บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1055: ผีหมัว!
ตอนที่ 1055: ผีหมัว!
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เทวยุทธ์
นี่คือภูเขาศักดิ์สิทธิ์อันลือนามไม่เป็นรองที่ใดในมหาแดนดิน
เมื่อห้าร้อยปีก่อน ผีหมัว ศิษย์แห่งปรมาจารย์เสวียนจวินก่อตั้งพันธมิตรเสวียนจวินขึ้นที่ภูเขานี้ ตะลึงทั่วโลกหล้าในพริบตา
“ศิษย์น้องข้าเย่ลั่ว… ยังไร้ข่าวคราวใดอีกหรือ?”
ในโถงแห่งหนึ่ง ผีหมัวยืนถามอย่างราบเรียบ สองมือไพล่หลัง
ร่างของเขาสูงใหญ่ สวมอาภรณ์ยาวเรียบง่ายแขนเสื้อกว้าง ยืนตระหง่านดุจยอดเขาที่ไม่อาจสั่นคลอนได้
“รายงานใต้เท้า ตัวหมากที่เราเตรียมไว้ในภูมิมืดมิดได้ออกไถ่ถามและรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ในภูมิมืดมิดแล้วขอรับ ข้าเชื่อว่าคงไม่นานก่อนที่จะส่งข่าวกลับมาได้ขอรับ”
บริวารเฒ่าร่างผอมในห้องโถงกล่าวขึ้นอย่างนอบน้อม
“ในความคิดข้า ศิษย์น้องเย่ลั่วคงไม่กลับมาอีกแล้วล่ะ”
ผีหมัวรำพึงเบา ๆ
“ใต้เท้า ใต้เท้าเย่ลั่วอาจประสบเรื่องขัดข้องบางอย่าง จนไม่อาจหลุดออกมาได้สักพักก็ได้นะขอรับ”
บริวารเฒ่ากระซิบ
ดวงตาของผีหมัววูบไหว เขากล่าวเบา ๆ ว่า “ด้วยวิธีการของเขา หากอยากจะหนี คงแทบไร้ผู้ใดในภูมิมืดมิดที่หยุดเขาได้ การที่เขาปฏิเสธไม่กลับมา ย่อม… มีเหตุผลอื่นอยู่”
ท้ายที่สุด เสียงของเขาต่ำลง
“หรือใต้เท้าจะสังเกตเห็นบางอย่างหรือขอรับ?”
บริวารเฒ่าอดถามไม่ได้
สีหน้าของผีหมัวแปรเปลี่ยนชั่วขณะ โบกมือกล่าว “เจ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพูดหรอก ไปบอกศิษย์น้องหญิงจิ่นขุย ให้นางมาหาข้าหน่อย”
“ขอรับ”
บริวารเฒ่าเดินจากไป
เหลือเพียงหนึ่งบุคคลในโถงนั้น
เขานำม้วนหยกม้วนหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ
ม้วนหยกนี้ถูกส่งมาจากศิษย์ของเขา ซั่งกวนเจี๋ย ณ ภูมิมืดมิด และเพิ่งถึงมือเขาวันนี้
เนื้อหาในม้วนหยกทำให้จิตใจของผีหมัวปั่นป่วน!
อันที่จริง เมื่อไม่นานนี้ เขาได้รับรู้เรื่องบางอย่างจากภูมิมืดมิด และยังรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสะเทือนแดนดินอันเกิดขึ้นในภูมิมืดมิดด้วย ฮั่วเหยาตาย เย่ลั่วหายเงียบ กระทั่งศิษย์แท้ ๆ ของเขายังหายตัวไปอย่างลึกลับ
ยามนั้น ผีหมัวตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ และสังเกตเห็นบางอย่างแปลกไป
โชคร้ายที่ภูมิมืดมิดอยู่ไกลจากเก้ามหาแดนดินเหลือเกิน เป็นไปไม่ได้หากจะถามข่าวเจาะจงในเวลาแสนสั้น
ทว่าวันนี้ เมื่อเขาได้ม้วนหยกที่ศิษย์เขาซั่งกวนเจี๋ยส่งกลับมา ผีหมัวก็เข้าใจถ่องแท้
เพียงแค่ว่าความจริงนั้นทำให้ผีหมัวยากยอมรับไปชั่วขณะ
หลังจากเงียบอยู่คนเดียวเนิ่นนาน ผีหมัวก็สูดหายใจลึกๆ แล้วพึมพำ “อาจารย์ ท่านเวียนวัฏสงสารสำเร็จแล้วหรือ? โอ มิน่าเล่า ศิษย์น้องเย่ลั่วผู้นับถือข้าเสมอจึงไร้ข่าวคราวไปกะทันหัน…”
“และศิษย์เหล่านั้นของข้า เกรงว่าคงคิดกันไปหมดแล้วว่าข้าคือศิษย์ทรยศ ขายอาจารย์ทำลายสำนักบรรพชน คงผิดหวังในตัวข้ากันมากกระมัง?”
“น่าเสียดายที่ศิษย์น้องฮั่วเหยาผู้เพิ่งพิสูจน์วิถีเป็นจักรพรรดิมาห้าร้อยกว่าปี ยังไม่ทันถึงขอบเขตสานพันธะลึกล้ำก็ตายเสียแล้ว…”
ผีหมัวนำไหสุราออกมาจิบเงียบ ๆ
ทันใดนั้น เขาก็กล่าวกับตัวเองยิ้ม ๆ “อาจารย์เอ๋ย อาจารย์ ข้ารู้อยู่นานแล้วว่าท่านไม่จากไปง่าย ๆ หรอก ท่านจะกลับมาอีกแน่”
“แต่กระนั้น… ข้าก็ยังรอคอยวันนี้อยู่!”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ ดวงตาของผีหมัวก็ลึกล้ำสงบเงียบ ไร้ร่องรอยการผันผวนของอารมณ์
“ในอดีต ข้านับถือท่านดุจบิดา เกรงกลัวท่านเยี่ยงท้องนภา”
“ทว่าในภายหน้า จะไม่อาจเป็นไปได้อีก!”
ผีหมัวดื่มสุราจากไห
ยามนี้ เขาดูจะตัดสินใจเด็ดขาดเสียที และอำนาจแข็งแกร่งร้ายกาจก็แผ่ออกมาจากทั่วร่าง
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านหาข้าอยู่หรือ?”
เสียงใสดังขึ้นนอกโถง
ทันใดจากนั้น ร่างทรงเสน่ห์ร่างหนึ่งก็เดินเข้ามา
นางสวมชุดกระโปรงสีฟ้าเหลือบน้ำตาลทอง เส้นผมสีดำขลับดุจปีกกาถูกรวบสูง เผยลำคอระหงเรียวขาว ใบหน้างดงามสดใสบริสุทธิ์
และยามนางมองมา ก็ให้บรรยากาศยิ่งใหญ่กดดัน ทำให้ผู้คนไม่กล้าปฏิบัติต่อนางเยี่ยงหญิงสาวผู้หนึ่งเลย
จิ่นขุย!
ศิษย์ลำดับสี่แห่งถ้ำเสวียนจวิน
นางมีความสามารถสูงส่ง ชาติกำเนิดก็เหนือธรรมดา ทั้งยังเปี่ยมความงามและจิตวิญญาณ นางเคยได้รับคำชมจากอาจารย์ของนาง ปรมารจารย์ดาบเสวียนจวินเมื่อนานมาแล้วว่า ‘หัตถ์นิ่มนวล เยาว์วัยเช่นแพรไหม อาภรณ์กรุยกรายดุจควันม่วงกลางหุบเขา’
กล่าวก็คือ จิ่นขุยนั้นงามทั้งใจกายแต่กำเนิด
“ศิษย์น้อง ดูนี่สิ”
ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ผีหมัวก็ยกมือขึ้นส่งกล่องหยกใบหนึ่งแก่จิ่นขุย
จิ่นขุยเปิดมันออก และพบว่าในกล่องหยกใบนั้นมีเม็ดประคำสีครามขนาดเท่าไข่นกพิราบชิ้นหนึ่งวางอยู่
“นี่คือ… ไข่มุกเทพสมุทรคราม?”
จิ่นขุนตกตะลึง
“ถูกต้อง สมบัติชิ้นนั้นแหละ”
ผีหมัวแย้มยิ้ม “ศิษย์น้องหญิง เจ้าในยามนี้อยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นปลายแล้ว หากใช้สมบัตินี้ ในสิบปี เจ้าจะสามารถหล่อหลอมวิถีเต๋าจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้”
จิ่นขุยตะลึงอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็ลังเล “ศิษย์พี่ใหญ่ สมบัตินี้คืออนุสรณ์ที่อาจารย์ทิ้งไว้ และเมื่ออาจารย์ยังอยู่ เขาบอกว่าสมบัตินี้ในภายหน้าจะเป็นของศิษย์น้องแปดไป๋อี้ ข้า… ข้ารับไว้ไม่ได้”
เมื่อคิดถึงอาจารย์ของนาง จิ่นขุยก็รู้สึกเศร้าอยู่ชั่วขณะ ในดวงตาของนางมีร่องรอยเศร้าโศกอันไม่อาจสังเกตเห็น
ผีหมัวรำพึง “ไม่กี่ปีมานี้ ข้าหาที่อยู่ของศิษย์น้องไป๋อี้มาตลอด ทว่าจวบจนยามนี้ก็ยังไร้ร่องรอย”
หลังเว้นระยะเล็กน้อย เขาก็กล่าวกับจิ่นขุยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ยามนี้เมื่อไร้อาจารย์แสนนาน ในฐานะศิษย์พี่ ข้าย่อมยึดสมบัติที่อาจารย์ทิ้งไว้ผู้เดียวไม่ได้ ไข่มุกเทพสมุทรครามนี้จะช่วยเจ้าในการฝึกฝนอย่างมหาศาล หากปล่อยไว้กับข้ารังแต่จะเสียของเปล่า ดังนั้นรับไว้อย่างสบายใจเถอะ”
จิ่นขุยกัดริมฝีปากสีชมพูของนาง “งั้น… เมื่อข้าพบศิษย์น้องไป๋อี้ ข้าจะคืนสมบัตินี้ให้เขา”
ผีหมัวกล่าวยิ้ม ๆ “แน่นอนสิ”
“ศิษย์พี่เรียกข้ามาครานี้ มีสิ่งอื่นหรือไม่?”
จิ่นขุยถามเสียงใส
ผีหมัวเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าโศกเศร้า “ศิษย์น้องฮั่วเหยา… ตายไปแล้ว!”
จิ่นขุยตะลึงไม่อยากเชื่อ “จะเป็นไปได้เช่นไร!?”
ผีหมัวกล่าวอย่างจริงจัง “ในภูมิมืดมิด มีตัวตนน่ารังเกียจไร้ยางอายอย่างยิ่งผู้หนึ่ง ไม่รู้ว่ามาจากหนใด แต่เขารู้ประวัติของอาจารย์เป็นอย่างดี และกระทั่งบรรลุมหาวิถีและเคล็ดวิชาที่ท่านอาจารย์เชี่ยวชาญ!”
“คนผู้นี้แสร้งสวมรอยอาจารย์ ลวงศิษย์น้องฮั่วเหยาให้เข้าใจผิดว่าคนผู้นี้คือร่างเวียนวัฏสงสารของอาจารย์ และสังหารเขาโดยไม่ทันตั้งตัว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิ่นขุยก็มีโทสะขึ้นมา “คนทรยศผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ แต่กลับแสร้งเป็นอาจารย์หรือ!? สมควรถูกพันดาบสับป่นเป็นธุลีนัก!”
ใบหน้าสวยสดงดงามของนางเต็มไปด้วยจิตสังหารอันไม่ปิดบัง
“ศิษย์น้องหญิง อย่าได้ถูกความโกรธบังตา คนทรยศผู้นั้นไม่ใช่คนธรรมดาแน่แท้ ยามเขาแสร้งทำเป็นอาจารย์ เขาหลอกได้กระทั่งศิษย์น้องฮั่วเหยา เห็นได้ชัดว่าวิธีการของคนผู้นี้ร้ายกาจนัก”
ผีหมัวกล่าวด้วยสีหน้าดูเคร่งขรึม “ยิ่งกว่านั้น เท่าที่ข้ารู้ ศิษย์น้องเย่ลั่วก็ถูกคนทรยศผู้นี้ควบคุมสมบูรณ์ เขาเชื่อว่าคนทรยศผู้นี้คือร่างเวียนวัฏสงสารของอาจารย์ และสิ่งนี้ทำให้ข้าเป็นกังวลที่สุด”
“ศิษย์น้องเย่ลั่วก็อยู่ใต้บงการของคนทรยศนี้หรือ?”
จิ่นขุยทั้งตกใจทั้งโกรธจนหัวใจสั่นไปหมด
นางรู้ดีมากว่าวิถีเต๋าของฮั่วเหยาและเย่ลั่วแข็งแกร่งเพียงไร พวกเขาล้วนแต่เป็นตัวตนสูงสุดชั้นหนึ่งในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำแห่งมหาแดนดิน
ทว่าหนึ่งคนถูกสังหาร อีกหนึ่งถูกควบคุม เพียงเท่านี้ก็รับรู้ได้ว่าการกระทำของคนทรยศผู้นั้นร้ายกาจลึกล้ำเพียงไร!
จิ่นขุยอดถามมิได้ว่า “ศิษย์พี่ คนทรยศผู้นี้เป็นใครกัน?”
“นามของเขาคือซูอี้”
สีหน้าของผีหมัวเต็มไปด้วยความกังวล “และหากไม่ผิดพลาด อีกไม่นาน หากคนผู้นี้ไม่ตาย เขาจะมายังเก้ามหาแดนดิน!”
“มาก็ดี!”
จิ่นขุยกัดฟันกล่าว “ก็ใช้โอกาสนี้แหละ จับตัวเขา ช่วยศิษย์น้องเย่ลั่ว และล้างแค้นให้ศิษย์พี่ฮั่วเหยาเสีย!”
ผีหมัวถอนใจ “ศิษย์น้องหญิงอย่าได้ถูกโทสะบังตา คนผู้นี้ไม่มีทางธรรมดา และข้าสังหรณ์ว่าเมื่อเขามาถึงแดนเทวามหาแดนดินนี้ เขาจะใช้ลูกไม้เดิม แสร้งใช้นามอาจารย์มาจัดการกับศิษย์ถ้ำเสวียนจวินอีก!”
“และด้วยวิธีการของเขาซึ่งสามารถฆ่าได้กระทั่งศิษย์น้องฮั่วเหยา ลวงได้กระทั่งจิตใจศิษย์น้องเย่ลั่ว เดาได้เลยว่าศัตรูเช่นนี้ร้ายกาจเพียงใด”
วาจาเหล่านี้ทำให้จิ่นขุยสัมผัสได้ถึงแรงกดดันหนักอึ้ง จากนั้นนางจึงกล่าวขึ้นว่า “ศิษย์พี่ งั้น… เราควรทำเช่นไร?”
ผีหมัวกล่าวอย่างเฉียบขาดด้วยสีหน้าจริงจัง “ศิษย์น้องหญิงอย่าห่วงไป ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อทำลายคนทรยศผู้แสร้งสวมรอยอาจารย์นี้ให้จงได้!”
จิ่นขุยพยักหน้ากล่าว “ศิษย์พี่ ถึงยามนั้น ข้าจะช่วยท่าน!”
ผีหมัวส่ายหน้ากล่าว “ศิษย์น้องหญิง ข้าไม่ได้บอกเรื่องนี้เพื่อให้เจ้ารับความเสี่ยงนะ ข้าแค่อยากให้เจ้าระวังตัวไว้ เผื่อเจ้าได้พบคนทรยศผู้นี้ในภายหน้า เจ้าจะได้มิถูกเขาหลอกอย่างศิษย์น้องเย่ลั่ว”
ผีหมัวชะงักไป ก่อนจะกล่าวอย่างเด็ดขาด “ส่วนเรื่องจัดการกับคนทรยศ ให้ข้าจัดการเถอะ!”
จากนั้นไม่นาน จิ่นขุยก็กลับไป
ผีหมัวมองร่างของนางหายลับเงียบ ๆ อยู่ชั่วขณะ ก่อนจะกล่าว “มานี่”
ชายชุดดำผู้หนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบงันในโถง เขากุมกำปั้นกล่าว “ใต้เท้ามีคำสั่งใดหรือขอรับ?”
“ส่งคนไปปล่อยข่าวทั่วเก้ามหาแดนดิน บอกว่ามีคนทรยศนามซูอี้แสร้งสวมรอยเป็นปรมาจารย์เสวียนจวิน บรรพชนของถ้ำเสวียนจวินข้า การกระทำชั่วช้าเช่นนี้มิอาจอภัยได้ทั่วโลกหล้า”
“จากนี้ไป คนผู้นี้คือศัตรูร่วมของพันธมิตรเสวียนจวินของข้า!”
เสียงของผีหมัวดังก้องกังวาน “ผู้ใดก็ตามที่ได้เบาะแสของคนผู้นี้ สามารถมารับบำเหน็จจากพันธมิตรเสวียนจวินได้!”
“นอกจากนั้น ไม่ว่าขุมกำลังใด หากกล้านำเรื่องนี้ไปก่อเรื่องวุ่นวาย พันธมิตรเสวียนจวินของข้าจะมิอภัยให้โดยง่าย!”
“ขอรับ!”
ชายชุดดำรับคำสั่งอย่างยำเกรงและรีบร้อนจากไป
“อาจารย์ อย่าโทษศิษย์ที่ชิงลงมือเลย เดิมพันธมิตรเสวียนจวินนี้ ศิษย์ตั้งขึ้นในนามท่าน หากท่านกลับมา ศิษย์จะรับมือพวกเขาเช่นไร? พันธมิตรเสวียนจวิน… จะยืนหยัดต่อได้เช่นไร?”
ผีหมัวพึมพำในใจ “ข้าจะทำให้โลกเข้าใจว่าปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจะไม่มีวันรอดชีวิตกลับมา ต่อให้ท่านปรากฏตัว ท่านก็จะเป็นเพียงตัวปลอม!”
“แน่นอน ข้ารู้ว่าการกระทำเช่นนี้ท่านจะแก้ไขได้ไม่ยากนักหรอก ทว่าข้าจะทำให้แดนเทวามหาแดนดินนี้ปั่นป่วนก่อน แล้วจึงร่วมรับผลที่ตามมากับท่านอย่างแท้จริง!”
ยามนี้เอง บริวารเฒ่าที่จากไปก่อนหน้านี้พลันรีบร้อนเข้ามากล่าวรัวเร็ว “ใต้เท้า ข่าวจากโลกเทียนเสวียนเพิ่งมาถึง แจ้งว่าผู้เฒ่าเฝิงและหวังอวิ๋นเทียนแห่งสำนักลานดาบทะยานถูกสังหารสิ้นแล้วขอรับ”
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ถูกกล่าว ม่านตาของผีหมัวพลันหดตัว สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อยราวไม่อยากเชื่อ “ผู้เฒ่าเฝิง… ตายแล้วหรือ!?”
ดวงตาของเขาเย็นชาแข็งกร้าว ร่างเปี่ยมอำนาจแข็งแกร่งมหาศาล ทำให้บริวารเฒ่าตัวสั่นแทบทรุดนิ่งไม่ไหวติงบนพื้น
……….