บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1062: พายุใหญ่ก่อตัวจากลมบางเบา
ตอนที่ 1062: พายุใหญ่ก่อตัวจากลมบางเบา
คางคกทองสามตามองไม่เห็นสีหน้าแววตาที่เปลี่ยนแปลงไปของผีหมัว ก่อนจะกล่าวกำชับ “ในช่วงเวลาหนึ่งปีต่อไปนี้ อยู่ที่ผลงานของเจ้าแล้ว”
ผีหมัวพยักหน้ารับคำ
เขาเก็บ ‘ภาพแผนที่แดนมารนิจนิรันดร์’ ภาพนั้นแล้วก็อยู่เงียบ ๆ เพียงลำพัง
ผ่านไปนานมาก ในแววตาที่ลุ่มลึกของผีหมัวผุดประกายน่าสะพรึงกลัว เขารำพึงในใจ
“ตอนนั้น ข้ายอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งทรยศต่อสำนัก เพื่อคุณหนูของพวกเจ้า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้าทำงานรับใช้พวกเจ้าโดยไม่บ่นไม่กล่าว ตอนนี้ ข้าไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว หากว่าเกิดเรื่องเลวร้ายอย่างที่สุดขึ้น หอวาดฤทัยของพวกเจ้าไม่ช่วยเหลือข้า ต่อให้ข้าต้องทุ่มสุดชีวิตก็จะดึงพวกเจ้าให้ล่มจมไปด้วย!”
ผีหมัวไม่ชักช้าอีก เขามาถึงหน้าผนังกำแพงหินด้านหนึ่งของห้องโถงใหญ่ ใช้นิ้วกดลงไปเบา ๆ บนผนังกำแพงหิน
ทันใด บนผนังกำแพงหินปรากฏระลอกมิติขึ้นอย่างเงียบ ๆ ไม่นานนักประตูบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนผนังกำแพงหิน
ผีหมัวก้าวเท้าเดินเข้าไปในนั้น
สถานที่แห่งนี้มีแต่ความมืดมิด มีโคมไฟเหล็กเพียงดวงเดียวแขวนอยู่บนผนังกำแพงหิน
ภายใต้แสงมัวสลัว มองเห็นใครคนหนึ่งถูกกักขังอยู่ในเรือนจำนั้น
เขาคือผู้ชายร่างผ่ายผอมสวมชุดคลุมยาวปกหน้า เนื้อตัวสกปรก อยู่ในสภาพที่น่าสมเพชยิ่งนัก
เขานั่งติดผนังกำแพงหิน หลับตาสนิท รอบตัวไม่มีกลิ่นอายพลังแม้แต่น้อยราวกับศพ ๆ หนึ่งที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน
“ศิษย์น้อง ข้ามาเยี่ยมเจ้าแล้ว”
ภายในเรือนจำที่มืดมิดแห่งนี้ เสียงอ่อนโยนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ผีหมัวสาวเท้าก้าวใหญ่ ๆ มาหยุดอยู่ด้านนอกเรือนจำ เบนสายตามองดูผู้ชายเนื้อตัวสกปรกมอมแมม
ผู้ชายสกปรกยังคงนั่งนิ่ง แม้กระทั่งหนังตาก็ยังไม่กระตุก
ผีหมัวถอนใจยาว ๆ “อย่าโทษศิษย์พี่ที่หลายปีมานี้ได้แต่กักขังเจ้าอยู่ในที่แห่งนี้ เจ้ามีชีวิตอยู่ วันข้างหน้าจึงจะมีโอกาสไปคิดบัญชีกับชิงถัง หากว่าเจ้าตายไป ชั่วชีวิตนี้ของข้าจะมีแต่ละอายใจไม่เป็นสุข”
“ครั้งนี้เจ้ามาหาข้า ก็เพื่อจะมาพูดพล่ามเท่านี้เองน่ะหรือ?”
ผู้ชายสกปรกมอมแมมที่นั่งติดผนังกำแพงหินในเรือนจำลืมตาขึ้น
สายตาของเขาเย็นยะเยือก แววตามีประกายบ้าคลั่งที่ใครเห็นเป็นต้องกลัวแอบแฝง
ผีหมัวส่ายหน้าพลางกล่าว “ไม่นานมานี้ ข้าสืบได้ความมาว่ามีคนแอบอ้างตนเป็นอาจารย์ ใช้ชื่อของอาจารย์ฆ่าศิษย์น้องฮั่วเหยา แม้กระทั่งศิษย์น้องเย่ลั่วก็ยังโดนคนผู้นี้ใช้เคล็ดวิชาควบคุมบังคับจิตใจ กลายเป็นทาสรับใช้ของคนผู้นี้เช่นกัน”
ครืน!
ในคุก ผู้ชายเนื้อตัวมอมแมมลุกพรวดพราดขึ้น พลังอันดุดันน่ากลัวภายในตัวเขาระเบิดขึ้น ชั่วขณะนั้น ราวกับดาบรบอันคมกริบทรงพลังถูกชักออกจากฝัง เรือนจำแห่งนี้สั่นสะเทือนในทันใด
“ใคร! ใครบังอาจแอบอ้างตนเป็นอาจารย์!?”
ดวงตาของผู้ชายสกปรมมอมแมมเบิกกว้าง ประกายเทวะส่องประกาย อานุภาพรุนแรงน่าตกใจ
ภาวะดาบที่น่ากลัวพุ่งออกจากตัวเขา กัดเซาะผนังกำแพงหินของเรือนจำจนเป็นรอยแตกร้าวที่น่าตกใจ
เรือนจำแห่งนี้หลอมสร้างขึ้นจากวัสดุเทวะหลายชนิด ภายในประกอบด้วยลวดลายลึกลับของค่ายกลกักขังต้องห้ามจำนวนมาก หากตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นปลายถูกขังอยู่ในนี้ ต่อให้ติดปีกก็บินขึ้นไปได้ยาก
ทว่าเวลานี้ ลำพังเพียงแค่อานุภาพในตัวผู้ชายสกปรกมอมแมมก็สั่นสะเทือนจนเรือนจำแห่งนี้สั่นไหวอย่างรุนแรง!
ผีหมัวกล่าวด้วยความตะลึง “ศิษย์น้อง เจ้ามีพลังแสวงวิถีขอบเขตสานพันธะลึกล้ำแล้วหรือ?”
ผู้ชายสกปรกมอมแมมกล่าวเสียงเย็นชา “ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ากำลังถามเจ้าอยู่!”
น้ำเสียงที่พูดไร้ซึ่งความเคารพ
เห็นได้ชัดว่าผีหมัวเคยชินไปเสียแล้ว กล่าวถอนใจเบา ๆ “ข้ารู้ เจ้ายังโกรธที่หลายปีมานี้เหตุใดข้าจึงไม่ไปจัดการกับชิงถัง แต่เรื่องนี้จะใจร้อนไม่ได้”
“ใช่ว่าข้าไม่ยอมทำ แต่เป็นเพราะชิงถังแข็งแกร่งเกินไป ขืนสุ่มสี่สุ่มไปต่อสู้กับนาง มีแต่จะสูญเสียโดยไม่อาจประมาณค่าได้”
“ตอนนั้น ข้าเคยไปที่ถ้ำเสวียนจวินเพียงลำพัง เกือบจะหลงกลแผนการชั่วร้ายของชิงถัง จึงเข้าใจเป็นที่สุดว่า ระดับวิถีของนางนั้นร้ายกาจถึงเพียงใด”
“และที่ข้ากักขังเจ้าอยู่ในนี้ ก็เพราะรู้ดีว่า ด้วยนิสัยของเจ้า ขอเพียงได้ออกไป จะต้องไปคิดบัญชีกับชิงถังอย่างแน่นอน จะให้ข้าทนเห็นเจ้าเกิดเรื่องได้เช่นใด?”
พูดจบ เขาก็ถอนใจยาว ๆ อีกครั้ง
ผู้ชายสกปรกมอมแมมกลับไม่คล้อยตามคำกล่าว เขายังคงพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “คำพูดไร้ประโยชน์เช่นนี้ ข้าได้ยินมามากพอแล้ว ข้าไม่ได้โทษเจ้า เพียงแต่โทษตัวข้าเองที่ไร้ความสามารถ ไม่อาจช่วยอาจารย์รักษาถ้ำเสวียนจวินได้ ปล่อยให้ชิงถังไปครอบครอง”
พูดจบ เขามองดูผีหมัวด้วยสายตาเย็นชา “และตอนนี้ ข้าต้องการรู้เพียงแค่ว่า ใครกำลังแอบอ้างตนเป็นอาจารย์!!”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยแรงอาฆาต
ผีหมัวไม่ถ่วงเวลาต่อไปอีก กล่าวออกมาโดยตรง “คนผู้นี้มีนามว่าซูอี้…”
เขาเล่าเรื่องที่จิ่นขุยศิษย์น้องสี่เคยเล่าให้ฟังอย่างคร่าว ๆ
ฟังแล้ว ผู้ชายสกปรกมอมแมมตื่นตะลึงอย่างเห็นได้ชัด กล่าว “คนผู้นี้รู้เคล็ดวิชามากมายของอาจารย์เช่นนั้นหรือ?”
“ไม่ผิด อีกทั้งเขายังรู้เรื่องในอดีตของอาจารย์เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้จึงสามารถโกหกศิษย์น้องฮัวเหยากับศิษย์น้องเย่ลั่วได้”
ผีหมัวกล่าวสีหน้าเคร่งเครียด “เจ้าก็รู้ดีเช่นกัน เมื่อก่อนนานมากแล้ว อาจารย์เคยเดินทางไปยังภูมิมืดมิดช่วงระยะเวลาหนึ่ง และซูอี้คนนี้ก็เดินทางมาจากภูมิมืดมิด ข้าสงสัยว่า คนผู้นี้อาจจะได้รับ ‘มรรควิถี’ ที่อาจารย์เก็บรักษาไว้ในภูมิมืดมิด!”
หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เขาก็กล่าวขึ้นว่า “และอาจจะเป็นคนรุ่นหลังของเชื้อสาย ‘ปีศาจลิงพันหน้า’ ในภูมิมืดมิด ผู้แข็งแกร่งของคนเชื้อสายนี้มีพรสวรรค์พิเศษ เวลาที่แอบอ้างเป็นคนอื่นแทบจะไม่มีพิรุธ!”
“แต่ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานของข้าเท่านั้น เพราะอย่างไรเสียข้าก็ยังไม่เคยเจอคนผู้นี้ ที่แท้แล้วเขามีความสามารถมากมายเช่นใด ข้าก็ไม่อาจจะคาดเดาได้”
ผู้ชายสกปรกมอมแมมฟังคำพูดทั้งหมดแล้วขมวดคิ้วแน่น กล่าวน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไม่ว่าเขามีฐานะอันใด บังอาจแอบอ้างฐานะของอาจารย์ สมควรต้องประหาร!”
แต่ละคำหนักแน่น ดุดันน่ากลัว
พูดจบ ผู้ชายสกปรกมอมแมมก็เบนสายตามองไปที่ผีหมัว “ปล่อยข้าออกไป ข้าจะไปฆ่าคนผู้นั้น!”
ผีหมัวกล่าวเสียงเข้ม “ข้ามาในครั้งนี้ ก็เพราะมีเจตนาเช่นนี้ แต่ศิษย์น้องจะต้องรับปากข้าสามเรื่อง”
ผู้ชายสกปรกมอมแมมขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าโกรธไม่พอใจ สุดท้ายยังคงสงบใจกล่าว “ว่ามา”
“ข้อที่หนึ่ง ห้ามถือโอกาสไปคิดบัญชีกับชิงถัง เจ้าในตอนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง…”
ไม่รอให้ผีหมัวพูดจบ ผู้ชายสกปรกมอมแมมก็ทำสีหน้าหมดความอดทน กล่าวตัดบท “ข้ารับปาก! ไม่ต้องพูดอีก!”
ผีหมัวกล่าว “ข้อที่สอง ข้าจะส่งคนทำงานร่วมกับเจ้า เจ้าจะต้องทำตามคำสั่ง ห้ามกระทำการโดยพลการ ทำเช่นนี้ ก็เพราะเป็นห่วงว่าเจ้าจะจาบจ้วง จนต้องมีจุดจบเหมือนดังศิษย์น้องฮั่วเหยา”
ผู้ชายสกปรกมอมแมมพยักหน้าไม่พูดอะไร
ผีหมัวกล่าว “ข้อที่สาม หากว่าเจอกับซูอี้คนนั้นแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดจาเกลี้ยกล่อมหว่านล้อมเช่นใด จงอย่าหลงกลเขา ไม่เช่นนั้น เจ้าจะเป็นเหมือนศิษย์น้องเย่ลั่ว ถูกเขาชักจูงจิตใจจนโงหัวไม่ขึ้น”
ผู้ชายสกปรกมอมแมมหรี่ตาลงเล็กน้อย กล่าว “ได้!”
เห็นได้ชัดว่าผีหมัวโล่งใจไปบ้าง “ศิษย์น้องจงรอก่อน เมื่อข้าสืบข่าวที่ชัดเจนของซูอี้คนนี้ได้แล้ว จะเชิญเจ้า… ออกจากขุนเขา!”
ผู้ชายสกปรกมอมแมมไม่ได้แสดงท่าทีคัดค้าน
ขณะที่ผีหมัวกำลังจะจากไป จู่ ๆ ผู้ชายสกปรกมอมแมมก็ถามขึ้น “ศิษย์พี่ใหญ่ ถึงแม้เจ้ามีเจตนาต้องการจะสร้างสำนักใหม่ ข้าก็ไม่กล่าวโทษเจ้า เพราะอย่างไรเสียก็ดี อาจารย์ก็ได้ดับขันธ์ไปแล้ว”
ผีหมัวตะลึง
ฉับพลันสายตาของผู้ชายสกปรกมอมแมมก็คมเฉียบน่ากลัวประดุจคมดาบขึ้นมา กล่าวช้า ๆ ทีละคำ “แต่หากให้ข้ารู้ว่า เจ้าเคยทำผิดต่ออาจารย์ ข้าจะต้องคิดบัญชีกับเจ้าให้ถึงที่สุดโดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใด ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ข้าก็ยินดี!”
สีหน้าของผีหมัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาสูดหายใจลึก ๆ ไปทีหนึ่ง ก่อนจะกล่าว “ศิษย์น้อง เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ข้าได้พูดไปไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว คนทรยศตัวจริงของถ้ำเสวียนจวินคือชิงถัง! วันข้างหน้า เจ้าก็จะเข้าใจได้เอง!”
พูดจบ เขาก็หมุนตัวจากไป
“หวังว่า…จะเป็นเช่นนั้น…”
ในเรือนจำ ผู้ชายสกปรกมอมแมมมองดูร่างของผีหมัวหายลับไป จากนั้นกลับมานั่งหันหลังให้ผนังกำแพงหินอีกครั้ง
เขามีนามว่าไป๋อี้
ในจำนวนศิษย์สายตรงของถ้ำเสวียนจวิน เขาเป็นศิษย์อันดับที่แปด มีนิสัยดื้อด้านหัวรั้น กล้าหาญชาญชัย มักจะทำผิดต่อกฎระเบียบ รักการต่อสู้ตั้งแต่กำเนิด
ตอนที่เขากราบเป็นศิษย์ครั้งนั้น เป็นเพราะอาจารย์ชื่นชอบนิสัย ‘บ้าต่อสู้’ ของเขา
ทว่าในใจเขา ถ้ำเสวียนจวินก็คือบ้านของเขา อาจารย์เปรียบประดุจบิดา ศิษย์พี่ศิษย์น้องเปรียบประดุจมือและเท้า!
อาจารย์มักจะหัวเราะเขาอยู่บ่อย ๆ บอกว่าความคิดของเขาซื่อทึ่มประดุจกระดาษขาว เหมือนกับเด็กที่ไม่รู้จักโต
แต่เขาไม่ใส่ใจ เมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์ ตัวเองไม่ใช่เด็กหรอกหรือ?
“อาจารย์ ศิษย์อยากจะพบหน้าท่านสักครั้ง อยากจะเล่าความกลัดกลุ้มภายในใจให้ท่านฟัง… ศิษย์พี่ใหญ่เปลี่ยนไปแล้ว ศิษย์น้องเล็กก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ทุกคน… ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปกันหมดแล้ว…”
ไป๋อี้นั่งเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้น ในสมองนึกถึงภาพเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา บนใบหน้าที่แข็งกระด้างในตอนแรก มีน้ำตาไหลรินลงมาอย่างเงียบ ๆ
…
เมื่อออกมาจากเรือนจำ หลังจากย้อนกลับไปสู่ห้องโถงใหญ่ ผีหมัวเรียกบริวารเฒ่ามา
“ถ่ายทอดคำสั่งของข้าให้ครุฑปีกทอง บอกกับเขาว่า อีกไม่นานนัก แผ่นดินมหาแดนดินแห่งนี้จะเกิดพายุใหญ่ขึ้น ให้เขาทำตามแผนที่วางกันไว้ในตอนนั้น!”
ผีหมัวสั่งกำชับ
“ขอรับ”
บริวารเฒ่ารับคำสั่งออกไป
‘พายุใหญ่ก่อตัวจากลมบางเบา คลื่นใหญ่เกิดจากระลอกน้อย ๆ อาจารย์ หลายปีมานี้ศิษย์เพื่อรอการกลับมาของท่าน ศิษย์ได้จัดเตรียมละครฉากใหญ่ไว้ให้ท่าน ดูสิว่า ระหว่างศิษย์กับอาจารย์ใครกันที่จะเป็นฝ่ายชนะ!’
ในห้องโถงใหญ่ สายตาของผีหมัวลุ่มลึก พูดกับตัวเองในใจ
…
“คนจากภูมิมืดมิดนามว่าซูอี้ แอบอ้างชื่อเสียงอันเกรียงไกรของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน เข้าสู่มหาแดนดินเพื่อหลอกลวงผู้คน!”
คำกล่าวนี้เล่าลือกันไปทั่วมหาแดนดิน
ระยะเวลาสั้น ๆ เพียงข้ามคืนเดียว สร้างความแตกตื่นให้กับเก้ามหาแดนดิน เกิดเป็นกระแสปั่นป่วนขึ้นมา
ขุมกำลังใหญ่ ๆ แต่ละฝ่ายในใต้หล้า ไม่มีใครไม่ตื่นตระหนก
ถัดจากนั้น เรื่องที่เกี่ยวข้องกับซูอี้ก็ถูกขุดคุ้ยออกมามากขึ้น ทั้งยังแพร่ออกไปจนทั่วมหาแดนดิน
“คนผู้นี้ฆ่าฮั่วเหยาศิษย์คนที่สามของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน ทั้งยังควบคุมจิตใจของเย่ลั่วศิษย์คนที่หกของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินด้วย!”
“ระดับวิถีของเขาก็มีความน่ากลัวอย่างที่สุด สงสัยว่าจะรู้เคล็ดวิชาและเคล็ดวิถีของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน!”
“พันธมิตรเสวียนจวินมองคนผู้นี้เป็นศัตรูตัวฉกาจ หากใครพบเบาะแสร่องรอยของเขา จะได้รับรางวัลจากพันธมิตรเสวียนจวินอย่างงาม!ในทางกลับกัน หากใครให้การปกป้องแก่เขา พันธมิตรเสวียนจวินก็จะคิดบัญชีกับคน ๆ นั้น!”
…เพียงระยะเวลาไม่นานนัก ทั่วทั้งแผ่นดินมหาแดนดินเกิดความโกลาหล ทุกคนล้วนตื่นตระหนกและตกใจกับเรื่องนี้
ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน ผู้ยิ่งใหญ่ในมหาแดนดิน ตำนานของดาบสยบแดนดิน บุคคลบนหนทางวิถีดาบดั่งเทพเซียนไม่มีใครเทียบเคียง ใครบ้างจะไม่รู้จัก?
ถึงแม้ว่าเมื่อห้าร้อยปีก่อนเขาจะลาจากโลกนี้ไปอย่างปริศนา ทว่าเรื่องราวในอดีตของเขายังคงเป็นที่เล่าขานสืบต่อกันจนถึงปัจจุบันในแผ่นดินมหาแดนดิน!
ทว่าบัดนี้ ผู้ที่มาจากภูมิมืดมิดมีนามว่าซูอี้กลับกระทำการอุกอาจ โดยใช้ชื่อของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินหลอกลวงผู้คน เป็นการลบหลู่ดูหมิ่นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน และเป็นการดูแคลนถ้ำเสวียนจวินด้วย!
ยากนักที่เรื่องนี้จะไม่เป็นที่จับตามอง
และเรื่องเล่าลือนี้ก็ดังไปถึงหูของคนในถ้ำเสวียนจวิน!
……….