บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1070: หุบเขาแสนปีศาจ
ตอนที่ 1070: หุบเขาแสนปีศาจ
หุบเขาแสนปีศาจ
พื้นที่อันตรายอันลือนามแห่งหนึ่งในมหาแดนดิน
นับแต่อดีตกาล หุบเขาแสนปีศาจถูกเรียกขานว่าเป็นต้นกำเนิดผู้ฝึกตนปีศาจทั่วโลกหล้า!
หุบเขาแสนปีศาจทั้งสูงตระหง่านและทอดยาวกว่าเก้าหมื่นลี้ มีปีศาจมากมายกระจัดกระจายอยู่ทั่วหุบเขา
ในห้วงลึกของหุบเขาแสนปีศาจมี ‘เก้าจักรพรรดิปีศาจ’ พำนัก แต่ละตนบงการผู้ฝึกตนปีศาจนับหมื่น กรีฑาทัพอื้ออึง เทียบได้กับขุมกำลังสูงสุดในมหาแดนดิน
‘จักรพรรดิปีศาจสนแดง’ ผู้แข็งแกร่งที่สุดเป็นจักรพรรดิปีศาจในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ แข็งแกร่งเลิศล้ำค้ำสวรรค์
ร่ำลือกันว่าจอมปีศาจในขอบเขตจักรพรรดิรับใช้ใต้จักรพรรดิปีศาจสนแดงถึงหกสิบสี่ตน!
หลวงจีนเยี่ยนซินแห่งแดนบูรพาน้อยเคยกล่าวเมื่อนานมาแล้วว่า หากมหาแดนดินจะมีที่ใดเหมือนนรก ก็ย่อมต้องเป็น ‘หุบเขาแสนปีศาจ’
กลุ่มเต๋าอันแข็งแกร่งที่สุด แดนลี้ลับขั้นเก้าเคยกล่าวไว้ว่า เดิมทีหุบเขาแสนปีศาจคือแดนบรรพชนของปีศาจในโลกหล้า และประวัติของมันก็ยาวไกลสู่บรรพกาล!
ในมหาแดนดิน ผู้ฝึกตนน้อยคนนักจะกล้าเดินทางเข้าไปในหุบเขาแสนปีศาจ
หากไร้เขา มันอันตรายเกินไป!
ตลอดมานับแต่บรรพกาล อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนทั่วไปเลย กระทั่งจักรพรรดิที่มายังหุบเขาแสนปีศาจยังมิอาจทราบความเป็นความตาย!
ทว่า สำหรับซูอี้ การมายังหุบเขาแสนปีศาจนี้ไม่ต่างจากการมาเยือนสถานที่แห่งความหลังสักเท่าไร
คำว่า ‘เป็นที่ยำเกรงในมหาแดนดิน หนึ่งดาบสยบสวรรค์’ หมายความเช่นไร?
นั่นหมายความว่า ขอเพียงเป็นในเขตเก้ามหาแดนดิน ทั่วฟ้าแดนสรวงล้วนแต่สยบศิโรราบ!
และประโยคนี้ก็รวมถึงหุบเขาแสนปีศาจด้วยเช่นกัน
และประโยคด้านบนก็เป็นของ ‘ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน’ แต่เพียงผู้เดียว
…
สุดลูกหูลูกตาคือป่าเขา เป็นภาพอันโบราณดั้งเดิม
ในหุบเขาเก้าหมื่นลี้นี้ ไม่รู้ว่ามีปีศาจกระจายอยู่มากเพียงใด มีตั้งแต่พฤกษาพรรณไม้จวบจนปักษาเดรัจฉานมากมายมหาศาล
นอกจากนั้นยังมีสัตว์ประหลาดอันหาได้ยากยิ่งในโลกภายนอกอีกมากมาย!
ตู้ม!
ในลำธาร อสรพิษยักษ์ขนาดร้อยจั้งพุ่งออกมา ปากมหึมาของมันฉกเข้าที่วิหคอัปมงคลยาวหลายสิบจั้งตัวหนึ่ง ก่อนจะลากคู่ต่อสู้เข้าสู่ก้นลำธาร
น้ำในธารปั่นป่วนรุนแรง เกลียวคลื่นถูกย้อมแดง ก่อนที่ความเงียบสงบในอดีตจะหวนคืน
ไกลออกไป ฝูงวานรคลั่งสีเลือดห้อยโหยโยนตัวจากผาสู่ผา คำรามลั่นสะเทือนเวหา
แขนของพวกมันทรงพลังจนถึงขนาดฉีกร่างจักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำได้อย่างง่ายดาย!
บนที่ราบอันเขียวขจีด้วยใบหญ้า ฝูงมดสีแดงเพลิงที่มีร่างสูงมากกว่าหนึ่งจั้งรุดเดินหน้าดุจเพลิงโหม สัตว์ร้ายที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะร้ายกาจเพียงไร ล้วนถูกพวกมันสังหารกัดกินเหลือเพียงเศษกระดูเกลื่อนกลาดบนพื้น
…ภาพอันตรายในลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นทุกที่ในหุบเขาแสนปีศาจ
ทันใดนั้น ลำแสงดาบสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นใต้นภา
ฉับ!
เหยี่ยวหน้าผีถูกบั่นหัว โลหิตโปรยปรายสู่แดนดิน
ร่างยาวสามจั้งของมันร่วงลงพื้น ก่อนจะถูกมือใหญ่กระจ่างขาวข้างหนึ่งจะคว้าไว้
“พักที่นี่ก่อนสักเดี๋ยวแล้วกัน เจ้าเอาเจ้าสัตว์ร้ายนี่ไปย่างเสีย แล้วเราศิษย์อาจารย์จะได้อิ่มท้อง”
ซูอี้ส่งร่างของเหยี่ยวหน้าผีให้เย่ลั่ว ส่วนตัวเขามายังข้างสำธารใส จากนั้นก็หยิบเก้าอี้หวายออกมานั่งอย่างสบายอารมณ์
เย่ลั่วลงไม้ลงมืออย่างพิถีพิถัน
นี่เป็นวันที่สามแล้วนับแต่ที่พวกเขาเข้าสู่หุบเขาแสนปีศาจ เดินทางวกวนและพบพานปีศาจมากมาย
ทว่า พวกมันส่วนใหญ่ล้วนตกเป็นเหยื่อศิษย์อาจารย์คู่นี้…
กองไฟถูกก่อ เย่ลั่วนั่งย่างเนื้อกับพื้น และกล่าวว่า “อาจารย์ เราสังหารสัตว์ร้ายมากมายตลอดทาง มิได้กลบเกลื่อนร่องรอย หากนี่เป็นกับดักของผีหมัวจริง ๆ เช่นนั้นจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวในถ้ำอัคนีเมฆาก็น่าจะรู้แล้วสิขอรับว่าเรามา”
เย่ลั่วสะดุ้ง และพลันตะลึงจังงัง
เขาพอจะเดาใจผู้เป็นอาจารย์ได้ เขาอยากให้เวลาศัตรูเตรียมการมากพอ เพื่อที่เขาจะกวาดล้างทีเดียวจบ!
ยิ่งแข็งแกร่งเพียงไร ยิ่งไม่คิดปกปิด ไม่ว่าจะแข็งแกร่งหรือเล่นลูกไม้ใดก็ไม่เห็นต้องสนใจ ดาบเดียวก็สยบอยู่!
“ที่จริงแล้ว ข้ากังวลเกี่ยวกับผู้อาวุโสจากตระกูลหวังแห่งแคว้นจงเล็กน้อยขอรับ”
เย่ลั่วกล่าวอย่างครุ่นคิด “เพื่อช่วยศิษย์พี่หวังเชวี่ย พวกเขาเริ่มเตรียมการมาก่อนเราเนิ่นนาน หากพวกเขามายังหุบเขาแสนปีศาจแล้วติดกับดักที่ผีหมัวเตรียมไว้ ผลลัพธ์ที่ได้จะเกินคาดคิดจริง ๆ”
ซูอี้ครุ่นคิด และตอบว่า “ผู้เฒ่าตระกูลหวังเหล่านั้นไม่ได้กระทำการสุ่มสี่สุ่มห้า พวกเขาย่อมรู้ว่าหุบเขาแสนปีศาจนี้อันตรายเพียงใด ก่อนลงมือเกรงว่าพวกเขาคงไม่บุ่มบ่าม หาไม่ อย่าว่าแต่จะช่วยคน จะช่วยตนเองคงยากเลย”
เย่ลั่วพยักหน้า
ไม่นานนัก กลิ่นหอมยวนยั่วของเนื้อย่างก็อบอวลในอากาศ ศิษย์อาจารย์ล้อมกองไฟกินดื่มสำราญ
เมื่ออิ่มหนำ ศิษย์อาจารย์ก็เตรียมออกเดินทางต่อ
ทันใดนั้น พลันบังเกิดเสียงดังขึ้นบนฟ้าห่างออกไป
อาภรณ์ของชายชราขาดวิ่น เส้นผมกระเซอะกระเซิง ร่างโซมโลหิต เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บ
มดสีเพลิงเหล่านั้นกล่าวได้ว่าร้ายกาจและพิลึก
ร่างของพวกมันสูงราวหนึ่งจั้ง ตัวใหญ่พอ ๆ กับชะมด ร่างของพวกมันอาบของเหลวสีเพลิงทองแดง ดวงตาสีเขียว
พวกมันรวดเร็วดุจสายฟ้า บรรยากาศดุดันชั่วร้าย ยามปรากฏเป็นฝูง พวกมันจะดูเหมือนเมฆสีเพลิงพัดโหม
สัตว์ร้ายบรรพกาล มดเพลิงทองแดง!
ซูอี้มองปราดเดียวก็จำสัตว์ร้ายเหล่านี้ได้ พวกมันมีความแข็งแกร่งแต่เกิด ซึ่งเทียบเคียงได้กับตัวตนระดับจักรพรรดิ สัตว์ร้ายนี้มีความสามารถในการควบคุมพิษเพลิงชั่วร้ายและมักปรากฏตัวเป็นฝูง ยามถูกมันกัด ร่างของเหยื่อจะถูกพิษเพลิงกัดกินจนตาย!
“นั่นหวังจัวฝู่ ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลหวังแคว้นจง!”
เย่ลั่วร้องอุทานอย่างตกใจ ด้วยจำตัวตนของชายชราร่างผอมสูงที่ถูกไล่ล่าโดยมดเพลิงทองแดงได้
ระหว่างสนทนา ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างขึ้นใต้ฟ้าที่อยู่ไกลออกไป
โดยไร้วจี งูยักษ์สีดำยาวร้อยจั้งทะยานร่างขึ้นสูง ร่างของมันขดราวขุนเขาย่อม ๆ ขวางทางหนีของหวังจัวฝู่ไว้
หวังจัวฝู่ตกตะลึงขณะรีบเปลี่ยนทิศทาง ทว่าฝูงมดเพลิงทองแดงเบื้องหลังเขาพลันเปลี่ยนกระบวนเป็นรูปพัด หยุดการหนีของหวังจัวฝู่ไว้
ตรงหน้าเขา งูยักษ์สีดำคำรามลั่นพลางพุ่งเข้าโจมตีหวังจัวฝู่
ตู้ม!
อสรพิษดำตนนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง มันส่งปราณโค้งสีเลือดสานต่อเป็นตาข่ายยักษ์ปกคลุมโลกา ปราณแข็งแกร่งถล่มนภาทลายแดนดินแผ่ทั่วนภา
ขณะเดียวกัน ฝูงมดเพลิงทองแดงก็ตีขนาบ หวังจัวฝู่ถูกล้อมโจมตีในฉับพลัน สถานการณ์คับขันอันตราย!
“อาจารย์ เหมือนสถานการณ์จะร้ายแรงแล้วนะขอรับ!”
เย่ลั่วขมวดคิ้ว
ก่อนหน้านี้ พวกเขายังคิดอยู่ว่าผู้อาวุโสจากตระกูลหวังแห่งแคว้นจงจะตกสู่กับดักที่ผีหมัวเตรียมไว้หรือไม่ ทว่ายามนี้ พวกเขาก็ได้เห็นการไล่ล่าสังหารหวังจัวฝู่กับตา
สิ่งนี้ทำให้เย่ลั่วตระหนักว่ามีบางสิ่งผิดแปลก
“ช่วยคนก่อนเถอะ”
เคร้ง!
ดาบเงากระจ่างถูกตวัดออก และเมื่อร่างของซูอี้วูบไหว ปราณดาบดุจภาพลวงก็ฟาดฟันสู่เวหา
หนึ่งดาบเรียบง่ายทลายตาข่ายสีเลือดบนอากาศสิ้น และบั่นศีรษะอสรพิษใหญ่ลายปีศาจอย่างเฉียบคม!
โลหิตพรั่งพรูราวน้ำตก
ร่างของอสรพิษใหญ่ลายปีศาจร่วงจากฟ้า
และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น…
ซูอี้เดินบนอากาศ หนึ่งคนหนึ่งดาบวูบไหวราวสายฟ้า ทุกครั้งที่กวัดไกว เขาก็แทงช่วงท้องของมดเพลิงทองแดงตัวหนึ่ง ฉีกท้องของมันระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ ทุกคราไป
เพียงชั่วสามดีดนิ้ว มดเพลิงทองแดงสิบเก้าตัวก็ถูกกวาดล้าง ง่ายราวเปิดกระเป๋า พวกมันถูกบดขยี้โดยสมบูรณ์
หวังจัวฝู่ตะลึงอึ้งจังงัง
ก่อนหน้านี้ เขาถูกล้อมสังหารแน่นหนา ทั้งเดือดดาลระคนสิ้นหวังจนวางแผนสู้อย่างจนตรอก
“ขอบคุณสหายเต๋าที่ช่วยชีวิต!”
ทันใดนั้น หวังจัวฝู่ก็เหมือนตื่นจากฝัน เขาก้าวเข้ามาประสานมือคำนับ สีหน้าเปี่ยมความตื่นเต้น
ซูอี้พยักหน้าเล็กน้อย “ช่วยคนยามคับขันคือสิ่งที่ควรกระทำ เจ้าไม่ต้องเกรงใจหรอก”
ยามนี้ เย่ลั่วก้าวออกมากล่าวว่า “ผู้อาวุโส ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
หวังจัวฝู่เป็นญาติผู้ใหญ่ของหวังเชวี่ย เขาเป็นคนที่มีลำดับอาวุโสสูงส่งของตระกูลหวังแห่งแคว้นจง และเย่ลั่ว ในฐานะศิษย์น้องของหวังเชวี่ยก็ควรเรียกเขาเป็น ‘ผู้อาวุโส’
“สหายเต๋าเย่ลั่ว?”
หวังจัวฝู่แปลกใจ “ไฉนเจ้าจึงมาที่นี่?”
เย่ลั่วกล่าว “ข้ากับอาจารย์มาช่วยศิษย์พี่หวังเชวี่ยด้วยกันขอรับ”
อาจารย์!?
เมื่อได้ยินคำเรียกจากปากเย่ลั่ว หวังจัวฝู่ก็ตะลึงตาเบิกกว้าง ตระหนักชัดเจนว่าชายหนุ่มชุดเขียวที่เพิ่งช่วยชีวิตเขาเมื่อครู่คือผู้ใด!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหวังจัวฝู่เองก็ได้ยินข่าวที่ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาทั่วมหาแดนดินและสงสัยขึ้นมาเช่นกัน
เย่ลั่วขมวดคิ้ว กล่าวอย่างไม่พอใจ “ผู้อาวุโส ท่านเชื่อข่าวลือเช่นนั้นได้เช่นไร? ที่ยิ่งกว่านั้นคือ หากไม่ใช่เพราะอาจารย์ข้าลงมือทันเวลา ผู้อาวุโสก็คงรอดวิกฤตมาได้ยากมากนะขอรับ”
หวังจัวฝู่รีบอธิบายอย่างละอายเล็กน้อย “คนแซ่หวังผู้นี้ไร้เจตนาร้าย และย่อมไม่ใช่ผู้มิรู้จักคุณคน ข้าแค่งุนงงไปชั่วขณะ ขอทั้งสองอภัยด้วย!”
กล่าวจบ เขาก็คำนับทั้งซูอี้และเย่ลั่ว
สีหน้าของเย่ลั่วจึงผ่อนคลายลงมาก
ซูอี้โบกมือกล่าวปัด “ไม่ว่าตัวตนของข้าจะเป็นใคร ข้าก็ช่วยชีวิตเจ้าไว้อยู่ดี หาที่คุยกันดีหรือไม่?”
หวังจัวฝู่พยักหน้าตอบรับอย่างยินดี
ทั้งสามกำลังจะออกเดินทาง ทว่าทันใดนั้น ซูอี้ก็ดูจะสัมผัสบางอย่างได้ ดวงตาฉายประกายเย็นชา เขายกดาบเงากระจ่างฟาดเข้าใส่สุญญะห่างออกไปหลายพันจั้งทางหรดีอย่างเฉียบพลัน
ตู้ม!
สุญญะแหลกระเบิด และท่ามกลางเพลิงผลาญระห่ำ ผีเสื้อสีม่วงขนาดราวหัวแม่มือบินเซออกมา ทว่าก่อนที่มันจะทันหนี มันก็ถูกปราณดาบมหาศาลบดขยี้เป็นผงเสียก่อน
หวังจัวฝู่และเย่ลั่วล้วนตกใจตื่นตะลึง
“นั่นคือ ‘ผีเสื้อวิญญาณปีกม่วง’ ตัวหนึ่ง ยามถูกผู้ใดบงการ มันจะสามารถเป็นดวงตาที่สะท้อนทุกสิ่งที่เห็นสู่ห้วงความนึกคิดของอีกฝ่ายได้”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยชา “แสดงว่า… การไล่ล่าเมื่อครู่มีใครบงการอยู่เบื้องหลังสินะ”
………………..