บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 109 ราคาสำหรับการคุกเข่า
กว่าจะขึ้นเป็นยักษ์ใหญ่แห่งโลกใต้ดินฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของมหานครอวิ๋นเหอ อู่เทียนฮ่าวได้สร้างวีรกรรมมากมาย ใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชน ชื่อเสียงที่ได้มาไม่ใช่ของปลอมแต่อย่างใด
แต่ในขณะนี้ เหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วผุดไหลจากหน้าผาก มองพ่อบ้านด้วยสีหน้าแข็งค้าง หยวนลั่วอวี่?
พ่อบ้านคุกเข่าลงพื้น น้ำเสียงสั่นเทากล่าวออก “นายท่าน ถูกต้องแล้ว เป็นนายน้อยคนที่สองของตระกูลหยวน!”
ด้วยเสียงอื้ออึง อู่เทียนฮ่าวรู้สึกคล้ายกับหัวกำลังจะระเบิด ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท
แม้ว่าท่าทีจะยังดูสงบ แต่หัวใจเต้นแรงราวกับกลองศึก
ในมหานครอวิ๋นเหอมีตระกูลหยวนเพียงครอบครัวเดียว!
ในตระกูลหยวน มีนายน้อยคนที่สองเพียงคนเดียวเช่นกัน!!
…นั่นคือหยวนลั่วอวี่!!!
ทันใดนั้น อู่เทียนฮ่าวหวนนึกถึงบางอย่างได้ จึงเอ่ยถาม “พัดของข้า… มันไปปรากฏต่อหน้านายน้อยรองตระกูลหยวนได้อย่างไร?”
พ่อบ้านกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ถ้อยคำกล่าวออก “จากปากคำกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ ครั้งพวกเขาเดินทางไปพบฆาตกรผู้นั้น นายน้อยหยวนก็อยู่ในสถานที่นั้นเช่นกัน…”
หา!
อู่เทียนฮ่าวอ้าปากค้าง
เขาทราบถึงนิสัยของพวกอันธพาลพยัคฆ์ทมิฬเป็นอย่างดี แทบไม่ต้องคิดสิ่งใดก็รู้ว่า กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอวดอ้างอำนาจพัดของเขา แต่มันกลับสร้างความขุ่นเคืองแก่หยวนลั่วอวี่โดยไม่ตั้งใจ
ไอ้พวกโง่เง่าเหล่านั้น…
อู่เทียนฮ่าวฝึกฝนจิตใจมาหลายปี แต่ในตอนนี้เขาแทบอยากสบถถ้อยคำหยาบคายออกมา
“นายท่าน นายน้อยรองตระกูลหยวนเอ่ยคำด้วยว่า ท่านต้องไปพบเขาด้วยตนเองเพื่อ…เพื่อ…”
พ่อบ้านกล่าวถ้อยคำติดขัดทันใด
“คงไม่พ้นให้ข้าไปขอโทษ ในมหานครอวิ๋นเหอ ไม่ว่าหน้าข้าจะใหญ่เพียงใด อู่เทียนฮ่าวผู้นี้ในสายตานายน้อยรองตระกูลหยวนก็ไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่ง…”
อู่เทียนฮ่าวถอนหายใจ ความรู้สึกมากมายทับซ้อนอยู่ในใจ
คนอื่นอาจมองเขาเหมือนดุจดั่งขุนเขาสูงชันไร้ที่ติ แต่ใครจะรู้บ้างว่า ในสายตาของเหล่าตระกูลชั้นสูง กลุ่มกำลังใต้ดินนั้นไม่ต่างอะไรกับมดปลวก จะบี้ให้บดแบนติดพื้นอย่างไรก็ได้
“ทว่าที่ผ่านมาข้าคบหาสหายผู้ทรงอำนาจมามากมาย การไปขอโทษด้วยตนเอง ตราบใดที่แสดงความจริงใจมากพอ นายน้อยรองตระกูลหยวนคงไม่เอาเรื่องราวต่อข้ามากถึงชีวิต”
อู่เทียนฮ่าวครุ่นคิดไตร่ตรอง เริ่มหาวิธีการทำสิ่งนี้อย่างสมบูรณ์แบบเพื่อความปลอดภัย
ยิ่งไปกว่านั้น หากเปลี่ยนเรื่องร้ายนี้ให้กลายเป็นดีได้ บางทีอนาคตของเขาจะยิ่งรุ่งโรจน์มากกว่าเดิม
ทว่าพ่อบ้านที่คุกเข่าบนพื้นพลันนึกบางสิ่งออก รีบเอ่ยถ้อยคำออกอย่างลนลาน “น…นายท่าน นายน้อยรองตระกูลหยวนบอกอีกว่าเขาต้องการให้ท่านรีบไปขอขมาที่ตรอกน้ำเต้า โดยให้เวลาเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น หาไม่แล้ว เขาจะพาคนบุกเข้ามาทำลายที่นี่ทิ้ง…”
หลังจากบอกกล่าวประโยคทั้งหมดภายในหนึ่งลมหายใจ พ่อบ้านก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่เพราะแทบหมดลม
อู่เทียนฮ่าวรู้สึกเหมือนถูกกระแทกศีรษะอย่างแรง ใบหน้าชราซีดขาว หนังศีรษะกระตุกคล้ายจะระเบิด มือและเท้าสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุม
ไม่กี่วันก่อน ครั้งที่หลู่เฉวียนผู้นำกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬมาร้องขอให้ช่วย เขาไม่ได้นำมาใส่ใจมากนัก และคิดเพียงฉวยโอกาสนี้เพื่อให้ได้ผลประโยชน์บางอย่าง
ทว่าตอนนี้…
อู่เทียนฮ่าวรับรู้ได้ถึงภัยพิบัติใกล้เข้ามา!
เขาจัดการสิ่งต่าง ๆ อย่างใจเย็นมาตลอดหลายปี แต่คราวนี้กลับตื่นตระหนกอย่างแท้จริง ไม่เหลือความคิดเฉียบแหลมอันสง่างาม สงบเสงี่ยม เปี่ยมล้นด้วยกลยุทธ์อีกต่อไป
เปรี้ยง!
เขาตบโต๊ะด้านหน้าด้วยฝ่ามือ อู่เทียนฮ่าวเต็มไปด้วยความโกรธเคือง สีหน้าเผยจิตสังหารแรงกล้า ฟันกรามขบกันแน่นก่อนกล่าวถ้อยคำเสียงดัง “เจ้าสารเลวหลู่เฉวียน บังอาจนำภัยมาถึงตัวข้า! จริงอยู่ที่ผู้เฒ่าชราคนนี้ไม่ได้จับดาบฆ่าฟันมาหลายปี แต่คิดว่าข้าจะจับไม่ได้อีกแล้วงั้นหรือ!?”
พ่อบ้านกล่าวออกพร้อมน้ำตาไหลริน “นายท่าน เราควรทำอย่างไรดี?”
หญิงสาวด้านข้างหวาดกลัวจนใบหน้าซีดเผือด ทรุดตัวลงนั่งแข็งค้าง ใบหน้าที่เคยงดงามขาดสี
แลเห็นภาพนี้ อู่เทียนฮ่าวยกมือขึ้นชี้ไปทางหญิงสาววัยละอ่อน ถ้อยความเคืองโกรธกล่าวออก “แสดงสีหน้าย่ำแย่เช่นนี้ เจ้าคิดวางแผนจะไปงานศพข้ารึ? ไสหัวออกไปซะ!”
หญิงสาวตกใจจนล้มคลานออกไป
เป็นเพียงเพราะความขุ่นเคืองในใจอย่างถึงที่สุด อู่เทียนฮ่าวที่เพิ่งกล่าวคำอ่อนหวาน แต่ตอนนี้เขากลับหาว่าสีหน้านางนั้นหมองเศร้าราวกับไว้ทุกข์!
ขึ้นชื่อว่าบุรุษ ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ ก็ล้วนท่าดีทีเหลว!
อู่เทียนฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึก ฟื้นคืนท่าทีบุรุษผู้น่าเกรงขามอีกครั้ง ถ้อยคำเด็ดขาดกล่าวออก “ไปยังคลังก่อน แล้วส่งคนให้ขนสมบัติทั้งหมดของข้าออกมา!”
“คราวนี้จะต้องไม่มีการสูญเสียเลือดเนื้อ ไม่สำคัญว่าข้าต้องเสียหน้า มันมีโอกาสอยู่มากที่ข้าจะถูกโยนลงสู่ขุมนรก หากเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น ครอบครัวของข้าจะต้องพังพินาศ แล้วท้ายที่สุดเมื่อข้าตายจาก พวกหมาป่าในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้จะไม่กัดกินเพื่อแย่งชิงตำแหน่งได้อย่างไร?”
พ่อบ้านพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว
อู่เทียนฮ่าวกล่าวถ้อยคำด้วยจิตสังหาร “ไปบอกจงเหวิน ให้เขาพาคนไปที่กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องนำหัวของหลู่เฉวียนมาให้ข้า!”
“ขอรับ!”
พ่อบ้านพยักหน้ารับครั้งแล้วครั้งเล่า
อู่เทียนฮ่าวเดินจากไปโดยไม่ลังเล
แม้ท่าทีจะสงบนิ่ง แต่แผ่นหลังกลับดูอ้างว้างยิ่ง
ภายในใจเกิดความสงสัยอันเปี่ยมล้น
เจ้าหนุ่มโหดเหี้ยมผู้นั้นและคนหนุ่มขาพิการอีกคนในถนนต้นหลิว พวกมันเป็นใครกันแน่?
…
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ
อู่เทียนฮ่าวควบม้าอย่างรวดเร็วเข้ามาถึงตรอกน้ำเต้า
เมื่อถึงหน้า ‘เรือนเงียบสุขสงบ’ เขาพลิกตัวลงจากหลังม้าในทันใด สูดหายใจเข้าลึกก่อนโค้งคำนับ ถ้อยคำเคร่งขรึมกล่าวออก “ผู้น้อยเฒ่าชราอู่เทียนฮ่าว มาชดใช้ความผิดแล้ว!”
ประตูลานบ้านเปิดรอไว้แล้ว
จากมุมมองของอู่เทียนฮ่าว เขามองเห็นร่างของหยวนลั่วอวี่ที่ยืนอยู่ในลานบ้านอย่างชัดเจน ทั้งยังเห็นหยวนลั่วซีและเฉิงอู้หย่ง
ในเวลานี้ ความหวังสุดท้ายในใจแตกสลายอย่างสมบูรณ์ ความหนาวสะท้านแผ่ไปทั่วร่างกายจนสั่นเทา
หยวนลั่วซี!
ไข่มุกล้ำค่าของผู้นำตระกูลหยวน
เฉิงอู้หย่ง!
ผู้อาวุโสต่างสกุลของตระกูลหยวน ปรมาจารย์ขอบเขตรวบรวมลมปราณขั้นสมบูรณ์แบบ
เมื่อพบเห็นสามคนสำคัญจากตระกูลหยวน อู่เทียนฮ่าวรู้สึกราวกับกำลังถูกขุนเขาสามลูกกดทับ แรงกดดันที่ทับถมลงมา แทบทำให้กระดูกสันหลังหัก!
“ไม่น่าแปลกใจ จ้าวโลกใต้ดินผู้ยิ่งใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิด ไม่ได้ต่างอะไรกับสุนัขเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอำนาจที่แท้จริง”
หวงเฉียนจวินลอบถอนหายใจ
ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งเค่อ อู่เทียนฮ่าวผู้ครองบัลลังก์อันดับหนึ่งแห่งโลกใต้ดินทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง ทำได้เพียงก้มศีรษะคำนับ!
ภายในศาลา ซูอี้ที่นอนอยู่บนเก้าอี้หวายหลับตา ไตร่ตรองถึงความลึกลับทางจิตวิญญาณบางอย่างของ ‘เพลงดาบมหามิติพรากวิญญาณ’
ครั้งสุดท้ายที่อยู่บนเรือ ด้วยอำนาจลึกลับของวิชานี้ ทำให้เขาทำลายวิญญาณของปรมาจารย์วิถียุทธ์ได้ด้วยดาบเดียว
แต่หลังจากใช้วิชาลับนี้ พลังวิญญาณในร่างเหือดแห้งจนแทบหมดสิ้น
อย่างไรก็ตาม ด้วยการขัดเกลาดวงจิตโดย ‘เคล็ดวิชาเขากลายสู่อิสระ’ ทั้งวันคืนโดยตลอด จนถึงขณะนี้เขาเริ่มค้นพบความลึกลับบางอย่างของเพลงดาบมหามิติพรากวิญญาณบ้างแล้ว!
เฝิงเสี่ยวหรานนั่งด้านข้างอย่างเชื่อฟัง ขณะที่คอยพัดให้ซูอี้
ทั่วทั้งลานบ้าน มีเพียงเฝิงเสี่ยวเฟิงและอาเฟยเท่านั้นที่ดูประหลาดใจ ในฐานะผู้ที่เติบโตขึ้นมาในถนนต้นหลิว พวกเขาจะไม่รู้ถึงพลังอำนาจของอู่เทียนฮ่าวได้อย่างไร?
แต่ตอนนี้ อู่เทียนฮ่าวเปรียบเสมือนสุนัขแก่ รีบร้อนมาชดใช้ความผิดของตนเอง!
มีเพียงความเงียบงัน
ไม่มีใครสนใจอู่เทียนฮ่าว ราวกับเมินเฉยต่อตัวตนของเขา
ด้วยสถานการณ์ที่ถูกเพิกเฉย ยิ่งทำให้หัวใจของอู่เทียนฮ่าวหนักอึ้ง เม็ดเหงื่อผุดออกทั่วทั้งหน้าผาก
“ผู้เฒ่าชรารู้ความผิด ในใจรับรู้ถึงความหวาดเกรง หวังว่าจะได้ชดเชยสิ่งผิดพลาดด้วยความจริงใจ!” สิ้นเสียง ฟันกรามอู่เทียนฮ่าวขบกันแน่น เขากวักมือเรียกผู้คนที่อยู่ไม่ไกล
พ่อบ้านของเขาเดินเข้ามา มือถือกล่องทองสัมฤทธิ์สูงสองฉื่อ
ตุบ!
อู่เทียนฮ่าวเปิดกล่องทองสัมฤทธิ์และวางลงบนพื้นด้านหน้า ภายในกล่องบรรจุสมบัติล้ำค่าที่สุดจากของสะสมตลอดชั่วชีวิตที่ผ่านมา รวมถึงสมุนไพรวิญญาณระดับสามที่หาได้ยากยิ่ง และวัตถุวิญญาณที่มีคุณค่าเหลือคณานับ
คุณค่าของเหล่านี้ทั้งหมด แม้แต่ปรมาจารย์วิถียุทธ์ยังต้องอิจฉา!
หลังจากนั้น อู่เทียนฮ่าวก็โค้งคำนับอีกครั้ง แล้วถ้อยคำกล่าวออก “สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความจริงใจของข้าผู้น้อย ข้าหวังว่าพวกท่านทุกคนจะใจเย็นลง!”
เมื่อเห็นผู้เป็นนายที่ครองอำนาจมาหลายปีกลับเผยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน พ่อบ้านด้านข้างพลันคร่ำครวญด้วยความหวาดกลัว
นี่คือพลังอำนาจแห่งตระกูลหยวน ช่างน่าเกรงขามยิ่ง!
สิ่งที่ทำให้อู่เทียนฮ่าวและพ่อบ้านรู้สึกเย็นเยือกกว่าเดิมก็คือ ไม่มีผู้ใดในลานบ้านนี้ให้ความสนใจ คล้ายกับว่าพวกเขาเป็นเพียงอากาศธาตุ
ทันใดนั้น อู่เทียนฮ่าวหน้าถอดสี
เขาคงเข้าใจผิดไป เพียงมอบสมบัติเหล่านี้ ยังห่างไกลจากคำว่าเพียงพอ!
นึกถึงเรื่องนี้ เขาเผยยิ้มออกมาอย่างเศร้าสร้อย ทรุดตัวคุกเข่าลงพื้น น้ำเสียงสั่นเครือกล่าวออก “ผู้เฒ่าชราอู่เทียนฮ่าว มาเพื่อชดใช้ความผิด!”
การคุกเข่านี้ไม่ง่าย เพราะเหมือนกับการยอมเสียหน้า
นอกจากนี้ยังหมายความว่า ศักดิ์ศรีและชื่อเสียงที่อู่เทียนฮ่าวสะสมในมหานครอวิ๋นเหอมาหลายทศวรรษถูกทำลายสิ้น!
“เจ้าแก่นั่นยอมคุกเข่าลง…”
บนชั้นสามของร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากตรอกน้ำเต้า หลู่เฉวียนรับชมฉากนี้จากช่องหน้าต่าง ท่าทีพลันแปรเปลี่ยนไป
เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
ก่อนหน้าเขาเพียงพอใจที่ได้ลากอู่เทียนฮ่าวให้ยุ่งเกี่ยวเต็มตัว
แต่โดยไม่คาดคิด อู่เทียนฮ่าวยักษ์ใหญ่แห่งโลกใต้ดิน ไม่เพียงแต่จะไม่นำกองกำลังเข้ามาในตรอกน้ำเต้า เขากลับคุกเข่าลงที่พื้นนั้น!
“จบแล้ว เจ้าคนทำลายพัดต้องมีภูมิหลังอันยอดเยี่ยม! คราวนี้ข้าต้องถูกอู่เทียนฮ่าวตามล่าหัวเป็นแน่!”
หลู่เฉวียนสูญเสียจิตวิญญาณ
“ต้องไปแล้ว อยู่ในมหานครอวิ๋นเหอไม่ได้แล้ว!”
หลู่เฉวียนหันหลังกลับและกำลังจะวิ่งหนีโดยเร็วที่สุด เขาไม่อยากรับชมภาพน่าสนุกอีกต่อไป
แต่ทันทีที่เปิดประตู เขาก็เห็นใบหน้ามืดมนไร้ความรู้สึก
จงเหวิน!
ลูกน้องมือหนึ่งของอู่เทียนฮ่าว!
หลู่เฉวียนรู้เพียงหนังศีรษะชาไปทั้งหัว อีกฝ่ายมาที่ประตูรวดเร็วเพียงนี้ได้อย่างไร?
แต่ก่อนที่จะทันได้โต้ตอบ ดวงตาของเขาก็มืดมัว สติสัมปชัญญะดับวูบลง
ภายในลานของบ้านเล็กอันเงียบสงบ
ในที่สุดหยวนลั่วอวี่ก็มีการตอบสนอง เขาเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองไปทางอู่เทียนฮ่าวที่คุกเข่าอยู่หน้าบ้าน พ่นลมหายใจเย็นชาพร้อมกล่าวถ้อยคำออก “ก็นึกว่าจะเป็นหมาป่าหยิ่งทะนง แต่กลับกลายเป็นเพียงหมาแก่เท่านั้น”
ถ้อยคำเผยความเหยียดหยามอีกฝ่ายอย่างยิ่ง
อู่เทียนฮ่าวแข็งค้างหน้าซีดเผือด เหมือนกับหญิงสาวของเขาก่อนหน้า
“คุณชายซู ท่านคิดว่าเราควรแก้ปัญหานี้อย่างไร?”
ครั้งหยวนลั่วอวี่หันมองซูอี้ ความเคารพนับถือปรากฏบนใบหน้าองอาจและเด็ดเดี่ยวของเขา
คุณชายซู?
อู่เทียนฮ่าวตกใจ ลางสังหรณ์บอกว่าเจ้าหนุ่มในศาลาผู้นั้น ควรจะเป็นฆาตกรที่ฆ่าพวกอันธพาลกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ!
สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวยิ่งกว่าคือ นายน้อยรองตระกูลหยวนให้ความเคารพต่อ ‘คุณชายซู’ ผู้นี้
นี่เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย!
ในที่สุดอู่เทียนฮ่าวก็เข้าใจ ครั้งนี้เขาคิดผิดไป โดยนึกคิดไปเองว่า ‘คุณชายซู’ เป็นตัวตนต่ำต้อยที่อาศัยอยู่ในสถานที่ที่คนยากไร้มารวมตัวกันอย่างถนนต้นหลิว!
“เสี่ยวหราน เจ้าเห็นควรว่าต้องแก้ไขอย่างไร?” ซูอี้หันมองเฝิงเสี่ยวหรานที่กำลังสะบัดพัดในมือด้านข้างตน
เฝิงเสี่ยวหรานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ถ้อยคำกล่าวออก “พี่ชายซูอี้ดีต่อข้าเกินไปแล้ว แต่ในขณะนั้น กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬจับตัวข้าไป กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุจึงมีผลตามมา หากข้าต้องการล้างแค้น ข้าจะมุ่งไปที่กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬแน่นอน”
ในเวลานี้ อู่เทียนฮ่าวตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น ราวกับว่าได้คว้าฟางเส้นสุดท้าย “คุณหนูอย่ากังวล กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬจะถูกลบออกไปจากมหานครอวิ๋นเหอวันนี้!”
ราวกับได้รักษาคำพูดในทันที ชายร่างผอมสูงรีบเดินเข้ามาด้านข้างอู่เทียนฮ่าวด้วยความเคารพ ก่อนวางศีรษะเปื้อนเลือดลงบนพื้น
“นายท่าน นี่คือศีรษะของหลู่เฉวียน!”