บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1071: สตรีมอมแมม
ตอนที่ 1071: สตรีมอมแมม
หวังจัวฝู่เหงื่อกาฬแตกซิก พึมพำขึ้นว่า “มิน่าเล่า ยามที่ข้าหนี ไม่ว่าจะไปแห่งหนใดก็จะถูกสัตว์ปีศาจแข็งแกร่งขวางได้ตลอด ที่แท้ก็มีผู้ลอบบงการเรื่องทั้งหมดนี้อยู่…”
ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลหวัง ชั่วชีวิตของเขาจึงเผชิญกับศึกหนักมามากมาย แต่เมื่อคิดถึงประสบการณ์ในหุบเขาแสนปีศาจนี้ หัวใจของเขาก็หนาวเยือก
“ในหุบเขาแสนปีศาจนี้ ผีเสื้อวิญญาณปีกม่วงก็เป็นตัวตนหายากซึ่งสามารถซุกซ่อนในมิติได้ แม้ว่าเจ้าสิ่งนี้จะไม่ได้แข็งแกร่งนัก แต่ก็ยังหาและควบคุมได้ไม่ง่ายเลย”
ซูอี้ครุ่นคิด “และเท่าที่ข้ารู้ มีเพียง ‘ปีศาจผีเสื้อห้วงอนธกาล’ เท่านั้นที่เคยมีผีเสื้อวิญญาณปีกม่วง”
เย่ลั่วขมวดคิ้วกล่าว “ท่านอาจารย์คิดว่าน่าจะเป็นจักรพรรดิผีเสื้อดาวตก หนึ่งใน ‘เก้าจักรพรรดิปีศาจ’ หรือขอรับ?”
จากคำร่ำลือ ร่างจริงของจักรพรรดิผีเสื้อดาวตกคือปีศาจผีเสื้อห้วงอนธกาล ยามสยายปีก มันก็สามารถสะเทือนเก้าชั้นฟ้า ดับดาราสิ้นสูญ!
ในหมู่เก้าจักรพรรดิปีศาจในหุบเขาแสนปีศาจ ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิผีเสื้อดาวตกนั้นอยู่ในห้าอันดับแรก!
“กล่าวได้ยาก”
เย่ลั่วและหวังจัวฝู่ตามไป
ต่อมา ซูอี้ก็ถามเกี่ยวกับเรื่องที่หวังจัวฝู่ถูกไล่ล่า
หวังจัวฝู่เล่าเรื่องตลอดการเดินทางของเขาโดยไม่ปิดบัง
เมื่อสิบวันก่อน หวังจัวฝู่และตัวตนบรรพกาลอีกสามคนจากตระกูลหวังแห่งแคว้นจงเดินทางเข้าสู่หุบเขาแสนปีศาจเพื่อตรวจสอบที่อยู่ของหวังเชวี่ย
หลังจากเข้ามาในหุบเขาแสนปีศาจ พวกเขาล้วนระแวดระวังตัวสุดขีด และในที่สุดก็เข้ามาในถิ่นของจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวเมื่อสามวันก่อน
ทว่า ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตรวจสอบมากไปกว่านี้ พวกเขาก็ประสบกับการล้อมโจมตีอันเตรียมการมาอย่างดีในสถานที่ชื่อ ‘เขาอัคคีชาด’!
จู่ ๆ กลุ่มปีศาจในขอบเขตจักรพรรดิซึ่งนำโดยจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวก็โผล่มา ล้อมโจมตีพวกหวังจัวฝู่ทั้งสี่คน
ท่ามกลางศึกใหญ่ชุลมุนนี้ หวังจัวฝู่กับอีกสามคนคลาดกันโดยสิ้นเชิง
ท้ายที่สุด แม้ว่าหวังจัวฝู่จะฝ่าวงล้อมหนีออกมาได้ เขาก็บาดเจ็บสาหัส และตลอดการหนีมานี้ก็เกือบต้องดับดิ้นไปหลายหน
เมื่อกล่าวถึงประสบการณ์แสนอันตรายนี้ สีหน้าของหวังจัวฝู่ก็หม่นหมองลง
ยิ่งกว่านั้น นอกจากหวังจัวฝู่ผู้อยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นปลาย คณะของเขาอีกสามคนล้วนอยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นกลาง และมีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชน
ทว่า ในปฏิบัติการนี้ พวกเขาเกือบถูกกวาดล้างสิ้น!
เมื่อรู้เช่นนี้ เย่ลั่วก็อดกล่าวขึ้นอย่างตกใจไม่ได้ “นี่เป็นกับดักที่เตรียมมาอย่างดีจริงแท้ และจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวต้องมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งหนุนหลังอยู่”
จากที่เขาเข้าใจ จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวมีวิถีเต๋าไม่ได้โดดเด่นในหมู่จักรพรรดิปีศาจด้วยกัน และแม้จะอ้างว่ามีทหารปีศาจแปดหมื่นนายใต้บัญชา แต่น้อยนักที่จะแข็งแกร่งถึงขนาดอยู่ในวิถีลึกล้ำ
ด้วยอำนาจแค่นี้ เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่พวกหวังจัวฝู่จะทุลักทุเลได้ขนาดนี้
จริงดังว่า หวังจัวฝู่กล่าวต่อ “จากนั้น ข้าก็พยายามนึกอย่างเต็มที่ ว่าในหมู่จักรพรรดิปีศาจที่ออกมาลงมือ นอกจากจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวแล้ว ยังมีจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกผี จักรพรรดิปีศาจผสานแปร แล้วก็จักรพรรดิปีศาจอื่น ๆ ในขอบเขตหยั่งรู้ลึกล้ำปนอยู่ด้วย เห็นได้ชัดว่ามาจากขุมกำลังอื่น ไม่ใช่ลูกน้องของจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียว”
“จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกผีและจักรพรรดิปีศาจผสานแปร ทั้งคู่ล้วนเป็นหนึ่งในเก้าจักรพรรดิปีศาจ แล้วยังมีจักรพรรดิผีเสื้อดาวตกคอยควบคุมผีเสื้อวิญญาณปีกม่วง… เป็นการรวมตัวที่น่ากลัวจริง ๆ!”
สีหน้าของเย่ลั่วแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง
ควรค่าจดจำว่า เก้าจักรพรรดิปีศาจล้วนมีแต่ปีศาจเฒ่าที่ใช้ชีวิตมาแสนนาน พวกเขาล้วนเถลิงตนเป็นนายแห่งหุบเขาและมีเขตการปกครองของตนเอง
ยามนี้ เท่าที่รู้ ในศึกล้อมโจมตีพวกหวังจัวฝู่ มีจักรพรรดิปีศาจออกมาลงมือแล้วสี่ตน!
ใครเล่าจะไม่แปลกใจกับเหตุนี้?
“ผีหมัว เขาจะทำให้จักรพรรดิปีศาจเหล่านี้ฟังคำสั่งและใช้ศิษย์พี่หวังเชวี่ยเป็นเหยื่อล่อพวกเรามาที่นี่ได้เช่นไร?”
เย่ลั่วงุนงงเล็กน้อย
แม้ผีหมัวจะเป็นหัวหน้าพันธมิตรเสวียนจวิน โดยอาศัยสวรรค์สร้างนามให้ตนเองก็ตามที แต่การจะทำให้เหล่าจักรพรรดิปีศาจจากหุบเขาแสนปีศาจมารับใช้เขาก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดี!
“หากแค่ผีหมัว ทำเช่นนี้ก็ยากจริง แต่หากผสานอำนาจของโรงวาดฤทัยเข้าไป สถานการณ์ก็จะแตกต่างออกไป!”
ซูอี้กล่าวเสียงเนิบนาบ
โรงวาดฤทัย!
ดวงตาของเย่ลั่วหรี่ลงเล็กน้อย ระหว่างเดินทางมายังหุบเขาแสนปีศาจ เขาก็ได้รู้เกี่ยวกับขุมกำลังลึกลับจากส่วนลึกแห่งจักรวาลดวงดาวแห่งนี้จากอาจารย์แล้ว
“ถูกต้อง”
เย่ลั่วอธิบายอย่างอดทน จากนั้นจึงกล่าวว่า “หรือพูดอีกนัยก็คือ เมื่อผีหมัวรู้ว่าอาจารย์เวียนวัฏสำเร็จ เขาก็ชิงลงมือใช้ศิษย์พี่หวังเชวี่ยเป็นเหยื่อล่อในหุบเขาแสนปีศาจนี้เพื่อล่ออาจารย์ให้มาติดกับ”
ฟังจบ สีหน้าของหวังจัวฝู่ก็ดูคาดเดายาก เขาตะลึงไปโดยสมบูรณ์ ยากจะยอมรับเรื่องทั้งหมดนี้ชั่วขณะ
ครู่ต่อมา เขาก็เงยหน้าขึ้นมองซูอี้อย่างยากลำบาก “หรือท่านจะเป็น… ใต้เท้าซูจริง ๆ?”
ซูอี้ลุกขึ้น เก็บเก้าอี้หวายและตอบว่า “ข้าบอกแล้ว ข้าเป็นใครไม่สำคัญ เรื่องสำคัญคือ เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าหวังเชวี่ยอยู่ในมือจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวในยามนี้?”
หวังจัวฝู่รับร้อนกล่าว “ไม่น่ามีข้อผิดพลาด คราก่อนยามเรามาที่นี่ เราเคยใช้เคล็ดวิชาของตระกูลตรวจสอบหาคนสายเลือดเดียวกัน และข้าก็พบว่าปราณของหวังเชวี่ยอยู่ในถิ่นของจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวจริง ๆ!”
ซูอี้พยักหน้าเล็กน้อย และกล่าวว่า “หากเช่นนั้น งั้นเราก็ไปถ้ำอัคนีเมฆากันเถอะ”
กล่าวจบ เขาก็ก้าวไปเบื้องหน้า
หวังจัวฝู่อดกล่าวมิได้ว่า “ซู… ใต้เท้าซู ในเมื่อนี่เป็นกับดักลวงท่าน ท่านไปไม่เท่ากับ… ว่า…”
เย่ลั่วดูจะเดาได้ว่าหวังจัวฝู่ต้องการพูดอันใด จึงอดหัวเราะมิได้ “ผู้อาวุโสอย่ากังวลไป ในสายตาอาจารย์ข้า หุบเขาแสนปีศาจนี้ไม่ต่างจากการกลับมาเยือนสถานที่แห่งความหลังเลย”
น้ำเสียงของเขาเจือความชื่นชม มั่นใจ และแฝงความภาคภูมิต่อซูอี้
หลังเว้นระยะชั่วครู่ เย่ลั่วก็กล่าวเสริม “ผู้อาวุโส ท่านบาดเจ็บสาหัส จะซ่อนตัวเยียวยาตนเองก่อนก็ดีนะ”
หวังจัวฝู่สูดหายใจลึก ๆ และกล่าวอย่างจริงจัง “คนแซ่หวังผู้นี้ไม่สนเป็นตาย ไฉนต้องใส่ใจบาดแผลเหล่านี้ด้วย? หากเป็นไปได้ คนแซ่หวังจะตามทั้งสองไปด้วย!”
เย่ลั่วคิดอยากถามความเห็นอาจารย์ตน ทว่าก็พบว่าอาจารย์เขาลุกเดินไปไกลเสียแล้ว
“ผู้อาวุโส เช่นนั้นท่านต้องระวังตัวให้หนักนะ”
เย่ลั่วรีบร้อนตามหลังเขาไป
หวังจัวฝู่เดินตามติดปิดท้าย
…
หุบเขาตั้งสูงดุจง้าวชี้ตรงขึ้นฟ้า พนาไพรทอดยาวสุดตา
พื้นที่แปดหมื่นจั้งรายล้อมถ้ำอัคนีเมฆาคือเขตการปกครองของจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียว
มีอาคารโบราณมากมายตั้งอยู่ในขุนเขางดงามนี้
และตำหนักโบราณสีดำสนิทอันโอ่อ่าที่ยอดเขานั้นเด่นสง่าเป็นพิเศษ
วูบ!
ใต้ท้องนภาไกลออกไป วิหคอัปมงคลสีฟ้าโบยบินสู่นภา และเมื่อมาถึงตำหนักสีดำ มันก็แปรเปลี่ยนเป็นชายชุดดำผู้มีผมและหนวดเคราสีฟ้าอ่อนยืนอย่างนอบน้อมนอกประตูโถง
“ใต้เท้า มีข่าวจากจักรพรรดิผีเสื้อดาวตกส่งมา แจ้งว่าหวังจัวฝู่จากตระกูลหวังแห่งแคว้นจง คาดว่าจะถูกชายชื่อซูอี้ช่วยชีวิตไว้ขอรับ!”
ชายชุดดำรายงานรวดเร็ว
ในตำหนักสีดำ ชายร่างกำยำสูงสิบจั้งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เก้าอี้ประธาน
ได้ยินเช่นนี้ ชายร่างกำยำพลันเงยหน้าขึ้นพูด “ซูอี้ผู้แสร้งเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินน่ะหรือ?”
เส้นผมและหนวดเคราของเขาดูราวง้าว ผิวสีทองแดง ดวงตาเจิดจ้าราวดวงตะวัน ทั่วร่างแผ่ปราณมหาวิถีแห่งจักรพรรดิปีศาจอย่างตรงไปตรงมา ขณะแผลงอำนาจแข็งแกร่งน่าหวาดหวั่น
หนึ่งในเก้าจักรพรรดิปีศาจแห่งหุบเขาแสนปีศาจผู้มีร่างจริงเป็นสัตว์ร้ายบรรพกาลหายาก ‘กระทิงเขียว’ ผู้มีความสามารถสูงส่ง อำนาจไร้ประมาณ
ส่วนวิถีเต๋าของเขานั้นได้บรรลุถึงขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นปลายไปนานแล้ว
นอกจากนั้น จักรพรรดิปีศาจผู้นี้ยังมีความสามารถพิเศษเฉพาะ พลังกายของเขาสูงล้ำเหนือผู้ฝึกตนในขอบเขตเดียวกันจนไร้ผู้ใดเทียบได้
“ถูกต้องขอรับ! นอกจากนั้น ซูอี้ผู้นี้ยังพาเย่ลั่ว ศิษย์อันดับที่หกของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินมาด้วย ลือกันว่าเย่ลั่วผู้นี้ถูกซูอี้ล้างสมอง กลายเป็นหุ่นเชิดไปแล้วขอรับ”
ชายชุดดำรายงานอย่างนอบน้อมที่หน้าตำหนัก
“เป็นหุ่นเชิด? เจ้าหรือจะรู้!”
จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวยิ้มเยาะ
ชายชุดดำตะลึงกล่าว “ใต้เท้า เรื่องนี้มีสิ่งใดผิดปกติหรือขอรับ?”
“นี่คือสิ่งที่เจ้าควรถามหรือ?”
ดวงตาของจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียววาวโรจน์ น้ำเสียงดุดันน่าหวาดหวั่น ทำให้ชายชุดดำสั่นเทิ้มทั้งกาย
“ไป ถ่ายทอดคำสั่งข้าและลงมือตามแผนเดิม นอกจากนั้น ไปบอกจิ้งจอกผีเฒ่ากับตาเฒ่านั่นด้วยว่าให้มาหาข้าโดยเร็ว!”
จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวโบกมือ
“ขอรับ!”
ชายชุดดำรีบร้อนจากไป
“ซูเสวียนจวิน? ซูอี้? ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ผีหมัวก็อยากให้เจ้าตายในหุบเขาแสนปีศาจอยู่ดี ดังนั้นแม้ไม่เต็มใจ ข้าก็จะส่งเจ้าไปตามทางเอง”
จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวลูบคาง แววตาของเขาลุกโชนโชติช่วง
…
ณ ตีนเขาแสนปีศาจ
ยามเย็น แสงตะวันอัสดงเจิดจ้าดุจเปลวเพลิง และร่างบอบบางร่างหนึ่งก็เดินมาจากไกล ๆ
นางดูเหมือนหญิงงาม เส้นผมยาวกระเซอะกระเซิง ใบหน้าซีดขาว เสื้อผ้ามอมแมมราวผู้อพยพหนีความอดอยากมา
นางเดินโซซัดโซเซลำพัง ทั่วร่างให้บรรยากาศอ้างว้างกระง่อนกระแง่น
ทันใดนั้น ชายชราผู้ดูใจดีผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากในหุบเขา
หญิงสาวตอบกลับ “มาหาคน”
เสียงของนางบางเบาราวกำลังพึมพำกับตนเอง
ชายชรายิ้มอย่างใจดี พลางกล่าวว่า “แทบทั้งหมดในหุบเขาแสนปีศาจล้วนเป็นผู้ฝึกตนปีศาจ มนุษย์น้อยคนนักจะกล้าบุกเข้ามาที่นี่ เจ้าจะมาหาผู้ใดกัน?”
หญิงสาวตอบ “ซูเสวียนจวิน”
นางตอบพลางก้าวเดินไปไกล
ชายชราตะลึงค้าง ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน!?
แม่หนูผู้นี้บ้าหรือไร?
ใครบ้างในโลกหล้าที่ไม่รู้ว่าปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินตายไปเมื่อห้าร้อยปีก่อน?
“จริงสิ”
ชายชรากลอกตา กล่าวด้วยรอยยิ้มเมตตา “แน่นอน หากอยากรู้ มากับข้าได้นะ”
หญิงสาวส่ายหัวเล็กน้อย “ตามเจ้าไปยุ่งยาก ข้าทำเองดีกว่า”
นางยกมือขึ้นขยับน้อย ๆ
ตู้ม!
ร่างวิถีของชายชราระเบิดแหลก วิญญาณของเขาถูกดึงออกมาอยู่ในมือของหญิงสาว
“สรุปแล้ว เจ้าก็ไม่รู้”
ครู่ต่อมา หญิงสาวก็รำพึงเบา ๆ ดูผิดหวังน้อย ๆ
วิญญาณของชายชราในมือของนางพลันระเหยหายไปทีละน้อย
ไกลออกไป ร่างของชายชราแปรเปลี่ยนเป็นจิ้งจอกขนเหลืองตัวหนึ่งตายอยู่บนพื้น