บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 108 อวลกลิ่นอายสายลมเสน่หา หรือจะคุ้มค่าเท่าแก้มนวลของหญิงงาม
- Home
- บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ]
- ตอนที่ 108 อวลกลิ่นอายสายลมเสน่หา หรือจะคุ้มค่าเท่าแก้มนวลของหญิงงาม
น้ำเสียงที่ดังจากด้านนอกฟังดูรุนแรงนัก
ทุกคนต่างตกใจ มีคนมาหาเรื่องพวกเขางั้นหรือ?
“ข้าจะไปดูเอง”
หวงเฉียนจวินกล่าว ก้าวเดินออกไปเปิดประตูลาน
ด้านนอกประตูลานบ้าน กลุ่มชายฉกรรจ์ยืนตระหง่านแน่นขนัด ล้วนถืออาวุธแหลมคม
ผู้นำของกลุ่มเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมขาวและไว้หนวดเครา
“เจ้ามาหาใคร?” หวงเฉียนจวินจับจ้อง ดวงตาเย็นชากล่าวออก
“พวกมันมาจากกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ!” อาเฟยที่ยืนอยู่ไม่ไกลโพล่งออกเสียงดัง
ชายวัยกลางคนเหลือบมองด้านในลาน แลเห็นเฝิงเสี่ยวเฟิงบนรถเข็น ถ้อยคำเยาะเย้ยกล่าวออกทันใด
“ข้ามาที่นี่ตามคำสั่งของท่านผู้อาวุโสอู่เทียนฮ่าว เขาบอกกล่าวไว้ว่า จะให้โอกาสเจ้าฆาตกรที่ฆ่าพี่น้องกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬของข้ามาขอโทษอย่างเชื่อฟัง ตราบใดที่ชดใช้ค่าเสียหายเพียงพอแก่กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ เรื่องราวนี้ท่านผู้อาวุโสจะยอมเพิกเฉยให้!”
หลังกล่าวเช่นนั้น นัยน์ตาชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมขาวฉายแววดุร้าย ถ้อยคำดุดันกล่าวซ้ำเสริม “ไม่เช่นนั้น… ผลที่ตามมาจงชั่งน้ำหนักด้วยตัวเจ้าเอง!”
“อู่เทียนฮ่าวเป็นใคร?” หวงเฉียนจวินงุนงง
ไม่เพียงแค่เขา หยวนลั่วซีและหยวนลั่วอวี่ต่างฉงนใจ ไอ้คนผู้นั้นทรงพลังมากหรือ?
เฉิงอู้หย่งกล่าวอธิบาย “บุคคลนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่กลุ่มกำลังใต้ดินของเมือง เขาอาศัยอยู่ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง กลุ่มเล็กใหญ่มากมายล้วนเคารพเขา”
ชายวัยกลางคนในเสื้อคลุมขาวกล่าวออกอย่างมีชัย “ในเมื่อรู้แล้ว ก็จัดการง่ายขึ้น นำเจ้าฆาตกรนั่นออกมาซะ! เพื่อเดินทางไปคฤหาสน์ของผู้อาวุโสอู่ แต่หากคิดปฏิเสธ เราจะไม่ขืนกำลังบังคับและจากไปโดยดี แต่สำหรับผู้อาวุโสอู่ ข้าเกรงว่าเขาไม่อาจอภัยให้เจ้าได้!”
“ด้วยอุปนิสัยระมัดระวังและเจ้าเล่ห์ของอู่เทียนฮ่าว เขาจะมีส่วนร่วมกับเรื่องราวเล็กน้อยนี้ได้อย่างไร คำกล่าวของเจ้า มีหลักฐานหรือไม่?” เฉิงอู้หย่งเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วมุ่น
ได้ยินเช่นนี้ชายวัยกลางคนในเสื้อคลุมขาวพ่นลมหายใจเย็นชา ถ้อยคำองอาจกล่าวออก “พวกเจ้าทุกคนจงลืมตาดูให้ชัดแจ้ง!”
สิ้นเสียง เขาหยิบพัดด้ามหนึ่งออกจากแขนเสื้อ ราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า ก่อนคลี่พัดออกอย่างระมัดระวัง เผยสามตัวอักษรที่สง่าดั่งหงส์ร่อนมังกรรำ ‘อู่เทียนฮ่าว’
“นี่คืออักษรที่ท่านผู้อาวุโสอู่ประดิษฐ์ขึ้น มันแสดงถึงพลังอันยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า ฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองนี้ ใครบ้างจะไม่ก้มศีรษะลงเมื่อเห็นมัน?” ชายวัยกลางคนในเสื้อคลุมขาวกล่าวถ้อยคำชื่นชม
เมื่อกวาดสายตามองซูอี้และคนอื่นอย่างเย่อหยิ่ง ถ้อยคำกล่าวออก “ตอนนี้ พวกเจ้าคงรู้แล้วใช่หรือไม่ว่าต้องทำอย่างไร?”
ด้วยท่าทีเย่อหยิ่งและยั่วยุของอีกฝ่าย หวงเฉียนจวินแทบทนไม่ไหวจนอยากปรี่ออกไปตบหน้าเขา
“เมื่อครู่ข้าท้าทายคุณชายซูด้วยความเข้าใจผิด ให้ข้าชดใช้เรื่องราวนี้เถอะ”
สิ้นเสียง หยวนลั่วอวี่เดินตรงไปยังชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมขาว
รูปร่างของเขาสูงโปร่ง แม้ยังอายุน้อย แต่ก็สง่างามมาก
สีหน้าชายวัยกลางคนในเสื้อคลุมขาวเปลี่ยนผันเล็กน้อย ถ้อยคำเคร่งขรึมกล่าวออก “เจ้าคือฆาตกรรึ? หึ… หากเจ้ากล้าเหยียบย่างเข้าไปในเขตแดนข้าอีกครา ข้าจะ…”
เพียะ!
ก่อนที่จะพูดจบ หยวนลั่วอวี่ยกมือขึ้นตบหน้าอีกฝ่ายอย่างรุนแรง ส่งผลให้เขาแผดเสียงร้องและล้มหมอบลงพื้น เกิดประกายดาวในดวงตาอย่างสับสน แก้มข้างหนึ่งยุบตัวเป็นรอยมือ
สมาชิกกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬคนอื่นรับชมภาพด้วยความตกตะลึง ก่อนหยิบอาวุธของตนขึ้นมา ความกังวลคุกรุ่นในใจ
พวกเขาล้วนได้ยินเรื่องราวการนองเลือดที่เกิดขึ้นกับกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬในคืนนั้น และรับรู้ว่าฆาตกรน่ากลัวเพียงใด
ขณะนี้พวกเขาเผชิญหน้ากับหยวนลั่วอวี่ผู้มีท่าทีก้าวร้าวยิ่ง แล้วจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไร?
หวงเฉียนจวินอดไม่ได้จะประหลาดใจ พี่ชายของคุณหนูหยวนดุดันนัก! ความเย่อหยิ่งที่เผยออกมาไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวเขาในกาลก่อนเลย!
ในระยะไกล เฝิงเสี่ยวเฟิง เฝิงเสี่ยวหรานและอาเฟยล้วนตะลึงงัน
หยวนลั่วซีหน้าแดงก่ำ กล่าวถ้อยคำกระซิบ “คุณชายซู พี่ชายของข้าเขา…”
ซูอี้โบกมือกล่าว “รู้ความผิดและแก้ไข นับว่าหายากยิ่ง”
หยวนลั่วซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางกังวลอย่างยิ่งว่าพี่ชายจะสร้างความคับข้องใจแก่ซูอี้
“หลังจากได้รับบทเรียนวันนี้ ข้าจะคอยดูว่าพี่รองกล้าดุข้าอีกหรือไม่” ริมฝีปากชมพูของหยวนลั่วซียกขึ้นเล็กน้อยอย่างพอใจ
แคร็ก!!
แลเห็นพัดที่ตกหล่น หยวนลั่วอวี่เหยียบพัดที่มีคำว่า ‘อู่เทียนฮ่าว’ จนตัวพัดหักขาดออกจากกัน
รับชมฉากนี้ สมาชิกกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอ้าปากแข็งค้างด้วยความตกตะลึง
ชายหนุ่มผู้นี้กินหัวใจหมีดีเสือมาหรืออย่างไร?
นั่นเป็นถึงพัดของท่านผู้อาวุโสอู่!
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมขาวยังคงนั่งอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด ครั้งรับชมสิ่งนี้ เขาตกใจมากจนลืมความเจ็บปวดบนใบหน้า ก่อนตะโกนอย่างเดือดดาล “หากท่านผู้อาวุโสอู่ทราบ พวกเจ้าทุกคนจบสิ้นแน่!”
เพียะ!
หยวนลั่วอวี่ตบเขาด้วยหลังมืออีกครั้ง แก้มขวาของชายวัยกลางคนยุบเข้าไปด้วยแรงกระแทก ร่างปลิวกระแทกเข้ากับกำแพงบ้านฝั่งตรงข้ามอย่างรุนแรง กระทั่งโลหิตหลั่งไหลออกจากศีรษะ
จากนั้น หยวนลั่วอวี่กล่าวออกด้วยท่าทีวางอำนาจ “นำพัดหักนี้กลับไปบอกอู่เทียนฮ่าวว่า ภายในหนึ่งเค่อ*[1] หากไม่มาคุกเข่าให้ข้าที่นี่ ข้าหยวนลั่วอวี่จะนำคนไปบุกทำลายแหล่งซ่องสุมของเขาจนสิ้น!”
สมาชิกกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬกระจัดกระจายออกไปอย่างหวาดกลัว
ชายวัยกลางคนเสื้อคลุมขาวผู้น่าสงสาร ไร้คนช่วยเหลือ ท้ายที่สุดเขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายสั่นเทา เดินโซเซออกไประยะไกลดูน่าสังเวช
“พี่หยวน ดุดันยิ่ง!” หวงเฉียนจวินยกนิ้วโป้งขึ้น กล่าวถ้อยคำยกย่องอย่างจริงใจ
บุกทำลายบ้านผู้นำกลุ่มอันธพาล ช่างทรงอิทธิพลยิ่ง เป็นวิถีแห่งอันธพาลตัวจริง!
หยวนลั่วอวี่โบกมืออย่างนอบน้อม “เมื่อเทียบกับคุณชายซูแล้ว การกระทำของข้าหาได้น่าเยินยอไม่”
แลเห็นเช่นนั้น ทุกคนจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้
ซูอี้เดินกลับไปยังศาลา นอนลงบนเก้าอี้หวายอย่างเกียจคร้านเช่นเดิม
บางครั้ง การยืนก็เหนื่อยเหลือเกิน…
เฝิงเสี่ยวหรานรีบเดินไปหยิบไหบนโต๊ะรินสุราใส่จอก มือหยกเรียวยื่นจอกให้ซูอี้พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มหวาน “พี่ซูอี้ ดื่มนี่หน่อย”
ซูอี้รับมาและกระดกดื่มทันที
จากนั้นเฝิงเสี่ยวหรานก็รินใส่จอกอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
คนหนึ่งรินคนหนึ่งดื่ม ท่าทีเป็นธรรมชาติ
หยวนลั่วอวี่ฉวยโอกาสนี้ก้าวออกไปหาน้องสาวของตน ถ้อยคำเบาเอ่ยถามออก “ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องบอกข้าเกี่ยวกับคุณชายซูผู้นี้แล้วใช่หรือไม่?”
หยวนลั่วซีลังเลครู่หนึ่ง ท่าทีไม่เต็มใจเปิดเผยความลับ
แต่เมื่อครั้งหวนนึกถึงพี่ชายที่ดูแลตนเองอย่างดีมาโดยตลอด หัวใจพลันอ่อนลงในที่สุด นางกระซิบกล่าวทุกเรื่องราวว่าได้พบกับซูอี้ได้อย่างไรเมื่อคราที่อยู่ในเมืองกว่างหลิง
ยิ่งรับฟัง ท่าทีของหยวนลั่วอวี่ยิ่งเปลี่ยนแปลง ยากจะสงบสติอารมณ์ได้
ตัดหัวซากศพหยินหกสมบูรณ์ในคืนฝนตก?
สังหารปรมาจารย์ด้วยดาบเดียวบนเรือ?
แม้แต่องค์ชายหกยังยกย่องให้เกียรติ?
หลังจากรับฟังวีรกรรมเหล่านี้ หยวนลั่วอวี่แทบหายใจไม่ออกด้วยความตกใจ
หยวนลั่วซีกล่าวออกอย่างภูมิใจ “พี่ชาย ข้าไม่ได้โกหก ท่านพ่ายแพ้แก่คุณชายซูเมื่อครู่นี้ นับว่าเป็นการพ่ายแพ้อย่างมีเกียรติ!”
ทันใดนั้น เกิดเสียงตีหน้าผากอันราบเรียบของนาง ทว่าแม้จะเจ็บปวดแต่กลับเผยยิ้มออก
แลเห็นท่าทีซุกซนของน้องสาว หยวนลั่วอวี่ถ้อยคำกล่าวออก “ในที่สุดข้าก็เข้าใจ เจ้าแค่ต้องการเห็นข้าเป็นคนเขลา!”
หยวนลั่วซีก้มหน้าลงสำนึกผิด
ไม่ไกลออกไป เฉิงอู้หย่งอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกเมื่อเห็นสองพี่สองทะเลาะกัน
ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีใครใส่ใจการยั่วยุและคุกคามของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬเมื่อครู่เลย…
…
ตรอกหยกวสันต์
เมื่อเห็นหลู่เฉวียนผู้นำกลุ่มรออยู่ ชายวัยกลางคนในเสื้อคลุมขาวแทบร้องไห้คร่ำครวญออกมา “ท่านผู้นำ พวกมันหยิ่งผยองเกินไป! ไม่ไว้หน้าผู้อาวุโสอู่ แม้แต่พัดของผู้อาวุโสอู่ยังถูกพวกมันเหยียบย่ำทำลาย…”
สิ้นเสียง เขาต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าผู้นำหลู่เฉวียนกำลังยิ้มเยาะอยู่!
รอยยิ้มบนใบหน้ารุนแรงมากขึ้นต่อเนื่อง จนในที่สุดหลู่เฉวียนระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง สีหน้าดูมีความสุข
“ผู้นำ ท่านหัวเราะอะไรหรือ?”
ชายวัยกลางตะลึงงัน เขาถูกทุบตีจนบาดเจ็บเช่นนี้ มันน่าตลกงั้นหรือ?!
“ฮ่า ๆๆ รู้ไหมว่าทำไมข้าจึงขอให้เจ้าพาคนไปยังตรอกน้ำเต้า?”
หลู่เฉวียนถามด้วยรอยยิ้ม
“เพราะไว้ใจให้จัดการเรื่องสำคัญที่สุดไม่ใช่หรือ?” ชายวัยกลางคนในชุดคลุมขาวถามออกไปโดยไม่รู้ตัว
หลู่เฉวียนพ่นลมเย็นชา ถ้อยคำกล่าวออก “อย่างเจ้าน่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยหรือ! เจ้ามันก็แค่ตัวตนเล็กจ้อยที่ลำพองตน เย่อหยิ่งเกินตัวเมื่อทำเรื่องเล็กสำเร็จ คนอย่างเจ้ามันโง่เขลาที่สุด”
กล่าวถึงประโยคนี้ หลู่เฉวียนหัวเราะออกมาอีกครั้ง “แต่ข้าชอบ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าให้เจ้านำพัดของอู่เทียนฮ่าวไปยังตรอกน้ำเต้า เพราะคราวนี้ อู่เทียนฮ่าวก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีก!”
ชายวัยกลางคนเสื้อคลุมขาวตกตะลึง นี่เขาถูกเลือกไปให้อีกฝ่ายทุบตีเพื่อสร้างความขุ่นเคืองงั้นหรือ?
เขาอดไม่ได้จะถามออก “ท่านผู้นำ หากใช้อุบายเช่นนี้ เมื่อท่านอาวุโสอู่ทราบละก็…”
“รู้แล้วอย่างไร ข้าไม่เห็นแก่หน้าเจ้าแก่ชั่วร้ายนั่น แล้วใครจะทำอะไรข้าได้?” หลู่เฉวียนกล่าวออกด้วยท่าทีเคร่งขรึม “ยิ่งไปกว่านั้น มันวางแผนจะกอบโกยความมั่งคั่งบนความทุกข์ยากของเราอย่างไร้ยางอาย ตัวมันไม่คิดเสียสิ่งใดแต่กลับต้องการทุกอย่าง มันยุติธรรมตรงไหน!?”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมขาวลอบส่ายศีรษะ
ก่อนหน้านี้เจ้าปฏิบัติต่อข้าเยี่ยงสหายคนสนิท แต่แท้จริงหลอกใช้ให้ข้าเป็นเครื่องมือ แล้วยังมีหน้ามาพูดเรื่องความยุติธรรมอีก ถุย!
น่ารังเกียจ!
“คราวนี้เจ้าทำได้ดีมาก ข้าย่อมปฏิบัติต่อเจ้าอย่างเป็นธรรม อีกไม่กี่วันข้างหน้าจงพาน้องสาวมาที่บ้านข้า เราจะดื่มฉลองด้วยกัน”
หลู่เฉวียนกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าชายวัยกลางคนในชุดคลุมขาวแปรเปลี่ยน ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความโกรธ มือเท้าเย็นเยียบ แม้เป็นวันอากาศร้อนกลับมีเหงื่อเย็นไหลออก เจ้าหลอกใช้ข้าแบบนี้ ยังมีหน้ามาถามถึงน้องสาวข้าอีกหรือ!?
“เจ้าไปรักษาตัวเถอะ ข้าจะไปตรอกน้ำเต้าเพื่อรับชมความสนุกเสียหน่อย”
สิ้นเสียง หลู่เฉวียนก็เดินจากไป
…
สายน้ำไหลผ่านสะพานขนาดเล็กภายในคฤหาสน์หลังงามดั่งภาพวาด
อู่เทียนฮ่าวนั่งบนสะพานที่มีหลังคาเพียงลำพัง มองจอกสุราในมือและชื่นชมดอกบัวบานในสระอย่างเงียบงัน
เขามีผมสีเงินราวกับหิมะ สวมเสื้อคลุมบัณฑิต ท่าทีสบาย
ด้านหลัง หญิงสาวอ่อนเยาว์กำลังแกะเม็ดบัวอย่างระมัดระวัง บางครั้งที่เหลือบมองอู่เทียนฮ่าว นางจะก้มศีรษะลงด้วยความเขินอายในทันใด
สิ่งนี้ทำให้อู่เทียนฮ่าวถอนหายใจ “อวลกลิ่นอายบุปผาใดในโลกหล้า ย่อมไม่อาจเทียบเคียงแก้มนวลแดงระเรื่อของหญิงงาม”
หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย นัยน์ตาเอ่อล้นด้วยความอ่อนโยนและอ่อนหวาน สีหน้าเผยความเขินอายมากยิ่งขึ้น
ดวงตาอู่เทียนฮ่าวหรี่ลงเล็กน้อย ร่างกายเริ่มร้อนรุ่ม
ทันใดนั้น เสียงแว่วดังมาแต่ไกล ทำลายกลิ่นอายอันมีเสน่ห์นี้
“ท่านผู้อาวุโส แย่แล้วขอรับ! พัดที่ท่านมอบให้กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬถูกเหยียบย่ำจนย่อยยับ!”
รูม่านตาอู่เทียนฮ่าวหดลีบลง ความร้อนอันแผดเผากลายเป็นความโกรธที่มิอาจควบคุมได้
เพียงแต่ท่าทีเขายังดูสง่าและสงบนิ่ง ถ้อยคำกล่าวออก “เป็นคนหนุ่มรุ่นเยาว์ผู้เป็นฆาตกรของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬหรือที่เป็นคนทำ?”
ไม่ไกลกัน พ่อบ้านที่เข้ามาอย่างเร่งรีบส่ายศีรษะเหงื่อท่วมกาย
“ไม่ใช่หรือ?”
อู่เทียนฮ่าวขมวดคิ้ว สายตาตกลงไปยังพัดที่หักในมือของพ่อบ้าน
ทันใดนั้น เขารู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตนเองถูกเหยียบย่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าซีดเผือด ถ้อยคำกล่าวออก
“ไม่ว่ามันจะเป็นใคร ข้าจะฉีกมันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหมือนกับพัดนี้ ทุบกระดูกของมันให้แหลกเป็นผุยผง!”
พ่อบ้านตะลึง ไม่อาจเก็บซ่อนความตื่นตระหนกและความวิตกกังวลในใจได้ น้ำเสียงสั่นเครือกล่าวออก “ท…ท่านผู้อาวุโส ว่า…ว่ากันว่าหยวนลั่วอวี่นายน้อยรองของตระกูลหยวนเป็นคนทำ…”
“ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าหยวนลั่วอวี่จะ… ช้าก่อน หยวนลั่วอวี่!?”
อู่เทียนฮ่าวที่กำลังเดือดดาล ฉับพลันราวกับถูกฟ้าผ่าลงกลางตัว รูม่านตาขยายกว้าง ร่างกายแข็งค้าง
[1] 1 เค่อ เท่ากับ 15 นาที