บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1104: ดาบดีจริง แต่คนถือไม่ใช่คน
ตอนที่ 1104: ดาบดีจริง แต่คนถือไม่ใช่คน
ผีหมัวได้ฟังความ สีหน้าที่มองดูซูอี้ยิ่งสงบราบเรียบลง ก่อนจะกล่าว “ก็ได้ ในเมื่อศิษย์ไม่อาจเตือนอาจารย์ได้ ถ้าเช่นนั้นก็สู้กันให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย!”
เขาสะบัดมือ
ครืน!
ค่ายกลต้องห้ามทั่วทั้งภูเขาศักดิ์สิทธิ์นับรบสวรรค์ส่องแสงขึ้นสู่ท้องฟ้า
ถัดจากนั้น ผู้อาวุโสของห้าขุมกำลังใหญ่ปรากฏตัวขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน คอยคุ้มกันอยู่คนละฝั่ง กลิ่นอายแห่งพลังของแต่ละคนน่าสะพรึงกลัว
“ขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำเจ็ดสิบสองคน ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำยี่สิบสี่คน และตัวประหลาดขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นต้นอีกสามคน…”
มองเห็นความอลังการเช่นนี้แล้ว เสียงสูดปากดังระงม
แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งหลายเหล่านั้นก็ยังถึงกับสีหน้าเปลี่ยน
มีคนพูดซุบซิบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เมื่อค่ายกลต้องห้ามทั่วภูเขาศักดิ์เทวยุทธ์ถูกขับเคลื่อน แผ่นดินในรอบรัศมีหมื่นจั้งเกิดสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง ภูเขาลำเนาไพรสั่นไหว อากาศแปรปรวน
อานุภาพที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างฟ้าดินแผ่กระจายออกไปราวกับน้ำท่วม ให้ความรู้สึกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
“รีบหนี! หลบออกไปห่าง ๆ!”
เสียงร้องตะโกนโหวกเหวกดังขึ้น ผู้ฝึกตนที่กระจัดกระจายอยู่ในภูเขาลำเนาไพรใกล้ ๆ ต่างก็ถอยออกไปไกล เพราะกลัวว่าเมื่อศึกใหญ่ปะทุขึ้นจะโดนลูกหลงได้
“อลังการเช่นนี้ ยิ่งใหญ่กว่าการฆ่าฟันในหุบเขาแสนปีศาจครั้งนั้นเป็นไหน ๆ!”
อาการตื่นตะลึงผุดขึ้นบนสีหน้าแววตาของผู้อาวุโสใหญ่แห่งแดนลี้ลับขั้นเก้า
ใคร ๆ ก็คาดไว้แล้วว่าผีหมัวผู้เป็นหัวหน้าพันธมิตรเสวียนจวินไม่มีทางนั่งรอความตายอย่างแน่นอน
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะทุ่มสุดตัวถึงเพียงนี้ ให้ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิของห้าขุมกำลังใหญ่ออกกำลังเต็มที่ คอยคุ้มกันค่ายกลต้องห้ามด้วยกัน
“นี่อาจจะเป็นหนึ่งในไม้ตายของผีหมัวเท่านั้น อย่าลืมว่า เบื้องหลังเขายังมีโรงวาดฤทัย ขุมกำลังยิ่งใหญ่ที่มาจากส่วนลึกจักรวาลพร่างดาวคอยหนุนหลัง”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดเบา ๆ พร้อมกับสีหน้าที่เคร่งเครียด
เพียงแค่พริบตาเท่านั้น ผู้อาวุโสทั้งหลายที่เผยตัวออกมาในช่วงบริเวณใกล้ ๆ ภูเขาศักดิ์เทวยุทธ์ พากันออกห่างไปไกล ไม่กล้าเข้ามาใกล้
เมื่อเผชิญหน้ากับภาพเหตุการณ์เช่นนี้ สีหน้าของซูอี้ยังคงราบเรียบเหมือนดังเดิม ออกคำสั่งเบา ๆ “ศิษย์อาจารย์ต่อสู้กันเอง เดิมเป็นเรื่องที่น่าอนาถใจอย่างที่สุดแล้ว หากว่าให้พวกเจ้าเข้ามาร่วมด้วย ข้าจะฝืนใจทนดูได้เช่นใดกัน? ศึกในครั้งนี้ ข้าคนเดียวก็พอแล้ว พวกเจ้าถอยออกไปให้ไกล คอยดูอยู่ห่าง ๆ ก็พอแล้ว”
ถึงแม้พวกของจิ่นขุยกับหวังเชวี่ยต้องการจะเข้าไปช่วยมากเพียงไหนก็ตาม ทว่าพวกเขาก็ยังคงไม่กล้าขัดคำสั่งของอาจารย์ จึงพากันถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ
“ถึงแม้อาจารย์จะกลับชาติมาเกิดใหม่ แต่ก็ยังคงมีความมั่นใจเหมือนดังแต่ก่อน”
ห่างออกไป ผีหมัวส่งเสียงพูดขึ้นมา
ทว่าความหมายในคำพูด กลับแฝงไว้ซึ่งความประชดประชัน
ซูอี้ไม่ได้สนใจ เขาหมุนตัวไป กวาดตามองดูคนทั้งหลายที่อยู่ในเหตุการณ์ ก่อนจะกล่าว “ศึกในครั้งนี้ เป็นเรื่องของถ้ำเสวียนจวินของข้า หวังว่าทุกท่านจะเห็นแก่หน้าข้าซูผู้นี้ อย่าได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
จักรพรรดิพิษเทียนฮู่ส่งเสียงถอนใจยาว ๆ ราวกับเข้าใจความรู้สึกของซูอี้ในเวลานี้เป็นอย่างดี และก็กล่าวขึ้นว่า “สัตว์ประหลาดเฒ่าซู เจ้าจงวางใจเถอะ มีข้าอยู่ จะไม่ให้คนอื่นสอดมือเข้ายุ่งเป็นอันขาด”
ซูอี้ผงกศีรษะเล็กน้อย
จากนั้น เขาก็หมุนตัวกลับไปมองดูผีหมัว กล่าวน้ำเสียงราบเรียบ “คนเพียงเท่านี้ไม่พอหรอก ให้คนของโรงวาดฤทัยออกมาด้วยเลยดีกว่า”
เขายืนอยู่กลางอากาศอย่างสง่างาม เผชิญหน้ากับผู้คนบนภูเขาศักดิ์เทวยุทธ์เพียงคนเดียว ความสง่างามยิ่งใหญ่เช่นนั้นทำให้คนมากมายไม่รู้เท่าใดต่อเท่าใดถึงกับตื่นตะลึง
“อาจารย์ หากว่าเป็นท่านอยู่ในช่วงสูงสุดเช่นในอดีตชาติ ศิษย์คงไม่กล้าใช้กำลังคนเพียงเท่านี้ต้อนรับท่านอย่างแน่นอน”
ผีหมัวที่อยู่ห่างออกไป เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ “แต่ตอนนี้ ถึงแม้ท่านจะมีกำลังการต่อสู้ที่ไร้เทียมทาน สามารถฆ่าตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้อย่างง่ายดาย แต่เทียบกับท่านในยุคนั้นแล้ว ยังด้อยกว่ามาก”
นิ่งเงียบไปชั่วครู่ ประกายแสงวาบผุดขึ้นในสายตาของเขา อานุภาพสะเทือนฟ้าสะท้านดินแผ่ปกคลุมไปทั่วร่างที่สูงใหญ่บึกบึน พลางกล่าว “และตอนนี้ ศิษย์จะทดสอบด้วยตนเองว่าท่าน… มีคุณสมบัติพอจะให้ข้าเชิญกำลังของโรงวาดฤทัยมาช่วยหรือไม่!”
ทุกคนส่งเสียงระงม คนจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนตื่นตระหนก ตอนนี้ถึงสะดุ้งรู้สึกตัวว่าผีหมัวต้องการจะต่อสู้กับอาจารย์ผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ด้วยตัวเขาเอง!
“ถึงแม้ระยะเวลาที่ผีหมัวก้าวเข้าสู่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำจะไม่ยาวนานเท่ากับผู้อาวุโสเหล่านั้น ทว่าความแข็งแกร่งของพลังการต่อสู้ของเขาเพียงพอที่จะทำให้ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ต้องรู้สึกละอายแก่ใจ เพราะอย่างไรเสียก็ดี ความสามารถของศิษย์เอกของเขาปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจะธรรมดาไปได้อย่างไร?”
มีตัวประหลาดเฒ่ามากมายทอดถอนใจ ศิษย์เอกที่ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินให้ความสำคัญเป็นที่สุด ทว่าวันนี้กลับมาต่อสู้ขั้นแตกหักกับปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินผู้กลับชาติ ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ช่างน่าอนาถใจเสียเหลือเกิน!
ซูอี้ยกน้ำเต้าสุราในมือขึ้น เบนสายตาที่ราบเรียบเฉยเมยมองไปยังผีหมัว “ก็ได้ ในเมื่อครั้งนี้ต้องกวาดล้างสำนัก ข้าก็จะให้เจ้าพ่ายแพ้อย่างราบคาบ”
ผีหมัวหัวเราะยาว ๆ ทีหนึ่ง ทันใดเขาก็สะบัดแขนเสื้อ
ชิ้ง!
เสียงดาบหนาหนักดังขึ้น
ดาบวิถีเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของผีหมัว มันมีขนาดยาวสี่ฉื่อสี่ชุ่น สีดำตลอดทั้งเล่ม อับแสงไร้ประกาย และที่ด้ามดาบสลักอักษรขนาดเท่าหัวแมลงวัน ‘สวรรค์เปิดทาง’
“ดาบชื่อสวรรค์เปิดทาง เป็นศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิดที่ศิษย์หล่อหลอมขึ้นมาด้วยตนเอง ไม่เคยนำออกมาใช้มาก่อน และไม่เคยแตะโดนเลือด วันนี้ เชิญอาจารย์โปรดดูด้วย!”
ผีหมัวตวัดดาบ ดาบส่งเสียงดังหนักแน่นราวกับเสียงฟ้าผ่าครืน ๆ ก้องกังวานไปทั้งแผ่นฟ้า
ฟ้าดินเปลี่ยนสี ภูเขาลำเนาไพรสั่นสะเทือน
วิถีดาบของเขาทรงพลัง หนักแน่น ไม่เป็นสองรองใคร ถึงแม้จะอยู่ในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ ก็บรรลุสู่ขั้นสุดยอดแล้ว ภาวะจิต ภาวะดาบ รวมไปถึงกฎเกณฑ์มหาวิถีที่เขาควบคุม ล้วนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ทำให้กำลังการต่อสู้ของเขาน่ากลัวเกินกว่าจะคาดเดาได้
“กำลังการต่อสู้ของเด็กคนนี้ ฝึกซ้อมจนถึงขั้นนี้แล้วหรือ…”
จักรพรรดิพิษเทียนฮู่ขมวดหัวคิ้วขึ้นมา ในใจรู้สึกเดือดดาลอยู่มาก ยิ่งผีหมัวเก่งกาจมากเพียงใด การทรยศของเขาก็ยิ่งแลดูน่าเจ็บแค้นใจมากถึงเพียงนั้น!
“หากว่าไม่ใช่อาจารย์ จะมีผีหมัวในวันนี้ได้เช่นใด? ตอนนี้ดีเลย คนเนรคุณลืมบุญคุณคนนี้ยังมีหน้ามาถือดาบชี้หน้าอาจารย์ สมควรตาย!”
หวังเชวี่ยกัดฟันแน่นพลางกล่าว
จิ่นขุยกับเยว่ลั่วที่ยืนข้างกายเขาก็รู้สึกโกรธมากจนยากจะระงับเช่นกัน
“ดาบดีจริง แต่คนถือไม่ใช่คน”
ซูอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ
พอเขาพลิกฝ่ามือ ดาบเงากระจ่างพลันปรากฏขึ้น จากนั้นจึงก้าวเดินเข้าไปใกล้ผีหมัวที่อยู่บนอากาศ “ตามที่ข้าได้ดู อย่างไรเสียก็ไม่ได้เรื่อง”
ระหว่างที่ซูอี้ก้าวเดิน ภาวะดาบอันแกร่งกล้าบนร่างสูงโปร่งของเขาผุดขึ้นสู่ท้องฟ้า
จิตวิญญาณของผู้ฝึกตนบางคนรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา ต่างตื่นตระหนกจนหน้าถอดสี
ตัวตนเก่าแก่บางคนก็ยังอดหรี่ตาไม่ได้ ใบหน้าของพวกเขาถึงกับเปลี่ยนสี
เป็นภาวะดาบที่น่ากลัวมาก เป็นอานุภาพที่น่าตื่นตะลึงเหลือเกิน!
หากไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเอง คงไม่มีใครคาดเดาได้หรอกว่าภาวะดาบและอานุภาพอันแกร่งกล้าสะท้านโลกาเช่นนี้จะเป็นของตัวตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ!
เมื่อเผชิญหน้าซูอี้ที่ก้าวเดินเข้ามาหา ผีหมัวก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ถาโถมเข้าหาในทันใด ตัวเกร็งขึ้นมาในทันที
ก่อนหน้านี้ ถึงแม้เขาจะแสดงท่าทีหยิ่งผยองและโอหังไว้มากเพียงใด แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะดูแคลนอาจารย์ของตัวเองแม้แต่น้อย!
เมื่อก่อนเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนี้!
เพราะเขาเข้าใจดีเหลือเกินว่า อาจารย์ของตนเองนั้นน่ากลัวเพียงใด ไม่ว่าอย่างไรก็ตามอย่าประมาทจะเป็นการดีที่สุด
จนกระทั่งซูอี้อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงร้อยจั้ง สายตาของผีหมัวผุดประกายดุดัน บุกโจมตีในฉับพลัน
ร่างสูงใหญ่บึกบึนของเขาก้าวออกไปหนึ่งก้าว ฟ้าดินสั่นสะเทือน สรรพสิ่งล้วนอับแสง ระดับการฝึกตนที่สั่งสมกำลังอยู่นานหลอมรวมอยู่ในดาบวิถีสวรรค์เปิดทางในมือ จากนั้นก็ฟันออกไป
ครืน!
แสงดาบลำหนึ่งฟันออกไป หนักแน่นเต็มกำลัง หนักหน่วงเต็มแรง และน่ากลัวเต็มขีด มันฟันอากาศจนเกิดเป็นรอยปริแตกได้อย่างง่ายดาย รุนแรงจนไร้สิ่งใดกีดขวาง
เมฆากระจายทั่วสิบทิศ ผู้ฝึกตนไม่รู้มากมายเท่าใดแตกตื่น เพราะอานุภาพของดาบเล่มนี้ จิตวิญญาณจึงได้รับความกระทบกระเทือนอย่างจนแทบแตกสลาย
แม้กระทั่งบรรดาผู้อาวุโสที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ยังตัวเกร็งแข็ง หน้าถอดสี
ดาบเดียวเช่นนี้ ดูเหมือนเรียบง่าย แต่ทว่าได้หลอมรวมเอากฎเกณฑ์และฝีมือวิถีดาบทั้งหมดในตัวของผีหมัวไว้ในนั้น มันรุนแรงจนถึงขั้นใครขวางเป็นฆ่า!
“เด็กคนนี้ พอได้ลงมือก็ใส่สุดกำลัง โหดน่าดู!”
สีหน้าของจักรพรรดิพิษเทียนฮู่คร่ำเคร่งขึ้น
ทว่า ถึงแม้จะไม่สบายใจเพียงไหน เขาก็ยังต้องยอมรับว่าผีหมัวทำเช่นนี้ฉลาดที่สุด!
เพราะอย่างไรเสีย คู่ต่อสู้ของผีหมัวคืออาจารย์ของเขา อดีตตัวตนสุดยอดในตำนานที่ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานในวิถีดาบ จะประมาทไม่ได้แม้แต่น้อย
ศิษย์เอกที่ตนเองสั่งสอนมากับมือ ฝีมือวิถีดาบเช่นนั้น ตัวตนทั่วไปในโลกไม่อาจจะเปรียบได้เป็นธรรมดา
ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ เมื่อผีหมัวกวัดแกว่งดาบฟันเข้าใส่โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ก็ยิ่งเป็นการทำร้ายจิตใจของซูอี้อย่างแรง
ไม่ปล่อยให้ความรู้สึกภายในใจกระเทือนถึงสติ ซูอี้จึงลงมือในทันใด
เขาไม่หลบเลี่ยง ขณะฟันดาบเงากระจ่างในมือออกไป
เรียบง่ายเช่นกัน ทว่าฝีมือวิถีดาบที่อยู่ภายในดาบกลับเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ งดงาม ลีลาที่แสดงออกมาเผยให้เห็นถึงแก่นแท้
ในสายตาคนมากมายนับไม่ถ้วนที่อยู่ในเหตุการณ์ ดาบเล่มนี้ ไม่มีอานุภาพที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินแม้แต่น้อย
ทว่าเมื่อได้เห็นดาบเล่มนี้ เหล่าผู้อาวุโสที่มีระดับวิถีน่ากลัวเหล่านั้นถึงกับสีหน้าสลด
ครืน!
ไม่มีความเปลี่ยนแปลงที่แยบยลลึกล้ำอันใด พลังดาบสองเล่มปะทะเข้าใส่กันกลางอากาศ ฟ้าดินในบริเวณนั้นราวกับถล่มลงมา พลังดาบไร้เทียมทานกลายเป็นกระแสพลังทำลายล้างซัดกระจายเป็นวงกว้าง
เมื่อกระแสพลังเช่นนี้ถาโถมโดนภูเขาศักดิ์เทวยุทธ์ สั่นสะเทือนจนค่ายกลต้องห้ามที่ปกคลุมไปทั่วภูเขาศักดิ์เทวยุทธ์ไหวอย่างรุนแรงในฉับพลัน จักรพรรดิจากห้าขุมกำลังใหญ่ที่ประจำอยู่ในตำแหน่งต่างสีหน้าเปลี่ยน ขับเคลื่อนค่ายกลต้องห้ามกันอย่างเต็มกำลัง จึงสลายกระแสพลังการต่อสู้ที่ถาโถมมาได้
ส่วนที่อื่น ๆ ภูเขาลำเนาไพรถล่มทลาย อากาศแปรปรวน ผืนแผ่นดินใหญ่เกิดเป็นร่องลึกขนาดใหญ่มหึมาหลายรอย
ฝุ่นและควันฟุ้งกระจาย
ร่างของซูอี้สงบนิ่ง มีเพียงแค่ผมยาวที่สยายพลิ้ว ชุดสีเขียวที่ใส่โบกสะบัด
ภาพเช่นนี้สร้างความตื่นตะลึงให้คนอื่น ๆ ไม่รู้เท่าใดต่อเท่าใด
แกร่งมาก!
ระดับวิถีแค่ขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำเท่านั้น กลับสามารถปะทะกับดาบเดียวที่หลอมรวมระดับวิถีขอบเขตสานพันธะลึกล้ำอย่างเต็มกำลังของผีหมัวได้!!
“ใต้เท้าซู… ร้ายกาจเกินไปแล้วจริง ๆ…”
ดวงตางามของเยี่ยนซู่หนีเลื่อนลอย พลางกล่าวพึมพำเสียงเบา
“หนทางวิถีสายใหม่ที่สัตว์ประหลาดเฒ่าซูเสาะแสวงหามาได้นี้ ร้ายกาจจริง ๆ เสียด้วย”
จักรพรรดิพิษเทียนฮู่อุทาน
ทุกคนในเหตุการณ์ส่งเสียงแตกตื่น เมื่อเห็นความงดงามของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินกับตาตัวเองจริง ๆ แล้ว ทุกคนจึงเข้าใจได้ว่าคำว่าร้ายกาจนั้นหมายความอย่างไร ตัวตนดุจเทพเซียนนั้นเป็นอย่างไร!
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ใครเคยเห็นคนที่มีระดับการฝึกตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำปะทะกับขอบเขตสานพันธะลึกล้ำบ้าง?
ไม่มี!
นับแต่บรรพกาลจนถึงตอนนี้ นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน!
………………..