บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1065: ฟังเสียงฟ้าผ่าในที่สงบ
ตอนที่ 1065: ฟังเสียงฟ้าผ่าในที่สงบ
กาลเวลาผันผ่าน ข่าวคราวเกี่ยวกับซูอี้แอบอ้างปลอมตัวเป็นปรมาจารย์เสวียนจวินดังกระฉ่อนจากเก้ามหาแดนดินแผ่ขยายไปจนถึงสามสิบสามภพ
ณ โลกเทียนเสวียน
ภายในห้องโถงใหญ่แห่งตระกูลเยว่
เยว่ไป๋หลิง เยว่ฉางเทียน เยว่สุ่ยหาน และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างก็รวมตัวอยู่ด้วยกัน จิตใจมีแต่ความเคร่งเครียดกังวล
“สามารถมั่นใจได้ว่า ซูอี้ผู้แอบอ้างปลอมตัวเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินตามที่ลือกัน ก็คือสหายเต๋าซูผู้ที่เคยช่วยตระกูลเยว่ของพวกเราขจัดภัยครั้งใหญ่ในงานประชุมวสันตวารีในครั้งนั้น!”
เยว่สุ่ยหานกล่าวเสียงเคร่งเครียด
เดิมทีบรรยากาศในห้องโถงก็ตึงเครียดอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม
ทุกคนต่างก็มีสีหน้ากลัดกลุ้มใจ
“เรื่องนี้เป็นปัญหาร้ายแรง ตระกูลเยว่ของพวกเราไม่อาจเปรีบบเทียบกับพันธมิตรเสวียนจวินได้ ไม่ต้องพูดไกล เพียงแค่หนึ่งในสำนักหกมหาวิถีก็สามารถจัดการกับตระกูลเยว่ของพวกเราได้แล้ว”
มีคนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้มหม่นหมอง
“แล้วจะทำเช่นใดกันดี?”
มีคนเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล
“ฮึ! จะร้อนรนไปเพื่ออะไร? เรื่องเล่าลือนี้จะเป็นความจริงหรือเท็จก็ยังไม่แน่ หากว่าโดนพันธมิตรเสวียนจวินจ้องจะเล่นงานจริง ตระกูลเยว่ของพวกเราไม่มีทางทำผิดต่อสหายเต๋าซูอย่างเด็ดขาด!”
เยว่ฉางเทียนสงบใจเป็นที่สุด วาจาราวกับคมมีดอันเฉียบขาด “จงอย่าลืม ในงานประชุมวสันตวารี สหายเต๋าซูเคยช่วยตระกูลเยว่ของพวกเราเช่นใด!”
ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบ จุดที่พวกเขารู้สึกลำบากใจเป็นที่สุดก็คือจุดนี้
“เอาล่ะ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีการปรึกษาหารือแต่อย่างใด”
เยว่ไป่หลิงผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เหมือนดังที่ฉางเทียนกล่าวมา ถึงแม้ตระกูลเยว่ของพวกเราจะโดนพันธมิตรเสวียนจวินจ้องเล่นงาน พวกเราจะไม่ทำผิดต่อสหายเต๋าซูเป็นอันขาด!”
บางครั้ง เกิดความโกลาหลขึ้นก็เพราะไม่มีผู้ใหญ่ออกคำสั่งเด็ดขาด
เมื่อเยว่ฉางเทียนกับเยว่ไป่หลิงต่างแสดงท่าทีออกมาแล้ว เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลเยว่ซึ่งเดิมทียังคงวิตกกังวลจึงสงบจิตใจลงมาได้
เวลานี้ เสียงฝีเท้ารัวเร็วก็ดังขึ้น บ่าวอาวุโสคนหนึ่งเข้ามารายงานว่า หลังจากที่ทูตของแดนลี้ลับขั้นเก้านำจดหมายลับมาส่งแล้วก็ลาจากไป
พูดจบ บ่าวอาวุโสนำจดหมายลับฉบับนั้นออกมา
เยว่ไป่หลิงกับคนอื่น ๆ ต่างก็งุนงงไม่เข้าใจ
เยว่ไป่หลิงตั้งสติได้แล้วจึงเปิดจดหมายลับ มองเห็นกระดาษจดหมายฉบับหนึ่งพร้อมด้วยยันต์ลับที่สลักด้วยลวดลายประหลาดหนึ่งชิ้น
เมื่ออ่านจดหมายเสร็จ เยว่ไป่หลิงนิ่งตะลึงไปก่อนสักครู่ ฉับพลันจึงแสดงสีหน้ายินดีออกมา “ตระกูลเยว่ของพวกเรา ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว!”
พูดจบก็ยื่นจดหมายให้คนอื่น ๆ อ่าน
อย่างรวดเร็ว ตำหนักใหญ่เกิดเสียงดังอึกทึก ทุกคนในห้องประชุมต่างก็แสดงสีหน้าปีติยินดี ตื่นเต้นดีใจขึ้นมา
เยว่ซือฉานเป็นผู้ส่งจดหมายฉบับนี้มา เนื้อหาในจดหมายนั้นบอกต่อตระกูลเยว่ทุกคนว่า นับแต่นี้เป็นต้นไป ไม่ว่าเจอกับเรื่องเดือดร้อนอันใด ล้วนสามารถใช้ยันต์ลับชิ้นนี้ขอความช่วยเหลือได้!
อีกทั้ง เยว่ซือฉานยังกล่าวย้ำในจดหมายด้วยว่าอย่าได้เมินเฉยต่อซูอี้ สาเหตุที่แดนลี้ลับขั้นเก้ารับปากปกป้องตระกูลเยว่ ก็เพราะว่าการปรากฏตัวของซูอี้กระเทือนไปถึงบุคคลระดับปรมาจารย์รุ่นหินดึกดำบรรพ์แห่งแดนลี้ลับเก้าขั้น… ‘ปรมาจารย์เผิง’!
ทั้งหมดนี้ทำให้ทุกคนในตระกูลเยว่ทั้งยินดีและตื่นเต้น
ในสายตาของพวกเขา แดนลี้ลับขั้นเก้าเป็นขุมกำลังสายวิถีอันดับหนึ่งแห่งมหาแดนดิน เป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่ทำได้เพียงแค่แหงนมองเท่านั้น
และการดำรงอยู่ของปรมาจารย์เผิงเปรียบได้กับบุคคลในตำนานที่ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของแดนเทวามหาแดนดิน สามารถสยบปฐพีแดนเทวาได้!
แต่ตอนนี้ ใครบ้างจะคิดว่าเป็นเพราะสหายเต๋าซู ถึงกับกระทบกระเทือนไปยังปรมาจารย์เผิง ทำให้แดนลี้ลับเก้าขั้นก็ยังแสดงท่าทีออกมาว่าจะปกป้องคุ้มครองตระกูลเยว่ของพวกเขา?
สำหรับคนในตระกูลเยว่แล้ว เรื่องนี้ราวกับเป็นความฝัน
“เมื่อสักครู่พวกเรายังกังวลการคุกคามของพันธมิตรเสวียนจวิน เพียงแค่พริบตาเดียว ปัญหาทั้งหมดก็สูญสิ้นไป ชีวิตคนเรานี่นะ ช่างขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่หยุดนิ่งเลยจริง ๆ”
มีคนรำพึงขึ้นมา
“ตามความเห็นของข้า เกรงว่าสหายเต๋าซูเองยังไม่ทันได้รู้เรื่อง ภัยพิบัติที่ห้อยอยู่บนหัวของพวกเรา ตระกูลเยว่ก็จบสิ้นลงแล้ว เช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นตระหนกเป็นที่สุด ราวกับฟังเสียงผ่าฟ้าในที่สงบ!”
“แม้กระทั่งใต้เท้า ‘ปรมาจารย์เผิง’ แห่งแดนลี้ลับขั้นเก้าท่านนั้นก็ยังตื่นตระหนกไปด้วย หรือเช่นนี้จะหมายความว่าสหายเต๋าซูท่านนั้นไม่ได้แอบอ้างปลอมตัวเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน?”
มีคนกล่าวถึงด้วยความสงสัย
“ถ้าเช่นนั้นสหายเต๋าซูคือใคร?”
“หรือว่า สหายเต๋าซูอี้เป็น… ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินกลับชาติเกิดใหม่?”
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา ตำหนักใหญ่เงียบสงบไปในฉับพลัน ทุก ๆ คนต่างก็มองหน้ากันด้วยความตื่นตระหนก
“พายุครั้งนี้เพิ่งเริ่ม อย่าได้คาดเดาไปเรื่อย!”
เยว่ไป่หลิงเอ่ยพูดเบา ๆ “วันข้างหน้า ความจริงก็จะปรากฏขึ้นเอง!”
เขามองดูสงบราบเรียบ แต่แท้จริงแล้วภายในใจระส่ำระสายเช่นเดียวกัน
มองดูทั่วผืนแผ่นมหาแดนดินแห่งนี้ คนที่สามารถสร้างความตื่นตระหนกให้กับบุคคลอย่างปรมาจารย์เผิงได้ นอกจากปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินแล้ว ยังจะเป็นใครได้อีก?
ดังนั้น หากบอกว่าสหายเต๋าซูท่านนั้นคือปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน ทว่าผีหมัวแห่งพันธมิตรเสวียนจวินกลับพุ่งหัวหอกโจมตีว่าเป็นศัตรู!
และพายุที่กำลังจะโหมพัดมหาแดนดินลูกนี้จะต้องสร้างความตื่นตะลึงให้แก่คนทั้งโลกอย่างแน่นอน!
…
สิบกว่าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ณ หอตำราเทียนเสวียน
ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง
ฉึบ!
ดาบปลายมนเสวียนหวงที่ลอยอยู่กลางอากาศพลันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นย่อยและกลายเป็นผงธุลี
ซูอี้ลืมตาขึ้นเงียบ ๆ จากการนั่งสมาธิเพื่อฝึกตน
เมื่อมองเห็นดาบปลายมนเสวียนหวงถูกทำลายจนย่อยยับแล้ว แม้กระทั่งเขาผู้มีภาวะจิตอันแข็งแกร่งประดุจหินก็ยังรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา
นั่นเป็นเพราะช่วงเวลานี้เขามุ่งมั่นฝึกตนจนกระทั่งลืมทุกสิ่งทุกอย่าง จึงเป็นเหตุทำให้ปราณมารดาฟ้าดินที่บรรจุอยู่ในสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้หลอมลายจนหมดไม่เหลือ…
ซูอี้แอบคิดในใจ
ฉับพลัน ซูอี้ก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงระดับขั้นในตัว
ระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ระดับวิถีในตัวเขาก็บรรลุถึงขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นปลายอย่างราบรื่น อีกทั้งเริ่มเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์ราง ๆ แล้วด้วย!
ก้าวหน้ารวดเร็วจนน่าตกใจเช่นนี้ได้ ปราณมารดาฟ้าดินมีส่วนช่วยมาก!
พลังที่อุบัติขึ้นในต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นแห่งภูมิดาราฟ้าดินเช่นนี้มีคุณประโยชน์มหาศาลต่อผู้ฝึกตน เหนือกว่ามหาโอสถไร้เทียมทานมาก
เมื่อหลอมละลายพลังนี้แล้ว ผู้ฝึกตนจะรู้สึกราวกับตัวเองอยู่ในต้นกำเนิดฮุ่นตุ้น ลืมตนเองและสิ่งรอบด้าน สามารถเข้าสู่ภาวะรู้แจ้งขั้นลึกสุดได้ ลึกซึ้งจนไม่อาจกล่าวออกมาได้
ทว่า เทียบกันแล้ว คุณประโยชน์อย่างแท้จริงของปราณมารดาฟ้าดินแสดงออกมาบนการขัดเกลาพลังมหาวิถี!
ก็เหมือนกับตอนนี้ หลังจากที่หลอมละลายปราณมารดาฟ้าดินในดาบปลายมนเสวียนหวงจนหมดสิ้นแล้ว กฎเกณฑ์ต้นกำเนิดที่ซูอี้ควบคุมได้รับการขัดเกลาจนถึงขั้นสมบูรณ์พร้อมอย่างแท้จริง
อีกทั้งยังมีทีท่าสมบูรณ์พร้อมแบบย้อนรอยบรรพบุรุษอีกด้วย!
นอกจากนี้ เคล็ดพลังมหาวิถี เช่น กฎแห่งการจม กฎสุดวิถี กฎแห่งสังขาร กฎเวียนวัฏสงสาร และกฎแห่งจุดจบที่เดิมทีล้วนอยู่ในขั้นเริ่มต้นก็ทยอยบรรลุถึงขั้นสำเร็จ
แม้กระทั่งความแยบยลสุดยอดที่ยากลำบากและใช้เวลายาวนานที่สุด เมื่อรู้แจ้งขึ้นมาก็ยังพัฒนาไปอีกขั้น!
หากว่าเมื่อก่อนเป็นเพียงแค่รู้เข้าใจเปลือกนอกเท่านั้น ถ้าเช่นนั้นตอนนี้สามารถกล่าวได้ว่าเข้าใจระดับต้นแล้ว
และนี่ เป็นเพียงแค่ ‘ปราณมารดาฟ้าดิน’ ทั่วไปที่บรรจุอยู่ในดาบปลายมนเสวียนหวงเท่านั้น!
แน่นอน ข้อดีของปราณมารดาฟ้าดินไม่ได้มีเพียงเท่านี้ พลังเช่นนี้เดิมทีมาจากต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นของภูมิดาราฟ้าดิน เมื่อควบคุมมันได้ วันข้างหน้าเมื่อย่างก้าวสู่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำสามารถผลักดันกฎกำเนิดห้วงดาราที่สมบูรณ์ออกมาได้!
นี่จึงจะเป็นคุณประโยชน์ยิ่งใหญ่ที่สุดของปราณมารดาฟ้าดิน
ซูอี้สงบใจสัมผัสรับรู้ สุดท้ายจึงมั่นใจได้ว่า ถึงแม้ระดับการฝึกตนของเขาอยู่แค่ขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นปลายที่สูงขึ้น ทว่าระดับวิถีในตัวกลับเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ใกล้เคียงกับการเกิดใหม่!
เพราะว่าร่างวิถีและจิตวิญญาณของเขาก็ได้รับคุณประโยชน์อันใหญ่หลวงจากการหลอมละลายปราณมารดาฟ้าดินด้วยเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงประสบผลสำเร็จ แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
เทียบกับเมื่อก่อน ระดับวิถีในตัวเขาระเบิดสูงขึ้นมากกว่าหนึ่งเท่า!
“หากว่าเมื่อชาติที่แล้ว ข้าล่วงรู้ความลับของปราณมารดาฟ้าดิน ถึงแม้ระดับวิถีเมื่อชาติก่อนจะไม่สมบูรณ์ จำเป็นด้วยหรือที่จะต้องกังวลว่าไม่อาจบรรลุหนทางวิถีที่สูงยิ่งกว่าได้?”
ทัศนาจารย์เคยกล่าวยอมรับว่าในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำระดับวิถีของเขามีความบกพร่อง!
และก็เพราะเหตุนี้ ในครั้งนั้นถึงแม้ตอนอยู่ในส่วนลึกหมู่ดาราเขาจะแข็งแกร่งมากสักเพียงไหน ทว่าสุดท้ายยังคงเลือกที่จะกลับชาติมาฝึกตนใหม่อีกครั้ง
และตอนนี้ สำหรับซูอี้ผู้ที่เสาะหาปราณมารดาฟ้าดินเจอ วันข้างหน้าเวลาที่ย่างก้าวสู่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไปว่าจะเดินตามรอยเดิมของทัศนาจารย์อีก!
ผ่านไปนานมาก ซูอี้จึงพ่นลมหายใจออกจากปากยาว ๆ และยืดตัวลุกขึ้น เดินออกจากถ้ำที่ใช้ปิดตน
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกคาดไม่ถึงก็คือซู่ฉางหมิง เจ้าหอตำราเทียนเสวียนรออยู่ตรงหน้าก่อนแล้ว
“ช่วงเวลานี้ เจ้ารออยู่ที่นี่มาโดยตลอดเช่นนั้นหรือ?”
ซูอี้รู้สึกประหลาดใจ
ซู่ฉางหมิงยิ้มพลางตอบ “ไม่เชิงขอรับ ข้าเพียงแต่มาวนเวียนอยู่ที่นี่ทุกวันเท่านั้น”
ซูอี้กล่าวพลางใช้ความคิด “ดูจากการกระทำเช่นนี้ของเจ้า หรือว่าในช่วงเวลานี้เกิดเรื่องใหญ่อันใดขึ้นเช่นนั้นหรือ?”
พูดจบ เขาเล่าเรื่องเล่าลือที่ซูอี้แอบอ้างปลอมตัวเป็นปรมาจารย์เสวียนจวินออกมาอย่างละเอียด
เมื่อได้ฟังแล้ว ซูอี้เลิกหัวคิ้วขึ้น “ดูท่าแล้ว ศิษย์ทรยศผีหมัวคงคาดเดาได้ว่าข้ากลับมายังแผ่นดินมหาแดนดินแล้ว เขาจึงสร้างกระแสในครั้งนี้ขึ้น เห็นได้ชัดว่าพร้อมเตรียมประกาศศึกกับข้าอย่างเต็มที่”
ซู่ฉางหมิงกล่าวด้วยความตระหนก “ใต้เท้าซู เหตุใดผีหมัวจึงกล้าทำเช่นนี้ได้?เช่นนี้ไม่ต่างไปจากฆ่าล้างบรรพจารย์เลยไม่ใช่หรือ?”
ซูอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ ไม่ยอมพูดถึงเรื่องนี้อีก เขากลับย้อนถาม “เจ้าไม่กังวลหรอกหรือว่าข้าจะปลอมตัวเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน?”
ซู่ฉางหมิงตอบโดยไม่ต้องครุ่นคิดนาน “หากว่าใต้เท้าซูคือผู้แอบอ้างปลอมตัว จะช่วยหอตำราเทียนเสวียนของพวกเราจากพิบัติใหญ่ได้เช่นใดกัน?”
ซูอี้พยักหน้า “ในสายตาของผีหมัว ต่อให้รู้ว่าข้าคืออาจารย์ของเขา ก็ไม่มีทางจะยอมรับ มิเช่นนั้น พันธมิตรเสวียนจวินของเขาก็จะไม่สมกับชื่อ หากว่าจิตใจคนเกิดความสับสับ จะต้องเกิดความแตกแยกอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงไม่ยอมรับข้า”
“อีกทั้ง เขาต้องเป็นฝ่ายลงมือก่อน มิเช่นนั้นหากปล่อยเวลาให้นานวันเข้า ก็จะยิ่งเป็นผลร้ายต่อตัวเขา”
พูดถึงตรงนี้ สายตาที่ลุ่มลึกของซูอี้ผุดประกายเย็นสะท้านขึ้นมา เขากล่าวกับตัวเอง “ข้าอยากจะดูเหลือเกินว่า ศิษย์ทรยศคนนี้จะเตรียมตัวไว้มากน้อยเพียงใด”
หากใครรู้เข้า ไม่รู้ว่าแผ่นดินมหาแดนดินแห่งนี้จะต้องสั่นสะเทือนถึงเพียงใดกัน!
“ข้าควรต้องไปแล้ว เมื่อหนอนตะกละเฒ่ากลับมา จงบอกเขาว่า วันข้างหน้าข้าจะคืนสมบัติล้ำค่าที่เหมือนกับดาบปลายมนเสวียนหวงให้แก่หอตำราเทียนเสวียนของพวกเจ้า”
ซูอี้พูดจบก็เดินมือไพล่หลังก้าวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“ใต้เท้าซู ท่านจะไปที่ใดหรือขอรับ?”
ซู่ฉางหมิงอดถามขึ้นมาไม่ได้
“ข้าจะไป… มหาแดนดิน!”
………………..