้หนูนี่เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์จากสำนักระดับสูงสุดในห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวหรือไร?”
ชายชราในชุดผ้าลินินตกใจ ไม่กล้าปล่อยปละมากไปกว่านี้