บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1094: ราชันหวนคืน ผู้คนขวัญแขวน
ตอนที่ 1094: ราชันหวนคืน ผู้คนขวัญแขวน
………………..
ตอนที่ 1094: ราชันหวนคืน ผู้คนขวัญแขวน
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เทวยุทธ์
พันธมิตรเสวียนจวิน
“เรียนใต้เท้า เจ้าสำนักดาบดาราเมฆาประกาศว่าเขาจะออกจากพันธมิตรเสวียนจวินแต่วันนี้ขอรับ”
“เรียนใต้เท้า หุบเขาวิญญาณดั้นเมฆา สำนักวิถีรุ้งพิสุทธิ์ สำนักฌานสยบพยัคฆ์ สามสำนักใหญ่นี้ประกาศว่าจากนี้ไป พวกเขาจะขอแตกหักกับพันธมิตรเสวียนจวิน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ต่อกันอีกขอรับ”
“เรียนใต้เท้า เมื่อครู่ก็มีข่าวมาว่าโรงดาบเจ็ดดาราก็ตัดขาดจากเราเช่นกันขอรับ”
“เรียนใต้เท้า…”
ยิ่งรายงานข่าวมากเท่าไร หลังของบ่าวเฒ่าก็ยิ่งก้มต่ำ เสียงแห้งลงทุกขณะ และอาภรณ์ที่หลังของเขาก็ชุ่มเหงื่อเย็นเฉียบ
ในโถงหลัก ผีหมัวนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธานเพียงลำพัง ใบหน้ามืดหม่นดำสนิท ไม่กล่าววาจาใด
บรรยากาศชวนอึดอัดยังคงคุกรุ่นในโถง
ผีหมัวจึงเงยหน้าขึ้นมองบ่าวเฒ่าที่หน้าโถง และกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “มีอีกหรือไม่?”
“ยามนี้… ไม่มีแล้วขอรับ”
บ่าวเฒ่าตัวสั่น กล่าวอย่างตกใจกลัว
ผีหมัวกล่าวด้วยความสุขุมว่า “ไปเรียกคนจากสำนักหกมหาวิถีมา”
“ขอรับ!”
บ่าวเฒ่ารับคำสั่งและรีบร้อนจากไป
มือทั้งสองในแขนเสื้อของผีหมัวกำแน่น เส้นเลือดที่หลังมือปูดเขียว ข้อนิ้วขาวโพลน มีกระทั่งรอยเลือดหลั่งออกมาจากร่องนิ้วและฝ่ามือ
ทว่าเขาก็ยังคงนั่งเงียบ ราวกับไม่ได้ตระหนักถึงมัน
“ข้าก็กะไว้แล้วว่าผู้ฝึกตนเหล่านั้นก็แค่ลิ่วล้อ แต่ไม่คาดเลยว่าแค่ข่าว ๆ เดียวก็ทำพวกเขากลัวจะเป็นจะตาย ขีดเส้นกีดกันข้าผีหมัวทันที…”
วาจาของผีหมัวประชดประชันหนักหน่วง
ทว่าเขาไม่คาดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นรวดเร็วและรุนแรงเพียงนี้!
แม้เขาจะเตรียมตัวไว้แล้ว แต่เมื่อข่าวขุมกำลังผู้ฝึกตนในพันธมิตรเสวียนจวินถอนตัวมากมายประดังเข้ามาติด ๆ กันในวันเดียว ผีหมัวก็ยังเดือดดาลสุดขีดอยู่ดี
ครั้งหนึ่ง พันธมิตรเสวียนจวินเคยครองพิภพปราบใต้หล้า เป็นดั่งขั้วที่ห้าแห่งมหาแดนดิน ทว่ายามนี้ เพียงเพราะข่าวการกลับมาของอาจารย์ มันก็ร่อแร่ใกล้ล่มสลาย!
นี่คืออำนาจของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน!
แม้จะหายเงียบไปห้าร้อยปี แต่เมื่อเขากลับมา โลกหล้าก็ยังปั่นป่วนมหาศาล สั่นสะท้านรุนแรง!
“โชคดีที่ข้าไม่เคยหวังว่าลิ่วล้อเช่นพวกเจ้าจะปราบอาจารย์ได้”
ผีหมัวกระซิบ
เขาปล่อยมือช้า ๆ มองรอยเลือดตามร่องนิ้วและแผลที่เล็บของเขาจิกเข้าที่ฝ่ามือ ก่อนจะส่ายหัวน้อย ๆ
ยามนี้เอง เหล่าคนใหญ่คนโตของสำนักหกมหาวิถีก็เข้ามาด้วยกัน
หากกล่าวให้ถูกก็คือ พวกเขาคือคนใหญ่คนโตของสำนักห้ามหาวิถี เพราะสำนักลานดาบทะยานก็ถูกซูอี้ถล่มไปเมื่อไม่กี่คืนก่อน ทั้งเจ้าสำนักและผู้เฒ่าในขอบเขตจักรพรรดิล้วนถูกสังหาร
“ใต้เท้าผีหมัว สถานการณ์ร้ายแรง ขอบังอาจถามว่าท่านมีแผนรับมือหรือไม่ขอรับ?”
บางคนกล่าวขึ้นก่อนอย่างกังวล
ดวงตาของผีหมัวกวาดมองหน้าของคนใหญ่คนโตเหล่านั้น “พวกเจ้า… เสียใจในสิ่งที่เคยกระทำลงไปกับข้าในกาลก่อนบ้างหรือไม่?”
ทุกคนเงียบไป สีหน้ามืดหม่นและเข้าใจได้ยาก
เมื่อห้าร้อยปีก่อน เมื่อข่าวการตายของปรมาจารย์เสวียนจวินออกสู่โลกหล้า พวกเขาก็ตามผีหมัวเจ้าถ้ำเสวียนจวิน ก่อสงครามนองเลือด และต่างคนต่างก็ได้ผลประโยชน์มหาศาลเกินคาดคิดมากมาย
ทว่า เช่นนี้ก็ไม่ต่างกับล่วงเกินปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินอย่างเต็มตัว! ตลอดมา ผีหมัวได้ฟอกขาวพวกเขา ปกปิดความจริงที่เกิดขึ้นในถ้ำเสวียนจวิน และโยนความผิดทั้งหมดไปให้กับชิงถัง
แต่พวกเขาล้วนรู้ดีว่าเมื่อปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินหวนคืน ขุมอำนาจเหล่านี้จะถูกกวาดล้างสมบูรณ์
ดังนั้น สำนักหกมหาวิถีจึงทำได้เพียงร่วมหัวจมท้ายไปกับผีหมัว
ต่อให้อยากเสียใจก็สายไปแล้ว!
“ไม่ว่าเราจะเสียใจหรือไม่ เราก็ลงเรือลำเดียวกันไปแล้ว”
ทุกคนดูหน้าหมอง
คนใหญ่คนโตเหล่านี้ล้วนแต่เป็นยักษ์ใหญ่ในอดีต แต่เมื่อเผชิญหน้ากับร่างเวียนวัฏของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน ความเยือกเย็นและความโอหังในอดีตของแต่ละคนล้วนปลิดปลิว หัวใจหวาดกลัวขวัญแขวน!
“ซูเสวียนจวินที่ฆ่าไปครั้งกระโน้น ไม่ได้ตายไปเมื่อห้าร้อยปีก่อนหรือ!?”
ชายชราชุดขาวผู้หนึ่งตะโกนก่นด่าอย่างเจ็บใจขมขื่น
เพียะ!
หนึ่งฝ่ามือตบใส่หน้าชายชราชุดขาว ทำให้เขาเซล้มลงกับพื้น แก้มบวมเป่งขึ้นครึ่งหน้า
ทุกคนล้วนแตกตื่นตกใจ
ผู้ลงมือคือผีหมัว เขาลุกจากที่นั่ง ร่างเปี่ยมอำนาจร้ายกาจรุนแรง
“จริงอยู่ที่ข้าแตกหักกับอาจารย์ไปนานแล้ว และยามนี้เราเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลก แต่ข้าเกลียดไอ้แก่ไร้ความสามารถที่เอาแต่ก่นด่าอย่างเจ้าที่สุด โดยเฉพาะเมื่อมาใส่ร้ายอาจารย์ต่อหน้าข้า!”
ผีหมัวกล่าวด้วยแววตาลึกล้ำ “ในเมื่อเราลงเรือลำเดียวกัน ก็ควรร่วมมือฝ่าพายุไปด้วยกัน แทนที่จะมัวแต่ก่นด่าไร้สาระซึ่งรังแต่จะประกาศตนว่าไร้สามารถน่าเวทนา เข้าใจหรือไม่?”
ทุกคนเงียบกริบมากขึ้นเรื่อย ๆ
“วางใจเถอะ สถานการณ์ไม่จบเท่านี้หรอก ยอดฝีมือจากส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวได้ส่งกำลังมาช่วยจัดการกับอาจารย์แล้ว”
ผีหมัวกล่าวเบา ๆ “บางทีอาจไม่นานหรอก ก่อนที่โลกหล้าจะเกิดข่าวร้าย แจ้งการตายของอาจารย์อีกครั้ง ก่อนจะตกสู่ความปั่นป่วน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนใหญ่คนโตเหล่านั้นก็ใจชื้นขึ้น
ยอดฝีมือจากส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว?
นี่เป็นเช่นแสงสว่างที่สาดส่องลงมาสู่หัวใจอันมืดแปดด้าน ให้พวกเขาได้พบกับความหวัง!
“พวกเจ้าลงไปเถอะ”
ผีหมัวโบกมือสั่งไล่
จนกระทั่งเมื่อทุกคนหายไปจากโถง ผีหมัวก็ถอนหายใจยาวและพึมพำ “ศิษย์น้องหญิงซงไฉ คางคกทองสามตาก็เพลี่ยงพล้ำไปแล้ว หากหอเก้าสวรรค์และลัทธิทางช้างเผือกยังหยุดอาจารย์มิได้ ก็จะเหลือเจ้าผู้เดียวที่ช่วยข้าได้ในมหาแดนดินนี้แล้ว… ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังแน่…”
ตู้ม!
ผีหมัวราวถูกฟ้าผ่า มือเท้าสั่นเล็กน้อย ร่างนิ่งอึ้งอยู่กับที่ ใบหน้าของเขาถึงกับเปลี่ยนสี
เนิ่นนานจากนั้น
จนเมื่อผีหมัวคืนสติ เขาก็รำพึงเบา ๆ “อาจารย์เอ๋ย อาจารย์ ท่านพยายามแสดงให้โลกหล้าเห็นหรือไรว่าข้าผีหมัวจะร่วงหล่นจากสวรรค์เช่นไร? สังหารคนขยี้จิตใจ ไร้สิ่งใดเกินไปกว่านั้น!”
“ทว่าท้ายที่สุดผลจะเป็นเช่นไรก็ยังไม่แน่ชัด ตราบจนอึดใจสุดท้าย ศิษย์ผู้นี้จะไม่ขอยอมแพ้ หากเป็นเช่นนั้น ท่าน… คงผิดหวังมากสินะ? เพราะถึงอย่างไร ข้าก็เคยเป็นศิษย์เอกของท่านมาก่อน หากแพ้เร็วไปก็รังแต่จะแสดงถึงความไร้สามารถอบรมศิษย์ของท่าน…”
ดวงตาของผีหมัววาวโรจน์ “โบราณว่าไว้ สีน้ำเงินเกิดจากสีคราม ทว่ากลับสดเสียยิ่งกว่าคราม ศิษย์ไม่จำเป็นต้องด้อยกว่าอาจารย์ ข้าจะตั้งตารอวันที่เราจะได้ตัดสินแพ้ชนะกัน!”
…
จากคำชี้แนะของจักรพรรดิมารสวรรค์และความช่วยเหลือของขุมกำลังมารทั่วโลกหล้า ข่าวที่ซูเสวียนจวินประกาศบุกฆ่าผีหมัวในอีกสามเดือนที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เทวยุทธ์จึงก่อให้เกิดเสียงฮือฮาทั่วหล้าอีกครั้ง
ขุมกำลังใหญ่ในโลกหล้าต่างตกตะลึง!
ยังคงแข็งแกร่งอหังการเช่นกาลก่อน หนึ่งพลิกมือกลับโลกาบนสู่ล่าง!
…
ถ้ำเสวียนจวิน
ชิงถังสวมชุดกระโปรงผ้าไหมสีดำสนิทดุจหมึก ไร้สิ่งตกแต่งใด ๆ ใบหน้าไร้เครื่องสำอางจับจ้องท้องนภา ภาพลักษณ์งดงามไร้ใดเทียบดุจดั่งนางสวรรค์จากชั้นฟ้าที่เก้า กิริยาท่าทางไร้มลทิน
นางนั่งอย่างผ่อนคลาย ถือไหสุราข้างธารแห่งหนึ่ง ดวงตากระจ่างและดูลึกล้ำสะท้อนแสงจากนภาและผิวน้ำนิ่ง
ข้างกายนางมีนกกระจอกวิญญาณสีขาวดุจหิมะตัวหนึ่งยืนอยู่
“ผีหมัวชิงโจมตีก่อน และสุดท้ายก็ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ เขาคิดว่าเมื่อมีความช่วยเหลือจากโรงวาดฤทัย เขาจะสามารถเอาชนะอาจารย์ผู้เวียนวัฏกลับมาได้ แต่เขาหรือจะคิดว่าด้วยอุปนิสัยของอาจารย์ หากไม่แน่ใจในระดับหนึ่ง มีหรือเขาจะกลับมายังมหาแดนดิน?”
ชิงถังกระซิบ “ศึกที่หุบเขาแสนปีศาจคือหลักฐานที่ดีที่สุด”
“นายหญิง ซูอี้คือร่างเวียนวัฏของบรรพชนจริง ๆ หรือ?”
“ไม่น่าผิดไปได้”
น้ำเสียงของชิงถังเรื่อยเฉื่อย ทว่ามีอำนาจอันมิอาจกังขา “ในมหาแดนดินทุกวันนี้ กระทั่งพวกเจ้าเฒ่าเพียงหยิบมือในขอบเขตมหาจักรพรรดิยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับการร่วมมือของขุมกำลังจากห้วงลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวเช่นโรงวาดฤทัย หอเก้าสวรรค์กับลัทธิทางช้างเผือกง่าย ๆ แต่… อาจารย์ข้ากล้า!”
ดวงตากระจ่างของนางดูพิกล
ขณะพูด นางก็เสริมอีกประโยคในใจ “มีเพียงพลังของอาจารย์ข้าเท่านั้นที่หยุดยั้งกฎสวรรค์แห่งภูมิดาราของยักษ์ใหญ่ในจักรวาลพร่างดาวเหล่านี้ได้!”
นกกระจอกวิญญาณลังเลชั่วขณะ ก่อนกระซิบว่า “นายหญิง ในเมื่อบรรพชนกลับมา เราควรวางตัวเช่นไร?”
ชิงถังกล่าวอย่างเฉยเมย “ละครนี้เพิ่งเล่นไปครึ่งทาง อย่าได้แตกตื่น เมื่ออาจารย์กลับมาในรอบห้าร้อยปี มหาแดนดินจะเกิดพายุใหญ่ ซึ่งเกี่ยวพันถึงเคล็ดเวียนวัฏสงสาร และยังเกี่ยวกับผู้ที่จะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้ายในโลกหล้า!”
กล่าวจบ นางก็ยกไหสุราขึ้นกระดกดื่ม
กิริยาสุขุมมีชีวิตชีวานี้เลียนแบบมาจากอาจารย์ของนาง ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน
นกกระจอกวิญญาณสีขาวดุจหิมะเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวว่า “นายหญิง ไม่นานมานี้ ฉินเฟิง ทูตผดุงลัทธิจากหอสุริยันแห่งลัทธิทางช้างเผือกได้พายอดฝีมือกลุ่มหนึ่งออกจากถ้ำเสวียนจวิน ท่านไม่สนเลยหรือว่าพวกเขาจะสิ่งใด?”
กล่าวถึงจุดนี้ นางก็จำบางอย่างได้ และกล่าวว่า “เกิดอันใดขึ้นที่แดนบูรพาน้อยบ้าง?”
นกกระจอกวิญญาณส่ายหัว “ไร้สิ่งใดผิดปกติ”
“อาจารย์ข้าเป็นสหายสนิทของหลวงจีนเยี่ยนซิน และยามนี้เมื่อทุกคนรู้ว่าอาจารย์ข้าเวียนวัฏกลับมา ทว่าแดนบูรพาน้อยกลับไร้ปฏิกิริยา พวกเขา… เยือกเย็นกันจริง ๆ!”
ชิงถังพลันแค่นยิ้มแดกดัน
ทว่าสีหน้าของนางเจือความสงสัย
ฝั่งแดนบูรพาน้อยเงียบสนิท เป็นเพราะต้องการรอดูเรื่องสนุกแล้วเลือกข้างฉวยโอกาสหรือ?
ชิงถังตัดสินใจทันที “ในช่วงนี้ ให้เจ้าจับตามองการเคลื่อนไหวของแดนบูรพาน้อยไว ข้าอยากรู้นักว่าพวกเขาจะรอได้นานเพียงไร!”
“รับทราบ!”
นกกระจอกวิญญาณรับคำสั่ง