บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1097: ที่มาของชิงถัง
ตอนที่ 1097: ที่มาของชิงถัง
ฉินเฟิงพ่ายแพ้และตายตกอย่างรวดเร็ว จนผู้คนที่เห็นมิอาจเชื่อ
ก่อนหน้านี้ ยามฉินเฟิงใช้บาตรกลืนดารา อำนาจของเขาร้ายกาจเสียจนทั่วโลกทุกสารทิศต่างจมอยู่ในปราณทำลายล้าง
หลายคนถึงกับหลั่งเหงื่อเพื่อซูอี้ กังวลชีวิตแทนเขา
ทว่า ใครเล่าจะคิดว่าเมื่อฉินเฟิงงัดไม้ตายก้นหีบของเขาออกมา เขาจะถูกสังหารในดาบเดียว
สมุทรดาราถูกแยกเป็นสอง บาตรกลืนดาราหวีดหวิวปลิดปลิวพลิกคว่ำ และฉินเฟิงก็ถูกทำลายสิ้นด้วยดาบนี้!
แข็งแกร่งอหังการยิ่งโดยมิต้องสงสัย
ไร้โอกาสให้ดิ้นรน ความเป็นความตายถูกตัดสินเฉียบขาด!
“นี่… เป็นไปได้เช่นไร…”
เมิ่งเทียนอิ่นและกู่เช่อต่างหวาดผวา และไม่อาจยอมรับได้
ทว่าพวกเขาทั้งสองไม่คาดคิดเลยว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ฉินเฟิงแห่งลัทธิทางช้างเผือกของพวกเขาจะไม่อาจหยุดดาบศัตรูได้ แม้จะใช้บาตรกลืนดาราออกมาก็ตาม!!
นี่ยังทำให้พวกเขาทั้งสองสายเกินกว่าจะเข้าช่วย และได้แต่มองวิญญาณของฉินเฟิงละล่องลอย
เรื่องที่ดูราวประชดกันที่สุดก็คือ ฉินเฟิงเพิ่งตวาดลั่นไปว่าเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อตาย แต่กลับตายในดาบเดียว…
ใต้ผืนนภา
ซูอี้ปริปากกล่าว “มาขอข้าประมือ กลับสู้ไม่ได้ แม้จะใช้ไม้ตายก้นหีบก็สู้ไม่ได้ กระทั่งชี้วัดเป็นตายก็ยังสู้ไม่ไหว ข้าไม่เข้าใจเสียจริงว่าไฉนเขาต้องมารนหาที่ ปกติแล้วศิษย์ลัทธิทางช้างเผือกของพวกเจ้าใจกล้ากันเช่นนี้ทุกคนหรือ?”
ทุกคนดูประหลาดพิกล เพราะพวกเขาต่างก็ได้ยินเสียงเย้ยหยันอันมิได้ปกปิดของซูอี้
“ซูเสวียนจวิน เจ้าฆ่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิข้า ไม่กลัวถูกล้างแค้นหรือไร?”
เมิ่งเทียนอิ่นถามด้วยใบหน้าบึ้งตึง
ซูอี้ยิ้มเยาะ “เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าได้ยินมาว่าผีหมัวร่วมมือกับหอเก้าสวรรค์และลัทธิทางช้างเผือกของเจ้าจะมาจัดการกับข้านี่ กระไรหรือ มีเพียงพวกเจ้าที่โจมตีข้าคนแซ่ซูได้ ข้าห้ามตอบโต้หรือไร?”
เขากล่าวพลางก้าวสู่สุญญะ จากนั้นจึงโจมตีเขาออกไปทันที
สีหน้าของเมิ่งเทียนอิ่นและกู่เช่อพลันเปลี่ยนแปลงไป จากนั้นคนทั้งสองก็หันหลังเผ่นหนีทันที
กระทั่งฉินเฟิงยังถูกฆ่า พวกเขาจึงไม่คิดว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ซูเสวียนจวินได้
แต่ไฉนเลยซูอี้จะปล่อยพวกเขาหนี?
วูบ~!
ดาบเงากระจ่างปลดปล่อยปราณดาบนับไม่ถ้วน พรั่งพรูราวกระแสน้ำ สานทอเป็นตาข่ายอันเรืองฤทธิ์กดดัน ปกคลุมไปทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์หมื่นประกาย
ขณะเดียวกัน ซูอี้ก็ตวาดลั่น ขณะใช้เคล็ดวิชาจิตวิญญาณ
“กำราบ!”
ร่างของกู่เช่อที่อยู่ไกลออกไปบนอากาศหลายร้อยจั้งโซเซ ร่างของเขาเจ็บปวดเหลือแสนราวถูกดาบศักดิ์สิทธิ์ฟาดฟัน ความเร็วในการหลบหนีของเขาพลันชะงักค้าง
ก่อนที่เขาจะทันได้คืนสติ ซูอี้ก็ฟันดาบใส่เขาแล้ว
กู่เช่อไร้โอกาสหลบได้ ด้วยตกใจลนลานจึงทำได้เพียงชักดาบออกมาขัดขืนสุดชีวิต
ดาบปริแตกออกกลายเป็นเศษซากพลิ้วโปรย
ต่อจากนั้นในทันใด สมบัติคุ้มกายของกู่เช่อต่างระเบิดเปรี้ยงสิ้นสลาย
ร่างของเขาถูกปราณดาบฟาดฟัน โลหิตพรั่งพรูสู่โลกหล้า
ในฐานะผู้อาวุโสจากแขนงอัสนีแห่งลัทธิทางช้างเผือกในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นปลาย กู่เช่อนั้นมิได้ไร้ทางสู้ ทว่าความแข็งแกร่งของซูอี้สามารถสังหารตัวตนใด ๆ ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้ ไฉนเลยจะปล่อยเขารอด
ตู้ม!
ไกลออกไป มหาตาข่ายปราณดาบกู่ร้องก้อง ลำแสงเจิดจรัสพลุ่งพล่าน คลุมขวางร่างของเมิ่งเทียนอิ่นไว้ เขาต่อสู้ดิ้นรนสุดชีวิต ทว่าก่อนจะหลุดจากวงล้อมตาข่าย เขาก็ถูกซูอี้หันมาขวางและโจมตีใส่เขา
ท้ายที่สุด คนผู้นี้ก็ถูกซูอี้ปราบลงและจับเป็นได้
สงครามจบลง
ทว่าเหล่าคนใหญ่คนโตตระกูลหวังนั้นไม่อาจคืนสติได้เป็นเวลานาน
เมื่อคืนไม่กี่วันก่อน ซูอี้และคณะของเขาเข้ามาในตระกูล ตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็โจมตีเพียงหนึ่งหน ซึ่งก็คือการทำลายกรงขังที่คางคกทองสามตาสร้างขึ้น
ดังนั้น เหล่าคนใหญ่คนโตตระกูลหวังจึงไม่อาจทราบได้เลยว่าปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินผู้เวียนวัฏแข็งแกร่งเพียงไร
และยามนี้ พวกเขาได้เห็นแล้ว!
กิริยาไร้เทียมทานนี้ทำให้พวกเขาทั้งหลายล้วนตะลึงสติหลุดลอย
“อาจารย์”
พวกเย่ลั่วต่างออกมาทักทาย
ซูอี้พยักหน้า จากนั้นก็หันหลังมองไปไกล พลางกล่าวออกมาว่า “หลังจากมองอยู่ตั้งนาน ไฉนไม่กล้าออกมาสู้?”
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ถูกกล่าว ทุกคนล้วนตะลึงอึ้ง ยังมีศัตรูอื่นอยู่หรือ!?
ในโลกหล้าที่อยู่ห่างออกไปพลันบังเกิดคลื่นกระเพื่อมไหวบนอากาศ และเงาห้าร่างก็ปรากฏขึ้น
มีทั้งชายหญิง บรรยากาศแต่ละคนล้วนน่าหวาดหวั่นยิ่ง ผู้ที่อ่อนแอที่สุดมีการฝึกฝนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ และชายชุดดำที่ยืนหน้าสุดมีปราณแข็งแกร่งเป็นพิเศษ
คนผู้นี้ร่างผอมสูง แบกกล่องดาบไว้เบื้องหลัง ผิวคล้ำและยืนนิ่ง มีอำนาจสูงส่งสยบเหนือสี่ทิศสมุทร
ชายชุดดำปริปากพูด เสียงดังเฉียบคมดุจวจีดาบ “เรามาจากหอเก้าสวรรค์ ขอเพียงเจ้า ซูเสวียนจวินร่วมมือกับเรา เราจะมอบที่กำบังให้เจ้าได้”
หอเก้าสวรรค์!
พวกเย่ลั่วล้วนตะลึงค้างหอบหายใจ ยามนี้เอง พวกเขาจึงตระหนักว่าผู้มาในวันนี้หาได้มีเพียงลัทธิทางช้างเผือกไม่
เห็นได้ชัดว่าหลังจากเห็นฉินเฟิงและพวกถูกซูอี้เข่นฆ่า ยอดฝีมือจากหอเก้าสวรรค์เหล่านี้ก็กลัวและเปลี่ยนท่าทีไป
ซูอี้อดหัวเราะไม่ได้ “คำลวงเช่นนี้ลวงโลกได้ แต่ลวงคนแซ่ซูผู้นี้ไม่ได้หรอก”
เขาเคยได้ยินยมบาลกล่าวว่าเจ้าหอเก้าสวรรค์นั้นมองหาผู้ที่สามารถต้านทานกฎเกณฑ์วอนสวรรค์อยู่หลายปีแล้ว!
ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่เชื่อว่าคนจากหอเก้าสวรรค์เหล่านี้จะมิอาจเห็นได้ ว่าเป้าหมายที่พวกเขามองหาอยู่น่าจะเป็นซูเสวียนจวิน!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าที่ภูมิมืดมิด ซูอี้ได้สังหารยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งจากหอเก้าสวรรค์มาก่อน
ทั้งหมดนี้หมายความว่าระหว่างเขาและหอเก้าสวรรค์เป็นได้เพียงปรปักษ์!
“เจ้าไม่เชื่อความจริงใจของเรา แต่มันก็สมเหตุสมผล”
ชายชุดดำที่อยู่ไกลออกไป ดูจะตัดสินใจแล้ว “เอาเถอะ ตามใจเจ้า หากไม่เกิดความผิดพลาดใด ๆ คราต่อไปที่พบกัน หอเก้าสวรรค์ของเราจะทำให้เจ้ารับรู้ถึง… ความจริงใจของเราแน่!”
ซูอี้ไม่ได้ไล่ตาม ประการแรกคือระยะห่างไกลเกินไป สองคืออีกฝ่ายตื่นตัวอยู่แต่แรก หากเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากล พวกเขาจะหลบหนีได้โดยเร็วที่สุด เขาจึงไร้โอกาสจะไล่ตามได้ทัน
“สารเลวผีหมัวนี่ช่างมากเล่ห์เสียจริง กระทั่งเสี้ยมลัทธิทางช้างเผือกกับหอเก้าสวรรค์ออกมาลงมือได้”
พวกเย่ลั่วก้าวออกมา สีหน้าของแต่ละคนต่างก็ดูจริงจัง
“ผิดแล้ว ต่อให้ผีหมัวไม่ร่วมมือกับพวกเขา พวกเขาจะทำบางอย่างกับข้าไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี”
ซูอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ
เขาไม่ได้ทำเช่นนี้เพื่อแก้ตัวให้ผีหมัว แต่เขารู้ดีว่าไม่ว่าโรงวาดฤทัย ลัทธิทางช้างเผือก หรือหอเก้าสวรรค์ล้วนมีจุดประสงค์ในการมายังภูมิดาราฟ้าดินเพื่อเคล็ดเวียนวัฏสงสารและสมบัติลับฟ้าดินทั้งสิ้น
และเขาก็มีเคล็ดเวียนวัฏสงสาร!
“พวกเจ้าไม่ต้องห่วงอันใดหรอก หลังจากช่วงนี้สักพัก ข้าจะไปจัดการพวกเขาทีละฝ่าย”
ซูอี้แบกร่างเมิ่งเทียนอิ่นเข้าไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์หมื่นประกาย
พวกเย่ลั่วมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างสะเทือนใจ
อาจารย์ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ต่อให้มหาหายนะอุบัติ ในสายตาเขาก็ยังเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่น่ากล่าวถึง
ทว่าความสุขุมเหินห่างนี้เองที่ทำให้ศิษย์เช่นพวกเขาผ่อนคลายสบายใจตามไปด้วย
…
เปรี้ยง!
เมิ่งเทียนอิ่นเจ็บแปลบที่ศีรษะ จากนั้นจึงตื่นขึ้นจากภาวะหมดสติ
เขาลืมตาขึ้นและเห็นซูอี้นั่งอยู่บนเก้าอี้หวายมิห่างไปนัก สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนในฉับพลัน
“ตอบคำถามข้า แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป หากอยากตาย ข้าจะสงเคราะห์ให้”
ซูอี้เอนร่างอย่างเกียจคร้านบนเก้าอี้หวาย ถือน้ำเต้าสุรายกขึ้นดื่ม “เจ้าก็น่าจะเข้าใจแล้วว่าคนเช่นข้า ซูเสวียนจวินพูดสิ่งใดทำสิ่งนั้น”
เมิ่งเทียนอิ่นเงียบไป สีหน้ามืดหม่นยากเข้าใจความคิด
“งั้น…”
เขาอ้าปากจะพูดบางอย่าง ทว่าซูอี้เอ่ยขัด “เจ้าไร้สิทธิ์ต่อรอง”
เมิ่งเทียนอิ่นดูแข็งค้าง และสุดท้ายก็กล่าวอย่างขุ่นเคือง “เรื่องบางเรื่องเกี่ยวกับความลับลัทธิทางช้างเผือกของข้า หากบอกเจ้าไป เจ้าลำบากแน่”
ซูอี้เข้าใจความหมายของวาจาอีกฝ่าย พยักหน้ากล่าว “อย่าห่วงเลย ข้าไม่สนใจความลับลัทธิทางช้างเผือกเจ้าหรอก ข้าแค่อยากรู้ว่าพวกเจ้ามีความสัมพันธ์ใดกับชิงถัง และร่วมมือกันเช่นไรเท่านั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งเทียนอิ่นก็ดูโล่งใจ ร่างของเขาผ่อนคลายลง “คำถามเหล่านี้ ข้าตอบได้”
และเขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดออกมาทันที
“กาลก่อน หลังจากเรามาถึงมหาแดนดิน นักบวชอันดับหนึ่งแห่งตำหนักสุริยัน ใต้เท้าซ่างเทียนฉีพาเราไปเยือนสหายเต๋าชิงถังที่ถ้ำเสวียนจวิน”
“เราไม่รู้ว่าพวกเขาคุยสิ่งใดกัน รู้เพียงว่าจากนั้นไป สหายเต๋าชิงถังก็กลายเป็นสหายของเราลัทธิทางช้างเผือก”
“เราต้องการขุมกำลังของชิงถังเพื่อรวบรวมสมบัติลับฟ้าดิน และชิงถังก็ต้องการกำลังลัทธิทางช้างเผือกของเขาเพื่อต่อกรโรงวาดฤทัยเบื้องหลังผีหมัว ตลอดมานี้การร่วมมือของเราเป็นไปด้วยดีมาตลอด”
ซูอี้ฟังแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีเพียงเท่านี้หรือ?”
เมิ่งเทียนอิ่นกล่าวอย่างขมขื่น “แม้คนแซ่เมิ่งจะเป็นผู้อาวุโสแห่งแขนงอัสนี แต่ฐานะข้าต่ำต้อยกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ฉินเฟิงมากนัก และยิ่งด้อยไปกว่าใต้เท้าซ่าง และตลอดการร่วมมือ ใต้เท้าซ่างและชิงถังก็มักติดต่อกันเป็นการส่วนตัว คนแซ่เมิ่งหารู้รายละเอียดไม่”
กล่าวถึงตรงนี้ เขาก็กล่าวขึ้นราวเพิ่งนึกได้ “ทว่าจากการติดต่อกันมา ข้าและเพื่อนพ้องคนอื่น ๆ ล้วนสังเกตเห็นว่าที่มาของแม่นางชิงถังผู้นี้ไม่ธรรมดา แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดา เกรงว่าสหายเต๋าคงไม่อาจเชื่อ”
ซูอี้หรี่ตากล่าว “ว่ามาสิ”
เมิ่งเทียนอิ่นสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวว่า “เราสงสัยว่าแม่นางชิงถังน่าจะมาจากส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว!”
ซูอี้ผงะไป และจำได้ถึง ‘ซงไฉ’ ผู้ซึ่งที่แท้คือคุณหนูจากโรงวาดฤทัยที่แฝงตัวเข้ามาในถ้ำเสวียนจวินเมื่อกาลก่อนได้
เดิมที ชิงถังก็คือผู้สงสัยว่าที่มาของซงไฉมีปัญหา และไล่นางออกจากสำนักขณะที่เขายังท่องทั่วหล้า!
ยามนั้น ซูอี้เองก็โกรธ
และเมื่อเขาได้รู้ถึงตัวตนของซงไฉว่าเป็นคุณหนูผู้ลึกลับจากโรงวาดฤทัย เขาก็ตระหนักว่าข้อสงสัยของชิงถังถูกต้องตรงเผง
แล้วไฉนชิงถังจึงรู้เล่า?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จากวาจาของเมิ่งเทียนอิ่น หากชิงถังก็มาจากส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวเช่นกัน นางย่อมเห็นทะลุตัวตนที่แท้จริงของซงไฉได้โดยง่าย!