บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1080: สาเหตุ
ตอนที่ 1080: สาเหตุ
ผู้เฒ่าอินสูดหายใจลึก ๆ ไปทีหนึ่ง ก่อนจะกล่าวตามตรง “ไม่ผิด ข้าอยากจะลองดู!”
เขากวาดสายตามองดูทุกคนในเหตุการณ์ ความเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างเปิดเผย “ถึงแม้ภายในจิตวิญญาณของข้าจะมีเจตจำนงของเจ้าสำนักข้าเพียงเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอที่ฆ่าทุกคนในนี้ได้อย่างง่ายดาย!”
เขาเบนสายตามองไปที่ซูอี้อีกครั้ง และกล่าวขึ้นมา “ในเมื่ออย่างไรก็ต้องตาย เหตุใดปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจึงไม่แสดงความสามารถให้ข้าได้เห็นสักหน่อยเล่า?”
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ในสภาพร่อแร่ และวิถีเต๋าในตัวก็ยังถูกปิดกั้น
ทว่าเวลานี้ กลับแสดงท่าทีดูแคลนคนทั้งหมดออกมา
ซูอี้กล่าวเบา ๆ “เจตจำนงของเจ้าสำนักเจ้าเป็นหินลับมีดที่หาได้ยาก เอาเถอะ ประเดี๋ยวจะให้เจ้าได้เห็น”
พูดจบ เขาก็หัวเราะ
เพราะนึกถึงเรื่องที่ฆ่าเจตจำนงของ ‘จิตกร’ เมื่อสองครั้งก่อนขึ้นมา
แต่ละครั้ง ฝ่ายตรงข้ามล้วนมีท่าทีหยิ่งผยองสูงส่งราวกับพบเจอกับตัวเองเป็นครั้งแรก แต่ก่อนที่จะถูกตัวเองฆ่าตาย ท่าทีตื่นตระหนก โกรธเกรี้ยว และตะลึงงันนั้นช่างน่าขันยิ่งนัก
อย่างไม่ต้องสงสัย ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน!
ตราเจตจำนงความมุ่งมั่นดังกล่าวนี้ อย่างไรเสียก็เป็นเจตจำนงที่แปรเปลี่ยนจากพลังปราณ ไม่ใช่ร่างอวตาร
หินลับมีด!
สีหน้าของผู้เฒ่าอินบูดเบี้ยว ราวกับว่าสำหรับเขาแล้ววาจาดูหมิ่นดูแคลนของซูอี้เช่นนี้เป็นการหมิ่นประมาทอย่างใหญ่หลวง
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะคอยดู!”
ผู้เฒ่าอินกัดฟันเสียงดัง
ซูอี้ไม่สนใจเขาอีก จากนั้นจึงเบนสายตามองไปยังจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียว
ชั่วขณะนี้ จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวตัวสั่นสะท้านร่วงลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น พูดเสียงสั่น “ใต้เท้าซู! ลูกวัวน้อยสำนึกผิดแล้ว ข้าจะปรับปรุงตัว ล้างใจเป็นคนใหม่ ไม่กล้าทำผิดอีก! และลูกวัวน้อยยินดีที่จะทำความดีชดใช้ความผิด ชั่วชีวิตนี้ไม่ขออยู่ร่วมกับพันธมิตรเสวียนจวิน!”
ไม่รู้ว่าวัวกระทิงเฒ่าตนนี้มีชีวิตมานานเท่าใดแล้ว ชื่อเสียงเกรียงไกรไปทั่วหล้า
จักรพรรดิปีศาจสนแดงทนมองดูท่าทีสิ้นไร้ไม้ตอกเช่นนั้นต่อไปไม่ได้ ขายหน้า! ช่างขายหน้าเสียเหลือเกิน!
ทว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ตอนที่จัดการกับผู้อาวุโสสามคนของตระกูลหวังเมื่อก่อนหน้านี้ จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวมีบทบาทสำคัญยิ่ง ปิดกั้นหนทางหนีของฝ่ายตรงข้ามในทีเดียว
หลังจากครุ่นคิดสักครู่ จักรพรรดิปีศาจสนแดงก็กล่าวขึ้นเบา ๆ “ใต้เท้าซู ในการฆ่าแกงกันวันนี้ กระทิงเขียวตัวนี้เป็นเพียงแค่ตัวประกอบเท่านั้น อีกทั้งคำสั่งจากผีหมัวทำให้กระทิงเขียวตนนี้ไม่กล้าขัดคำสั่ง หากว่าเป็นไปได้ ผู้น้อยขอความกรุณา หวังว่าใต้เท้าซูจะสามารถไว้ชีวิตเขาสักครั้ง”
จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวแสดงสีหน้าซาบซึ้งออกมาในทันใด
ซูอี้พยักหน้าน้อย ๆ พลางกล่าว “โทษตายสามารถละเว้นได้ แต่โทษอยู่ไม่อาจละเว้น เห็นแก่สนแดง ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้กลับเนื้อกลับตัว”
จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวดีใจ โขกศีรษะกับพื้น “ขอบคุณใต้เท้าซู! ขอบคุณใต้เท้าซู!”
เขารู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่า ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ฆ่าคนอย่างเฉียบขาด เมื่อก่อนหน้านี้ เขาแทบไม่กล้าตั้งความหวังสักนิดว่าครั้งนี้จะสามารถรอดชีวิตได้หรือไม่
ทว่าตอนนี้ ยังคงรอดชีวิตกลับมาได้อย่างหวุดหวิด จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวซาบซึ้งใจจนอยากจะเงยหน้าร้องคำราม เพื่อแสดงความปีติยินดีที่อยู่ในใจ
ซูอี้กล่าว “เจ้าไปเก็บสมบัติล้ำค่ากับศาสตราวุธมาก่อน เมื่อข้าคิดออกแล้วว่าจะลงโทษเจ้าเช่นใดค่อยมารับโทษ”
จักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียวรีบรับคำสั่งและทำตาม
ส่วนซูอี้กลับประสานมือคารวะต่อจักรพรรดิปีศาจสนแดงพร้อมทั้งกล่าว “เรื่องในครั้งนี้ ยังดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้ากับบรรพตทมิฬ บุญคุณยิ่งใหญ่จารึกในใจ ข้าซูผู้นี้จะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน”
จักรพรรดิปีศาจสนแดงรีบกล่าว “ใต้เท้าซูทำเช่นนี้ผู้น้อยจะอายุสั้น เรื่องนี้เดิมทีเป็นสิ่งที่ผู้น้อยควรต้องทำอยู่แล้ว ใต้เท้าซูอย่าได้เกรงใจเลย!”
เมื่อก่อนนานมากแล้ว ตอนที่เขาอยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นสมบูรณ์ เคยพบกับปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินผู้มาเก็บโอสถบนหุบเขาแสนปีศาจ เขานำทางให้อีกฝ่ายและสุดท้ายยังช่วยหาโอสถตัวนั้นจนเจอ
คนทั้งสองจึงรู้จักกันนับแต่นั้น
และตอนที่ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจะจากไป ได้ทิ้งแผ่นหยกให้เขาแผ่นหนึ่ง ในนั้นเขียนบันทึกความรู้และข้อมูลบางอย่างของผู้ฝึกตนวิถีปีศาจเวลาที่พิสูจน์เต๋าสู่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ!
และก็เป็นเพราะแผ่นหยกชิ้นนี้ หลังจากนั้นเพียงแค่สามปี จักรพรรดิปีศาจสนแดงก็สามารถผ่านพ้นภัยพิบัติใหญ่ของขอบเขตสานพันธะลึกล้ำที่รอดยากมาได้ และกลายเป็นจักรพรรดิปีศาจสานพันธะลึกล้ำเพียงตนเดียวในหุบเขาแสนปีศาจแห่งนี้!
บุญคุณยิ่งใหญ่เช่นนั้น จักรพรรดิปีศาจสนแดงจะลืมได้เช่นใดกัน?
“สหายเต๋าสนแดงกล่าวถูกต้อง ใต้เท้าซูไม่ต้องเกรงใจพวกเราเลย”
จักรพรรดิปีศาจบรรพตทมิฬเดินมาหาจากอีกฝั่งหนึ่ง จากนั้นก็ประสานมือคารวะตอบกลับ
ซูอี้หัวเราะ และเขาก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก
ลำดับถัดมา เขาก็ถามอีกหลายคำถาม จึงเริ่มเข้าใจถึงที่มาที่ไปของการต่อสู้ในวันนี้
เมื่อครึ่งเดือนก่อน หลังจากที่ผีหมัวประกาศเป็นศัตรูกับซูอี้ในนามของพันธมิตรเสวียนจวินแล้ว เขาได้มีคำสั่งส่งตัวครุฑกับผู้เฒ่าอินมายังหุบเขาแสนปีศาจ และเริ่มสร้างกับดักในที่แห่งนี้
ส่วนตระกูลหวังแห่งแคว้นจง มีบทบาทในการเป็นตัวชักนำ
มีแต่ให้ตระกูลหวังของพวกเขาแพร่กระจายข่าวออกไปว่าหวังเชวี่ยถูกจับขังอยู่ในหุบเขาแสนปีศาจเท่านั้น จึงสามารถทำให้ซูอี้ไม่สงสัยความเท็จจริงของข่าวนี้ได้
สำหรับกับดักในครั้งนี้ ผีหมัวได้เตรียมการเอาไว้มากมาย
ขั้นที่หนึ่ง ไล่ล่าหวังจัวฝู่ จากนั้นก็ชักนำซูอี้ให้เข้าไปภายในหุบเขา
ขั้นที่สอง ตั้งค่ายกลในถิ่นของจักรพรรดิปีศาจกระทิงเขียว จากนั้นก็ให้ผู้อาวุโสตระกูลหวังสามคนนั้นแฝงตัวไปอยู่ข้างกายซูอี้
จุดที่สมควรพูดถึงคือหวังจัวฝู่ไม่รู้เรื่องเหล่านี้แม้แต่น้อย
ขั้นที่สาม ศึกใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ มันได้ใช้ภาพศึกรวมดาราของโรงวาดฤทัยเป็นตัวหลัก เพื่อรวมพลังของจักรพรรดิปีศาจทั้งเก้าเข้าด้วยกัน โดยมีครุฑควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดและปิดล้อมซูอี้เอาไว้
ส่วนไป๋อี้กับผู้อาวุโสตระกูลหวังทั้งสามที่ซ่อนอยู่ในกลอนทองเหลืองนั้น คือตัวอำพรางในกับดักครั้งนี้!
แน่นอน จุดสำคัญที่สุดของกับดักในครั้งนี้อยู่ที่มีผู้เฒ่าอินกับจักรพรรดิปีศาจสนแดงคอยดูแล!
เมื่อเผชิญหน้ากับกับดักที่มีอันตรายรอบด้านเช่นนี้ หากให้ตัวตนขอบเขตสานพันธะลึกล้ำคนอื่นเข้ามา ก็ไม่อาจหนีความตายไปได้!
แต่ สุดท้ายซูอี้ก็ยังคงเป็นฝ่ายชนะ
ผีหมัวที่คิดคำนวณมาอย่างดิบดีก็คิดไม่ออกว่า ผู้เฒ่าอินกับภาพศึกรวมดาราที่เขามองว่าเป็นตัวหลักในครั้งนี้ จะถูกพลังของซูอี้ควบคุมไว้ได้!
กล่าวได้อีกอย่างว่า กับดักร้ายกาจเช่นนี้อาจจะสามารถฆ่าตัวตนขอบเขตสานพันธะลึกล้ำคนอื่น ๆ ได้ก็จริง แต่ต่อหน้าซูอี้แล้วกลับไม่มีประโยชน์นัก!
นอกจากนี้ การแปรพักตร์ของจักรพรรดิปีศาจสนแดงกับจักรพรรดิปีศาจบรรพตทมิฬก็เป็นอีกตัวแปรหนึ่งเช่นกัน พวกเขาช่วยซูอี้จับตัวผู้เฒ่าอิน ทั้งยังจัดการกับผู้อาวุโสตระกูลหวังทั้งสามคนนั้นในทีเดียว
เช่นนี้ กับดักที่ถูกวางขึ้นเป็นอย่างดีจึงพังพินาศลง
“มิน่าเล่า ผีหมัวจึงให้ข้าซ่อนตัวอยู่ในสมบัติล้ำค่ากลอนทองเหลืองนั้นเป็นผู้ลอบฆ่า ที่แท้ เขาก็กลัวว่าข้าได้พบกับอาจารย์แล้วจะรู้ความจริง…”
ไป๋อี้พึมพำ เขายิ่งพูดก็ยิ่งละอายแก่ใจ รู้สึกอายจนไม่มีที่จะให้ซุกหน้า
เย่ลั่วตบไหล่เขา พลางกล่าวปลอบใจ “เรื่องนี้โทษเจ้าไม่ได้ ตอนนั้นแม้กระทั่งข้าก็ยังเชื่อคำของผีหมัว ไม่เคยสงสัยในสิ่งที่เขากระทำเลยแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้นตอนที่อยู่ภูมิมืดมิด ข้ายังเคยมองอาจารย์เป็นเหยื่อ อยากจะแย่งสมบัติล้ำค่าในมือของอาจารย์ด้วยซ้ำ”
พูดถึงท้ายสุด เขาก็ได้แต่ส่ายหน้า
ไป๋อี้นิ่งตะลึง ฉับพลันเอ่ยขึ้นมาช้า ๆ ทีละคำ “ข้าจะฆ่าผีหมัว!!”
เมื่อรู้ความจริงแล้ว ในใจของเขาพลันโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรง ความอาฆาตน่ากลัวแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา เคียดแค้นผีหมัวจนลึกถึงกระดูก
ซูอี้ถาม “จิ่นขุย ศิษย์พี่สี่ของเจ้าตอนนี้ยังอยู่ในพันธมิตรเสวียนจวินหรือไม่?”
ไป๋อี้พยักหน้าพลางกล่าว “ยังอยู่ขอรับ ข้าสงสัยว่า… ศิษย์พี่สี่ก็คงจะเหมือนกับข้า ถูกผีหมัวหลอกจนไม่รู้เรื่องรู้ราว”
พูดจบ เขาก็เล่าเรื่องราวในช่วงที่ผ่านมาให้ซูอี้ฟัง
ซูอี้จึงรู้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา ศิษย์ลำดับที่แปดผู้ชื่นชอบการต่อสู้ของตนเองคนนี้ถูกผีหมัวกักขังอยู่ในห้องขังมาโดยตลอด!
“เจ้านี่นะ ช่างโง่เสียจริง ๆ”
ซูอี้หมดคำจะพูด
ไป๋อี้ละอายใจเหลือเกิน “อาจารย์ ในใจของศิษย์ ศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักเปรียบดุจคนในครอบครัว แต่ไหนแต่ไรข้าก็ไม่เคยสงสัยใครคนไหนมาก่อน”
พูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมีแต่ความโศกเศร้าและขมขื่น “เพียงแต่ว่า หลังจากที่อาจารย์กลับชาติเกิดใหม่แล้ว ข้าจึงพบว่าทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว…”
ซูอี้รู้สึกสะเทือนใจ
ภาวะจิตของไป๋อี้นั้นเรียบง่ายที่สุด เปรียบได้ดังกระดาษขาว เป็นเพราะเขามองว่าถ้ำเสวียนจวินเป็นบ้านของตัวเอง จึงได้เชื่อคำของผีหมัวโดยไม่เคยแม้แต่จะสงสัย
เวลานี้ หวังจัวฝู่ก็พาผู้อาวุโสตระกูลหวังทั้งสามคนเดินมา
สีหน้าของหวังจัวฝู่ไม่สู้ดีนัก ท่าทีของเขาสลดหดหู่
เขาโค้งคำนับต่อซูอี้ พลางกล่าวด้วยความละอายแก่ใจ “เรียนใต้เท้าซูตามตรง กับดักในวันนี้ ตระกูลหวังแห่งแคว้นจงของข้า… ได้ร่วมมือกับผีหมัวเพื่อต่อสู้กับท่านจริง ๆ”
ซูอี้คาดไว้แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ เขาจึงทำเพียงพยักหน้าพลางกล่าว “ในฐานะที่เจ้าเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลหวัง กลับไม่รับรู้เรื่องอันใด หากให้คาดเดาจากเรื่องนี้ ตระกูลหวังของพวกเจ้าจะต้องเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน”
หวังจัวฝู่กล่าวด้วยจิตใจที่กลัดกลุ้ม “มีปัญหาใหญ่จริง ๆ ขอรับ เมื่อนานมากแล้ว ผู้อาวุโสบางส่วนที่เป็นหัวหน้าตระกูลติดต่อกับผีหมัว พวกเขาเป็นผู้สร้างข่าวการตายอย่างน่าสมเพชของหวังเชวี่ยในหุบเขาแสนปีศาจ”
ตามที่พวกเขากล่าวมา เมื่อหลายร้อยปีก่อน หวังเชวี่ยถูกผู้อาวุโสในตระกูลกักขังไม่ให้ออกจากบ้าน ซ่อนตัวเขาไว้ พร้อมกับบอกคนภายนอกว่าหวังเชวี่ยตายอย่างน่าสมเพชในหุบเขาแสนปีศาจ แม้กระทั่งโคมชะตาวิญญาณก็ยังดับไปด้วย
เรื่องนี้ นำมาซึ่งความตื่นตระหนกต่อทุกคนในตระกูลหวังแห่งแคว้นจง
สาเหตุที่ผู้อาวุโสของตระกูลหวังทำเช่นนี้ ก็เพราะทำตามที่ผีหมัวสั่งลงมา ให้เก็บหวังเชวี่ยไว้และนำออกมาใช้อีกครั้งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม!
พูดง่าย ๆ ก็คือ ตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน ผีหมัวมองหวังเชวี่ยเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น โดยตั้งใจว่าจะนำมาใช้ประโยชน์ในวันข้างหน้า!
ทว่าวันนี้หลังจากที่ผ่านไปหลายร้อยปี เมื่อผีหมัวใช้หวังเชวี่ยเป็นเหยื่อล่อ กับดักที่ถูกเตรียมมาเพื่อฆ่าซูอี้เป็นการเฉพาะจึงได้สำแดงฤทธิ์เดชในหุบเขาแสนปีศาจแห่งนี้
………………..