บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1074: ในระหว่างดาบทั้งเก้า
ตอนที่ 1074: ในระหว่างดาบทั้งเก้า
วจีดาบคำรามดุจคลื่นถล่มโลกา
อาภรณ์สีเขียวของซูอี้โบกสะบัดกลางอากาศ ดูราวเซียนดาบผู้รายล้อมด้วยภาวะดาบอันคมกริบไร้ใดเทียบ
เขาฟาดฟันดาบเก้าครั้งติดต่อกันโดยไม่ลังเล
ดาบแรกนั้นดุจห่าฝนกระหน่ำ สาดคลั่งรุนแรง ปราณดาบนับพันฟาดฟันไปทั่วเก้าประตูสวรรค์ ดูพร่างพรายสวยงามยิ่ง
ดาบที่สองดุจตะวันโผล่พ้นทะเลคราม เปลวเพลิงเฉิดฉาย ส่องสว่างทศทิศเก้าสวรรค์ พุ่งตรงเข้าสู่ประตูสวรรค์ชั้นแรก
ดาบที่สามเป็นดั่งขวานยักษ์ในมือเทพ ผ่าขุนเขาแยกทะเลอย่างดุร้าย กวาดไปเบื้องหน้า
ดาบที่สี่ดูราวนิมิตแต่ก็เหมือนจริง วนเวียนเปลี่ยนผันระหว่างพร่ามัวและชัดเจน อีกทั้งยังสามารถแยกฟากฟ้าออกจากแดนดิน ทะยานผ่านสุญญะไร้ประมาณฟาดฟันทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ดาบที่ห้า…
ดาบทั้งเก้าถูกฟาดฟันในอึดใจ แทบสื่อแก่นแท้ของ ‘เพลงดาบสุดปรีดี’ ออกมาได้อย่างครบถ้วน เผยเสน่ห์แห่งความผ่อนคลายไร้กังวล แสนปรีดา
และซูอี้ก็ดูราวกับเซียนดาบจากสวรรค์ชั้นเก้าจุติลงสู่โลกหล้า ร่ายรำไร้มลทิน ปราณดาบพร่างพรายทั่วฟ้าดิน ให้ความรู้สึกอหังการสูงส่ง ใจกว้างและชวนฝัน!
ในสายตาของคนทุกผู้ ยามดาบทั้งเก้าถูกฟาดฟัน ท้องนภาราวถูกพลิกกลับ ปราณดาบเฉิดฉายไร้ใดเทียบราวคงอยู่ชั่วนิรันดร์ อำนาจดาบสูงสุดไร้ขอบเขตพลุ่งพล่านไปทั่วค่ายกลปีศาจสวรรค์หลอมนภาอย่างน่าหวาดหวั่น
ตู้ม!
ค่ายกลศึกสั่นสะท้านรุนแรง เก้าประตูสวรรค์ถูกโจมตีอย่างมิอาจจินตนาการ
อำนาจของดาบทั้งเก้ายังไม่ทันแผลงฤทธิ์ ทว่าความน่ากลัวแห่งพลังที่แผ่ออกมาทำให้ทั้งจักรพรรดิปีศาจปีกโลหิตและตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำตนอื่น ๆ หนาวเยือก พวกเขาจะกล้าลังเลได้อีกเช่นไร?
“ฆ่า!”
“รีบใช้พลังทั้งหมดเร็วเข้า!”
เสียงคำรามสะเทือนแดนดินดังขึ้น
เก้าตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำต่างทุ่มพลังเดินค่ายกลสุดตัว รวมพลังจากทหารปีศาจรอบกายทั้งแปดพัน และเดินค่ายกลปีศาจสวรรค์หลอมนภาอย่างเต็มที่
ตู้ม!
ค่ายกลสะเทือนไหวประหนึ่งลาวาปะทุจากภูเขาไฟ เปลวเพลิงทะลักออกมาราวหลอมนภาและทุกสิ่งใต้มัน
ทว่า ยามดาบแรกของซูอี้ฟาดฟัน อำนาจที่ปะทุจากค่ายกลก็ถูกหยุดไว้ทันที เกิดเสียงครืนครางสั่นสะท้านให้ได้ยินไม่ขาดสาย
เมื่อดาบสองฟาดออกมาก็เหมือนตะปูนับไม่ถ้วนถูกสาดออก ฝังไปทุกทิศทุกทางในค่ายกลอย่างไร้ปรานี ค่ายกลศึกดูราวถูกโจมตีจุดตาย สัญญาณการค้างรวนพลันปรากฏออกมา
เมื่อดาบที่สาม สี่ ห้า และหกฟาดฟันตามกันมาติด ๆ…
ตู้ม!
ค่ายกลซึ่งสามารถสังหารยอดฝีมือในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำอย่างง่ายดายนี้ถูกถล่มทำลายโดยสมบูรณ์ ค่ายกลย่อยภายในล้วนแหลกสลายเป็นเสี่ยง
ทหารปีศาจนับไม่ถ้วนที่ประจำการในประตูสวรรค์ทั้งเก้าล้วนปลิดปลิว ร่างของพวกเขาระเบิดแหลกเป็นเศษเลือดเนื้อ เสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวดังระงม
จักรพรรดิปีศาจปีกโลหิตและยอดฝีมือขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั้งหลายต่างหน้าซีด ทั้งตกใจทั้งโกรธเคือง จิตใจสั่นสะท้านโดยพลังดาบอันน่าหวาดหวั่นโดยสมบูรณ์
จนกระทั่งดาบที่เจ็ด แปดและเก้าประดังเข้ามา…
ค่ายกลสังหารเลิศล้ำซึ่งจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวทุ่มกำลังสุดตัวก่อตั้งขึ้นถูกบดขยี้ในพริบตา เก้าประตูสวรรค์ก็พังทลาย กลุ่มทหารปีศาจต่างสลายเป็นเถ้า
จักรพรรดิปีศาจปีกโลหิตและยอดฝีมือคนอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่ถูกหางเลข ร่างของพวกเขาโซเซ ถูกฟาดกระเด็นไปด้วยภาวะดาบอันน่าหวาดกลัว
จักรพรรดิปีศาจบางตนก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน!
เก้าดาบสลายค่ายกลปีศาจสวรรค์หลอมนภา!
ภาพการทำลายล้างนี้ทำให้เหล่าผู้พบเห็นตกตะลึงได้ทันที
หมอกพลิ้วพัดไปทั่วฟ้าดิน ทัศนียภาพรอบข้างพังทลายเป็นซาก คลื่นปราณทำลายล้างกระเพื่อมคลั่งในอากาศ ยอดฝีมือทั้งหลายล้วนตะลึงเหม่อลอย
“นี่…”
หวังจัวฝู่ตะลึงค้าง อกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง
แต่เดิม เขาไม่มั่นใจว่าซูอี้จะสามารถฝ่าค่ายกลได้ในชั่วสิบดีดนิ้วหรือไม่ และกระวนกระวายใช้สารพัดวิธีปกป้องตนเอง
แต่ใครเล่าจะคิดว่าเพียงเก้าออกดาบ ค่ายกลอันน่าหวาดหวั่นนี้จะถูกถล่มเป็นเสี่ยง ๆ!!
“อย่างนั้นหรือ… สี่ชั่วดีดนิ้ว… ว่าแล้วเชียว เป็นเช่นอาจารย์ว่า ไม่ว่าค่ายกลศึกนี้จะทรงพลังเพียงไร ขอเพียงไม่อาจประสานร่วมมือกัน พวกเขาก็เหมือนเช่นพยัคฆ์กระดาษ จิ้มทีเดียวก็ยุ่ย!”
ดวงตาของเย่ลั่วทอประกายอย่างทึ่ง ๆ
ไกลออกไป
ปีศาจเฒ่าเช่นจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกผีและจักรพรรดิปีศาจผสานแปรล้วนตกใจกลัว สีหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนอย่างมหันต์
ขณะเริ่มสงคราม พวกเขาเสสรวลเฮฮาอย่างอิสระ พวกเขาเชื่อในแผนการและคิดว่าพวกซูอี้จะถูกขังจนตายในค่ายกล
กระทั่งจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวยังกังวลว่าซูอี้จะพ่ายแพ้ไวจนเสียเวลาเปล่า
ทว่ายามนี้ พวกเขาทั้งหมดล้วนตะลึงงัน
เพียงเก้าดาบ มหาค่ายกลของพวกเขาก็ถูกทำลายสิ้น
สิ่งนี้น่ากลัว จนลบล้างการคาดคะเนและการตัดสินของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
ซูอี้เมินเรื่องทั้งหมดนี้
ในสายตาของเขา หากต้องการทลายค่ายกล ก็แค่ออกแรงสะเทือนใจคู่ต่อสู้สักหน่อย ให้พวกเขาไม่อาจร่วมมือกันอย่างรู้ใจได้ก็พอ
เก้าดาบก่อนหน้านี้ สองดาบแรกสะท้านใจคู่ต่อสู้
ต่อจากนั้น สี่ดาบที่ตามมาจะฉวยโอกาสตะลังบุกเข้าไปทำลายการจัดค่ายกลศึก
ยามสามดาบสุดท้ายถูกฟาดฟัน พวกมันจะสามารถทำลายค่ายกลศึกของอีกฝ่ายอย่างแสนง่าย ทำให้อีกฝ่ายเสียการสนับสนุนอันยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกตนไป!
เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับซูอี้
ขณะทุกคนมัวแต่ตกตะลึง เขาก็ได้คว้าดาบเงากระจ่างพุ่งมาเบื้องหน้าแล้ว
วูบ!
ร่างของเขาวูบไหวรวดเร็วเยี่ยงเส้นแสง ร่างปรากฏขึ้นข้างกายจักรพรรดิปีศาจปีกโลหิต และด้วยหนึ่งบิดข้อมือ ดาบเงากระจ่างก็ปาดออกไป
จิตต่อสู้ของจักรพรรดิปีศาจปีกโลหิตสั่นคลอน ร่างของนางสั่นระริก เมื่อเห็นดาบของซูอี้ฟาดลงมา นางก็ไม่ได้คิดจะรับการโจมตี จากนั้นนางก็พุ่งถอยออกไปอย่างสุดชีวิต
ดาบเงากระจ่างปาดผ่าน ปราณดาบเกินใดเทียบยาวร้อยจั้งพลันปรากฏขึ้น ทำลายพายุวิถีสีน้ำเงินลงอย่างแสนง่าย ก่อนจะกวาดเข้าหาจักรพรรดิปีศาจปีกโลหิต
ตู้ม!!
ทั้งสมบัติคุ้มกายและเคล็ดวิชาระเบิดออกรอบกายจักรพรรดิปีศาจปีกโลหิตราวฟองสบู่
ร่างของนางถูกผ่าเป็นสอง!
“เจ้า…”
จักรพรรดิปีศาจปีกโลหิตเบิกตาค้าง ปากเผยอ ทว่านางก็ตายก่อนทันได้พูด
ก่อนที่ร่างของนางจะร่วงลงพื้น เย่ลั่วก็คว้านางไว้ได้ก่อน
นี่คือวัตถุดิบหายาก ไม่เห็นหรือว่าดาบของอาจารย์ไม่ยอมสลายร่างสิ้น?
และซูอี้ก็ฟาดฟันดาบออกไปอีกครั้งแล้ว
“ตาย!”
ดาบเงากระจ่างฟาดฟันกลางหาว
สุญญะราวกับถูกแหวก ไกลออกไปหลายร้อยจั้ง ศีรษะหนึ่งปลิดปลิวสู่เวหา
ยอดฝีมือผู้หนึ่งในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำถูกสังหาร เขาพยายามหลบเลี่ยงต่อต้าน ทว่าภายใต้ดาบของซูอี้ ในที่สุดเขาก็ถูกบั่นหัวอย่างไร้ทางสู้
จักรพรรดิในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเหล่านี้ล้วนตื่นกลัวหนีลนลานไปทั่วทุกทิศ จิตต่อสู้พังทลายเยี่ยงสุนัขแตกตื่น
ซูอี้หรือจะเกรงใจ สีหน้าของเขาเรียบเฉยเยี่ยงกาลก่อน ปราณแข็งแกร่งหาใดเทียบ และในพริบตา เขาก็ฟาดฟันสังหารจักรพรรดิในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำไปอีกสามตน
สังหารด้วยดาบเดียว!
นี่คือการบดขยี้ฝ่ายเดียวอย่างไร้เทียมทาน!
“ถอย หนีเร็ว!”
จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวที่อยู่ไกลออกไปคำรามสนั่นฟ้า
จักรพรรดิและเหล่าทหารปีศาจที่รวมกันเป็นค่ายกลปีศาจสวรรค์หลอมนภาล้วนแต่เป็นสมุนของพวกเขาทั้งสิ้น
ทว่ายามนี้ ค่ายกลพังทลาย ซ้ำสมุนของพวกเขายังถูกเข่นฆ่าล้มตายมากมาย พวกเขาจะไม่ตกใจและโกรธเคืองได้เช่นไร?
พลังต่อสู้อันท้าทายอำนาจสวรรค์ของซูอี้ทำให้พวกเขาล้วนรู้สึกตื่นกลัว หัวใจวิถีถูกทำร้ายหนักหน่วง!
“นี่หรือคือค่ายกลที่พวกเจ้าพยายามแทบตายเพื่อตั้งขึ้น? ใช้ไม่ได้เลย”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยชา
ยามนี้เขาก้าวสู่นภาเหนือขุนเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว และไม่ได้ไล่ตามต่อ
เขากล่าวพลางฟาดดาบเงากระจ่างลง
ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์สูงหลายร้อยจั้งพลันถูกผ่ากลาง ถล่มลงในบัดดล
จากนั้นที่ใต้ดิน ห้องขังห้องหนึ่งก็ถูกเผย
ในห้องขังนั้นมีร่างโชกเลือดสามร่างนอนอยู่ พวกเขาล้วนได้รับบาดเจ็บ
“นั่นคือผู้อาวุโสสูงสุดสามคนของตระกูลข้า!”
ในขณะที่เขากำลังจะไปช่วยนั้นเอง เย่ลั่วก็ขวางเขาไว้ “รอก่อนเถอะท่าน ระวังตัวด้วย”
หวังจัวฝู่ตะลึงไป และสะกดกลั้นความอยากช่วยคนไว้ทันที
จริงของเขา ไฉนจักรพรรดิวิญญาณกระทิงเขียวต้องให้พวกเขาไปช่วยคนด้วย?
ยามนี้เอง ภายใต้ผืนฟ้า จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวและจักรพรรดิปีศาจอื่น ๆ ล้วนรวมตัว พวกเขามีมากกว่าสิบ การจัดทัพยังคงแข็งแกร่งนัก
ทว่าไร้ผู้ใดลงมือโจมตีก่อน
“คนแซ่ซู อย่าได้ใจไป แม้ค่ายกลศึกจะหายไปแล้ว แต่เรื่องสนุกนี้ยังไม่จบ!”
จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวสูดหายใจลึก ๆ แววตาเย็นชา ชี้ไปที่กรงแล้วพูดว่า “วิญญาณของตาแก่ทั้งสามจากตระกูลหวังล้วนถูกผนึกไว้โดยมนตร์ต้องห้าม หากเจ้าต้องการช่วยคน…”
ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ ก็เห็นซูอี้ฟาดฟันดาบเข้าใส่กรงขัง ดึงคนที่ถูกขังไว้ออกมากลางอากาศ ช่วยผู้อาวุโสทั้งสามจากตระกูลหวังไว้ได้
หวังจัวฝู่รีบร้อนก้าวออกมารับร่างชายชราทั้งสามไว้ มองพวกเขาเล็กน้อย แล้วสีหน้าของพวกเขาพลันไม่น่าดูอย่างยิ่ง
“ใต้เท้าซู วิญญาณของพวกเขาทั้งสามถูกผนึกจริงแท้”
หวังจัวฝู่กล่าวอย่างขมขื่น
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่เป็นไรหรอก เจ้าดูแลพวกเขาไปก่อน เดี๋ยวเราก็จะได้ช่วยพวกเขาหลังจับตัวเจ้าวัวโง่นี่ทีหลัง”
“หน้าไม่อาย! ข้ากล้าบอกเจ้าไว้ว่าเพียงหนึ่งคำนึง ข้าจะสามารถลบวิญญาณคนทั้งสามนี้ทิ้งได้นะ!”
จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวกล่าวด้วยสีหน้าดุดัน ดวงตาเย็นเยียบ “ในสถานการณ์เช่นนี้ เว้นแต่เจ้าคนแซ่ซูจะไม่สนใจชีวิตของพวกเขา จะต้องสูญเสียแน่แท้!”
หลังจากเว้นช่วงไปเล็กน้อย เขาก็ฉีกยิ้มอีกครั้ง “แน่นอนว่ายังมีหวังเชวี่ยผู้นั้น สถานการณ์ของเขาก็ไม่ต่างจากตาแก่พวกนั้นเท่าไร”
เย่ลั่วขมวดคิ้ว
หวังจัวฝู่รู้สึกหนักอึ้ง
การข่มขู่เช่นนี้เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ใดก็ตามรู้สึกไม่สบายใจ
ซูอี้ดูไม่คิดจริงจัง เขากล่าวว่า “หากพวกเขาตาย ข้าจะฆ่าจักรพรรดิปีศาจทั้งหมดในหุบเขาแสนปีศาจ ฝังไปด้วยกันกับพวกเขา”
จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวและปีศาจเฒ่าตนอื่น ๆ อดตะลึงไม่ได้ เนื่องจากปฏิกิริยาของซูอี้ผิดไปจากที่พวกเขาคิดโดยสิ้นเชิง
ยามนี้ เสียงเยาะเย้ยเสียงหนึ่งพลันก้องขึ้นทั่วฟ้าดิน
“คนแซ่ซู เจ้ายังคงป่าเถื่อนไร้เมตตาเยี่ยงกาลก่อนไม่ผิด แต่อย่าห่วงไป เราไม่เคยคิดใช้ตัวประกันเหล่านี้มาบังคับให้เจ้าก้มหัวหรอก!”
………………..