บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1073: ดาบเคลื่อนประตูสวรรค์
………………..
ตอนที่ 1073: ดาบเคลื่อนประตูสวรรค์
สิบชั่วดีดนิ้ว?
ทำลายค่ายกลนี้ได้?
ดวงตาของหวังจัวฝู่เบิกกว้าง เกรงว่าหากไม่ได้อยู่ในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำคงไม่กล้ากล่าววาจาเช่นนี้?
“เจ้าคนแซ่ซู อย่าทำให้การตรากตรำของข้าเสียเปล่าเชียว!”
จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวที่อยู่ไกลออกไปตะโกนลั่น จากนั้นร่างของเขาก็วูบไหว หายไปในค่ายกลปีศาจสวรรค์หลอมนภาอันกินพื้นที่แปดพันจั้ง
ตู้มมม!
แทบจะในขณะเดียวกัน ค่ายกลศึกก็ถูกขับเคลื่อน โลกหล้าพลันคำรามลั่น ทุกสิ่งแปรเปลี่ยน
อำนาจจองจำไร้สิ้นสุด เจิดจรัสราวพิรุณแสงทะลักไหล และในช่วงกาลสั้น ๆ ภาพในคลองจักษุของพวกซูอี้ก็แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
มีประตูเชื่อมต่อฟ้าดินปรากฏขึ้นในอากาศราวกับประตูสวรรค์เก้าบานขวางอยู่เบื้องหน้า
นอกจากนั้น ในประตูแต่ละแห่งยังมีผู้ฝึกตนวิถีปีศาจแปดพันกว่านายประจำการ จัดทัพค่ายกลล้อมยอดฝีมือในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำไว้
จนทำให้อำนาจที่แต่ละตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำถือครองแข็งแกร่งเสียจนเกินคาดเดา!
และระหว่างประตูสวรรค์ทั้งเก้า อำนาจค่ายกลของแต่ละแห่งยังสอดคล้องประสานรับกันและกัน การเพิ่มพูนพลังกันอย่างไม่รู้จบนี้ทำให้เย่ลั่วอึดอัดและหายใจได้ยาก
ค่ายกลศึกนี้น่ากลัวอย่างแท้จริง มันมีอำนาจพอจะสังหารยอดฝีมือในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้โดยง่าย!
“หนึ่งประตูหนึ่งชั้นฟ้า เก้าจอมปีศาจในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ ต่างตนต่างพิทักษ์หนึ่งทวาร รวบรวมพลังจากค่ายกลเสริมพลังทหารปีศาจแปดพันตน ค่ายกลศึกเช่นนี้ เกรงว่าแม้แต่ตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำยังมิอาจฝ่าออกไปได้เลย…”
หวังจัวฝู่เหงื่อแตกพลั่ก
ศึกนี้ไม่ต่างอันใดกับท้าทายสวรรค์ จึงเป็นเหตุการณ์ที่หายากยิ่งในโลกหล้า
ทว่าเมื่อเขาคิดถึงคำคุยของซูอี้ก่อนหน้านี้ที่ว่าตนสามารถทำลายค่ายกลศึกนี้ภายในสิบชั่วดีดนิ้ว หวังจัวฝู่ก็สิ้นหวังในใจอย่างยิ่ง
…
จักรพรรดิปีศาจร้ายกาจกลุ่มหนึ่งรวมตัว
มีจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกผีผู้ดูราวชายหนุ่ม จักรพรรดิปีศาจผสานแปรผู้มีผมขาวและสวมชุดเหลือง รวมไปถึงจักรพรรดิปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ตนอื่น ๆ
“ค่ายกลศึกเช่นนี้ทำให้หัวใจตาเฒ่านี่เต้นผิดจังหวะ ไม่อาจคาดคิดเลยว่ายามอยู่ในนั้นจะต้องรับแรงกดดันมหาศาลเพียงไหน”
จักรพรรดิปีศาจผสานแปรทอดถอนใจ
“กล่าวกันว่าค่ายกลศึกนี้เป็นฝีมือของใต้เท้าผีหมัว มันสามารถสังหารตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้ทั่วโลกา มีอำนาจเหนือธรรมดาโดยแท้”
จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกผีกล่าวพร้อมกับยิ้ม
“ดูเหมือนผู้ที่แสร้งสวมรอยปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจะตายแล้วแน่แท้ เว้นแต่…”
“เว้นแต่อันใด?”
“เว้นแต่เขาจะเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียจวินตัวจริง!”
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ถูกกล่าว เหล่าจักรพรรดิปีศาจล้วนฮาครืน
จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกผีกระทั่งหยอกล้อ “หากปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินมาเอง ศึกนี้จะมิต้องเกิดด้วยซ้ำ ทุกคนจะยอมแพ้กันหมดแน่”
ใครเล่าจะไม่รู้ว่าเมื่อห้าร้อยปีก่อน ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินได้สูญสิ้นไปแล้ว?
ไม่นานนัก ร่างสูงของจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวก็ออกไปจากค่ายกล และขณะเดียวกัน ค่ายกลก็เริ่มทำงาน
เหล่าจักรพรรดิปีศาจล้วนสดชื่น จะมีการแสดงดี ๆ เปิดฉากแล้ว!
จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวกล่าวกับตนเอง “ข้าหวังจริง ๆ ว่าคนแซ่ซูจะไม่ตายง่าย ๆ ในค่ายกลศึกนั่น หาไม่คงเสียดายเวลาที่มาจัดเตรียมมันจริงแท้”
…
ค่ายกลศึกกู่คำราม สะท้านสั่นผืนฟ้า
ประตูสวรรค์ทั้งเก้าเคลื่อนคล้อยพร้อมเพรียง อำนาจที่แผ่ออกมาจากค่ายกลศึกนี้ถล่มเข้าใส่พวกซูอี้ ร้ายกาจดุจภัยธรรมชาติ
“พวกเจ้าตามหลังข้ามา”
ซูอี้กล่าวพลางปัดฝุ่นจากเสื้อและก้าวไปเบื้องหน้า
ร่างของเขาสูงสง่าและปกคลุมด้วยกฎเต๋าดุจนิมิตฝัน ดาบเงากระจ่างในมือกระจ่างใสฉายประกาย ดูราวเทพเซียนยาตรา เหนือล้ำกว่าผู้ใด
ต่อให้ท้องนภาถล่มลงมา ขอเพียงเขาได้อยู่ข้างกายอาจารย์ ในใจเขาจะไร้กังวล และจะมีความมั่นคงอันมิเคยเกิดมาก่อนแทน
ทว่า เย่ลั่วสังเกตเห็นว่าหวังจัวฝู่กระวนกระวายยิ่งกว่าหนใด
ตัวตนบรรพกาลจากตระกูลหวังผู้นี้แทบเรียกใช้อุปกรณ์คุ้มกันและเคล็ดวิชาทั้งหมดที่มีราวเดินบนเส้นด้าย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหวังจัวฝู่เตรียมตัวเพื่อสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว
“บาดเจ็บสาหัส แต่ยังกล้าติดตามข้าและอาจารย์มาเผชิญอันตราย ญาติผู้ใหญ่ผู้นี้ของศิษย์พี่ห้าหาได้ยากจริงแท้”
เย่ลั่วลอบกล่าว
ตู้ม!
คลื่นพลังของค่ายกลศึกสาดซัดเข้ามา เปลวเพลิงปั่นป่วน ลวดลายอักขระวูบไหว ปราณทำลายล้างมหาศาลระเบิดออก
ซูอี้ฟันดาบออกไป
ตู้ม!
“เฮอะ จริงดังคำร่ำลือ ไอ้หนูแซ่ซูผู้นี้มีการฝึกฝนเพียงขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ ทว่าพลังต่อสู้กลับสูงเสียดนภา!”
จักรพรรดิปีศาจผสานแปรที่อยู่นอกค่ายกลกล่าวอย่างแปลกใจ
“ตัวตนที่ฆ่าฮั่วเหยาได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา การแสดงดี ๆ เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น”
จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวหัวเราะ
“ประตูสวรรค์ชั้นแรกนำโดย ‘จักรพรรดิปีศาจปีกโลหิต’ นางคือสมุนผู้เก่งกล้าที่สุดภายใต้พี่กระทิงเขียว”
ดวงตาของจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกผีวูบไหว “ข้าไม่รู้เพียงว่า คนแซ่ซูผู้นั้นจะรอดได้นานเพียงไร?”
ทันทีที่กล่าวออกมา ทุกสายตาก็มองไปยังประตูสวรรค์ชั้นแรก
ในนั้นมีสตรีในอาภรณ์หลากสีผู้หนึ่งนั่งอยู่ งดงามสะกดใจ ถือพัดขนนกสีน้ำเงินเข้ม
จักรพรรดิปีศาจปีกโลหิต
นางอยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นกลาง ร่างจริงเป็น ‘กระเรียนสีเลือด’ ซึ่งมีวิถีเต๋าลึกล้ำสูงส่งเหนือสหาย!
จักรพรรดิปีศาจปีกโลหิตกล่าวยิ้ม ๆ พลางจ้องมองมาอย่างสนอกสนใจ
นางโบกพัดขนนกเชื่องช้า ร่างอรชรของนางปิดล้อมด้วยสารพัดอำนาจค่ายกล ปราณของนางเชื่อมต่อกับทหารปีศาจแปดพันนายในประตูสวรรค์ชั้นแรก สูงส่งดุจนางเซียน แพร่อำนาจทะลวงสวรรค์
ซูอี้เมินนางไปพูดกับเย่ลั่วเบา ๆ “อย่าลืมเก็บร่างปีศาจนี้ไปด้วยเล่า”
เย่ลั่วพยักหน้าอย่างไร้ลังเล “อาจารย์อย่าห่วงเลยขอรับ วัตถุดิบหายากเช่นนี้ ยากจะจับต้องได้ในโลกภายนอก ไม่ว่าจะต้มจะย่างก็อร่อยเลิศแน่แท้”
“วัตถุดิบ… อาหาร!?”
หวังจัวฝู่ตะลึงงัน
เหล่าจักรพรรดิปีศาจที่อยู่นอกค่ายกลเองต่างก็ตกใจและดูไม่อยากเชื่อเช่นกัน
ในประตูสวรรค์ชั้นแรก จักรพรรดิปีศาจปีกโลหิตตะลึงจนรอยยิ้มแข็งค้าง สีหน้าของนางฉายจิตสังหารแข็งแกร่งอย่างไม่อาจปิดกั้น
ตลอดมาแต่บรรพกาล สิ่งที่ผู้ฝึกตนวิถีปีศาจทั้งหลายรับไม่ได้ที่สุดก็คือการถูกมองเป็นอาหาร!
นี่คือการหยามเกียรติของพวกเขาอย่างร้ายแรงที่สุด!
ซูอี้เมินเรื่องนี้ไปและกล่าวกับตนเองว่า “เอาล่ะ เริ่มจับเวลาแล้วนะ”
เสียงยังไม่ทันสร่าง เขาก็ก้าวออกมาฟาดดาบเงากระจ่างสู่ประตูสวรรค์ชั้นแรกอย่างลอยชายประหนึ่งเดินเล่นในสวนหลังบ้าน
“ไอ้หนู วอนตายเสียจริง!”
ดวงตาคู่งามของจักรพรรดิปีศาจปีกโลหิตพลุ่งพล่านด้วยจิตสังหาร
นางยกพัดขนนกสีน้ำเงินเข้มในมือขึ้นโบกอย่างแรง
ตู้ม!
อำนาจค่ายกลพลุ่งพล่านแปรเปลี่ยนเป็นพายุคลั่ง ลวดลายวิถีสีทองนับไม่ถ้วนผุดพรายอยู่ภายใน
แทบจะในขณะเดียวกัน ยอดฝีมือในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำในประตูสวรรค์อีกแปดแห่งต่างก็ลงมือพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างใช้ค่ายกลระดับจักรพรรดิร่วมมือกับจักรพรรดิปีศาจปีกโลหิต
“ฆ่า!” “ฆ่า!” “ฆ่า!”
เสียงคำรามสะท้อนก้องทั่วนภา
ภาพเหล่านี้น่าสะพรึงกลัวจนทำให้โลกหล้าพลันปั่นป่วน และก่อเกิดเป็นภาพหายนะดุจโลกาใกล้สูญสิ้น
และคลื่นทำลายล้างดุร้ายก็พัดเคลื่อนเยี่ยงพายุเข้าหาซูอี้
หนึ่งการโจมตีนี้สามารถขยี้ร่างจักรพรรดิในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้!!
ปีศาจเฒ่าเช่นจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกผีและจักรพรรดิปีศาจผสานแปรล้วนกลั้นหายใจ หัวใจของพวกเขาสะเทือนสั่น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าค่ายกลศึกที่ผีหมัวสร้างขึ้นนี้ช่างน่ากลัว แฝงจิตสังหารหาได้ยากในโลกหล้า
จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวแสดงสีหน้าพึงพอใจ ดวงตาฉายประกายคลั่ง ‘อำนาจน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ คุ้มค่าแล้วที่ข้ายอมเสียเวลา!’
ในค่ายกล
เส้นผมยาวสีเทาของเย่ลั่วพลิ้วไสว ดวงตาทอแสงเจิดจ้าดุจดวงดาว
ค่ายกลศึกเช่นนี้น่ากลัวเสียจนน่าสิ้นหวังจริงแท้ ทว่า… มันยังไม่อาจเทียบได้กับค่ายกลสังหาร ‘หมื่นดาบเถลิงราชย์’ ที่อาจารย์ตั้งไว้ในถ้ำเสวียนจวิน
ค่ายกลนั้นสามารถกล่าวได้ว่าเป็นค่ายกลดาบอันดับหนึ่งแห่งมหาแดนดินซึ่งสามารถสังหารเทพเซียนได้!
หัวใจของเขาสั่นสะท้านรุนแรง ตื่นกลัวระคนลนลาน
อำนาจค่ายกลนี้ทำให้เขาผู้อยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำมาแสนนานรู้สึกสิ้นหวังแทบหมดอาลัย!
ยามนี้เอง ซูอี้ก็ได้ลงมือ
ฉับ!
แขนเสื้อของเขาสะบัดไหว ร่างพลิ้วขึ้น ดาบเงากระจ่างในมือของเขาเปล่งแสงเจิดจรัสราวแสงจันทร์ ฟาดฟันผ่านนภา
ตู้ม!
ปราณดาบอันทรงพลังดุจลำธารซัดฝั่งเสมือนไหลลงจากนภา สว่างไสวราวรุ่งตะวัน ทรงพลังราวท้องนภาพลิกกลับ
มันเป็นเพียงหนึ่งปราณดาบ ทว่ากลับปลดปล่อยความเจิดจรัสและอำนาจมหาศาลกวาดทั่วทศทิศฟ้าดิน!
ด้วยดาบนี้ พายุคลั่งก็ระเบิดแหลกราวเศษกระดาษก่อนแตะถึงตัวซูอี้
และยามปราณดาบฟาดลงมา
ประตูสวรรค์บานแรกสั่นไหวรุนแรง เปลวเพลิงโชติช่วง ลวดลายวิถีวูบไหวราวมหาสมุทรนิ่งเกิดคลื่นใหญ่ปั่นป่วนอลหม่าน
ท้ายที่สุด เก้าประตูสวรรค์ก็สะเทือนสั่นรุนแรง
แม้ว่าพลังของดาบนี้จะถูกลดทอนสู่สมดุลได้ในที่สุด ทว่าจักรพรรดิปีศาจปีกโลหิตและยอดฝีมือขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำคนอื่น ๆ ในเก้าประตูสวรรค์ล้วนเปลี่ยนสีหน้าไปโดยถ้วนทั่ว
เป็นดาบที่น่ากลัวเสียนี่กระไร!
“นี่…”
หัวใจของหวังจัวฝู่สะเทือนสั่นด้วยความตกใจ
ดาบนี้ช่างดูอหังการยิ่ง ราวกับมีอำนาจสะท้านโลกหล้า ซึ่งมากพอจะทำให้ตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำส่วนใหญ่ปลิดปลิว!
“โลกนี้จะมีตัวตนใดในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำมีอำนาจท้าทายกฎสวรรค์ได้เช่นนี้บ้าง?”
“เพียงดาบเดียว แต่มันกลับสามารถสั่นคลอนค่ายกลปีศาจสวรรค์หลอมนภาได้?”
“ไอ้หนูผู้นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ! มิน่าเล่าว่าแม้แต่ผีหมัวก็ยังให้ความสำคัญกับมัน และไม่ลังเลที่จะตั้งค่ายกลสังหารร้ายแรงที่นี่เลย!”
ปีศาจเฒ่าเช่นจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกผีและจักรพรรดิปีศาจผสานแปรนอกค่ายกลต่างตื่นตัวเช่นกัน ทุกคนต่างประหลาดใจ
“น่าสนใจหรือไม่? หากเป็นแค่คนปวกเปียกสักคน ไฉนเราต้องร่วมมือกันสู้ด้วยเล่า?”
จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวกล่าวอย่างจริงจัง
ดวงตาเจิดจ้าดุจดวงตะวัน เขาดูตื่นเต้นมาก
ขณะเดียวกัน หลังจากฟาดฟันดาบแรก ซูอี้ก็ไม่ได้หยุดมือ จากนั้นเขาก็ใช้ดาบเงากระจ่างฟาดฟันออกไปอีกครั้ง