บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1064: ปรมาจารย์เผิง
ตอนที่ 1064: ปรมาจารย์เผิง
“ถ้ำเสวียนจวินในตอนนี้ นอกจากเจ้าชิงถังแล้ว ยังมีใครที่มีความชำนาญด้านการรบอีก? หากไม่ใช่เพราะคนของลัทธิทางช้างเผือกของข้าเฝ้าประจำพื้นที่แห่งนี้ ผีหมัวกับโรงวาดฤทัยที่อยู่หนุนหลังเขาคงบุกโจมตีพื้นที่แห่งนี้ไปตั้งนานแล้ว!”
หน้าของผู้ชายชุดหยกเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ท่าทีเย็นชาหยิ่งผยองของชิงถังเมื่อก่อนหน้านี้เป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของเขาอย่างแรง ไฟโกรธปะทุขึ้นในหัวใจของเขา
“ช่างเถอะ อดทนกับเจ้าไปก่อนสักระยะ เมื่อร่างอวตานของประมุขกลับมาจากภูมิมืดมิดแล้ว ข้าจะดูสิว่า เจ้ายังจะกล้าหยิ่งผยองเช่นนี้อีกหรือไม่!”
สูดหายใจลึก ๆ ไปทีหนึ่ง ผู้ชายในชุดหยกก็ระงับความโกรธในใจลงแล้วหมุนตัวจากไป
เขามีนามว่าฉินเฟิง
ทูตผดุงลัทธิแห่งตำหนักสุริยัน ลัทธิทางช้างเผือก มาอยู่ที่ถ้ำเสวียนจวินเป็นเวลาร้อยปีแล้ว!
อย่างไม่ต้องสงสัย คน ๆ นี้ยังไม่รู้ว่าร่างอวตานของประมุขตัวเองดับสิ้นที่ริมสระเวียนวัฏของภูมิมืดมิดแล้ว
สำนักวิถีอันดับหนึ่งในมหาแดนดิน แดนลี้ลับขั้นเก้า
ตั้งอยู่ในป่าไผ่อันสงบภายในหุบเขาเปรมฤทัย
ที่นี่คือสถานที่ปิดตนเพื่อฝึกตัวของ ‘เยี่ยนซู่หนี’
ผู้ชายสวมอาภรณ์ขนนกที่ได้รับบัญชาให้ไปช่วยตระกูลเยว่ ณ โลกเทียนเสวียนคนนั้นเพิ่งกลับมาก็ถูกเยี่ยนซู่หนีเรียกตัวมาพบ
เยว่ซือฉานก็อยู่ด้วย
ขณะนี้ ผู้ชายชุดขนนกได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นใน ‘งานประชุมวสันตวารี’ เมื่อพูดถึงพฤติกรรมวางอำนาจของโม่เหิงเทียนแห่งวังมารโลกโลกีย์แล้ว ผู้ชายสวมอาภรณ์ขนนกระงับความโกรธเกรี้ยวในใจไว้ไม่อยู่
แต่เมื่อเอ่ยถึงซูอี้ น้ำเสียงที่เอ่ยมานั้นกลับเต็มไปด้วยความนับถือ
“ฮึ วังมารโลกโลกีย์บังอาจไม่มองแดนลี้ลับขั้นเก้าของพวกเราอยู่ในสายตา ดูท่าทางคงถึงเวลาที่ต้องหาโอกาสออกไปฆ่าอสูรเฒ่าของวังมารโลกโลกีย์เสียแล้ว!”
เยี่ยนซู่หนีร้องฮึด้วยความคับแค้นใจยิ่งนัก
หญิงสาวผู้โดดเด่นเฉิดฉายที่สุดคนปัจจุบันของแดนลี้ลับขั้นเก้านางนี้เคยสร้างความตื่นตะลึงไปทั่วแผ่นดินมหาแดนดิน และเคยถูกมองว่าเป็นจักรพรรดินีที่สามารถแย่งชิงความเป็นใหญ่กับถ้ำเสวียนจวินได้!
ทว่าตอนนี้ ฐานะของนางเปลี่ยนไป กลายเป็นผู้อาวุโสขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำที่อายุน้อยที่สุดของแดนลี้ลับขั้นเก้า
นางสวมชุดสีแดงทั้งตัว ผมยาวสลวยประดุจใยไหม ผิวพรรณขาวผุดผ่อง ใบหน้างดงามสดใส ในสายตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต
ผู้ชายสวมอาภรณ์ขนนกแอบปาดเหงื่อ รู้สึกโชคดีนัก หากครั้งนี้ทำงานไม่สำเร็จ อย่าว่าแต่ไม่อาจกลับมารายงานต่อสำนักเลย เกรงว่าผู้อาวุโสเยี่ยนซู่หนีคงจะเป็นคนแรกที่จะจัดการกับเขา!
“ซือฉาน เจ้าเป็นอะไรไป?”
ทันใด เยี่ยนซู่หนีก็สังเกตเห็นว่าเยว่ซือฉานที่อยู่ข้างกายนิ่งเงียบไป ทำท่าราวกับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เยว่ซือฉานจึงได้สติกลับมา กล่าวเสียงเบา “เรียนผู้อาวุโสเยี่ยน ซู… ซูอี้คนนั้นเป็นสหายคนหนึ่งของข้า”
“สหาย?”
เยี่ยนซู่หนีประหลาดใจ
ผู้ชายสวมอาภรณ์ขนนกที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวว่า “สหายเต๋าซูอี้ท่านนั้นเคยบอกไว้ว่าเขาเป็นสหายของซือฉานขอรับ”
เยว่ซือฉานระงับความปีติยินดี ขณะเล่าเรื่องที่นางรู้จักกับซูอี้ที่มหาทวีปคังชิงในตอนนั้นออกมาอย่างละเอียด
สาวน้อยสวมชุดกระโปรงขาวสะอาดยิ่งกว่าหิมะ เยือกเย็นประดุจน้ำแข็ง นิ่งเงียบพูดน้อย นับตั้งแต่เข้ามาฝึกในแดนลี้ลับขั้นเก้าจนถึงตอนนี้ น้อยนักที่จะพูดเป็นน้ำไหลเหมือนในตอนนี้
อีกทั้ง ไม่ว่าใครก็มองออกว่า สายตานางมีอาการปีติยินดีอย่างไม่อาจลบเลือนไปได้ ราวกับแม่น้ำที่ถูกความหนาวเย็นปกคลุมมานานหลอมละลายภายใต้แสงตะวันยามวสันต์ฤดู เปล่งประกายงดงาม
เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่เยว่ซือฉานเล่ามาแล้ว ผู้ชายสวมอาภรณ์ขนนกถึงกับอ้าปากค้าง นิ่งตะลึงอยู่ตรงนั้น
ดวงตาสดใสสวยงามของเยี่ยนซู่หนีตื่นตะลึง จิตใจสั่นสะท้าน นิ่งเงียบไปนานพูดไม่ออก
มีแต่เสียงป่าไผ่ถูกลมเย็นพัดจนโอนเอนส่งเสียงแซก ๆ ดังก้องอยู่ในอากาศ
เป็นการยากที่จะไม่ให้คนทั้งสองตื่นตระหนก เพราะผู้เป็นจักรพรรดิหนุ่มอายุสิบกว่าปี เดิมทีก็หาได้ยากมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และในงานประชุมวสันตวารี ซูอี้คนนี้อาศัยกำลังของตัวเองเพียงคนเดียวฆ่าตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำถึงห้าคนตาย กำลังการต่อสู้ที่ไร้เทียมทานเช่นนี้ เพียงพอที่จะทำให้คนทั้งโลกต้องตะลึง!
ใครกันจะคาดคิดว่า ชายหนุ่มเช่นนี้จะมาจากดินแดนสามัญอย่างมหาทวีปคังชิงเช่นนั้นได้?
อีกทั้ง ภายในระยะเวลาอันสั้น เขาก็ย่างสู่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำแล้ว!
เยว่ซือฉานก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่า ไม่ได้เจอกันแค่สองปี ชายหนุ่มชุดเขียวผู้มีชื่อเสียงดังก้องอาณาจักรโจวในตอนนั้นจะกลายเป็นตัวตนผู้มีชื่อเสียงในขอบเขตจักรพรรดิไปแล้ว
“ผู้อาวุโสเยี่ยน สหายเต๋าซูท่านนั้นยังเคยกล่าวอีกประโยคหนึ่ง ให้ข้าบอกต่อแม่นางซือฉาน”
สักพักใหญ่ ๆ ผู้ชายสวมอาภรณ์ขนนกกระแอมขึ้น แสดงสีหน้าลำบากใจออกมา
“ในเมื่อบอกซือฉาน เจ้าถามความเห็นข้าเพื่ออะไร?”
เยี่ยนซู่หนีไม่เข้าใจ
ผู้ชายสวมอาภรณ์ขนนกกล่าวขึ้นโดยไม่สนว่าตนเองจะต้องอับอาย “สหายเต๋าซูบอกว่า ให้แม่นางซือฉานฝึกตนกับผู้อาวุโสเยี่ยนได้ แต่ไม่ต้องรีบร้อนฝากตัวเป็นศิษย์…”
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา เยว่ซือฉานก็ตกตะลึง
เยี่ยนซู่หนีตะลึงยิ่งกว่า “เขากล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
ผู้ชายสวมอาภรณ์ขนนกก้มหน้า ไม่กล้าสบตามองเยี่ยนซู่หนี “สหายเต๋าซูกล่าวว่า… วันข้างหน้าเขาจะชี้แนะการฝึกตนด้านวิถีดาบให้แม่นางซือฉานเองขอรับ”
พอเอ่ยเช่นนี้ เยี่ยนซู่หนีถึงกับโกรธเกรี้ยว “คนผู้นี้คิดว่าข้าสั่งสอนซือฉานไม่ได้เช่นนั้นหรือ? คิดว่าฆ่าตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำตายก็สามารถมองข้ามหัวข้าไปได้เช่นนั้นหรือ?”
ชุดสีแดงของนางโบกพลิ้ว ใบหน้างดงามใสสว่างเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เยว่ซือฉานแอบสะดุ้งในใจ ขณะที่กำลังเอ่ยปากพูดแก้ต่าง ทันใดกระเรียนฟ้าตัวหนึ่งก็บินมา
“ใต้เท้าเยี่ยน ทางสำนักเพิ่งได้รับแจ้งมาว่า ข้างนอกมีคนชื่อซูอี้ซึ่งมาจากภูมิมืดมิดแอบอ้างตนชื่อของปรมาจารย์เสวียนจวิน เข้าสู่แผ่นดินมหาแดนดินขอรับ!”
กระเรียนฟ้าส่งเสียงดังกังวาน แจ้งคำเล่าลือที่ระบาดไปทั่ว
ได้ฟังแล้ว เยี่ยนซู่หนี เยว่ซือฉานกับผู้ชายชุดขนนกมองตากันปริบ ๆ ต่างก็เกิดความรู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก
“เรื่องนี้… บังเอิญเกินไปแล้วกระมัง? มีซูอี้โผล่ขึ้นมาสองคน…”
ผู้ชายสวมอาภรณ์ขนนกอ้าปากตาค้าง
“นี่คงจะเป็นคนเดียวกันมากกว่า!”
เยี่ยนซู่หนีสูดหายใจลึก ๆ ทีหนึ่ง ดวงตาฉายแววประหลาด “ฆ่าฮั่วเหยาตาย สยบเย่ลั่ว… สองคนนี้เป็นศิษย์สายตรงของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน ระดับวิถีในตัวอยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นปลาย แต่กลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูอี้! เพียงแต่ว่า เพราะเหตุใดเขาต้องแอบอ้างเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินด้วย? ทำเช่นนี้จะฮึกเหิมเกินไปแล้วกระมัง?”
เยว่ซือฉานใจสั่น ใบหน้าเยือกเย็นประดุจน้ำแข็งผุดประกายแห่งความอาทร พี่ซู… เหตุใดจึงกล้าแอบอ้างตัวเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินได้?
เช่นนี้… เป็นการดูแคลนอย่างใหญ่หลวง!จะนำมาซึ่งเคราะห์อันยิ่งใหญ่มหาศาล!
เยว่ซือฉานในตอนนี้ มีวิสัยทัศน์ต่างไปจากตอนอยู่มหาทวีปคังชิงแล้ว รู้ดีว่าแผ่นดินมหาแดนดินเป็นโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลเพียงไหน
อยู่ที่นี่ สายวิถีมีมากมายราวกับต้นไม้ในป่า มีผู้เป็นจักรพรรดิจำนวนมากราวกับก้อนเมฆ
ทว่าถึงแม้จะเป็นสายวิถีระดับสูงสุด ก็ยังเคยโดนสยบโดยปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน ทั่วทั้งแดนเทวาทั้งหมด ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินเป็นอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง!
แม้กระทั่งเมื่อห้าร้อยปีก่อน ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจะไม่อยู่แล้ว ทว่าอานุภาพที่ยังคงอยู่นั้นยังสร้างความหวาดหวั่นให้แก่แดนเทวามหาแดนดิน!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เมื่อรู้ว่าซูอี้แอบอ้างชื่อของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน จะไม่ให้เยว่ซือฉานเป็นห่วงได้เช่นใด?
เวลานี้ ใบหน้าใสสว่างของเยี่ยนซู่หนีพลันแสดงความปีติยินดีออกมา “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่า… ซูอี้คนนั้นไม่ได้แอบอ้าง? ตามที่ซือฉานเล่ามา คนผู้นี้ย่างก้าวสู่ขอบเขตจักรพรรดิเมื่ออายุสิบกว่าปี มีกำลังการต่อสู้อันร้ายกาจสามารถฆ่าฮัวเหยาผู้ซึ่งอยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเช่นนั้นได้ อีกทั้งเขายังมาจากภูมิมืดมิดอีก!”
ดวงตาใสของนางเป็นประกาย จ้องดูเยว่ซือฉาน “ซือฉาน เจ้าคิดว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน กลับชาติเกิดใหม่หรือไม่?”
เยว่ซือฉานนิ่งตะลึง กล่าวพึมพำ “เป็นเช่นนี้หรือ? แต่คนทั้งหลายต่างก็รู้ว่า ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินกลับชาติตั้งแต่เมื่อห้าร้อยปีก่อน แต่ซูอี้ตอนนี้อายุแค่สิบกว่าปีเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าไม่สอดคล้องกันเลย”
ดวงตาใสสว่างของเยี่ยนซู่หนีสว่างวาววับ กล่าวด้วยความตื่นเต้นยินดี “จะใช้อายุมาตัดสินเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน? ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าอยากจะพบหน้าคน ๆ นี้เต็มทนแล้ว! ซือฉาน เจ้าไปโลกเทียนเสวียนกับข้าในตอนนี้ดีไหม?”
นางเป็นคนตัดสินใจรวดเร็วฉับไว ไม่ยอมเสียเวลา คว้าข้อมือของเยว่ซือฉานได้ก็บินออกจากป่าไผ่
เยว่ซือฉานรู้สึกงุนงง ผู้อาวุโสเยี่ยนใจร้อนเกินไปแล้วกระมัง?
ผู้ชายสวมอาภรณ์ขนนกมีสีหน้าประหลาด นึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้
ผู้อาวุโสเยี่ยนซู่หนีท่านนี้ ตอนอายุยังน้อยก็ยึดปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินเป็นเป้าหมาย หวังว่าสักวันหนึ่งบนหนทางวิถีดาบจะได้เป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าเหมือนดับปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน!
และบัดนี้ ซูอี้มีพิรุธและความลึกลับมากมายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ประกอบกับเรื่องเล่าลือที่สั่นสะเทือนไปทั่วใต้หล้าเรื่องนี้อีก จึงสร้างความสนใจของเยี่ยนซู่หนีขึ้นมา และต้องการจะรู้เรื่องราวของซูอี้อย่างละเอียด!
ทว่า ขณะที่เยี่ยนซู่หนีกับเยว่ซือฉานกำลังจะออกไปจากป่าไผ่แห่งนั้น เสียงหย่อนยานเชื่องช้าเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“แม่หนูซู่หนี มหาแดนดินแห่งนี้เพิ่งเกิดข่าว ความจริงทั้งหมดยังไม่ปรากฏ เจ้ารีบร้อนไปไย?”
ร่างของเยี่ยนซู่หนีหยุดนิ่งกลางอากาศ
ความเคารพอย่างบอกไม่ถูกผุดขึ้นในใจเยว่ซือฉาน
เพียงแค่เสียงเท่านั้น ราวกับอานุภาพสวรรค์!
ลึกเข้าไปในป่าไผ่ ผู้ชายชุดขนนกสั่นไปทั้งตัวก้มตัวทำความเคารพอย่างนอบน้อม “คารวะปรมาจารย์!”
ณ แดนลี้ลับขั้นเก้า มีตัวประหลาดเฒ่าที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักจำนวนมาก แต่ละคนฐานะสูงส่งจนน่าตกใจ
ทว่ามีเพียงแค่คนนี้คนเดียวเท่านั้นที่ได้รับการยกย่องจากคนในสำนักว่า ‘ปรมาจารย์’ และเป็นบุคคลในตำนานที่ทุกคนในแผ่นดินต่างก็เรียกว่า ‘ปรมาจารย์’
นามของเขาเผิงเติ้ง คนทั้งหลายต่างก็เรียกเขาว่า ‘ปรมาจารย์เผิง’!
ผู้เฒ่ารุ่นโบราณระดับหินดึกดำบรรพ์ที่ไม่รู้ว่าพิสูจน์เต๋าขอบเขตจักรพรรดิตั้งแต่เมื่อไร!
“ปรมาจารย์ เพราะว่าเพิ่งเกิดข่าว จึงเป็นโอกาสดีที่จะสืบเสาะฐานะของซูอี้ หากว่ารอจนฐานะของเขาเป็นที่ประจักษ์แจ้งแล้ว ยังจะมีความหมายอันใดอีก?”
เยี่ยนซู่หนีกล่าวขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว
“เรื่องในครั้งนี้ พัวพันไปถึงสัตว์ประหลาดเฒ่าซู ในแผ่นดินนี้ไม่รู้มีสายตามากมายเท่าใดที่คอยจับจ้องดูอยู่ เจ้าจะไปยุ่งด้วยให้ได้อะไร?”
เสียงหย่อนยานนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ยังคงเชื่องช้ามาก ราวกับว่าต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายก็ไม่อาจทำให้เขาร้อนใจขึ้นมาได้
“เจ้าจงอยู่ในสำนัก คอยดูว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะรุนแรงเพียงใด ดีกว่าพลัดเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ ประเดี๋ยวจะเอาชีวิตน้อย ๆ ของตัวเองไปทิ้งเสียเปล่า”
เยี่ยนซู่หนีเบะปากด้วยความไม่พอใจอย่างมาก “ข้าเพียงแค่ไปดูเท่านั้น จะสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองได้อย่างไรกัน?”
“หึ ผู้ไม่รู้จึงไม่รู้จักกลัว เจ้าคอยดูให้ดีก็แล้วกัน ก่อนที่เหตุการณ์พายุกระหน่ำครั้งนี้จะสำแดงฤทธิ์ที่แท้จริงออกมา แม้กระทั่งตาเฒ่าอย่างข้าเช่นนี้ก็ไม่มีทางโผล่หัวออกไป”
ปรมาจารย์เผิงพูดจบ ฉับพลันลำแสงลี้ลับก็ส่องลงมาจากฟากฟ้า ครอบคลุมตัวเยี่ยนซู่หนีกับเยว่ซือฉาน
“พวกเจ้ามาสถานปิดตนของข้า เล่าเรื่องราวในอดีตของซูอี้คนนั้นให้ข้าฟัง ข้ารอวันนี้มานานมากแล้ว…”
เสียงเชื่องช้านั้นยังคงดังก้อง ทว่าร่างของเยี่ยนซู่หนีกับเยว่ซือฉานหายลับไปแล้ว
ชั่วขณะที่ถูกนำตัวไป ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในสมองของเยว่ซือฉานอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
แม้กระทั่งปรมาจารย์ผู้น่ากลัวที่ไม่เคยสนใจเรื่องราวภายนอกมานานเช่นนี้ก็ยังตื่นตระหนก หรือว่าที่มาของซูอี้อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจริง ๆ?