บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1083: ทั้งรักทั้งเกลียด?
ตอนที่ 1083: ทั้งรักทั้งเกลียด?
หญิงสาวยกหัตถ์หยกของนาง รวบเรือนผมยาวยุ่งเหยิงไว้ ทำให้ใบหน้าจิ้มลิ้มของนางดูงดงามยิ่งกว่าเดิม
มุมปากของนางยกยิ้มขี้เล่น “แน่นอนว่าเป็นศิษย์เอกผู้กตัญญูของพี่ซูนั่นแหละ”
ซูอี้หรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะกล่าวกับตนเอง “ที่แท้ผีหมัวก็มองเจ้าเป็นตัวปิดท้ายการล่าสังหารครั้งนี้”
หญิงสาวถอนใจกล่าว “ไม่ใช่ว่าเขาบอกข่าวนี้กับข้าเพื่อยืมมีดฆ่าคนหรอก ก่อนหน้านี้ทั่วหล้ามหาแดนดิน มีผู้ใดบ้างที่ไม่รู้ว่าข้าเกลียดเจ้าเข้ากระดูก ถึงขึ้นบุกเข้าไปในถ้ำเสวียนจวินมาเจ็ดหนแล้วบ้าง?”
ทันทีที่วาจานี้ถูกกล่าว ร่างของไป๋อี้และเย่ลั่วซึ่งอยู่ห่างออกไปพลันชะงักนิ่ง และพลันนึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา
จักรพรรดิมารสวรรค์!
หนึ่งในสี่ขั้วมหาแดนดิน บรรพชนของสำนักแดนอสูรปรีดี จักรพรรดิผู้เป็นที่รู้จักแสนนานในวิถีมาร แข็งแกร่งเหนือสรรพชีวิตในโลกหล้า!
ในกาลก่อน ปรมาจารย์แห่งวิถีมารผู้นี้ได้ก้าวเข้ามาในถ้ำเสวียนจวินเพื่อประชันกับอาจารย์ของพวกเขา ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินเจ็ดครั้ง
ทว่าจักรพรรดิมารสวรรค์ล้วนกลับไปพร้อมกับความพ่ายแพ้ทุกคราไป!
พวกเขารู้เพียงว่าจักรพรรดิมารสวรรค์ผู้ถูกมองเป็น ‘ปรมาจารย์แห่งวิถีมาร’ โดยผู้ฝึกตนมารทั่วโลกหล้าจะทิ้งวาจามาดร้ายไว้ทุกครั้งยามจาก กล่าวไว้ว่ามาเยือนหนหน้า นางจะปราบอาจารย์ของพวกเขาลง
เพราะตลอดมาแต่บรรพกาล แทบไม่มีผู้ใดได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของจักรพรรดิมารสวรรค์
บางคนกล่าวว่านางทรงเสน่ห์สง่างาม สูงส่งดุจนางเซียน
บ้างก็กล่าวว่านางงดงามพราวเสน่ห์ สะกดใจทุกผู้คน กระทั่งหัวใจพุทธะแข็งแกร่งดั่งหินก็ยังหยุดเสน่ห์ไร้ใดเปรียบของนางมิได้ และตกสู่วิถีมารในพริบตา
บางคนยังกล่าวไว้ว่านางมีตัวตนนับหมื่นพัน ชอบเล่นสนุกไปทั่วหล้า บางทีผู้ที่ได้พานพบอย่างไม่ได้ตั้งใจอาจเป็นหนึ่งในร่างจำแลงของนางก็ได้
กล่าวสั้น ๆ ก็คือ คำร่ำลือเกี่ยวกับจักรพรรดิมารสวรรค์ล้วนเปี่ยมปริศนาและแตกต่างกันออกไป
เพราะเหตุนี้ เมื่อเห็นสตรีร่างมอมแมมปรากฏกายขึ้น จึงไม่มีผู้ใดเชื่อมโยงนางกับตัวตนระดับปรมาจารย์เช่นจักรพรรดิมารสวรรค์เลย
ไป๋อี้และเย่ลั่วมองหน้ากัน หัวใจสั่นสะท้าน กระทั่งกังวลเล็กน้อย
‘จักรพรรดิมารสวรรค์’ แห่งสำนักแดนอสูรปรีดีนี้คือตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิ! เป็นจักรพรรดิที่แท้จริงเหนือเหล่าจักรพรรดิ!
หากนางฉวยโอกาสนี้โจมตีอาจารย์…
ทันทีที่ทั้งคู่คิดเช่นนี้ หญิงสาวซึ่งอยู่ห่างไปไม่มากนักก็กล่าวขึ้น
“โชคร้ายที่โลกนี้รู้น้อย ไม่รู้ว่าข้าและพี่ซูมีความสัมพันธ์ทั้งรักทั้งเกลียด เจ้าหนูผีหมัวนั่นจะไปรู้เช่นไรว่าข้ากังวลแทบตายว่าพี่ซูจะไม่กลับมา ข้าจะอยากฆ่าพี่ซูได้เช่นไร?”
ไป๋อี้และเย่ลั่วมองหน้ากัน
ปรมาจารย์แห่งวิถีมารผู้นี้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแห่งโลกหล้าแสนนาน ทว่ายามนี้กลับเรียกเขาพี่ซู หากเป็นผู้ไม่รู้เรื่องภายในคงไม่เข้าใจว่ามีสิ่งใดผิดแปลก แต่ผู้ที่รู้เรื่อง เกรงว่าคงไม่อยากเชื่อหูตน!
ยามนี้ เมื่อพวกเขาได้ยินหญิงสาวเรียกผีหมัวว่า ‘เจ้าหนู’ และเห็นสีหน้าของไป๋อี้และเย่ลั่วเปลี่ยนแปรไป จักรพรรดิปีศาจสนแดงและคนอื่น ๆ ต่างตระหนักขึ้นมาว่าหญิงสาวผู้นี้น่าจะเป็นตัวตนบรรพกาลผู้มีชีวิตแสนนาน!
ยิ่งกว่านั้นยังมีความอาวุโสไม่ด้อยไปกว่าปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน!
“ทั้งรักทั้งเกลียด?”
ซูอี้แค่นเสียงเย็นชา “ว่าไปนั่น แต่ระหว่างเราเคยมีความผูกพันทางความรู้สึกกันด้วยหรือ?”
กล่าวจบ เขาก็มองไปทางทุกคนที่อยู่ห่างออกไป และกล่าวกับนาง “เจ้าตามข้ามา”
ซูอี้ก้าวเดินห่างออกไป
เสียงของหญิงสาวแผ่วเบาหยอกล้อ
ทว่า เมื่อเห็นซูอี้เดินจาก นางก็ยังเดินตาม
จนกระทั่งเมื่อร่างของทั้งสองหายไปในราตรีกาล ไป๋อี้ เย่ลั่วและคนอื่น ๆ จึงผ่อนหายใจยาวอย่างโล่งอก
“ไม่คาดเลยว่าจะเป็นตัวตนร้ายกาจผู้นี้”
เย่ลั่วพึมพำ
ในมหาแดนดิน ตัวตนในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำไม่ได้มีน้อยนัก
ทว่าตัวตนบรรพกาลซึ่งก้าวสู่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นสมบูรณ์แบบนั้นมีเพียงหยิบมือ!
และจักรพรรดิมารสวรรค์แห่งสำนักแดนอสูรปรีดีก็คือหนึ่งในนั้น
ฐานะของนางเทียบได้กับตัวตนบรรพกาลเยี่ยงหลวงจีนเยี่ยนซินแห่งแดนบูรพาน้อย และ ‘ปรมาจารย์เผิง’ แห่งแดนลี้ลับขั้นเก้า!
“มิน่าเล่า ยามข้าเผชิญหน้านางก่อนหน้านี้ เพียงฟังเสียงก็กระทบถึงวิถีเต๋าของข้าแล้ว…”
เย่ลั่ว “…”
จักรพรรดิปีศาจสนแดงและคนอื่น ๆ ล้วนละอายยามได้ยินเช่นนี้
ก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ถูกหยอกเย้าจนหัวใจสั่นคลอน เลือดลมปั่นป่วนมาเช่นกัน
“พี่ชายร่วมวิถีทั้งสอง หรือพวกเจ้าจะมองที่มาของสตรีผู้นั้นออกหรือ?”
จักรพรรดิปีศาจบรรพตทมิฬอดถามไม่ได้
เย่ลั่วสงบใจ แล้วส่งกระแสเสียงให้ทุกคนฟังราวกับกลัวว่าจะมีใครมาได้ยินเข้า “นั่นคือบรรพชนแห่งสำนักอสูรปรีดี ปรมาจารย์แห่งวิถีมารผู้เป็นที่บูชาของเหล่ามาร”
ทันทีที่วาจาถูกกล่าว สนแดง บรรพตทมิฬ กระทิงเขียว หวังจัวฝู่และคนอื่น ๆ ล้วนตะลึงงันราวถูกฟ้าผ่า
…
สายน้ำหลั่งรินประดับดาวสะท้อนคลื่น
ที่ริมธาร ซูอี้หยิบน้ำเต้าสุราขึ้นดื่ม กล่าวขึ้นว่า “เอาล่ะ หากเจ้าอยากลงมือก็เข้ามา”
ซูอี้ถอนใจเบา ๆ “ที่นี่ไร้ผู้อื่น ไม่ต้องแสร้งทำอ่อนแอหรอก โลกหล้าไม่รู้นิสัยและหน้าตาเจ้า แต่ข้าไม่รู้หรือไร? ตัวตนระดับผู้นำเช่นเจ้าแสร้งทำตัวน่าสงสาร ไม่กลัวเสียหน้าสำนักอสูรปรีดีหากเรื่องแพร่หรือไร?”
หญิงสาวแค่นเสียงขำ รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากชุ่มฉ่ำสีชมพูของนาง “ตลอดมา ข้าพ่ายแพ้แก่เจ้าเจ็ดหน ถูกเจ้าตีมาก็เจ็ดหน ความลับบนร่างข้า พี่ซู เจ้าก็รู้ทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว ข้าจึงพูดว่าเจ้าคือผู้ที่เข้าใจข้าที่สุดในโลกนี้”
เสียงนุ่มนวลนั้นฟังราววจีแห่งธรรมชาติ ชวนให้ผู้ฟังอ่อนระทวย คำยั่วเย้าในวาจารื่นหูเพิ่มความคลุมเครือให้บรรยากาศ
หากเปลี่ยนผู้ฟังเป็นผู้ฝึกตนอื่น ๆ พวกเขาคงหลงใหลคิดไปไกลแน่แท้
ซูอี้ปวดเศียร และมุมปากกระตุกยิก ๆ
นางมารผู้นี้ยังคงพูดจาสองแง่สามง่ามไม่ต่างจากเมื่อก่อน
ทว่าซูอี้เองก็รู้กระจ่างว่าอุปนิสัยของนางมารผู้นี้แปรเปลี่ยนไปตามบุคคล เป็นเช่นหนึ่งยามเผชิญหน้าเขา ยามเผชิญหน้าผู้อื่นก็มีอีกโฉมหน้า
“เป็นเช่นพี่ซูว่า สำหรับข้าแล้ว ยามนี้เป็นกาลอันสมบูรณ์แบบที่สุดที่ข้าจะปราบเจ้าลง”
ทันใดนั้น หญิงสาวก็แย้มยิ้ม เดินมายังริมธาร ยืนเคียงบ่ากับซูอี้
นางจ้องรูปลักษณ์งดงามที่สะท้อนในสายธารของนาง “แต่ข้าก็บอกไปแล้วเมื่อกาลก่อน ว่าข้าจะไม่ฉวยโอกาสยามเจ้าเพลี่ยงพล้ำเพื่อประมือ ซูเสวียนจวิน และเจ้าก็อาจมีไพ่ตายรอจัดการกับข้าอยู่แล้ว แค่หากให้คิดเรื่องวิถีเต๋าอย่างจริงจัง เจ้าย่อมไม่ใช่คู่ต่อกรของข้า”
และบรรยากาศรอบตัวนางเองก็แปรเปลี่ยนอย่างมหันต์ ร่างบอบบางยืนตรง ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่สง่างาม เป็นหนึ่งในโลกหล้า
“ระหว่างขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำและมหาจักรพรรดินั้นแตกต่างกันอย่างมากจริงแท้”
ซูอี้กล่าวอย่างสุขุม “ข้าในขอบเขตหาจักรพรรดิเคยเป็นที่เคารพ และแน่นอนว่าข้ารู้ว่ายามนี้ หากคิดประมือกับเจ้า ข้าก็ต้องทุ่มสุดตัว งัดทุกไพ่ตาย แต่หากเป็นเช่นนั้น ระหว่างเราสองต้องมีผู้หนึ่งปลิดปลิว”
หญิงสาวยิ้มหวาน ดวงตาพร่างดาวลึกล้ำทอประกาย กล่าวพลางมองจ้องซูอี้ “ก่อนหน้านี้ ข้ากังวลอยู่ว่าหลังเวียนวัฏสงสาร เจ้าซูเสวียนจวินจะกลายเป็นคนอื่นไปหรือไม่ ทว่ายามนี้… ข้าโล่งใจแล้ว”
ว่าพลาง นางก็ปลดอาภรณ์ของตนโดยไม่สนใจว่าซูอี้จ้องอยู่ใกล้ ๆ และในพริบตา นางก็เปลือยเปล่า
ร่างสะโอดสะองขาวผ่องดุจหิมะถูกเผยแก่โลกหล้า สะท้อนในคลองจักษุของซูอี้
ทว่านางไม่ได้ใส่ใจ เรียวขาเพรียวบางดุจหยกก้าวไปเบื้องหน้า ยุรยาตรสู่ธารใส
เมื่อมองจากด้านหลัง บ่าของนางตรงดุจมีด เอวบางคอระหง แผ่นหลังสง่าเคลื่อนฤทัย บั้นท้ายอวบดุจจันทราคืนเพ็ญ…
จ๋อม~
ร่างของหญิงสาวจมลงในน้ำ เหยียดร่างสบายใจ เผยเพียงใบหน้างามของนาง
แม้จะถูกซูอี้จับจ้องแต่ต้นจนจบ นางก็ไร้ซึ่งความรู้สึกละอาย กระทำตนเป็นธรรมชาติ
กล่าวอีกนัยก็คือ นางไม่ถือที่ถูกซูอี้จ้องมองแต่อย่างใด
ซูอี้เองก็ย่อมไม่ได้หลบตา
ทว่าภาพเปลือยของหญิงสาวอันงดงามเมื่อครู่ทำเขาตะลึงไปชั่วขณะ หัวใจเต้นระทึกไม่เป็นส่ำ
“พี่ซู อยากอาบน้ำด้วยกันหรือไม่?”
หญิงสาวในลำธารแย้มยิ้มเอ่ยชวน
รอยยิ้มของนางงดงาม ดวงตาอันอ่อนช้อยราวเทพธิดาจากเก้าสวรรค์ร่วงหล่นสู่แดนโลกีย์ งดงามจนโลกหล้าหม่นรัศมี
ในสายตาของซูอี้ นี่คือภาพอันงดงามตรึงตราสลักใจจริงแท้
แต่ไม่นานนัก ดวงตาของเขาก็เหลือบมองที่แขนขวาของหญิงสาว และที่ปลายแขนขาวดุจงาช้างนั้นมีโซ่ตรวนสีดำอันบางเฉียบราวผ้าไหมอยู่
หากนับดี ๆ จะพบว่ามีถึงสิบสามเส้น
นั่นคือ ‘ตรวนมารวิถีต้องห้าม’!
“ไม่ได้พบกันแสนนาน ตรวนมารวิถีต้องห้ามเพิ่มมาสี่เส้นอีกแล้ว เจ้ารั้งวิถีเต๋าของเจ้าจะไม่อยู่แล้วหรือ?”
ซูอี้เลิกคิ้วเล็กน้อย
หญิงสาวตะลึงไปชั่วขณะ กัดริมฝีปากสีชมพูของนางเบา ๆ ก่อนจะกล่าวอย่างขุ่นเคือง “เรือนร่างของข้ามีจุดงดงามตั้งมากมาย แต่เจ้ากลับมองข้ามมัน ไปสนใจวิถีเต๋าของข้าแทนเพื่อการใดกัน?”
ซูอี้ถูหว่างคิ้ว “งั้นไม่สนก็ได้”
กล่าวจบ เขาก็หันหลังจากไป
“ช้าก่อน!”
หญิงสาวว่า “ซูเสวียนจวิน หากเจ้ากล้าไป ข้าจะไม่สนใจเรื่องฉวยโอกาสยามอันตรายแล้วนะ ข้าจะพาเจ้ากลับไปอุ่นเตียงให้ข้าวันนี้เลย!”
อุ่นเตียง?
ซูอี้หัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนจะหันหลังจากไป
เขาหรือจะใส่ใจคำขู่นี้?
ทว่าเมื่อจากไปได้ครึ่งทาง เสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เอาล่ะ พอแล้ว เจ้าซูเสวียนจวินยอดเยี่ยมที่สุด ข้ายอมรับ ข้าไม่แหย่เจ้าแล้ว ดีหรือไม่?”
ในน้ำเสียงมีความจนใจและโทสะเจืออยู่นิดหน่อย
ซูอี้หันกลับไปมอง และพบว่าหญิงสาวในลำธารกัดฟันกรอดอย่างขุ่นเคืองราวอยากกินเขาเข้าไปทั้งเป็น
ซูอี้อดหัวเราะไม่ได้ ไพล่มือไว้เบื้องหลังและเดินกลับมา “เกรงว่าข้าจะพอเดาได้แล้วว่าเจ้ามาครานี้ ต้องการอันใดจากข้า!”
………………..