บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1077: แปรพักตร์
บทที่ 1,077: แปรพักตร์
หนึ่งดาบสยบสิ้นโลกแห่งกระดานหมากรุก!
ครุฑ กระทิงเขียวและคณะต่างดูเหมือนแบกบรรพตศักดิ์สิทธิ์ไว้ ร่างนิ่งราวติดลึกในหล่มโคลน ใบหน้าแดงก่ำ กระดูกทั่วร่างส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดแทบไม่อาจค้ำร่างไหว
โดยเฉพาะจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวผู้ถูกกดดันจนต้องสำแดงร่างเดิม เป็นกระทิงเขียวสูงสิบจั้งกว่า สี่กีบเท้าดุจเสาสูง เขาแหลมคมบนศีรษะ
แรงกดดันน่าหวาดหวั่นนี้ทำให้มันกดกีบเท้าจนต้องทรุดลงคุกเข่าหอบหายใจ
“ผู้เฒ่าอิน—!”
ดวงตาของครุฑแทบหลุดจากเบ้า ออกเสียงขอความช่วยเหลือ
สีหน้าของผู้เฒ่าอินที่อยู่ไกลออกไปแปรเปลี่ยนไปอย่างมหันต์
เขาตระหนักโดยสมบูรณ์แล้วว่ามีสิ่งผิดปกติ ไม่อาจใจเย็นได้ดังก่อน
ครุฑไม่ต้องเอ่ยเตือน ผู้เฒ่าอินก็ลงมือทันที
เขายกมือขวาขึ้นคว้าไปในอากาศ
ตู้ม!
มือใหญ่อันสร้างจากกฎแปรวิญญาณควบแน่นขึ้นในอากาศ คว้า ‘ภาพศึกรวมดารา’ จากโลกแห่งกระดานหมากรุก
ทว่าแทบจะในยามเดียวกัน ปราณกระบี่ไร้ใดเทียบก็ฟาดเข้าใส่ผู้เฒ่าอินจากด้านข้าง
มันเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ผู้เฒ่าอินไม่ทันตั้งตัว ด้วยความฉุกละหุกจึงทำได้เพียงยกมือปัดป้อง
ตู้ม!!!
ปราณดาบสลายไป
ในขณะเดียวกัน ร่างของผู้เฒ่าอินก็ถูกปราณดาบฟาดกระเด็นไปหลายสิบจั้ง มือขวาแหลกเละจนเห็นกระดูก
ขณะเดียวกัน หลังจากผู้เฒ่าอินเสียหลัก มือใหญ่ที่คว้าเข้าหา ‘ภาพศึกรวมดารา’ ก็หายไปเงียบ ๆ
“สนแดง เจ้าหมายความเช่นไร!?”
ปราณดาบที่ปรากฏขึ้นกะทันหันเมื่อครู่มาจากมือของจักรพรรดิปีศาจสนแดง!
การเปลี่ยนแปลงนี้ยังทำให้เย่ลั่วและหวังจัวฝู่ซึ่งมองศึกอยู่ไกล ๆ ตะลึงจับต้นชนปลายไม่ทันด้วยเช่นกัน
“สหายเต๋า ใจเย็นก่อน เราดูเรื่องสนุกกันเถอะ”
จักรพรรดิปีศาจสนแดงผู้มีหนวดเคราดุจกิ่งหลิวกล่าวยิ้ม ๆ
“เจ้าและคนแซ่ซูร่วมมือกันอยู่ก่อนแล้วหรือ?”
สีหน้าของผู้เฒ่าอินเปลี่ยนแปร
จักรพรรดิปีศาจสนแดงส่ายหน้าน้อย ๆ โดยไม่อธิบาย
ในโลกแห่งกระดานหมากรุก ครุฑ จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวและคนอื่น ๆ เห็นดังนั้นก็อดตะลึงแทบสติหลุด
ในหุบเขาแสนปีศาจ จักรพรรดิปีศาจสนแดงนั้นเป็นผู้ฝึกตนปีศาจอันดับหนึ่งซึ่งคู่ควรกับตำแหน่ง เขาเป็นอันดับหนึ่งในเก้าจักรพรรดิปีศาจ และเพียงหนึ่งเดียวผู้อยู่ในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ
ครานี้ ที่พึ่งอันใหญ่หลวงที่สุดของพวกเขาคือผู้เฒ่าอินและจักรพรรดิปีศาจสนแดง
แต่สำหรับซูอี้ เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจ
กล่าวอีกนัยก็คือ นับแต่ยามที่จักรพรรดิปีศาจสนแดงปรากฏตัว อีกฝ่ายได้ลอบส่งสัญญาณให้เขา และทั้งคู่ลอบพูดคุยกัน!
“ไม่นะ–!”
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวก็ดังขึ้น
ปีศาจตนหนึ่งในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำไม่อาจทนต่อแรงกดดันของดาบเงากระจ่างได้อีกต่อไป และร่างของเขาก็ระเบิดตายคาที่
ภาพอันโหดร้ายนี้ยิ่งกระตุ้นให้ตาของพวกครุฑเหลือกถลน อดรู้สึกสิ้นหวังในใจไม่ได้
และเมื่อฝ่ามือของซูอี้เพิ่มแรง แรงกดดันจากดาบเงากระจ่างก็ยิ่งทวีคูณ
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ตนแล้วตนเล่า ร่างของปีศาจในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำล้วนถูกแรงกดดันบดขยี้ตายอนาถคาที่
ภาพการนองเลือดนี้ชวนขนหัวลุกอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะถึงอย่างไร พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่เป็นปีศาจในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำผู้มีตัวตนแสนนาน
ทว่ายามนี้ พวกเขาล้วนถูกสังหารทีละตนราวเชลยศึก!
ไม่นานนักก็เหลือเพียงครุฑ จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียว จักรพรรดิผีเสื้อดาวตก และจักรพรรดิปีศาจบรรพตทมิฬ
“สนแดง หากเจ้ากล้าหยุดข้าอีก ข้าในภายหน้าจะทำลายรังเก่าเจ้าและป่นเจ้าเป็นผงเสีย!!”
ผู้เฒ่าอินคำราม ร่างของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
เขาหยิบพู่กันสำริดยาวสี่ฉื่อขึ้นมาเล่มหนึ่ง มีปลายคมกริบดุจคมดาบ และลวดลายเมฆาบิดเบี้ยวตราไว้ที่ด้าม
ตู้ม!
เสียงยังไม่ทันสร่าง ผู้เฒ่าอินก็กระโจนเข้าสู่โลกแห่งกระดานหมากรุก ยกพู่กันสำริดในมือส่งอำนาจมหาศาลเป็นม่านหมอก วาดเป็นภาพประหลาดเยี่ยงหมึกบนอากาศ
ในภาพนั้นมีขุมอำนาจร้ายแรงดุจเทพมารกรีฑาทัพ อสนีบาตคำรามทะลักไหลเยี่ยงธารสวรรค์ ประดังประเดพรั่งพรูพริบตา
ยอดฝีมือจากโรงวาดฤทัยผู้นี้แข็งแกร่งร้ายกาจเกินหยั่งคาด
เขาหยิบดาบวิถีสีดำเล่มหนึ่งออกมาขวางทันที
ตู้ม!
ปราณดาบฉวัดเฉวียน โลกหล้าปั่นป่วน
สงครามปะทุขึ้น และจักรพรรดิปีศาจสนแดงและผู้เฒ่าอินก็ประชันศึกสะท้านยุคบนท้องฟ้า
ผู้เฒ่าอินมีวิถีเต๋าเพียงขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นปลาย ทว่าเขาบรรลุกฎแปรวิญญาณ และพลังต่อสู้ของเขาเหนือชั้นกว่าคนในขอบเขตเดียวกัน ไม่ได้เพลี่ยงพล้ำเสียเปรียบต่อจักรพรรดิปีศาจสนแดงผู้อยู่ในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นต้นแม้แต่น้อย
ในศึกนั้น ทั้งเย่ลั่วและหวังจัวฝู่ต่างประหลาดใจ
ทว่าภาพดังกล่าวทำให้พวกครุฑสิ้นหวังสิ้นเชิง
เพราะในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้เฒ่าอินจะมาช่วยพวกเขาได้อีก!
ในที่สุด จักรพรรดิผีเสื้อดาวตกก็ไม่อาจทานทน นางกระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง รอยร้าวอันน่าตกใจแล่นพล่านทั่วผิวกาย จากนั้นร่างของนางพลันแหลกสลาย
ก่อนตาย ดวงตางดงามของนางมองไปทางซูอี้ ถามกระท่อนกระแท่น “เจ้า… คือปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน… จริง ๆ หรือ?”
ภาพนี้ทำให้จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวสติแตกโดยสมบูรณ์ สี่เท้าคุกเข่ากับพื้น หัวขุดลงกับพื้น ร้องโหยหวนเสียงสั่น “ใต้เท้าซูโปรดไว้ชีวิตด้วย! วัวน้อยผิดไปแล้ว โปรดระลึกถึงยามวัวน้อยเคยแบกท่านเดินทางไกลครั้งหนึ่ง โปรดเห็นแก่คุณครั้งนั้นไว้ชีวิตวัวน้อยตัวนี้ด้วย!”
ร่างของเขาสั่นระริก เปี่ยมความกลัว
หวังจัวฝู่อดตะลึงไม่ได้ วัวน้อย? ตีเขาให้ตายก็ไม่มีทางคาดได้แน่ว่าจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวผู้นี้จะยอมกดตัวต่ำเพียงนี้เพื่อขอชีวิตรอด
“เฮอะ!”
เย่ลั่วแค่นเสียงขำ เจ้าวัวแก่นี่เมื่อครู่เย่อหยิ่งนัก ชี้จมูกขึ้นฟ้าอวดโอ่ หวังให้อาจารย์เขาไม่ตายเร็วนัก หาไม่คงทำงานหนักเสียเปล่า ช่างอหังการเสียนี่กระไร
เทียบกับยามนี้ ต่างกันโดยสิ้นเชิง
น่าเหยียดหยามอย่างช่วยไม่ได้
“ก็แค่ตาย ไฉนต้องไปกลัวเขาด้วย!?”
ครุฑไม่อาจทนได้ต่อ เขาแค่นเสียงปรามาส
จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวคุกเข่าก้มหัว เมินเขาไป
“น้อมรับคำสั่งใต้เท้าซู!”
จักรพรรดิปีศาจบรรพตทมิฬรับคำสั่งอย่างหวั่นเกรง ท่าทีผ่อนคลายง่ายดาย ที่แท้การที่เขาดูเหมือนถูกแรงกดดันมหาศาลนั้นเป็นของปลอม
“เจ้า เจ้าก็เป็นคนทรยศ!!”
ครุฑระเบิดโทสะ สีหน้าอัปยศยิ่ง
ยิ่งกว่าเขา จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียว เย่ลั่วและหวังจัวฝู่ล้วนงุนงงสมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ ไม่ได้เตรียมใจคาดไว้เลย
“คนทรยศหรือ? เจ้าสิคนทรยศตัวจริง ขายอาจารย์ทำลายบรรพชน ช่างน่ารังเกียจยิ่ง!”
จักรพรรดิปีศาจบรรพตทมิฬกล่าวอย่างเย็นชา สีหน้าเหยียดหยาม
เขาเอื้อมมือไปคว้าขาหลังของจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียว ลากเขาออกไปจากโลกแห่งกระดานหมากรุกทันที และแต่ต้นจนจบ จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวก็ไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย
ทันใดนั้น ในโลกแห่งกระดานหมากรุกก็เหลือเพียงซูอี้และครุฑ
“หวังเชวี่ยอยู่หนใด?”
เขาคร้านเกินกว่าจะถามถึงสาเหตุการทรยศของผู้สืบสายเลือดต้าเผิงขนทองผู้นี้
ครุฑเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าแปรเปลี่ยน “หากข้าบอก ชะตาของข้าจะเปลี่ยนได้หรือไม่?”
“เจ้าต้องตาย”
ซูอี้กล่าวอย่างไม่ลังเล
สีหน้าของครุฑพลันย่ำแย่ยิ่ง กล่าวด้วยแววตาไร้ปรานี “งั้นก็ลงมือเลย ข้าประกันได้ว่าเจ้าจะไร้โอกาสได้ค้นวิญญาณข้า!”
ดวงตาของซูอี้ดูเดียดฉันท์ “นี่คือโลกที่สร้างจากกฎแปรวิญญาณ หากข้าต้องการ ต่อให้เจ้าระเบิดวิญญาณตนเอง ข้าก็ยังสามารถเก็บเสี้ยววิญญาณเจ้ามาซ่อมด้วยเคล็ดวิชาได้”
ร่างของครุฑสั่นสะท้าน กล่าวอย่างหวาด ๆ “หากเช่นนั้น ไฉนไม่เริ่มค้นวิญญาณข้าเสียเล่า? ไฉนต้องถามข้าด้วย?”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “ทำเช่นนั้นยุ่งยากเกินไป ไม่คุ้มใช้ปราณของข้ามาจัดการกับเดรัจฉานน้อยเช่นเจ้า ขอเพียงเจ้าบอกว่าหวังเชวี่ยอยู่หนใด ข้าจะให้เจ้าตายอย่างมีเกียรติ”
สีหน้าของครุฑแปรเปลี่ยน และครู่ต่อมา เขาพลันระเบิดหัวเราะลั่น กล่าวลอดไรฟัน “ซูเสวียนจวิน เจ้ารู้หรือไม่ สิ่งที่ข้าไม่ชอบที่สุดนั่นคือการที่เจ้าช่างเฉยเมยไม่สนสิ่งใด กาลก่อนที่ข้าคุกเข่าก้มหัวสิบวันสิบคืน ข้าคิดว่าจะเป็นศิษย์แท้ของเจ้าได้ แต่ใครเล่าจะคิดว่าเจ้าจะให้ข้าเป็นเพียงศิษย์สลักนาม!”
กล่าวถึงจุดนี้ ครุฑก็เปี่ยมไปด้วยโทสะเคียดแค้น “และจิ่งหังนั่น มองอย่างไรก็เป็นหนอนหนังสือปัญญาอ่อน แต่กลับเป็นศิษย์สืบทอดลำดับที่สอง!!”
“กระทั่งการเข้าสำนัก ข้ายังเริ่มเร็วเสียกว่าศิษย์แท้ส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ!”
“แต่เจ้า ตลอดแปดหมื่นปี เจ้ากลับไม่คิดให้ข้าขึ้นเป็นศิษย์แท้มาตลอด!!”
“เจ้ารู้สินะว่าฮั่วเหยาทรยศเพราะเหตุใด? นั่นเป็นเพราะเจ้าลำเอียงเกินไป ปากอ้างทำเพื่อประโยชน์ของเขา แต่กลับบังคับเขาให้อยู่ในขอบเขตวงล้อวิญญาณนับหมื่น ๆ ปี!”
ครุฑดูราวกำลังระบายอารมณ์ เสียงของเขาบ้าคลั่ง ดวงตาแดงก่ำ
หลังจากซูอี้ฟังจบ เขาก็อดรู้สึกมึนงงไม่ได้ เขาคิดถึงเหตุผลสารพันที่ครุฑจะทรยศ แต่ก็มิคาดจริง ๆ ว่าเขาจะทรยศด้วยเหตุผลเช่นนี้
“กาลก่อน หากข้าไม่รับเจ้าเป็นศิษย์ เจ้าจะมีโอกาสใดมาเป็นศิษย์ข้าซูเสวียนจวิน?”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “อย่าว่าแต่โลกนี้ยังมีผู้คนมากมายที่มีความสามารถ ภูมิหลังและที่มาแข็งแกร่งกว่าเจ้า กระทั่งในถ้ำเสวียนจวินก็มีมากมาย หากข้าซูเสวียนจวินให้ค่าสิ่งเหล่านี้จริง เจ้าจะไม่มีวันได้เป็นศิษย์ข้าเลย!”
ครุฑแค่นยิ้ม
ขณะที่เขากำลังจะพูดบางอย่าง ซูอี้ก็กล่าวขึ้นอย่างสุขุม “ในสายตาเจ้า เจ้าแข็งแกร่งกว่าเสวียนหนิง จิ่งหัง ไป๋อี้และจิ่นขุย แต่ในสายตาข้า เจ้าห่างไกลเกินเทียบกับพวกเขาได้ เจ้ามีชะตาเป็นได้เพียงศิษย์สลักนามผู้หนึ่งเท่านั้น!”
ครุฑตะลึงไปชั่วขณะ และครู่ต่อมา เขาก็ตัวสั่นด้วยโทสะ “ได้ ในที่สุดเจ้าซูเสวียนจวินก็เปิดใจแล้ว เจ้าน่ะลำเอียง! เจ้าไม่เคยเห็นข้าในสายตาเลย!!”
สีหน้าของซูอี้ไม่ยินดียินร้ายราวบ่อน้ำโบราณ “ต่อให้ข้าลำเอียง นี่… จะเป็นเหตุผลการทรยศของเจ้าได้หรือ? หากศิษย์ทั้งหลายของถ้ำเสวียนจวินคิดว่าข้าลำเอียง พวกเขาก็ควรขายอาจารย์ลบล้างบรรพชนเช่นเจ้าด้วยหรือไร?”
“ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตลอดมา ข้าสอนสั่งการฝึกของเจ้าซ้ำ ๆ สอนวิถีเต๋าแก่เจ้า ทุ่มเทขัดเกลาสมบัติมหาวิถีแก่เจ้า ปกป้องเจ้าจากบททดสอบแห่งสวรรค์ นี่ข้าประพฤติแย่กับเจ้าหรือ?”
“หากรู้สึกไม่ดี เจ้าจะออกจากถ้ำเสวียนจวินไปหาอาจารย์ลือนามผู้อื่นก็ย่อมได้! ไฉน… เจ้าต้องเลือกทรยศ?”
กล่าวถึงยามนี้ เขาก็ก้มลงมองครุฑด้วยสายตามืดหมอง “ไฉนต้องปฏิบัติต่อข้าเป็นศัตรูด้วย?”
แต่ละถ้อยคำล้วนเหมือนอสนีบาตฟาดลงที่ใจของครุฑ ทำให้สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยน ไม่อาจโต้แย้ง
………………..