บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1063: มองความเท็จเป็นความจริง ความจริงกลับเป็นเท็จ
- Home
- บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ]
- ตอนที่ 1063: มองความเท็จเป็นความจริง ความจริงกลับเป็นเท็จ
ตอนที่ 1063: มองความเท็จเป็นความจริง ความจริงกลับเป็นเท็จ
ณ ถ้ำเสวียนจวิน
ขุนเขาชื่อเสียงโด่งดังอันดับหนึ่งในใต้หล้ามหาแดนดิน
กลุ่มเทือกเขาที่นี่มีความงดงาม หมอกขาวลอยล่อง แสงเทวะส่องอำไพ ดุจดังดินแดนสงบบนแผ่นดิน
ณ ยอดเขาเสวียนจวิน
ภายในหอเซียนที่งดงามแห่งหนึ่งบนยอดเขา ร่างอรชรหยิ่งผยองยืนพิงรั้ว
จากตรงนี้ สามารถมองดูทิวทัศน์งดงามของหมู่เทือกเขา และสามารถก้มมองทะเลหมอกรอบด้าน
ทุก ๆ ช่วงเวลาอาทิตย์อัสดง ตะวันยอแสง เมฆาหลากสี งดงามราวกับความฝัน
ร่างอรชรร่างนั้นยืนสงบอยู่ตรงนั้น ดวงตาสดใสคู่นั้นจ้องมองดูเมฆที่ล่องลอย ณ ปลายขอบฟ้า ภายใต้แสดงตะวันที่สาดส่องลงมาใบหน้าสวยใสงดงามเป็นประกายเจิดจรัส
ผมยาวนุ่มสลวยของนางถูกรวบรัดขึ้นหลวม ๆ ผิวเนียนใสประดุจผิวทารกใสสว่าง โฉมหน้าราวกับสาวน้อย งดงามประดุจภาพวาด ทว่าลักษณะของนางนั้นเปรียบประดุจนางฟ้านางสวรรค์!
บนตัวนางไร้ซึ่งสิ่งประดับประดา ไม่เคยสวมใส่เครื่องประดับอันใด ชุดกระโปรงยาวสีดำราบเรียบทั้งตัวชุดนั้นรับกับรูปร่างของนาง ทำให้นางแลดูเย็นชาและหยิ่งผยอง เพียงแค่ยืนอยู่เฉย ๆ ก็ยังคล้ายกับจักรพรรดินีกำลังก้มมองคนทั้งหลาย น่าเกรงขามยิ่งนัก
ชิงถัง!
อดีตศิษย์สายตรงอันดับที่เก้าของถ้ำเสวียนจวิน บัดนี้เป็นจักรพรรดินีผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกรในแผ่นดิน!
ความแข็งแกร่งแห่งวิถีดาบในตัวสยบตัวตนผู้อาวุโสในใต้หล้าให้อับเฉา
ในมหาแดนดิน หลังจากที่สืบทอดตำแหน่งจากซูเสวียนจวินผู้เป็นอาจารย์ ชิงถังได้รับการยกย่องให้เป็นสุดยอดวิถีดาบที่ไม่เคยมีมาก่อนในบรรพกาล ชื่อเสียงเลื่องระบือทั่วแดนเทวา ตื่นตะลึงไปทั่วผืนแผ่นดิน
ฉับพลัน…
นกกระจอกสีเทาทั้งตัวก็บินโฉบลงมาเกาะอยู่บนราวข้างกายชิงถัง
“นายหญิง ข้างนอกลือกันว่ามีคนจากภูมิมืดมิดนามว่าซูอี้แอบอ้างชื่ออาจารย์ เข้ามาหลอกลวงคนในมหาแดนดิน!”
นกกระจอกสีเทาส่งเสียงร้องจิ๊บ ๆ เจื้อยแจ้ว
นกกระจอกสีเทาไม่กล้าขัดขืน เล่าเรื่องทั้งหมดที่ได้ยินมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อฟังรายละเอียดจนครบถ้วนแล้ว ชิงถังนิ่งเงียบไป จิตใจที่สงบเงียบเยือกเย็นประดุจน้ำแข็งเกิดความสั่นคลอนขึ้นมา
นางเอื้อมนิ้วมือเรียวยาวไปลูบหัวนกกระจอกสีเทาเบา ๆ พลางกล่าว “เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินว่าในโลกนี้ยังมีคนกล้าแอบอ้างเป็นอาจารย์ของข้า เชวี่ยเอ๋อร์ เจ้าว่าซูอี้คนนี้ไม่กลัวตายหรือว่ามีจุดประสงค์อื่นใดกันแน่?”
นกกระจอกสีเทาตอบโดยไม่ต้องคิด “ต้องมีจุดประสงค์อื่นอย่างแน่นอนขอรับ!”
“เช่นนั้นหรือ…”
ดวงตาพร่างพราวประดุจแสงดาวของชิงถังส่อประกาย อารมณ์แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางกล่าวเบา ๆ “เขาฆ่าฮั่วเหยา ให้เย่ลั่วติดตามรับใช้เขา ตอนนี้ผีหมัวยังมองว่าเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจของพันธมิตรเสวียนจวิน เจ้าว่า… เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“เอ่อ…”
นกกระจอกสีเทาตัน รู้สึกสับสนไปด้วย
ในโลกนี้ ไม่ว่าใครต่อให้มีจิตใจวิปริตเพียงไหนก็ยังรู้ว่าการแอบอ้างเป็นอาจารย์ ผลที่ตามมานั้นจะร้ายแรงถึงเพียงใด
แต่ว่าเขา ซูอี้ผู้มาจากภูมิมืดมิดคนนี้ไม่เพียงแต่แอบอ้างชื่ออาจารย์ ทั้งยังฆ่าฮั่วเหยา และสยบเย่ลั่ว ราวกับไม่กลัวตายเลยแม้แต่น้อย!
เช่นนี้จะฮึกเหิมเกินไปเสียแล้ว!
ชิงถังราวกับเดาได้ว่านกกระจอกสีเทากำลังคิดอะไร ปลายนิ้วขาวสะอาดเคาะหัวนกกระจอกสีเทาพลางกล่าว “ฮั่วเหยาสมควรตายอยู่แล้ว ไม่ใช่หรือ?”
นกกระจอกสีเทาพยักหน้าติดต่อกัน กล่าว “นายหญิงกล่าวถูกต้องที่สุด ครั้งนั้นก็เป็นเพราะคนทรยศคนนี้ที่ขโมยพลังตรวจจับเทวาเสวียนซู จึงทำให้ผีหมัวได้โอกาสพาศัตรูภายนอกบุกเข้ามาในถ้ำเสวียนจวิน กระทำเช่นนี้ ตายก็สมควรแล้ว!”
ดวงตาสว่างใสคู่นั้นของชิงถังดูสับสนขึ้นมาเล็กน้อย นางถอนใจเบา ๆ “เขาน่ะ…สมควรตายจริง ๆ แต่ว่า หากอาจารย์ยังอยู่ รู้เรื่องที่เขาทรยศ คงจะตัดใจฆ่าเขาไม่ลง”
นกกระจอกสีเทาตะลึง เอ่ยขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ “คนทรยศอย่างฮั่วเหยาเช่นนี้ ไม่ควรฆ่าหรอกหรือ?”
“เจ้าไม่รู้อะไร ในใจของอาจารย์ข้า มองฮั่วเหยาประดุจบุตรของตัวเอง ตั้งความหวังไว้กับเขาสูง ถึงแม้ฮั่วเหยาจะทรยศ มากสุดก็เพียงแค่ทำลายการฝึกตนของเขา ขับไล่ออกจากสำนัก ตัดความเป็นศิษย์อาจารย์ ส่วนเรื่องฆ่าเขา…อาจารย์คงทำไม่ลงหรอก”
ชิงถังพูดถึงตรงนี้ นางก็เงยหน้าขึ้นน้อย ๆ กล่าว “อย่าพูดถึงเรื่องเหล่านี้อีกเลย”
นกกระจอกสีเทากล่าว “นายหญิง ถ้าเช่นนั้นท่านมองซูอี้คนนี้อย่างไร?”
ชิงถังไม่ตอบ นางพลิกมือหยิบเก้าอี้หวายตัวหนึ่งออกมา ค่อย ๆ นั่งลงช้า ๆ จากนั้นหยิบกาสุราออกมาดื่มอย่างเพลินใจ
นกกระจอกสีเทาตื่นตะลึงไปเล็กน้อย
เก้าอี้หวายตัวนั้นเป็นของอาจารย์ ทว่าลักษณะท่าทีนอนเอนกายพลางดื่มสุราบนเก้าอี้หวายของนายหญิงคล้ายกับลักษณะท่าทีของอาจารย์มาก!
“ผีหมัวร้อนใจเกินไป เมื่อมีคำเล่าลือเช่นนี้ ไม่ควรจะด่วนสรุป ไม่ควรมองว่าซูอี้คนนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของพันธมิตรเสวียนจวิน ทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกราวกับว่าเขารอไม่ไหวแล้ว”
ในน้ำเสียงใสกังวานของชิงถังแฝงไว้ซึ่งความเย็นชา ราวกับเสียงน้ำกำลังหยด
นางนอนเอนกายสบายอยู่บนเก้าอี้หวาย ในสายตาที่ลุ่มลึกส่อประกายเข้าใจยากขึ้น
ผีหมัวเป็นคนหนักแน่น ทำการใดละเอียดรอบคอบ แต่ครั้งนี้เขากลับแปลกไป แสดงท่าทีเจตนารมณ์ออกมาตรง ๆ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ลักษณะของเขา
หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ นางก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หากว่าข้าเดาไม่ผิด เขาจะต้องรู้ที่มาของซูอี้คนนี้อย่างละเอียดแล้ว ทั้งยังเตรียมตัวมาจนพร้อม จึงได้ด่วนสรุปเช่นนี้ เช่นนี้จึงจะสอดคล้องกับความเป็นเขา”
นกกระจอกสีเทากล่าวด้วยความตกใจ “ความหมายของนายหญิงคือ ผีหมัวรู้จักซูอี้คนนี้มานานแล้ว ทั้งยังเตรียมตัวรับมือกับคน ๆ นี้อย่างเต็มที่แล้ว?”
“ไม่ผิด”
ชิงถังพยักหน้าน้อย ๆ บนใบหน้าสวยใสเลอโฉมผุดสีหน้าประหลาดขึ้น “เมื่อสิบกว่าปีก่อน ผีหมัวส่งฮั่วเหยากับเย่ลั่วไปยังดินแดนแห่งภูมิมืดมิด ก็เพื่อสืบค้นความลับแห่งวัฏสงสาร”
“แต่ตอนนี้กลับลือกันว่าฮั่วเหยาถูกฆ่า เย่ลั่วถูกสยบ แม้กระทั่งผีหมัวก็ยังแสดงท่าทีเป็นคนแรกด้วยว่าจะต้องจัดการกับซูอี้คนนั้น เจ้าไม่รู้สึกว่าสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกันหรอกหรือ?”
นกกระจอกสีเทากล่าวด้วยความตะลึง “นายหญิงกำลังคิดว่า ฮั่วเหยากับเย่ลั่วต่างก็พ่ายแพ้ต่อซูอี้ตอนที่อยู่ภูมิมืดมิด?”
พูดถึงตรงนี้ นกกระจอกสีเทาตัวนั้นก็ตื่นตระหนก พึมพำออกมา “หากไม่รู้ว่าซูอี้คนนั้นแอบอ้างเป็นอาจารย์ ข้ายังจะเข้าใจว่าเขาคืออาจารย์หลังกลับชาติเกิดใหม่เสียด้วยซ้ำ เพราะอย่างไรเสียก็ดี ในโลกนี้ไม่มีใครกล้าทำเช่นเขา จัดการฮั่วเหยาและเย่ลั่ว ก็เท่ากับกำลังเป็นศัตรูต่อพันธมิตรเสวียนจวิน”
“อีกทั้ง ยังลือกันว่าเขารู้เคล็ดวิชาและเคล็ดวิถีของอาจารย์ จนถึงขั้นรู้เรื่องราวในอดีตของอาจารย์อย่างละเอียดอีกด้วย”
ยิ่งพูด นกกระจอกสีเทาตัวนี้ก็ยิ่งตะลึง รู้สึกงงงันไม่หาย “ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าก็คือ เขายังกล้าแอบอ้างเป็นอาจารย์ มายังมหาแดนดิน! ทำเช่นนี้…จะฮึกเหิมเกินไปแล้วกระมัง!”
“มองความเท็จเป็นความจริง ความจริงกลับกลายเป็นความเท็จ เท็จ ๆ จริง ๆ คำพูดของผีหมัวคนเดียวจะสรุปจริงเท็จได้อย่างไร!”
เสียงใสกังวานทรงพลังของชิงถังยังคงดังกึกก้อง ฉับพลันนางชะเง้อคอยาวระหงแหงนหน้าดื่มสุรารวดเดียวจนหมดด้วยความสาแก่ใจ
ใบหน้าใสสวยประดุจเซียนส่องสว่างพร่างพราว ดวงตาใสสว่างคู่นั้นสว่างเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงดาราบนท้องฟ้า
จากนั้น นางก็ลุกขึ้น
ชั่วขณะนั้น ความผ่อนคลายในตัวจักรพรรดินีที่ครอบคลุมไปทั่วมหาแดนดินก็หายไปจนสิ้น
มือเรียวงามทั้งสองข้างของนางกดลงบนราวเบา ๆ อานุภาพอันยิ่งใหญ่แผ่กระจายออกมาจากร่างอรชรสูงโปร่งที่เต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง
นกกระจอกสีเทาตกตะลึง มันรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าภาวะจิตของนายหญิงได้เปลี่ยนไปแล้ว ราวกับกระจ่างความในใจบางอย่าง ความสงสัยภายในใจสิ้นสลาย จิตใจเบิกบานแจ่มใสเปล่งประกายส่องสว่าง!
“เชวี่ยเอ๋อร์ เจ้าจงกลับไป ข้าต้องการอยู่คนเดียวสักพัก”
ชิงถังพูดจบก็สะบัดแขนเสื้อ
สวบ!
นกกระจอกสีเทาขาวไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกพลังกลุ่มหนึ่งพัดบินออกไปไกลจนสุดท้ายหายลับตา
หออาคารที่ตั้งอยู่บนยอดเขาเสวียนจวินแห่งนี้จึงเหลือแค่ชิงถังเพียงคนเดียว
สีหน้าของนางแลดูผ่อนคลายราวกับยกหินหนักออกจากตัว กล่าวขึ้นมาเบา ๆ “ผีหมัว เจ้าสร้างลมพายุรุนแรงเช่นนี้ ก็เพราะต้องการให้ข้ารู้ว่า ซูอี้อาจจะเป็นอาจารย์ที่กลับชาติมาเกิด อยากจะยืมกำลังของข้าเพื่อไปทดสอบพลังของซูอี้สินะ”
“เช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นวิธียืมมีดฆ่าคนเช่นกัน”
“แต่เสียดาย ถึงแม้เจ้าจะคิดคำนวณมาเสียดิบดีก็ยังคำนวณพลาด เมื่อนานมากแล้ว ข้าได้คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าจะต้องมีวันนี้!”
ริมฝีปากอิ่มเอิบของชิงถังเผยอกล่าวด้วยความเย็นชา “แต่ว่า ข้าต้องขอบใจเจ้ามากที่เตือนสติ ทำให้ข้าได้รู้ชัดเจนว่าอันดับต่อไปควรจะทำเช่นใด”
ฉับพลันมีเสียง ๆ หนึ่งดังแหวกอากาศมา
สายรุ้งยาวเส้นหนึ่งราวกับทางช้างเผือกพุ่งออกมาจากแผ่นฟ้าที่ห่างไกล ผู้ชายในชุดหยกรัดเข็มขัดยืนอยู่บนสายรุ้งยาวเส้นนั้น
เพียงชั่วพริบตา คนผู้นี้ก็มาปรากฏตัวอยู่กลางหอ ก้าวลงมาอยู่ข้างกายชิงถัง
จากนั้น ผู้ชายชุดหยกยิ้มพลางกล่าว “แม่นางชิงถัง เจ้าเคยได้ยินเรื่องเล่าลือจากภายนอกหรือไม่?”
ชิงถังกวาดตามองดูผู้ชายชุดหยกคนนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นเบนสายตามองไปที่ทะเลหมอกซึ่งห่างไกลออกไป กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นราบเรียบ “เคยได้ฟังมาแล้ว”
ท่าทีห่างเหินเย็นชาเช่นนั้นทำให้สีหน้าของผู้ชายในชุดหยกสลดไปเล็กน้อย ฉับพลันเขาหัวเราะพลางกล่าว “ในโลกนี้ มีคนโง่จนถึงขั้นกล้าแอบอ้างเป็นอาจารย์ ไม่รู้จักตายเสียแล้ว”
นิ่งเงียบไปชั่วครู่ เขากล่าวต่อ “ทว่า ตามที่เล่าลือกัน คนที่ชื่อซูอี้สามารถเอาชนะฮั่วเหยากับเย่ลั่ว ถือเป็นคนเก่งคนหนึ่ง”
ชิงถังกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หากว่าเจ้าไม่มีเรื่องอื่นอีกแล้ว รีบกลับไปเสียเถอะ”
ไม่ว่าจะเป็นท่าทีหรือวาจา ล้วนแสดงความรังเกียจออกมา
ผู้ชายในชุดหยกคนนี้จึงขมวดคิ้วขึ้น
ทันใดเขากล่าวจริงจัง “ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พวกโง่เขลาส่วนใหญ่ในโลกนี้มองว่าเจ้าเป็นคนทรยศสำนัก ขโมยและครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของอาจารย์แต่เพียงผู้เดียว จนถึงบัดนี้คำกล่าวเช่นนี้ก็ยังคงถูกลือกันไปทั่ว ทว่าตอนนี้ โอกาสอันดีที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของคนทั้งโลกที่มีต่อเจ้าได้มาถึงแล้ว!”
ชิงถังขมวดคิ้วน้อย ๆ “ที่แท้แล้วเจ้าต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”
สายตาของผู้ชายชุดหยกจับจ้องดูใบหน้างดงามเลอโฉมของชิงถัง ก่อนจะกล่าวออกมา “พวกเราสามารถถือโอกาสนี้ฆ่าซูอี้ที่บังอาจแอบอ้างตนเป็นอาจารย์ เช่นนี้ สามารถทำให้คนทั้งหลายเชื่อได้ว่า เจ้าไม่ได้ทรยศต่อสำนัก”
สีหน้าภาคภูมิใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา กล่าว “หากว่าแม่นางชิงถังไม่รังเกียจ ข้ายินดีจะออกโรงด้วยตนเอง ในนามของถ้ำเสวียนจวิน ข้าจะไปเด็ดหัวของซูอี้คนนั้นด้วยตัวเอง”
ชิงถังนิ่งตะลึงไปชั่วครู่ ในที่สุดก็เบนสายตากลับไปมองดูผู้ชายที่สวมชุดหยกคนนั้นอีกครั้ง อาการเย้ยหยันบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก “ข้าชิงถังจะทำการใด จำเป็นต้องสนใจกับคำพูดของคนอื่นด้วยหรือ? ข้าเป็นผู้ทรยศหรือไม่ จำเป็นต้องใช้ชีวิตของคนอื่นมาเป็นเครื่องพิสูจน์ด้วยหรือ?”
ชุดกระโปรงของนางโบกพลิ้ว ขณะสาวเท้าก้าวเดินไปยังนอกตัวหออาคาร
“เจ้าเป็นทูตผดุงลัทธิของตำหนักสุริยันแห่งลัทธิทางช้างเผือก ไม่ใช่ผู้สืบทอดของถ้ำเสวียนจวิน เรื่องที่เกี่ยวกับถ้ำเสวียนจวินของข้า เจ้าอย่าได้มายุ่ง หากว่าล่วงละเมิดอีก มีแต่จะทำให้พวกเราทั้งสองต้องลำบากใจ โปรดสำรวมตัวเองด้วย!”
เสียงใสกังวานทว่าราบเรียบยังคงดังก้องอยู่ในอากาศ ทว่าร่างของชิงถังหายลับไปเสียแล้ว
เหลือแต่เพียงผู้ชายในชุดหยกยืนทำหน้าสลดอยู่ตรงนั้น