บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1060: ยืดอกได้เต็มที่!
……….
ตอนที่ 1060: ยืดอกได้เต็มที่!
ห่างออกไป เมื่อเห็นซูอี้รับการจู่โจมของตัวเองได้ จิตรกรที่ถูกยั่วจนโกรธเกรี้ยวถึงกับตื่นตะลึง
คน ๆ นี้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยเชียวหรือ!?
ทันใด เขาส่งเสียงร้องฮึ และเอื้อมมือคว้าในระยะไกล
ครืน!
สุญญะยุบตัว ฝ่ามือขนาดใหญ่สามารถบดบังแผ่นฟ้าซัดลงมา
คล้ายกับฝ่ามือของสวรรค์!
“พลังเช่นนี้ สามารถคุกคามชีวิตของทุกคนในมหาแดนดินขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นต้นได้”
ซูอี้แอบตะลึงในใจ
ไม่ใช่เพราะพลังของจิตรกรน่ากลัว แต่เป็นเพราะกฎแปรวิญญาณที่เขาควบคุมมีความแข็งแกร่งและเป็นสิ่งต้องห้ามจนเกินไป
ชิ้ง!
เสียงดาบสะท้านฟ้า ซูอี้ไม่ชักช้ารีรอ ถือดาบเข้าปะทะ
ศึกใหญ่ปะทุขึ้นแล้ว
ฟ้าดินสั่นสะเทือน พลังดาบฉวัดเฉวียน ผืนแผ่นดินบริเวณนี้สั่นสะเทือนภูเขาถล่ม
ซูอี้ขับดันระดับวิถีในตัวจนถึงจุดสุดยอด เวลาที่ผลักดันดาบเงากระจ่างก็ใช้กลิ่นอายพลังของดาบเก้าคุมขังควบคุม
เมื่อดาบสองเล่มเข้าปะทะกันแล้ว พลังของมันเทียบเท่ากับจิตรกร และไม่ได้ด้อยกว่าแม้แต่น้อย!
“พลังประหลาด! คนคนนี้มาจากไหนกันแน่ เหตุใดจึงมีพลังร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้?”
ระหว่างการต่อสู้ จิตรกรอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ ระคนตื่นตะลึงในความสามารถที่ซูอี้แสดงออกมา
ด้วยสายตาอันคมเฉียบของเขา สามารถตัดสินได้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีอายุไม่เกินยี่สิบ!
ทว่าอีกฝ่ายกลับมีระดับการฝึกตนถึงขั้นขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลาง ระดับการฝึกตนเช่นนี้ ต่อให้อยู่ในจักรวาลพร่างดาวก็ยังถือได้ว่าพบเห็นได้น้อยมากจนเป็นที่ตื่นตะลึง!
แต่จิตรกรสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามหาวิถีของชายหนุ่มนั้นมีรากฐานที่คงมั่นยิ่งนัก พูดกันถึงแค่ระดับวิถี ยากนักที่จะหาตัวตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำเช่นนี้ในจักรวาลพร่างดาว!
เช่นนี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในโลก ไม่มีใครทัดเทียม!
อย่างน้อย ๆ ด้วยประสบการณ์ของจิตรกรแล้ว เขาก็ไม่เคยเห็นตัวตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำที่มีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้มาก่อน
และขณะนี้เอง จิตรกรจึงเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดตัวตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำอย่างเฝิงจี๋กับเฟยอวิ๋นจึงตายในน้ำมือของชายหนุ่มคนนี้
เพราะเขาไม่เพียงแค่มีระดับวิถีแกร่งกล้า ทั้งยังควบคุมพลังมหาวิถีที่แกร่งพอจะต้านทานกฎแปรวิญญาณได้!!
“ระดับวิถีร้ายกาจ ควบคุมพลังมหาวิถีลักษณะต้องห้าม และยังมีอายุเพียงแค่สิบกว่าปี ทั้งยังเข้าใจเรื่องราวที่ผ่านมาของทัศนาจารย์… เจ้าหนู ที่แท้แล้วเจ้าเป็นใคร?”
จิตรกรรู้สึกสงสัยยิ่งนัก
เขาวนเวียนอยู่ในจักรวาลพร่างดาวมาเป็นเวลานาน ผ่านวันเวลาที่เนิ่นนาน ชั่วชีวิตเคยเจอบุคคลในตำนานผู้เก่งกาจชื่อเสียงครอบหมู่ดาราไม่รู้มากมายเท่าใด
ทว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอชายหนุ่มอย่างซูอี้เช่นนี้
ไม่เพียงแต่ร้ายกาจ ทั้งยังเกินธรรมดาเสียด้วย!
“ไม่ได้การ”
ทันใด จิตรกรก็รู้สึกได้ถึงสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดี
เจตจำนงมุ่งมั่นของเขากำลังลดน้อยลงไปอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานก็ดับสลาย!
จิตรกรใช้พลังทั้งหมดที่คงเหลือสำแดงเคล็ดวิชาอันแข็งแกร่งโดยไม่ชักช้าลังเล
“ย้าก!”
เขาร้องตะโกนเสียงดัง ใช้พลังในตัวแทนน้ำหมึก ไหลรวมไปที่ปลายนิ้วชี้ขวา และกดลงไปกลางอากาศประดุจปลายพู่กันวาดลาย
ครืน!
ภาพขนาดใหญ่ไร้ขอบเขตคลี่ออกกลางอากาศ ในนั้นคือภาพทะเลมหาสมุทรที่ถูกซัดด้วยสายฟ้าพิฆาต ฟ้าผ่าฟ้าแลบอันคึกคะนองราวกับคลื่นยักษ์ในท้องทะเลเต็มไปด้วยอานุภาพแห่งการทำลายล้าง
ภาพทะเลสายฟ้าล้างโลกา!
เพียงแค่ภาพวาดภาพหนึ่งเท่านั้น กลับมีสายฟ้าพิฆาตผุดขึ้นนับไม่ถ้วน ราวกับจะทับท่วมผืนแผ่นดินแห่งนี้
อานุภาพที่น่ากลัวนั้นทำให้ภูเขาลำเนาไพรในบริเวณหมื่นจั้งมีทีท่าถล่มทลายราวกับวันสุดท้ายของโลก
ร่างของซูอี้แข็งทื่อ เจ็บแปลบไปทั้งตัว
“ดูท่าทางตาเฒ่าคนนี้จะทุ่มสุดตัวแล้ว”
ซูอี้พูดกับตัวเอง
เขายังรู้สึกไม่สาแก่ใจ กำลังฆ่าฟันกันอย่างเมามัน เขาจึงยังไม่อยากจะยุติการต่อสู้ไปง่าย ๆ เช่นนี้
แต่เสียดาย ถึงเวลาที่ต้องตัดสินแพ้ชนะแล้ว
ชิ้ง!
เสียงดาบกังวานซึ่งต่างไปจากเสียงดาบเงากระจ่างโดยสิ้นเชิงก็ดังขึ้น
น้ำเต้าหยกสามชุ่นกลายเป็นดาบปรากฏบนมือของซูอี้ จากนั้นปลายดาบสามชุ่นสีเขียวเลือนรางก็โผล่ออกมาจากด้ามดาบ
ชั่วขณะนั้น เปรียบดังดาบเซียนสะท้านโลกาอุบัติขึ้น ส่องสว่างถึงสวรรค์ชั้นเก้าสิบโลกา!
ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์!
ดาบคู่ใจที่แกร่งที่สุดของซูอี้เมื่อชาติที่แล้ว!
โครม…!!
สายฟ้าพิฆาตที่ยิ่งใหญ่ราวกับทะเลมหาสมุทรถาโถมโหมกระหน่ำเข้ามาราวกับต้องการจะกลบกลืนซูอี้
ซูอี้ไม่ได้หลบหลีก แต่พลิกข้อมือ ชูแขนขวาขึ้น จากนั้นเขาก็ฟันออกไปในดาบเดียว
ชั่วขณะนั้น ฟ้าดินถูกคมดาบฟันเป็นแนวยาวราวกับกระดาษภาพวาด
ครู่ถัดมา สายฟ้าพิฆาตเดือดระห่ำอันยิ่งใหญ่ก็ขาดเป็นสองส่วนต่อหน้าซูอี้ในทันใด สลายตัวไปจากสองด้านข้าง
เพียงแค่ดาบเดียว ทลายกระบวนไม้ตายของจิตรกรจนย่อยยับ!
เมื่อมองดูจากระยะไกล ราวกับเซียนแยกทะเลสายฟ้าในดาบเดียว!
ภาพเหตุการณ์เช่นนั้นเพียงพอที่จะทำให้คนทั้งโลกต้องตะลึง!
เมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้แล้ว จิตรกรก็นิ่งตะลึง สายตาผุดแววสะท้านสะเทือนใจ รู้สึกแต่เพียงว่าท่าทีในขณะนี้เวลานี้ของชายหนุ่มชุดสีเขียวที่อยู่ห่างออกไปคนนั้นราวกับจอมดาบท่านหนึ่งที่เขารู้จัก
ทำให้เขานึกถึงความอัปยศอดสูที่เคยได้รับเมื่อในอดีต
“เจ้าหนุ่ม เจ้าเป็นใครกันแน่?”
เสียงของจิตรกรเคร่งขรึม
ห่างออกไป ซูอี้เก็บดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ เขายืนเอามือไพล่หลัง แววตามีเลศนัย “ข้าน่ะหรือ ในมหาแดนดิน คนทั้งโลกต่างก็เรียกข้าว่าปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน และในจักรวาลพร่างดาว ข้าคือคนที่ทำให้เทพเซียนต้องขมวดคิ้ว ข้าคือ…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิตรกรแอบสะดุ้งอย่างแรงในใจ คาดเดาได้ว่าสาเหตุที่ชายหนุ่มมีอายุน้อยเพียงนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับวัฏสงสารอย่างแน่นอน!
จนกระทั่งได้ยินซูอี้เอ่ยขึ้นมาว่าเขามีอีกฐานะหนึ่งในส่วนลึกหมู่ดวงดาว จิตรกรถึงกับหรี่ตาลง กลั้นหายใจ ตั้งสมาธิ
“ทัศนาจารย์”
เมื่อซูอี้เอ่ยคำ ๆ นี้ขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จิตรกรราวกับถูกฟ้าผ่ากลางกระหม่อม เขานิ่งตะลึงอยู่ตรงนั้น สีหน้าสับสนตื่นตระหนกคละเคล้ากัน
ทั้งตกใจ ทั้งหวาดผวา และไม่อยากจะเชื่อ
ซูอี้ยังคงพูดต่อไปอีก “แน่นอน เหล่านั้นล้วนเป็นอดีตชาติของข้า กลายเป็นหมอกควันไปหมดแล้ว จงฟังให้ดี ข้าในตอนนี้ ชื่อว่าซูอี้”
“ข้า… ไม่… เชื่อ!!!”
จิตรกรอ้าปากส่งเสียง เจตจำนงในตัวเขาหมดลงแล้ว ต้องพยายามอย่างสุดแรงกำลังจึงสามารถพูดสามคำนี้ออกมาได้
เสียงซึ่งแฝงไว้ด้วยความโกรธแค้นและไม่ยอมแพ้ของเขายังคงดังวนเวียน ร่างที่เกิดจากเจตจำนงนั้นกลายเป็นสะเก็ดแสงแตกกระเซ็น
ซูอี้กล่าวเบา ๆ “เจ้าไม่เชื่อแล้วอย่างไร? ทัศนาจารย์สามารถเอาชนะเจ้าได้ในตอนนั้น วันข้างหน้าเมื่อข้าซูอี้ไปถึงจักรวาลพร่างดาวก็สามารถเอาชนะเจ้าได้เช่นกัน”
ฉับพลัน เขาก็ส่ายหน้า
อย่างไรเสียคนที่ตายไปต่อหน้าก็เป็นเพียงแค่เจตจำนงของจิตรกรเท่านั้น วันข้างหน้าหากเขาได้พบกับร่างแท้ของอีกฝ่าย เกรงว่าคนคนนี้คงจำไม่ได้ว่าเขาคือใคร!
เพราะท้ายที่สุดเจตจำนงก็เป็นได้เพียงแค่ยันต์ป้องกันตัวเท่านั้น ต่อให้ดับสลาย ร่างแท้ก็ไม่อาจรับรู้และไม่อาจทำให้ร่างแท้ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
“เพียงแต่เสียดาย ที่ข้าไม่อาจงัดเอาข้อมูลได้มากกว่านี้”
ซูอี้ถอนใจเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวบินไปยังหอตำราเทียนเสวียน
ศึกในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บก็จริง ทว่าใช้พลังดาบเก้าคุมขังต่อสู้กับเจตจำนงของจิตรกรติดต่อกันเช่นนี้ทำให้เขาสูญเสียพลังไปมาก
ต้องรีบพักฟื้นปรับสภาพร่างกายโดยเร็ว
ทว่า ครั้งนี้ซูอี้ได้รับเบาะแสที่มีประโยชน์ไม่น้อยจากปากของเฟยอวิ๋นกับจิตรกร
ข้อที่หนึ่ง เขาได้รู้ฐานะที่แท้จริงของ ‘ซงไฉ’!
ผู้หญิงนางนี้มาจากโรงวาดฤทัย ศิษย์ของโรงวาดฤทัยขานเรียกนางว่า ‘คุณหนู’ แม้กระทั่งเวลาที่จิตรกรเอ่ยถึงหญิงนางนี้ก็ยังแสดงอาการเกรี้ยวกราดออกมา
ซูอี้ตัดสินได้ว่าในโรงวาดฤทัยผู้หญิงนางนี้จะต้องมีฐานะที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน บางทีอาจจะเป็นบุตรสาวหรือบางทีอาจจะเป็นคู่วิถีของจิตรกร หรืออาจจะมีฐานะที่ลึกลับซับซ้อนยิ่งกว่า
อีกทั้งยังสามารถมั่นใจได้ว่า สาเหตุการทรยศของผีหมัวในครั้งนั้นจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับผู้หญิงนางนี้อย่างแน่นอน!
ข้อที่สอง ตามที่จิตรกรกล่าวมา กลุ่มกำลังของโรงวาดฤทัยเดินทางมาแผ่นดินมหาแดนดิน นอกจากจะมาเพื่อสืบค้น ‘ปราณมารดาฟ้าดิน’ ซึ่งมีอยู่ในภูมิดาราฟ้าดินแล้ว ยังมาเพื่อสืบค้นความลับแห่งวัฏสงสารอีกด้วย!
เรื่องนี้ไม่แปลก ครั้งนั้นหลังจากที่ตนเองกลับชาติได้ไม่นาน ผีหมัวก็เดินทางไปยังดินแดนมืดมิดด้วยตนเอง ฆ่านายแห่งโลงศพโลหิตซึ่งเป็นเชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพตายด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต และยังสืบเรื่องของการเวียนวัฏจักรด้วยเช่นกัน
ผีหมัวทำตามคำบัญชาของ ‘คุณหนู’ ท่านนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย!
และข้อที่สองนี้ทำให้ซูอี้ตระหนักได้ว่า ในจักรวาลพร่างดาวแห่งนั้นไม่ได้มีแต่หอเก้าสวรรค์กับลัทธิทางช้างเผือกเท่านั้น แม้กระทั่งโรงวาดฤทัยก็ยังรู้ว่าภูมิดาราฟ้าดินที่กลายเป็นปิตุภูมิเวิ้งดาราไปตั้งนานแล้วมีความลับแห่งวัฏสงสารซุกซ่อนอยู่!
นี่เป็นสัญญาณอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่แน่วันใดวันหนึ่ง ขุมกำลังที่ตั้งอยู่ในจักรวาลพร่างดาวทั้งสามแห่งนี้อาจจะรุกฆาตบุกเข้าแผ่นดินมหาแดนดินร่วมกันก็เป็นได้!
ข้อที่สาม ฐานะของชิงถังศิษย์คนเล็กสงสัยว่าจะมีเงื่อนงำ!
‘คุณหนู’ ของโรงวาดฤทัยจากจักรวาลพร่างดาวไปถึงมหาแดนดินเมื่อหนึ่งหมื่นแปดพันปีก่อน
ทว่าตนเองรับชิงถังเป็นศิษย์สายในคนเล็กสุดเมื่อหนึ่งหมื่นแปดพันเก้าร้อยปีก่อน
เวลาที่ทั้งสองคนปรากฏตัวใกล้เคียงกันมาก
หากว่านี่เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ ถ้าเช่นนั้น ‘คุณหนู’ ผู้อยู่ในฐานะซงไฉกลายเป็นศิษย์ในนามของตนเองได้ไม่นานก็โดนชิงถังจับได้ว่ามีเจตนาไม่ดีและขับไล่ออกจากสำนัก ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญกระมัง?
เพราะตามที่ทราบกันดี ตอนนั้นซูเสวียนจวินย่างก้าวสู่ขอบเขตจักรพรรดิขั้นปลายไปนานแล้ว ทั้งยังเป็นใหญ่ในมหาแดนดินแต่เพียงผู้เดียว ระดับวิถีในตัวก็ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้ ทว่ากลับไม่อาจล่วงรู้ถึงเงื่อนงำที่เกี่ยวกับฐานะของ ‘คุณหนู’ คนนั้น
ทว่าชิงถังกลับรู้
นี่มันไม่ถูกต้องแม้แต่น้อย!!
ซูอี้ถึงกับสงสัยว่าชิงถังไม่ใช่คนในมหาแดนดิน เหมือนกับ ‘คุณหนู’ แห่งโรงวาดฤทัยคนนั้น
หากว่าเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้ก็ยิ่งมีปัญหาร้ายแรง!
ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ซูอี้กลัดกลุ้มกังวลใจเป็นที่สุด และยังรู้สึกขมขื่นอย่างบอกไม่ถูก
เพราะอย่างไรเสียก็ดี ที่ถ้ำเสวียนจวิน ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าตนเองรักเอ็นดูเป็นที่สุดคือชิงถังศิษย์คนเล็ก เวลาที่ถ่ายทอดวิถีก็จะถ่ายทอดให้นางจนหมดสิ้น
หากว่าชิงถังมีฐานะอื่นจริง และทำทุกวิถีทางเพื่อซ่อนตัวอยู่ข้างกายเขา สำหรับซูอี้แล้ว เป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจกันอย่างแรง
“เป็นเพราะผู้หญิงจากโรงวาดฤทัยศิษย์ ศิษย์ผู้นั้นจึงทรยศ ส่วนฐานะของศิษย์คนเล็กกลับมีเงื่อนงำ…”
“ข้าในอดีตชาติ ดูเหมือนจะไร้เทียมทาน สยบเทพเทวา แต่ไม่นึกเลยว่าจะมีภูตผีปีศาจเหล่านี้ซุกซ่อนอยู่ข้างกายตนเอง!”
“พูดไปแล้ว ก็ต้องโทษข้าเมื่อในอดีตชาติที่คิดแต่จะบรรลุหนทางวิถีที่สูงส่งยิ่งขึ้น จิตใจทั้งหมดล้วนใช้ไปกับการฝึกตน เพื่อเสาะหาความลับแห่งวัฏสงสารถึงกับจากหายไปนับร้อยนับพันปี เพิกเฉยไม่ใส่ใจต่อคนในสำนัก”
“แต่เมื่อเข้าสู่วัฏสงสารกลับชาติเกิดใหม่ขึ้นมาจริง ๆ กลับพบเจอความเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงบนหนทางแห่งวัฏสงสาร จนเป็นเหตุให้ไม่อาจสั่งเสียเรื่องต่าง ๆ ได้…”
ซูอี้ถอนใจเงียบ ๆ
จนกระทั่งย้อนกลับไปยังหอตำราเทียนเสวียนแล้วซูอี้จึงสงบใจลงได้ ความคิดฟุ้งซ่านมากมายจึงเลือนหายไป
เขาไม่ใช่คนที่มัวแต่คิดเสียใจกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
ยิ่งกว่าไปกว่านั้น ซูอี้รู้ดีแก่ใจว่าเมื่อชาติที่แล้วในฐานะที่เป็นเจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ของถ้ำเสวียนจวิน เขาไม่เคยทำผิดต่อศิษย์คนใดในสำนัก
ในจุดนี้ เขาสามารถยืดอกได้อย่างเต็มที่!