บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1107: เย่อหยิ่งหน้ามืดตามัว?
ตอนที่ 1107: เย่อหยิ่งหน้ามืดตามัว?
ค่ายกลกวาดสวรรค์ล้างแดนดินใช้พลังของเหล่าจักรพรรดิหมดตัว และกระทั่งแผดเผาชีพจรต้นกำเนิดปราณจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เทวยุทธ์ อำนาจของมันจะน่ากลัวเพียงใด?
และเมื่อค่ายกลนี้ถูกดาบของซูอี้ทำลายพินาศ พลังทำลายล้างที่ปลดปล่อยออกมาก็ร้ายกาจยิ่งเช่นกัน
ทั่วฟ้าดินถล่มสิ้น เสียงกรีดร้องโหยหวนน่าเวทนาดังก้อง
จักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำทั้งเจ็ดสิบสองต่างเหมือนต้นหญ้าไหม้ไฟ ร่างวิถีและจิตวิญญาณล้วนถูกทำลายสิ้นในพริบตา
ในหมู่จักรพรรดิขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั้งยี่สิบสี่คน มีมากกว่าสิบคนที่หลบไม่ทัน จึงถูกอำนาจทำลายล้างกวาดสิ้นไป และแม้จะดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่อาจหนีจากลูกหลงและตายอนาถคาที่!
ภาพนองเลือดอันน่าสยดสยองนี้เป็นดั่งขุมอเวจีบนแดนดิน
กระทั่งเหล่าจักรพรรดิผู้สูงส่งยังดูเปราะบาง
เหล่าผู้เฝ้ามองจากระยะไกลล้วนตัวสั่นและสีหน้าของพวกเขายามนี้ก็ดูตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า
และยามนี้เองที่ผู้คนพลันตระหนักว่าแม้ค่ายต้องห้ามของผีหมัวจะร้ายกาจและแข็งแกร่งเพียงใด ท้ายที่สุดก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินและถูกทำลายย่อยยับ!
และการได้เห็นเหล่าจักรพรรดิปลิดปลิวดุจต้นหญ้า ก็เดาได้ว่าน่าตกใจเพียงไหน
“ค่ายกลที่ว่า อย่างมากก็เป็นได้เพียงวิชา ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใด ในสายตาตัวตนเช่นสัตว์ประหลาดเฒ่าซู เมื่อเห็นช่องโหว่ก็ทำลายได้ทันที”
จักรพรรดิพิษเทียนฮู่ลอบกล่าว
ตัวตนในระดับเขาย่อมรู้ดีที่สุดว่าค่ายกลอาจสามารถดักสังหารจักรพรรดิส่วนใหญ่ในโลกหล้าได้ แต่มันจะไม่มีทางล้อมสังหารซูเสวียนจวินผู้เคยเป็นที่รู้จักในนาม ‘ปรมาจารย์หมื่นวิถี’ ได้!
เหตุผลหลักนั้นเป็นเพราะค่ายกลนี้ แท้ที่สุดก็เป็นเพียงสิ่งตาย ต้องใช้จักรพรรดิกลุ่มหนึ่งเดินพลัง
สำหรับซูเสวียนจวินผู้ชำนาญศาสตร์ค่ายกล เขาไม่จำเป็นต้องออกแรงฝืนทำลายมันเลย ขอเพียงเขาเห็นความเป็นไปในค่ายกล หาจุดบอดพบ เขาก็สามารถทำลายค่ายกลได้ง่าย ๆ ราวหักคอไก่
“แค่นั้น… ก็พังแล้วหรือ?”
เยี่ยนซู่หนีพึมพำราวกับตกอยู่ในภวังค์ ตำนานผู้ยิ่งใหญ่เดียวดายในโลกา… กลับมาแล้ว!
“ไม่เข้าใจหรือไร แม้ว่าจะเป็นร่างเวียนวัฏของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน การฝึกฝนก็มีจำกัด และอ่อนแอกว่าอดีตชาติของเขามาก แต่อย่าลืมว่าเขาคือซูเสวียนจวิน!”
ผู้อาวุโสใหญ่กระซิบ สั่นสะท้านทั้งกายใจ “ประสบการณ์ในอดีตชาติ ทักษะฝีมือและวิชาที่เขาสำเร็จล้วนเหลือเฟือให้สำแดงอำนาจเกินคาดคิดได้!”
ทั่วบริเวณเดือดพล่านฮือฮา ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนธรรมดาหรือเหล่าตัวตนบรรพกาลเร้นกายล้วนตะลึงจังงัง!
หลวงจีนจี้หยวนจากแดนบูรพาน้อยเงียบลงทุกขณะ แววตาวูบไหวแปรเปลี่ยนไม่หยุดนิ่ง
เมื่อหมอกควันจางลง แสงเพลิงจางสลาย สภาพเละเทะของสนามรบก็ปรากฏ
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เทวยุทธ์ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะแดนศักดิ์สิทธิ์หุบเขาลือนามอันดับหนึ่งในแคว้นสวรรค์ร่มเย็นถูกถล่มหายเรียบ เหลือเพียงซากกระจัดกระจายเต็มพื้น
จักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำทั้งเจ็ดสิบสองต่างสิ้นสูญ
ในหมู่จักรพรรดิยี่สิบสี่คนแห่งขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ เหลือเพียงสิบเอ็ดคนซึ่งล้วนบาดเจ็บสาหัส
กระทั่งตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำทั้งสามยังต่างบาดเจ็บ แม้จะไม่ร้ายแรง แต่อาภรณ์ของพวกเขาล้วนเสียหาย ร่างโชกเลือด ใบหน้าซีดเซียว สภาพดูสาหัสเอาการ
ไกลออกไป ใบหน้าของผีหมัวโกรธเกรี้ยว ดวงตาเหลือกถลน
ทว่าครานี้ ผีหมัวไม่อาจรักษาความเยือกเย็นไว้ได้อีก!
ในศึกประลองเดี่ยวก่อนหน้านี้ เขาถูกปราบลงด้วยเพียงสองดาบ และเมื่อเผชิญดาบที่สามของซูอี้ เขาก็ต้องหนี!
การโจมตีนี้ทำให้หัวใจวิถีของเขาถูกกระทบอย่างหนัก
ยามนี้ เมื่อค่ายกลกวาดสวรรค์ล้างแดนดินที่เขาตระเตรียมอย่างพิถีพิถันพังลง การมองจักรพรรดิเหล่านั้นปลิดปลิวราวหญ้าถูกเผานั้นเป็นดุจการตบหัวผีหมัวป้าบใหญ่
เขาจึงอดเกรี้ยวกราดไม่ได้ อารมณ์พลุ่งพล่านมิอาจหยุดอยู่!
โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นว่าซูอี้ยังคงแข็งแกร่งไร้รอยขีดข่วนเช่นกาลก่อน ความไม่สบายใจอย่างรุนแรงก็พลุ่งพล่านในใจของผีหมัว!
“ว่าแล้วเชียว อาจารย์ เจ้าไม่เพียงมาฆ่าคนในวันนี้ แต่ยังมาเหยียบย่ำหัวใจกันด้วย!”
ผีหมัวถอนใจ
จักรพรรดิที่หลงเหลือยืนอยู่ห่างไกล สีหน้าต่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
สิ่งนี้ทำให้ผีหมัวเห็นว่าหากต้องการสวนกระแสศึก เขาไม่อาจพึ่งพาเหล่าผู้เฒ่าจากขุมกำลังทั้งห้าได้อีก
เขาไม่ได้ไล่ตามจักรพรรดิที่เหลือรอด และไม่แม้แต่จะชายตามองอีกสักหน
กลุ่มลิ่วล้อที่ถูกขยี้จิตต่อสู้ไปแสนนาน ไม่มีค่าให้สนใจแม้แต่น้อย
ซูอี้กล่าวพลางก้าวสู่อากาศ เดินไปหาผีหมัว
เป็นก้าวย่างผ่อนคลายสบาย ๆ
ทว่าเมื่อเผชิญกับซูอี้ที่ก้าวมาหา หัวใจของผีหมัวพลันบีบแน่น รู้สึกถึงแรงกดดันพุ่งปะทะมหาศาล
เขาสูดหายใจลึก ดวงตาเปี่ยมความมุ่งมั่น มือวางบนพื้น
“ขึ้นมา!”
หนึ่งม้วนภาพคลี่ออกกลางนภา
ภาพดุจขุมนรกปรากฏขึ้นในม้วนภาพ ซากศพกองเรียงเป็นภูเขา โลหิตนองเป็นสายธาร กระดูกขาวเรียงรายดุจพนาไพร ดูราวแดนมารโบราณอันเต็มไปด้วยเทพมารดุร้ายอาละวาดทั่วทิศ
มันเป็นเพียงภาพวาด แต่การกางมันออกดูจะเป็นการเปิดประตูเชื่อมสู่แดนมารสีเลือด ปราณที่แผ่ออกมาทิ่มทะลวงแปลกประหลาดกร่อนวิญญาณ
“นี่คือ…”
ผู้มองจากไกล ๆ ล้วนหวาดผวาราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง
“แย่แล้ว!”
จักรพรรดิทั้งหลายต่างถูกกดดันทั้งกายและวิญญาณ
“ทิ้งสัมผัสทั้งหก อย่าพยายามสัมผัสปราณของม้วนภาพนั่น!”
ทางฝั่งแดนลี้ลับขั้นเก้า สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดแปรเปลี่ยนรุนแรง ขณะคำรามลั่น
ทั่วหล้าชุลมุนแตกตื่น
ผู้รับชมศึกล้วนสัมผัสถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามาได้ และมิกล้าใช้จิตสัมผัสอีก ต่างฝ่ายต่างเผ่นหนีไปไกล
ปราณของม้วนภาพนั้นทิ่มแทงแปลกประหลาดเกินไป!
ในหมู่ผู้ชมในปัจจุบัน มีเพียงตัวตนบรรพกาลทั้งหลายเช่นจักรพรรดิพิษเทียนฮู่และผู้อาวุโสใหญ่แห่งแดนลี้ลับขั้นเก้าเท่านั้นที่ไม่ได้ถอยไปไหน
มีเทพมารอันน่าเหลือเชื่อมากมายในม้วนภาพ บ้างปลิดดาราเกี่ยวดวงจันทร์ กลืนท้องนภา บ้างโบกมือปิดสรวงทะลวงแดนดิน ต่างฝ่ายต่างน่ากลัวไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน!
จักรพรรดิทั้งหลายฝั่งผีหมัวต่างตื่นเต้นใจชื้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าม้วนภาพนี้ถูกโรงวาดฤทัยทิ้งไว้ เป็นไพ่ตายสูงสุดที่ทำให้ผีหมัวกล้าต่อสู้กับปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เทวยุทธ์ในครานี้!
“ปราณของม้วนภาพนี้เหนือล้ำเกินกว่าจะเป็นสมบัติในวิถีลึกล้ำ มีพลังมหาศาลที่สามารถกั้นขวางสะกดตัวตนในขอบเขตจักรพรรดิ หรือจะเป็นสมบัติที่จิตรกรทำขึ้นด้วยมือตน?”
ซูอี้หรี่ตาลงเล็กน้อย
เขาสัมผัสถึงความประหลาดของม้วนภาพนี้ได้ ซึ่งทำให้เขาเองก็สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามอันตราย
“อาจารย์ ด้วยสายตาของท่าน น่าจะเห็นแล้วว่า ‘ภาพแผนที่แดนมารนิจนิรันดร์’ นี้เป็นสมบัติอันแข็งแกร่งเพียงไร”
ผีหมัวเยือกเย็นลงเต็มที่ สีหน้าสุขุมราวได้พบที่พึ่งพิง
“ศิษย์ไม่ถือหากจะบอกอาจารย์ว่าตัวตนร้ายกาจในม้วนภาพนี้ล้วนแต่เป็นตัวตนระดับราชันย์แห่งภูมิซึ่งอยู่เหนือวิถีลึกล้ำ!”
ตัวตนระดับราชันย์แห่งภูมิ!?
“ภาพแผนที่แดนมารนิจนิรันดร์…”
หลวงจีนจี้หยวนแห่งแดนบูรพาน้อยกระซิบในใจ “ที่แท้ก็เป็นสมบัตินี้…”
เหล่ายอดฝีมือบรรพกาลทั้งหลายล้วนหนาวเยือกทั้งใจกาย
จากบทสนทนาระหว่างผีหมัวกับซูอี้ก่อนหน้านี้ พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหนือวิถีลึกล้ำเป็นวิถีสู่สวรรค์!
มันเป็นความตื่นตะลึงสำหรับพวกเขา โลกใบใหม่เอี่ยมอันปรากฏสู่คลองจักษุ
แต่ใครเล่าจะคิดว่าสมบัติที่ผีหมัวใช้ในครานี้จะผนึกพลังของราชันย์แห่งภูมิไว้มากมาย!
มันจะไม่ชวนตัวสั่นได้เช่นไร?
ทั่วฟ้าดินถูกสะกดนิ่ง ปราณฆ่าฟันปกคลุมสุญญะ ความเงียบงันเข้าเกาะกุม
มีเพียงเสียงไร้อารมณ์ของผีหมัวที่ดังก้อง “ราชันย์แห่งภูมิเหล่านี้อยู่ในส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว ต่างฝ่ายต่างเป็นยักษ์ใหญ่แห่งสุดขอบฟ้า เหนือล้ำกว่าวิถีลึกล้ำ แข็งแกร่งไร้ขอบเขต แต่ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงไร ท้ายที่สุดก็ถูกบรรพชนโรงวาดฤทัยของข้าจับมาผนึก หลอมร่างวิถีผนึกจิตวิญญาณไว้ที่นี่!”
ไกลออกไป ซูอี้ยืนบนอากาศ ดวงตามองภาพแผนที่แดนมารนิจนิรันดร์ กล่าวอย่างเฉยเมย “นี่หรือเหตุผลที่เจ้าทรยศ?”
ผีหมัวส่ายหน้า น้ำเสียงมั่นคงกังวาน “นี่ไม่ได้เรียกว่าทรยศ แต่เป็นการเลือกทางเดินใหม่ นกดีเลือกไม้เกาะ!”
รินฝีปากของซูอี้เจือแววเยาะเย้ย “เทียบตนกับนก? แต่ข้าเห็นว่าเจ้าไม่อาจสู้นกได้ด้วยซ้ำ!”
ดวงตาของเขาลึกล้ำไร้แยแส “หากเจ้าอยากกราบอาจารย์ใหม่ เจ้าทำได้ เจ้าจะเกาะแข้งขาพึ่งใบบุญโรงวาดฤทัยก็ย่อมได้ แต่ตลอดมานี้ ไฉนเจ้าต้องตั้งพันธมิตรเสวียนจวินในนามข้า ซูเสวียนจวินด้วย? ไฉนเจ้าต้องหลอกศิษย์น้องของเจ้าด้วยนามข้าด้วย?”
วาจาเหล่านี้สะเทือนถึงโสตของพวกจิ่นขุย กระทบถึงทรวง ต่างฝ่ายต่างถลึงตาจ้องผีหมัวอย่างโกรธเคือง!
สุนัขไม่อด บุตรไม่อัปลักษณ์ หากมิใช่เพราะอาจารย์ จะยังมีเขาวันนี้หรือ?
ทว่าเขา เพื่อให้ได้เป็นศิษย์โรงวาดฤทัยโดยเร็ว กลับไม่ลังเลที่จะเลือกทรยศ!
แย่กว่าเดรัจฉานโดยแท้!
“อาจารย์ หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน ท้ายที่สุดเจ้าก็ไม่เข้าใจศิษย์เลย”
ผีหมัวถอนใจเบา ๆ “ช่างเถอะ”
ตู้ม!
ภาพแผนที่แดนมารนิจนิรันดร์ในอากาศพลันขยายใหญ่ สิบจั้ง ร้อยจั้ง พันจั้ง…
ทันใดนั้นมันก็ปกคลุมทั่วหล้าฟ้าดิน
มองปราดแรกดูราวแดนมารสีเลือดจุติออกมากลืนกินทั่วภพภูมิ!
ยามนี้ กระทั่งจักรพรรดิพิษเทียนฮู่และเหล่าตัวตนบรรพกาลยังต้องถอยร่นคนแล้วคนเล่าเพื่อไม่ให้ตนต้องบาดเจ็บ ปราณของแดนมารนิจนิรันดร์นี้ร้ายกาจเกินไป ทำให้พวกเขาล้วนสัมผัสถึงบรรยากาศคุกคามถึงชีวิตได้
ทว่าพวกเขาก็ต้องแปลกใจที่ซูอี้ไม่ได้หลบเลี่ยง!
เขาไม่กระทั่งจะถอยสักก้าว และก้าวออกไปใช้ดาบเงากระจ่างโจมตีทันที
“นี่…”
ร่างของจักรพรรดิพิษเทียนฮู่แข็งค้าง แทบไม่อยากเชื่อตาตน
สัตว์ประหลาดเฒ่าซูบ้าไปแล้วหรือ!
ม้วนภาพนั่นผนึกตัวตนในขอบเขตราชันย์แห่งภูมิไว้นะ!!
กระทั่งผีหมัวยังอดตะลึงไม่ได้ สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนพิกล รำพึงออกมา “อาจารย์ ศิษย์ผู้นี้ไม่คิดเลยว่าความเย่อหยิ่งหน้ามือตามัวของท่านจะแว้งกัดสังหารท่านเอง…”
………………..