บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1056: ม้วนภาพ คางคกทอง เฟยอวิ๋น
ตอนที่ 1056: ม้วนภาพ คางคกทอง เฟยอวิ๋น
บรรยากาศในโถงอึมครึมเสียจนไม่อาจหายใจได้คล่องคอ
เมื่อเห็นบริวารเฒ่าผู้ตกใจกลัวเสียจนวิญญาณแทบละลิ่วลอย ผีหมัวก็ขมวดคิ้ว สูดหายใจลึก แล้วดึงอำนาจร้ายกาจกลับไปควบรวมในกายตน
เขาหัวเราะให้ตนเองและรำพึงเบา ๆ “ภูเขาถล่มตรงหน้า ทว่าสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ดาบขวานทะลวงร่าง หัวใจยังมั่นคง ยิ่งใส่ใจ หัวใจยิ่งเรรวน”
เขาสงบใจลงอย่างสมบูรณ์ กิริยากลับมาสงบเงียบดุจผืนน้ำนิ่ง มั่นคงดุจขุนเขา
“บอกข้ามาว่าเกิดอันใดขึ้น”
ผีหมัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างอย่างผ่อนคลาย พลางใช้นิ้วถูหว่างคิ้ว
บริวารเฒ่าไม่กล้าชักช้า เขากล่าวเสียงต่ำ “จากสายข่าวของเราในเมืองมะเดื่อ เมื่อเช้าตรู่สามวันที่แล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหันต์ในภูเขาเพิงหงส์ขอรับ ‘ค่ายกลอสรพิษทะยานค้ำสวรรค์’ ที่ผู้เฒ่าเฝิงตั้งไว้ถูกทำลาย และเกิดศึกดุเดือดขึ้นในหอตำราเทียนเสวียน”
“เมื่อหูตาของเราไปสืบข่าว สงครามก็จบลงแล้ว เจ้าหอตำราอวี๋ฉางหมิงส่งคนไปปิดภูเขาเพิงหงส์ ขณะที่ผู้เฒ่าเฝิงและกลุ่มของผู้อาวุโสสูงสุดหวังเทียนอวิ๋นจากสำนักลานดาบทะยาน ไม่มีผู้ใดกลับมา คาดว่าถูกกวาดล้างสิ้นแล้วขอรับ”
ก่อนปฏิบัติการนี้ เขาเคยส่งคนไปถามไถ่และเก็บข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับหอตำราเทียบเสวียน และรู้ดีว่าด้วยกำลังของหอตำราเทียนเสวียน ไม่มีทางเป็นคู่ต่อกรพวกผู้เฒ่าเฝิงได้เลย
ดังนั้น ผีหมัวจึงไม่คิดใส่ใจเรื่องนี้ เขาคิดว่าหากพวกผู้เฒ่าเฝิงออกเดินทาง พวกเขาคงกวาดล้างสำเร็จได้ทันที
ทว่าใครเล่าจะคิดว่าจะยังเกิดอุบัติเหตุขึ้น!
“เป็นเพียงขุมกำลังวิถีขงจื่อที่มีอำนาจเพียงในโลกเทียนเสวียน หรือจะยังมีตัวตนร้ายกาจซุกซ่อนอยู่?”
ผีหมัวงุนงงเล็กน้อย
“ใต้เท้า ในเมื่อผู้เฒ่าเฝิงคิดอยากได้ดาบปลายมนเสวียนหวงจากหอตำราเทียนเสวียน มันย่อมหมายความว่าหอตำราเทียนเสวียนอาจไม่ได้เรียบง่ายเช่นที่เราคิดก็ได้นะขอรับ”
บริวารเฒ่ากล่าวเตือน
ผีหมัวหรี่ตาลงเล็กน้อย พยักหน้ากล่าว “เจ้าไปก่อน”
บริวารเฒ่าถอยจากไป
ผีหมัวนั่งเงียบ ๆ อยู่ที่เดิมอยู่นาน จากนั้นก็ลุกขึ้นหยิบม้วนภาพม้วนหนึ่งมาคลี่ดูช้า ๆ
ทันใดนั้น ภาพดุจขุมนรกก็ปรากฏขึ้นบนม้วนภาพ
ในภาพวาดนั้นมีภูเขาศพและธารโลหิตเจิ่งนอง กระดูกเรียงรายเยี่ยงป่า ราวแดนมารโบราณอันเปี่ยมผีร้ายสัมภเวสีวนเวียน สารพัดเทพร้ายมารปีศาจอาละวาด
มันเป็นเพียงภาพวาด ทว่ากลับดูจะเปิดประตูสู่แดนมารสีเลือด และบรรยากาศของมันก็ยิ่งประหลาดชวนขนลุก
นี่ไม่ใช่หนแรกที่ผีหมัวดูม้วนภาพนี้ แต่เมื่อเห็นภาพดังกล่าว เขาก็ยังรู้สึกหดหู่ในใจ
มารปีศาจในม้วนภาพนี้ บ้างเด็ดดาวดึงจันทรา กลืนกินนภา บ้างโบกมือปิดสรวง ทำลายมหาแดนดิน แต่ละตนต่างร้ายกาจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
“พวกเขาล้วนแต่เป็นราชันย์แห่งภูมิ เหนือวิถีลึกล้ำ!”
ผีหมัวรำพันในใจ
แววตาของเขาสงบลึกล้ำ และแฝงด้วยความรุ่มร้อน
เขากลั้นหายใจกล่าวด้วยสีหน้าดูจริงจังทันที “ขอผู้ส่งสาส์นช่วยรายงานว่าผีหมัวต้องการถามบางอย่างจากคุณหนูด้วย”
เมื่อสิ้นวาจา คลื่นกระเพื่อมก็ปรากฏขึ้นในภาพวาดแดนมารในม้วนภาพ
ที่มุมม้วนภาพปรากฏหมอกมายาขึ้นกะทันหัน ดุจแต้มหมึกวาดเป็นถ้ำแห่งหนึ่ง
ในถ้ำแห่งนี้สว่างไสวด้วยแสง หมอกมงคลพลิ้ววน บรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ ราวกับปรากฏขึ้นเพื่อชำระล้างการนองเลือดอันเกิดขึ้นในส่วนอื่นของม้วนภาพ
ที่หน้าถ้ำมีคางคกทองสามตาตัวหนึ่งนั่งอยู่ ทั่วร่างล้วนสร้างจากทองเทวะ
คางคกทองสามตา!
สัตว์ร้ายอันน่าหวาดหวั่นยิ่ง!
เมื่อพบสัตว์ร้ายตนนี้ สีหน้าของผีหมัวก็จริงจังมากขึ้น
“คุณหนูเก็บตัวเมื่อไม่กี่วันก่อน หากไม่ผ่านไปสักสามหรือห้าปี เกรงว่าคงไม่อาจเผยร่องรอยใด ๆ หากมีสิ่งใด บอกข้ามาก็พอ”
คางคกทองสามตากลั้วคอ ส่งเสียงกัมปนาทดุจสายฟ้า
“เก็บตัว? หรือคุณหนูจะกำลังไขความลับจี้หยกสำริดนั่นอยู่?”
ผีหมัวอดเอ่ยถามไม่ได้
เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ผู้เฒ่าเฝิงได้ออกเดินทางไกล และนำจี้หยกสำริดชิ้นหนึ่งเป็นของขวัญแก่คุณหนู
จากคำกล่าวของผู้เฒ่าเฝิง สิ่งนี้คือสมบัติที่อยู่รอดมาแต่โบราณ มันบรรจุ ‘ปราณมารดาฟ้าดิน’ และไม่อาจประเมินค่าได้!
อันที่จริง หลายปีมานี้ ผีหมัวร่วมมือกับผู้เฒ่าเฝิง ใช้อำนาจพันธมิตรเสวียนจวินออกหา ‘สมบัติโบราณ’ เยี่ยงจี้หยกสำริดนี้ทั่วแดนเทวามหาแดนดิน
ทว่ายามนี้ แม้จะพบสมบัติที่คล้ายคลึงกันมากมาย ทว่าก็พบสมบัติที่บรรจุ ‘ปราณมารดาฟ้าดิน’ เพียงจี้หยกสำริดชิ้นนั้น!
เมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้เฒ่าเฝิงและคนจากสำนักลานดาบทะยานไปยังหอตำราเทียนเสวียน เหตุก็เพื่อชิงดาบปลายมนเสวียนหวงเพราะผู้เฒ่าเฝิงสงสัยว่ามันจะมีปราณมารดาฟ้าดินเช่นกัน
“เรื่องของคุณหนู ไฉนต้องถามซอกแซก?”
คางคอกทองสามตาแค่นเสียงเย็นชา ดวงตาเย็นเยียบ
ผีหมัวก้มหัวเล็กน้อย กล่าวว่า “ข้าบังอาจแล้ว หวังว่าผู้ส่งสาส์นจะไม่ถือสา”
“บอกมา เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่?”
คางคกทองสามตาดูหงุดหงิดเล็กน้อย
ผีหมัวก้มหัวลงกล่าว “ผู้เฒ่าเฝิงสิ้นแล้ว”
คางคกทองสามตาตะลึงไม่อยากเชื่อ “หรือจะมีตัวตนในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำลงมือ?”
ผีหมัวส่ายหน้ากล่าว “ข้าไม่รู้”
คางคกทองสามตาด่าลั่นราวฟ้าผ่า “เจ้าคือผู้นำพันธมิตรเสวียนจวิน ในแมหาแดนดินนี้ ยังมีเรื่องที่เจ้าไม่รู้ได้เช่นไร?”
ผีหมัวรำพึง “ตอบผู้ส่งสาส์นตามตรง เรื่องนี้เกิดกะทันหันเกินไป กระทั่งข้ายังไม่คาดคิด เพราะถึงอย่างไร เท่าที่ข้าทราบ ด้วยวิถีเต๋าของผู้เฒ่าเฝิง ต่อให้พบตัวตนในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ เขาก็ยังสู้ได้ ข้าคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าผู้ใดจะสามารถสังหารผู้เฒ่าเฝิงได้”
หลังเว้นช่วงเล็กน้อย เขาก็กล่าวต่อ “นี่เป็นเรื่องร้ายแรง ข้าจึงมารายงานโดยเร็วที่สุด หวังว่าคุณหนูจะให้คำชี้แนะได้บ้าง”
คางคกทองสามตาเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะกล่าว “ก็ถูก ตัวตนที่สามารถสังหารเฝิงจี๋ได้ อย่างน้อยก็น่าจะมีการฝึกฝนในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ มิน่าเล่าจึงทำให้เขาลนลานมาขอความช่วยเหลือจากคุณหนูได้”
แววตาผีหมัวฉายประกายเย็นชาอย่างไม่อาจมองเห็นได้ ก้มหัวลงกล่าวเสียงต่ำ “ผู้ส่งสาส์นกล่าวได้ถูกต้อง”
“จะเสียดาบปลายมนเสวียนหวงไปไม่ได้ ข้าสงสัยว่าดาบปลายมนเสวียนหวงนี้น่าจะบรรจุปราณมารดาฟ้าดินที่สุด! หาไม่ แค่หอตำราเทียนเสวียนหรือจะกล้าฆ่าเฝิงจี๋เพราะแค่สมบัติชิ้นเดียว?”
คางคกทองสามตาครุ่นคิด “ได้ เจ้ารอเดี๋ยว”
กล่าวจบ มันก็อ้าปากพ่นพู่กันสีดำยาวเก้าชุ่นอันเต็มไปด้วยลายเมฆบิดม้วนออกมา
ฉึบ!
พู่กันเรืองแสงและตวัดไปบนอากาศ
กองซากศพในม้วนภาพพลันระเบิดออก เผยให้เห็นโลงศพสำริดหลังหนึ่ง
พื้นผิวโลงสำริดนี้เต็มไปด้วยอำนาจลึกลับสีเลือดผนึกไว้
ด้วยการสะบัดพู่กัน ผนึกสีเลือดพลันมลายหาย
จากนั้น โลงสำริดก็เปิดออกอย่างเชื่องช้าไร้เสียง
“คางคกเฒ่า เจ้ามาปลุกข้าทำไม?”
เสียงแห้งโรยแรงดังออกมา และในโลงสำริด เงาร่างหนึ่งค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง
เขาเป็นอสูรหนุ่มในชุดเขียว ปากแดงดุจโลหิต และเมื่อมองมา นัยน์ตาทั้งสองก็เจือแสงทองน่าตระหนกตกใจ
“เจ้าออกไปค้นหาสาเหตุการตายของเฝิงจี๋ในโลกภายนอกหน่อย แล้วเอาดาบปลายมนเสวียนหวงกลับมาด้วยนะ สิ่งนั้นจะมีประโยชน์มหาศาลต่อคุณหนู”
คางคกทองสามตาออกคำสั่ง
อสูรหนุ่มชุดเขียวแปลกใจ “เจ้าหนอนน้อยนั่นตายแล้วหรือ? เฮ้อ เขาเป็นทายาทสายเลือดบริสุทธิ์ของเผ่าอสรพิษมังกรทะยาน ผู้ก่อตั้งเคยกล่าวว่าเจ้าหนอนน้อยนี่มีอนาคตไร้จำกัด ทว่ายามนี้กลับมาตายในปิตุภูมิเวิ้งดาราเก่าคร่ำคร่า… เฮอะ หากให้พวกสำนักพวกนั้นรู้ คงหัวเราะท้องระเบิดแน่แท้”
เขากล่าวพลางหัวเราะ ซึ่งฟังดูชั่วร้ายลิงโลด ยินดีในความทุกข์ของผู้อื่น
คางคกทองสามตาแค่นเสียงเย็นชา “ไฉนจึงมากความนัก ข้าบอกเจ้าไว้นะว่าหากครานี้ยังมิอาจสำเร็จภารกิจ พอคุณหนูออกจากพำนัก ก็ระวังหัวไว้เลย!”
เมื่อกล่าวถึงคุณหนู อสูรหนุ่มรูปงามในชุดเขียวก็หยุดหัวเราะและยืนขึ้นทันที
เพียงหนึ่งโบกแขนเสื้อ โลงศพสำริดใต้เท้าของเขาพลันกลายเป็นดาบวิถีสีแดงก่ำดุจโลหิต กู่คำรามทะยานหายเข้าไปในแขนเสื้อของเขา
ขณะเดียวกัน เขาก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งใจ ประกายแสงสีทองน่าหวาดหวั่นปรากฏในดวงตา “อย่าห่วงเลย ข้าไม่มีทางละเลยเรื่องที่เกี่ยวกับคุณหนูแน่!”
ตู้ม!
ปราณปีศาจร้ายกาจผุดขึ้นมาจากร่างอสูรหนุ่มชุดเขียว
ยามนี้ เขาดูราวเทพปีศาจอันปรากฏจากอากาศธาตุ ดุร้ายไร้ขอบเขต!
หัวใจของผีหมัวสะท้านสั่น
ก่อนหน้านี้ เขาเห็นเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในม้วนภาพ ทว่าก็ยังอดประหลาดใจยามเห็นความป่าเถื่อนของอสูรหนุ่มรูปงามในชุดเขียวนี้ไม่ได้อยู่ดี
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนผู้นี้คือตัวตนอันร้ายกาจยิ่งกว่าผู้เฒ่าเฝิง!
“ผีหมัว เขาเป็นศิษย์พี่ของเฝิงจี๋ สมญาวิถีของเขาคือ ‘เฟยอวิ๋น’ ข้าจะส่งเขาออกไปจาก ‘ภาพแผนที่แดนมารนิจนิรันดร์’ ในภายหลัง ถึงยามนั้น เจ้าก็บอกเขาเกี่ยวกับเรื่องหอตำราเทียนเสวียนก็พอ”
คางคงทองสามตากล่าวอย่างจริงจัง
ผีหมัวประคองกำปั้นกล่าว “ขอบคุณผู้ส่งสาส์น!”
คางคกทองสามตาโบกพู่กันสีดำโดยมิรอช้า
ตู้ม!
แดนมารในม้วนภาพราวเดือดพล่าน แล้วร่างของอสูรหนุ่มชุดเขียวก็ถูกโอบล้อมหายไปด้วยแสงสีเลือด
จากนั้น ม้วนภาพก็ม้วนตัวกลับ ทุกการเคลื่อนไหวหายไป
แล้วอสูรหนุ่มรูปงามในชุดเขียวนามเฟยอวิ๋นก็ปรากฏตรงหน้าผีหมัวจากอากาศธาตุ
“ด้วยการฝึกฝนในขั้นต้นขอบเขตสานพันธะลึกล้ำของเจ้า เจ้าอยู่อันดับใดในมหาแดนดินนี้?”
ดวงตาของเฟยอวิ๋นพินิจผีหมัวหัวจรดเท้าและถามอย่างสนอกสนใจ
สีหน้าของผีหมัวยังคงนิ่งเฉย เขากล่าวว่า “วิถีเต๋าของข้าต่ำต้อย ย่อมไม่อาจอยู่ในสายตาท่านได้หรอก”
เฟยอวิ๋นยิ้มเยาะ “ลิ้นสองแฉกนะ ข้าได้ยินเรื่องของเจ้ามาบ้างแล้ว และรู้ว่าอาจารย์เจ้าอยู่ในมหาแดนดินนี้ หากเขายังมีชีวิตอยู่และมาเห็นศิษย์เอกตัวเองแปรพักตร์ไปอยู่โรงวาดฤทัย เขาจะรู้สึกเช่นไรหนอ?”
ผีหมัวยังคงเงียบงัน
เฟยอวิ๋นกล่าวอย่างเบื่อ ๆ “เล่าให้ข้าฟังเรื่องหอตำราเทียนเสวียนที”
ผีหมัวนำม้วนหยกที่เขาเตรียมไว้ออกมาส่งให้ “ทุกอย่างที่ท่านต้องการทราบอยู่ในม้วนหยกนี้แล้ว”
เฟยอวิ๋นรับม้วนหยกไป มองผีหมัวอย่างลึกล้ำ และกล่าวว่า “ข้าแนะนำให้เจ้าเก็บความคิดที่ไม่สมควรไปเสียนะ ตัวตนเช่นคุณหนูไม่ใช่ผู้ที่เจ้าจะถวิลหาได้”
จากนั้น เขาก็ส่ายหน้าเดินจากไป
ผีหมัวเก็บม้วนภาพในมือของเขาไปเงียบ ๆ ขณะมองร่างของเฟยอวิ๋นหายลับ ร่างที่ก้มตัวเล็กน้อยยืดกลับอย่างเงียบ ๆ และกระทั่งแววตาลึกล้ำยังคงเย็นชา
……….