บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1069: มอบของขวัญให้อาจารย์
ตอนที่ 1069: มอบของขวัญให้อาจารย์
เขาวิญญาณครองนภาทั้งลูกพลันปั่นป่วน
คนทุกผู้แตกตื่นหนีกระเจิงทุกทิศทาง
ศึกนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและจบอย่างไวว่อง ทว่าผลลัพธ์นั้นร้ายกาจจนน่าตกใจ
เมื่อพวกเขาเห็นคนใหญ่คนโตในสำนักถูกบั่นหัวราวพืชผลถูกเกี่ยว ศิษย์ของสำนักลานดาบทะยานต่างตกใจลนลานราวสุนัขเสียเจ้านาย!
ซูอี้เมินปลาซิวปลาสร้อยเหล่านี้
เมื่อหงซานเฟิงและเหล่าผู้นำสำนักลานดาบทะยานถูกสังหาร จากคืนนี้ไป สำนักลานดาบทะยาน หนึ่งในสำนักหกมหาวิถีจะถูกทำลายสิ้น!
“กาลก่อน หงซานเฟิงผู้นี้นำพวกไอ้แก่จากสำนักลานดาบทะยานเข้าไปในถ้ำเสวียนจวิน และป้ายสีข้าต่อหน้าธารกำนัล ผีหมัวจะปล่อยให้พวกเขาเข้าร่วมพันธมิตรเสวียนจวินได้เช่นไร?”
ซูอี้เก็บดาบเงากระจ่าง ก่อนจะหันไปมองเย่ลั่ว
ควรค่าจดจำว่าพันธมิตรเสวียนจวินถูกตั้งขึ้นภายใต้นามของเขา ซูเสวียนจวิน!
เย่ลั่วรำพึง “ท่านอาจารย์ไม่ทราบ ผีหมัวโทษการกระทำทั้งหมดของสำนักลานดาบทะยานเป็นความผิดของชิงถัง บอกว่านางเคยใช้นามอาจารย์สังหารคนจากสำนักลานดาบทะยาน แล้วขโมยคัมภีร์ดาบหมื่นทิศไป…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เขาก็หัวเราะเยาะตนเอง “ข้าในคราแรกไม่ได้สงสัย คิดเพียงว่าชิงถังเป็นจอมหลอกลวง ใช้วิธีการสกปรกและทำเรื่องแปดเปื้อนชื่อเสียงอาจารย์มากมาย ทว่าจนยามนี้ ข้าจึงเพิ่งรู้ว่าถูกปิดตามาโดยตลอด”
ซูอี้พยักหน้า และโพล่งถามขึ้น “งั้นเจ้ารู้หรือไม่ ว่าชิงถังได้ก่อกบฏในช่วงกาลที่ผ่านมา?”
“ข้า…”
เย่ลั่วครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะกล่าวว่า “ตลอดมานี้ ผีหมัวบอกมากกว่าหนึ่งหนว่าชิงถังยึดสมบัติทั้งหมดในถ้ำเสวียนจวินไว้แต่ผู้เดียว และยังกล่าวว่าความทะเยอทะยานของชิงถังทำให้นางพยายามทำลายศิษย์พี่ร่วมถ้ำเสวียนจวินครั้งแล้วครั้งเล่า”
“แต่เมื่อคิดจริงจัง ชิงถังไม่เคยได้กระทำการใดโดดเด่นเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา นอกจากพูดว่าสักวันจะทำลายพันธมิตรเสวียนจวินขอรับ”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าของเย่ลั่วก็ดูซับซ้อน “อาจารย์ นอกจากท่านแล้ว ศิษย์ผู้นี้ก็เชื่อใจผู้ใดได้ยาก ข้ารู้สึกเพียงว่า… ไม่ว่าผีหมัวหรือชิงถัง ทั้งคู่ล้วนวางแผนลึกล้ำ และยังมีผู้อื่นที่วางแผนแตกต่างออกไปด้วยขอรับ”
วาตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังระคนจนใจ
ซูอี้ตบบ่าเขา “ข้าเชื่อว่าศิษย์เช่นผีหมัวและชิงถังจะยังเป็นส่วนน้อย และศิษย์พี่น้องส่วนใหญ่ของเจ้าล้วนแต่ถูกปิดตาเหมือนเช่นเจ้านั่นแล”
ซูอี้หันหลังจากไปแล้ว
“ความรู้สึกการถูกปิดตาลวงนี่แหละแย่ที่สุด…”
เย่ลั่วรำพึง ก่อนจะหยุดคิดแล้วตามอาจารย์ของเขาไป
คืนนั้น สำนักลานดาบทะยานแปรเปลี่ยนมหาศาล จักรพรรดิทั้งหมดในสำนักปลิดปลิว!
ทันทีที่ข่าวนี้แพร่ออกมา ประการแรก มันก็ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาในแดนเป๋ยเสวี่ย ก่อนจะแพร่กระจายความตะลึงงันไปทั่วมหาแดนดิน
“คืนนั้น ศิษย์สำนักลานดาบทะยานได้ยินว่าเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินที่ไปทำลายสำนักลานดาบทะยานด้วยตนเอง และสังหารจักรพรรดิทั้งหมดด้วยดาบของเขาในไม่กี่อึดใจ!”
“สวรรค์! ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ หรือ?”
“ผิดแล้ว! ต้องเป็นซูอี้ที่แสร้งทำเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินแน่! เขากำลังล้างแค้นพันธมิตรเสวียนจวิน!”
“จริงเท็จเพียงไร ใครเล่าบอกได้บ้าง?”
…
หลังได้ยินข่าว ผีหมัวก็เงียบไปอยู่นาน ก่อนจะพลันส่ายหัวเสสรวล “อาจารย์เอ๋ย อาจารย์ ท่านเคยองอาจเหนือผืนนภาเยี่ยงเทพ และขุมกำลังเยี่ยงสำนักลานดาบทะยานก็มิอยู่ในสายตาท่านเลย ทว่ายามนี้เมื่อเวียนวัฏสงสาร ไฉนจึงทำเพียงไล่จับปลาซิวปลาสร้อยเช่นนี้เล่า?”
ในน้ำเสียงมีเค้าลางประชดประชัน
ทันใดนั้น ผีหมัวก็ลูบคาง “อาจารย์ ดูเหมือนว่าวิถีเต๋าของท่านจะยังฟื้นไม่ถึงขั้นสมบูรณ์ดั่งในยามอดีตชาติสินะ สำหรับข้า นี่เป็นข่าวดีจริงแท้…”
ผีหมัวผ่อนคลายลงไม่น้อย
ยามแรก เขาอยากชิงลงมือโจมตีเพื่อลองเชิง ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ซูอี้จะกล้าไล่เข่นฆ่าพันธมิตรเสวียนจวินตรง ๆ หรือไม่
และเพื่อการนั้น เขายังได้วางแผนและเตรียมการสารพัดเพื่อรอรับมือ โดยไม่กล้ายั้งมือแม้แต่น้อย
ทว่ายามนี้ เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ซูอี้ทำกับสำนักลานดาบทะยาน ผีหมัวก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
ทว่าเขาก็ไม่ได้ชะล่าใจ
ในฐานะศิษย์เอกของซูอี้ในอดีตชาติ เขาอยู่ข้างกายซูอี้มานานที่สุด และรู้ดีที่สุดว่าอาจารย์ของตนร้ายกาจเพียงไร!
“ศิษย์น้องซงไฉคงเลื่อนขอบเขตได้ในหนึ่งปี ก่อนหน้านั้น ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อเก็บเกี่ยวช่วงเวลาดี ๆ กับท่านนะ”
ผีหมัวกล่าวกับตนเอง “น่าเสียดายที่นังสารเลวชิงถังยังเยือกเย็นอยู่ได้ นางไม่ได้ลงมือกับท่าน แต่ต้องวางแผนโจมตีท่านถึงตายอยู่แน่! หาไม่ นางจะจัดการกับขุมกำลังลึกลับเบื้องหลังนางได้เช่นไร?”
…
ถ้ำเสวียนจวิน
ข้างธารมรกต
ชิงถังนั่งบนเก้าอี้หวาย ดวงตางดงามพร่างดาวจับจ้องยังปลาหลีสีทองที่แหวกว่ายสำราญท่ามกลางสายชล
ปากของปลาหลีมีหนวดมังกรงอกยาวสองจั้งแล้ว ร่างของมันเปี่ยมประกายจิตวิญญาณ ทว่าตัวอวบอ้วนเกินไป
ปลาหลีสีทองตัวนี้ถูกเลี้ยงในธารนี้แสนนานมาแล้ว ใช้ชีวิตเนิ่นนานเกินนับ กินวัตถุดิบเลิศล้ำ สมบัติเลอค่ามามากมาย และยังเต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณทั่วร่าง
ชิงถังยังจำได้ว่ายามแรกเริ่มได้เป็นศิษย์อาจารย์ นางเคยได้ยินอาจารย์กล่าวเกี่ยวกับปลาหลีสีทองที่เขานำกลับมาจากสระบัวข้างต้นโพธิ์ในแดนบูรพาน้อย สักวันหนึ่งมันจะสามารถทะยานสู่ประตูมังกร กลายร่างเป็นมังกรที่แท้จริงได้!
แต่นั้นมา ชิงถังก็จับตามองปลาหลีสีทองตัวนี้มาตลอด
น่าเสียดายที่หลังจากผ่านไปแสนนาน ปลาหลีตัวนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเป็นมังกร แต่กลับกินจุเสียจนบวมออกข้างขึ้นมาก
มุมปากของชิงถังขดขึ้นน้อย ๆ
ราวรับรู้ความคิดของชิงถัง เจ้าปลาอ้วนสีทองตกใจกลัวจนดำดิ่งลงไปสู่ห้วงลึกแห่งธาร
“แม่นางชิงถัง”
ไกลออกไป ฉินเฟิงในอาภรณ์หยกเดินมาหาอย่างร่าเริง “เจ้าได้ยินหรือไม่ว่าชายนามซูอี้สังหารพวกเจ้าเฒ่าทั้งหมดในสำนักลานดาบทะยานไปเมื่อคืนวานซืน?”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ ทูตผดุงลัทธิทางช้างเผือกจากตำหนักสุริยันก็ดูตื่นเต้นเอาการ
คิ้วเรียวของชิงถังขมวดเล็กน้อย จ้องมองธารมรกตโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า กล่าวขึ้นอย่างเหม่อลอย “ก็แค่ศึกเล็ก ๆ ไม่น่าสนใจตรงไหน”
ฉินเฟิงตกใจ อดกล่าวไม่ได้ว่า “แต่ยามนี้ทั่วโลกหล้าลือกันหนาหู ว่าหากปล่อยซูอี้ผู้นี้เหิมเกริม คงไม่นานก่อนที่เขาจะมาล้างถ้ำเสวียนจวินนะ! เพราะถึงอย่างไร ยามนี้เขาก็แสร้งทำเป็นร่างเวียนวัฏสงสารของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินอยู่!”
หลังเงียบไปชั่วครู่แล้วเห็นว่าชิงถังมิได้กล่าวอันใด ฉินเฟิงจึงกล่าวต่อ “ในความคิดข้า แทนที่จะรอเขามาบุกถึงที่ เราควรฉวยโอกาสบุกจับตัวเขาก่อน หากทำเช่นนี้ ไม่เพียงเราจะสามารถสืบหาที่มาและตัวตนของคนผู้นี้ แต่ยังเปลี่ยนความคิดโลกหล้าอันเป็นดาบสองคมต่อแม่นางชิงถังได้ด้วยนะ”
ชิงถังเงยหน้าช้า ๆ มามองฉินเฟิงอย่างเฉยเมย “ตอบข้ามาก่อน ไฉนเจ้าจึงสนใจซูอี้ผู้นั้นนัก?”
ชิงถังยื่นมือขาวเพรียวบางของนางชี้ไปไกล “เจ้าไปได้แล้ว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเฟิงค้างนิ่ง ขมวดคิ้วกล่าวว่า “แม่นางชิงถัง ทุกสิ่งที่ข้าพูดล้วนเพื่อเจ้า แต่เจ้าดูจะ… ไม่ชอบข้านักนะ!”
เสียงของเขาหดหู่เล็กน้อย
ชิงถังผลิกฝ่ามือ
วารีสีหยกในสระพลันเกิดคลื่นมหึมา ซัดร่างอันไม่ทันตั้งตัวของฉินเฟิงออกไปทันที
เขากระเด็นไปหลายสิบจั้ง และแม้ไม่บาดเจ็บ แต่ก็เปียกโชกทั้งตัว สภาพเละเทะเอาการ
“ฟังนะ ข้าไม่ต้องให้เจ้ามาสอนสั่งหรอก หากลัทธิทางช้างเผือกของเจ้าเก่งนัก ก็ไปหาปราณมารดาฟ้าดินเอาเองเลยแล้วกัน”
ชิงถังนั่งบนเก้าอี้หวายอย่างเฉื่อยชา สายตามองไปยังสระอีกครั้ง พลางกล่าวเสียงเย็นชา “ข้าชิงถัง ควบคุมถ้ำเสวียนจวินนี้ได้แม้ไร้ความช่วยเหลือของลัทธิทางช้างเผือก”
ไกลออกไป ฉินเฟิงผู้เปียกดั่งนกตกน้ำเต็มไปด้วยโทสะและความอับอาย
ในขณะที่เขากำลังจะพูดบางอย่าง เสียงแหบแห้งอันกังวานชัดเจนก็ดังขึ้น
ชายชราชุดเหลืองผู้หนึ่งปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ
สีหน้าของฉินเฟิงแปรเปลี่ยนฉับพลัน จากนั้นเขาก็ก้มหัวรับคำ “ขอรับ!”
ชายชราชุดเหลืองก้มหัวให้ชิงถัง “หากมีการล่วงเกินประการใด ท่านโปรดยกโทษด้วย”
ชิงถังพยักหน้าน้อย ๆ “แค่วิวาทเล็กน้อย ข้ามิคิดใส่ใจหรอก”
ชายชราชุดเหลืองกล่าวยิ้ม ๆ “หากเป็นไปได้ คนแซ่ซ่างผู้นี้อยากรบกวนสหายเต๋าให้รวบรวมปราณมารดาฟ้าดินโดยเร็วที่สุด เมื่อสหายเต๋ายังมีปราณมารดาฟ้าดินไม่พอเช่นนี้ คนแซ่ซ่างผู้นี้ก็มีปัญหาแล้ว”
แม้ว่าวาจานั้นจะสุภาพ ทว่าความหมายของวาจาเหล่านั้นแฝงคำขู่ไว้เล็กน้อย
ชิงถังได้ยินมันก็จริง แต่ก็ยังพูดอย่างเฉยเมย “อย่าห่วงไป ยามอวตารวิถีของเจ้าลัทธิเจ้ามา ข้าจะอธิบายให้เอง”
ชายชราชุดเหลืองมิได้กล่าวอันใด จากนั้นเขาก็จากไป
จนกระทั่งร่างของพวกเขาหายลับไป ชิงถังผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้หวายก็กำหัตถ์หยกขาวดุจหิมะของนางอย่างเงียบงัน ใบหน้างดงามไร้ใดเทียบเจือความเย็นชา
ชายชราชุดเหลืองมีนามว่าซ่างเทียนฉี นักบวชสูงสุดของตำหนักสุริยันแห่งลัทธิทางช้างเผือก เป็นรองเพียงชายชราผู้เป็นเจ้าตำหนักสุริยัน!
ทั้งสถานะและการฝึกฝนห่างไกลเกินกว่าจะเทียบกับทูตเยี่ยงฉินเฟิงได้
“หากไม่ใช่ว่าต้องใช้ลัทธิทางช้างเผือกของเจ้าหยุดสตรีผู้นั้นจากโรงวาดฤทัยล่ะก็ การที่เจ้าซ่างเทียนฉีกล้าเอาอวตารวิถีของ ‘ชาวประมง’ มาขู่ข้า คงได้ตายแน่แท้!”
ดวงตาของชิงถังเปี่ยมความเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง
ทันใดนั้น นางก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย มองปลาหลี่สีทองในธารและกล่าวเสียงเบา “ยามใดมีวายุพัด โลกาจะยังยุ่งเหยิง ทว่าโชคร้ายที่วายุยังมิแกร่งพอจะส่งพายุใหญ่มาเปลี่ยนแปลงโลกหล้า ดังนั้น… รอไปก่อนยังไม่สาย เจ้าคิดเช่นไร?”
ปลาหลี่สีทองว่ายวนอย่างผาสุขในลำธาร กระเพื่อมคลื่นวนซ้ำ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันฟังเข้าใจหรือไม่
“ถึงยามนั้น ข้าจะมอบของขวัญใหญ่… ให้แก่อาจารย์เอง!”
ชิงถังนำไหสุราออกมาดื่ม
นางเอนร่างเอกเขนกบนเก้าอี้หวายอย่างแสนคร้าน ดวงตาพร่างดาวลึกล้ำเจือประกายน่าสนใจ
………………..