บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1096: หนึ่งดาบแยกสมุทรดารา
ตอนที่ 1096: หนึ่งดาบแยกสมุทรดารา
เบื้องหลังฉินเฟิง เมิ่งเทียนอิ่นและกู่เช่อเองก็ตะลึงไปอย่างช่วยมิได้
ร่างเวียนวัฏของซูเสวียนจวินผู้นี้… เย่อหยิ่งอวดอำนาจมากไปหรือไม่?
ในการคาดการณ์เก่าก่อนของพวกเขา ไม่ว่าร่างเวียนวัฏของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจะแข็งแกร่งเพียงไร เมื่อรับรู้ถึงที่มาของพวกเขาก็น่าจะต้องสำรวมความจองหองลงบ้าง
เพราะถึงอย่างไร พวกเจ้าเฒ่าในขอบเขตมหาจักรพรรดิในมหาแดนดินนี้ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินพวกเขาง่าย ๆ
ทว่า ใครเล่าจะคิดว่าเรื่องราวจะดำเนินแตกต่างจากสิ่งที่พวกเขาคาดการณ์โดยสมบูรณ์
อีกฝ่ายแสดงความก้าวร้าวอหังการออกมาแต่แรกเริ่ม และดูเหมือนจะไม่เห็นหัวพวกเขาแม้แต่น้อย!
ฉินเฟิงเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็พลันหัวเราะ “สหายเต๋าซูจริงจังกับการฆ่าฟันนัก คงไม่ใช่เพราะเราอยู่ในถ้ำเสวียนจวินมาตลอดหรือไร?”
มันดูราวพูดเล่น ทว่าแท้จริงแล้วคือคำยั่วยุ!
เย่ลั่วผู้มองอยู่ไกล ๆ มีสีหน้าเย็นชา ไอ้สารเลวที่กล้าพูดเล่นเกี่ยวกับถ้ำเสวียนจวินสมควรตายนัก!
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยชา “การยั่วยุเช่นนี้เหมือนเด็กจริง ๆ ยังคงแย้มยิ้มเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่าอวตารวิถีบรรพชนของเจ้าฆ่าตัวตายในสระเวียนวัฏภูมิมืดมิดไปแล้ว?”
ทันทีที่วาจานี้ถูกกล่าว ทุกคนก็ตะลึงอึ้ง
ฉินเฟิงตะลึงค้างกับที่
ใบหน้าของเมิ่งเทียนอิ่นและกู่เช่อเองก็เปลี่ยนสีไปเฉียบพลัน
ข่าวที่อวตารวิถีเจ้าลัทธิของพวกเขาไปยังภูมิมืดมิดนั้นเป็นความลับสูงสุด นอกจากพวกเขา แทบไม่มีผู้ใดในโลกหล้าล่วงรู้
ทว่ายามนี้ ไม่เพียงซูอี้แจ้งออกมาว่าร่างอวตารของบรรพชนพวกเขาไปยังภูมิมืดมิด แต่ยังพูดอีกด้วยว่าเขาฆ่าตัวตายไปแล้ว!
นี่จะไม่ทำให้พวกเขาแปลกใจได้เช่นไร?
เย่ลั่วและคณะต่างใจสั่น พวกเขาย่อมรู้ว่าอาจารย์ไม่มีทางพูดเล่น ในเมื่อเขากล่าวเช่นนี้ ก็พิสูจน์ได้ว่าร่างอวตารเจ้าลัทธิทางช้างเผือกฆ่าตัวตายไปแล้วจริง ๆ!
“บังอาจ! เจ้าลัทธิข้าส่งอวตารข้ามจักรวาล ครอบครองโชคลาภทั้งมวล แม้เป็นเพียงอวตารก็สังหารศัตรูทั้งมวลในภูมิดาราฟ้าดินได้ ไฉนจึงต้องฆ่าตัวตาย? คนแซ่ซู เจ้าดูหมิ่นบรรพชนข้าเห็น ๆ!”
“น่าขำจริงแท้! ไม่ต่างจากมดพูดถึงความเป็นความตายของเทพมังกรเลย!”
กู่เช่อกล่าวอย่างเย็นชา
ฉินเฟิงโบกมือกล่าว “ไม่ต้องพูดแล้ว เจ้าลัทธิไม่อาจถูกดูแคลน ในเมื่อคนแซ่ซูอยากตาย ข้าก็จะสงเคราะห์ให้!”
เคร้ง!
ในมือฉินเฟิงปรากฏหอกสีเงินขึ้นหนึ่งเล่ม แสงดาวพร่างพรายดารดาษ
ปราณในร่างของเขาก็แปรเปลี่ยน พลังกฎเกณฑ์พลุ่งพล่านในร่าง เปลวเพลิงทะยานโลมเลียท้องนภา ส่งให้ทั่วหล้าสะท้านสะเทือนเลือนลั่น
“แม้ว่าคนผู้นี้จะอยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นกลาง แต่อำนาจของเขาดูจะแข็งแกร่งกว่าผู้เฒ่าอินจากโรงวาดฤทัยเสียอีก และยังพอเทียบกับคางคกทองสามตาได้!”
เย่ลั่วแปลกใจ
หวังเชวี่ยและไป๋อี้เองก็ตะลึงงัน และสังเกตเห็นความร้ายกาจของฉินเฟิงได้
เมิ่งเทียนอิ่นและกู่เช่อตระหนักชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของพวกเย่ลั่ว และอดแสดงสีหน้าภาคภูมิไม่ได้
ฉินเฟิงคือบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิทางช้างเผือก ทูตผดุงลัทธิจากตำหนักสุริยัน วิถีเต๋าของเขาสูงส่งท้าทายสวรรค์ มากพอจะทะยานเหนือเหล่าตัวตนอาวุโสในห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวได้! จะนำไปเทียบคนธรรมดาได้เช่นไร?
ตู้ม!
ฉินเฟิงทะยานสู่เวหา โจมตีทันทีโดยไร้ลังเล เพียงอำนาจที่แสดงก็ดูเหมือนรุ้งทิพย์ไร้เทียมทาน บดขยี้สุญญะแตกร้าวน่าตกใจ
หอกในมือของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า ยามสวนแทงก็ระเบิดแสงดารา สาดอำนาจทลายฟ้าถล่มแดนดิน
แข็งแกร่งเกินไป!
อำนาจวิเศษเลิศล้ำนี้ทำให้พวกเย่ลั่วเปลี่ยนสีหน้าไปอีกครั้ง
เหล่าคนใหญ่คนโตจากตระกูลหวังนั้นยิ่งตกใจกลัวจนอึดอัดยิ่งกว่า
เมื่อเผชิญการโจมตีนี้ ซูอี้เลิกคิ้วเพียงเล็กน้อย ตระหนักเช่นกันว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งเกินจะเทียบกับตัวตนจากโรงวาดฤทัยที่ตายด้วยมือเขาก่อนหน้านี้มากนัก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฐานะของฉินเฟิงในลัทธิทางช้างเผือกต้องไม่ต่ำต้อยแน่แท้ และยังมีภูมิหลังและความสามารถที่ไม่ธรรมดา หาไม่คงมิอาจสำแดงอำนาจต่อสู้ร้ายกาจของขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นกลางได้ถึงเพียงนี้
แม้ในใจเขาจะคิดเช่นนั้น แต่ซูอี้ก็ไม่ได้ชักช้า จากนั้นเขาก็ออกดาบโจมตีทันที
เสียงปะทะดังสนั่นหวั่นไหว
ดาบเงากระจ่างแผ่ประกายแสงดุจน้ำตก ฟาดฟันกระทบหอกศึกของฉินเฟิง อำนาจทำลายล้างร้ายกาจไร้ขอบเขตพลันแผ่จากสมบัติวิเศษทั้งสอง
ตู้ม!
ทั่วหล้าฟ้าดินดูราวระเบิดแหลก และภายใต้การพังทลายของบริเวณรอบข้าง ร่างของฉินเฟิงก็โอนเอนรุนแรง ก้าวถอยหลังสองสามก้าว สีหน้าประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ดูราวกับไม่อยากเชื่อ
แม้ซูอี้จะยังคงไม่ขยับไปไหน แต่พลังปราณในกายของเขาก็แปรปรวนเช่นกัน
“คนผู้นี้น่าสนใจทีเดียว”
ดวงตาของซูอี้ทอประกาย จิตต่อสู้ในใจถูกปลุกเร้า
“ว่าแล้วเชียว เจ้าบรรลุพลังที่สามารถต่อสู้กับกฎสวรรค์ภูมิดาราได้ และการฝึกฝน… ก็ห่างไกลเกินเทียบกับขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำทั่วไปได้…”
ฉินเฟิงกระซิบ ใบหน้าแฝงจิตสังหาร ปราณแข็งแกร่งขึ้นทุกที
เคร้ง!
วจีดาบกังวานใสทะยานสู่เวหา
ซูอี้ไม่ออมมืออีกต่อไป และฟาดดาบสังหาร
ทั้งสองดูราวสองเซียนประชันศึก บางคราฆ่าฟันบนวิมานชั้นเก้า บางคราห้ำหั่นบนผืนพิภพ ศึกทั่วหล้าฟ้าดินดุร้ายอย่างมิเคยประสบ
ฉินเฟิงกวัดแกว่งหอก เคล็ดวิชาที่ใช้ล้วนแต่เย้ยนภา
ยามเขาลงมือ ดูราวหมู่ดาวดารดาษคำรามปะทุแสง อำนาจเช่นนั้นทำให้คนมากมายตื่นกลัว
เย่ลั่วเคยได้เห็นแล้วว่าอาจารย์ของเขาซูอี้สังหารผู้เฒ่าอิน ผู้บ่มเพาะขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นปลายแห่งโรงวาดฤทัยในหุบเขาแสนปีศาจเช่นไร
ทว่า เมื่อเทียบกับฉินเฟิง ผู้เฒ่าอินนั้นด้อยชั้นกว่าเขามาก!
เมื่อเห็นมองไปยังซูอี้อีกครั้ง เขาดูสูงส่งเกินมนุษย์ราวเทพเซียน ร่างสูงของเขาเปี่ยมรัศมีเจิดจ้า กวัดแกว่งดาบไร้ร่องรอย ทว่าอำนาจดาบนั้นกลับสยบการโจมตีของฉินเฟิงหนแล้วหนเล่า!
“ร่างเวียนวัฏของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินนั้นท้าทายสวรรค์จริงแท้…”
แม้จะอยู่ในส่วนลึกจักรวาลพร่างดาวก็ยังยากแท้เสาะหา!
“มิน่าเล่า ผีหมัวจึงเสียหายย่อยยับ และกระทั่งโรงวาดฤทัยยังเสียยอดฝีมือไปหลายคน ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินผู้นี้บรรลุเคล็ดเวียนวัฏสงสาร ไร้คู่ต่อสู้ในมหาแดนดินนี้”
กู่เช่อรำพึง “ทว่า… หากเขาทำได้เพียงแค่นี้ ก็ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบุตรศักดิ์สิทธิ์!”
เสียงยังไม่ทันสร่าง สนามศึกก็พลันแปรเปลี่ยน
ฉินเฟิงถูกดาบของซูอี้ฟาดจนกระเด็นไปไกลกว่าสิบจั้ง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเดี๋ยวซีดเดี๋ยวเขียว
กู่เช่อตะลึงอึ้ง เขารู้สึกราวถูกตบหน้า และเป็นการตบหน้าทันทีหลังจากกล่าววาจาเช่นนั้นเสียด้วย!
“สำแดงวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาเสีย หาไม่ เจ้าจะได้ตายยามนี้แหละ”
ซูอี้กล่าวเฉยเมย
เขาพอจะรู้รายละเอียดของฉินเฟิงแล้ว
พลังต่อสู้ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำของคนผู้นี้นั้นท้าทายสวรรค์โดยแท้ และด้วยพลังกฎวิเวกดารา ก็เพียงพอท้าทายผู้บ่มเพาะขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นต้นได้!
ทว่า สำหรับซูอี้ กฎวิเวกดารานั้นไม่เป็นภัยแม้แต่น้อย ดังนั้นความแข็งแกร่งของฉินเฟิงสำหรับเขาจึงถือได้เพียงเป็นตัวตนสูงสุดในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเท่านั้น
“ฮึ!”
จิตสังหารของฉินเฟิงพลุ่งพล่าน ปราณดุร้ายบ้าคลั่งขึ้นทุกขณะ ยามที่ใช้เคล็ดวิชาอันไม่อาจคาดเดา ร่างของเขาดูราวปกคลุมด้วยแสงดาวดารดาษ เพียงหนึ่งการโจมตีก็ปิดฟ้าบังตะวันได้
“เคล็ดวงแหวนเทพรุ้งดารา!”
ทั้งเมิ่งเทียนอิ่นและกู่เช่อต่างแปลกใจ
นี่คือหนึ่งในเคล็ดวิชาสูงสุดของลัทธิทางช้างเผือก ใช้วิธีพิเศษเฉพาะในการกระตุ้นเลือดลมทั่วกาย ปลุกศักยภาพสูงสุดในตัวคนผู้นั้นขึ้นทันที ทำให้ระเบิดพลังที่เหนือกว่าพลังต่อสู้ปกติมากล้ำ!
ตู้ม!
โลกหล้าโอนเอน พลังยิ่งใหญ่คำราม
สถานการณ์ศึกเข้มข้นขึ้นทุกขณะ และไม่ว่าใครก็เห็นได้ว่าพลังต่อสู้ของฉินเฟิงร้ายกาจขึ้นกว่าก่อน
ร่างของฉินเฟิงก็ถูกปราณดาบซัดใส่อีกครั้ง จนเขาถอยไปหลายสิบจั้ง วงแหวนดาราล้อมกายของเขาถูกปราณดาบฟาดสลาย
เมื่อเขายืนตั้งหลักได้ ก็ไม่อาจทานทนได้จนต้องกระอักเลือดออกมาคำโต
เหล่าผู้ชมต่างตะลึงจังงังอยู่กับที่
“มีอย่างอื่นอีกหรือไม่?”
ซูอี้เอ่ยปากราวจนใจ น้ำเสียงเฉยเมยของเขาก้องทั่วจักรวาล
ยามนี้ พวกเย่ลั่วก็ได้เห็นในที่สุด ว่าอาจารย์ของพวกเขากำลังมองฉินเฟิงเป็นเป้าซ้อมดาบมีชีวิต!
ขณะกล่าว ซูอี้ก็ใช้ดาบฟันเข้าใส่ฉินเฟิงแล้ว
ปราณดาบเจิดจ้าเฉิดฉายราวดวงจันทร์กระจ่างนภาคราม สาดรัศมีจรัสแสงทั่วทศทิศ
อำนาจฆ่าฟันร้ายกาจอันอัดแน่นในปราณดาบทำให้ใบหน้าของฉินเฟิงเปลี่ยนสีในที่สุด
“จงตื่น!”
มันเป็นบาตรใบหนึ่งซึ่งทอรัศมีสีเงิน ภายในบรรจุจักรวาลไพศาลอันเต็มไปด้วยดวงดาวนับไม่ถ้วนกะพริบพร่างพราย
ทันทีที่สมบัตินี้ปรากฏขึ้น โลกหล้าพลันกำสรวล สุญญะปริแตกอย่างกับไม่อาจทานพลังของมันได้
และปราณดาบที่ซูอี้ฟันเข้ามาก็สลายหายไป
ดวงตาของซูอี้หรี่ลงเล็กน้อย
ทั้งพวกเย่ลั่วและเหล่าคนตระกูลหวังที่อยู่ไกลออกไป ล้วนหน้าถอดสี สมบัตินั้นช่างแข็งแกร่งเสียนี่กระไร!
“บาตรกลืนดารา!”
เมิ่งเทียนอิ่นและกู่เช่อล้วนตะลึงอึ้ง ดวงตาลุกโชนด้วยความริษยาและยำเกรงอันไม่อาจตรวจจับได้
นี่คือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ปฐมสวรรค์ของลัทธิทางช้างเผือก บรรจุพลังต้นกำเนิดกฎวิเวกดารา อำนาจร้ายกาจยิ่งนัก
เมื่อสมบัตินี้ปรากฏขึ้น ผู้ใช้ก็เหมือนมีจักรวาลอันแท้จริงในกำมือ ถล่มโลกาทลายแดนดินได้!
“ซูเสวียนจวิน เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะมาเพื่อตาย?!”
ตู้ม!
ทั่วฟ้าดินสะเทือนสั่นร้ายแรง ภูเขาศักดิ์สิทธิ์หมื่นประกายซึ่งปกคลุมด้วยอำนาจค่ายกลนับไม่ถ้วนเองก็ไหวคลอนรุนแรง ทั่วผืนหล้าแสดงสัญญาณพร้อมถล่มพังทลายทุกแห่งหน
ยามนี้เอง ซูอี้ก็ส่ายหัวด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
หากต้องใช้ไพ่ตายและสมบัติก้นหีบมากลบช่องโหว่ยามทำศึกระดับสูง มันย่อมชี้ว่าศึกมาถึงช่วงชี้เป็นตายแล้ว
ดังนั้นซูอี้จึงลงมือสังหารทันทีโดยไม่ลังเลอีก!!
เคร้ง!
วจีดาบก้องสะท้านลั่น
ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์พลันปรากฏขึ้น และฟาดฟันผ่านนภาในทันใด
แสงศักดิ์สิทธิ์ทะยานแหวกนภาเป็นสองในฉับพลัน และบาตรกลืนดาราก็ถูกปราณดาบตัดแยกเป็นสอง เสียงโหยหวนสะท้านเวหา
มองจากไกล ๆ ดูราวหนึ่งดาบแยกสมุทรดารา!
หนึ่งดาบนั้นทำให้เหล่าผู้ชมต่างตื่นตา ตะลึงค้างจิตท่องไปไกล
ห่างออกไป ริมฝีปากของฉินเฟิงขยับขมุบขมิบ ราวกับกำลังพูดบางอย่าง ทว่ารอยดาบได้ฟาดลงมาจากหว่างคิ้วของเขา
จากนั้น ร่างของเขาก็สะบั้นแยกเป็นสองซีก และพลันสลายเป็นเถ้ากลางนภา
ถูกทำลายสิ้น!
“เจ้า… ไม่ได้มาเพื่อตายหรือ?”
ซูอี้กระซิบเสียงแผ่วเบาพลางกระดิกนิ้วน้อย ๆ แล้วดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ก็แปรเปลี่ยนเป็นน้ำเต้าหยกเขียวสามชุ่นพุ่งเข้าไปในแขนเสื้อของเขา
อาภรณ์เขียวพลิ้วไสว ยืนยงลำพังในโลกหล้า
เหล่าผู้ชมต่างตะลึงนิ่ง!