บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1112: แตกหักไม่จบสิ้น
ตอนที่ 1112: แตกหักไม่จบสิ้น
ผีหมัวดูหม่นหมอง ดวงตากวาดมองเหล่าผู้ชมอย่างเลื่อนลอย
เขาพลันรู้สึกเหมือนทุกคนดูจะกำลังเยาะเย้ยเขาอย่างเงียบ ๆ สายตาดุจดั่งคมดาบเสียดแทงลึกสู่ใจ
เขานอนจมกองเลือด เส้นผมกระจัดกระจาย พลังชีวิตเหือดหายรวดเร็ว ดูน่าเวทนานัก
“สตรีที่ข้าชอบที่สุด ยามที่ข้าเสี่ยงชีวิตปกป้องกลับมองข้าเป็นเพียงตัวหมากใช้แล้วทิ้ง หึ ๆ… สุดท้ายข้าก็ต้องตายด้วยดาบอาจารย์ข้าเอง… ข้าผีหมัวคือคนโง่เง่าน่าขันที่สุดใต้ผืนนภานี้จริงแท้…”
เสียงขาดห้วงดังออกมาจากปากของผีหมัว
เขายกยิ้มมุมปากราวเย้ยหยัน หันกลับไปมองซูอี้ซึ่งอยู่ห่างออกไปอย่างยากลำบาก “อาจารย์… ศิษย์จะไม่เสียใจ แต่ท่านห้ามลืมวาจานี้ ท่านมีเคล็ดเวียนวัฏสงสารอยู่ เหล่ายักษ์ใหญ่ในห้วงลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวจะ… ไม่ปล่อยท่านไปแน่!!”
ในช่วงท้าย เสียงของเขาดูจะเป็นการคำรามลั่นบ้าคลั่งสุดคอ
จากนั้น ร่างของเขาก็แหลกสลาย ถูกสังหารปลิดปลิวกลางอากาศโดยสมบูรณ์
ตลอดกาลผ่านมา ในฐานะศิษย์เอกของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน เขามีชื่อเสียงโด่งดังในแดนเทวามหาแดนดินและมีผู้เคารพยกย่องมากมาย แม้ยามเผชิญตัวตนบรรพกาลทั้งหลาย พวกเขายังชิงเปิดทางประนีประนอม มิกล้าหมิ่นเกียรติใด ๆ
ในสายตาผู้ฝึกตนนับร้อย ๆ ล้านในโลกหล้า เขาเป็นตัวตนผู้ถือครองอำนาจต่อสู้เหลือเชื่อ เป็นที่เคารพของยอดฝีมือมากมาย
ทว่าใครเล่าจะคิดว่าตัวตนอันลือนามทั่วโลกหล้าเช่นนี้จะร่วมมือกับโรงวาดฤทัยหักหลังสำนักตน!
การกระทำหักหลังอาจารย์ทำลายบรรพชนนั้นทุเรศสิ้นดี
และน่าสลดที่สุดท้าย เขาดูจะตายด้วยดาบอาจารย์ตน แต่แท้จริงแล้ว เขาตายด้วยมือของโรงวาดฤทัยที่เขาถือเป็นที่พึ่งต่างหาก!
ราวกับประชดกัน ยามนี้ทุกคนจึงพลันตระหนักว่าผีหมัวผู้เลิศล้ำกลับตกตายด้วยมือสตรีที่เขามีใจ!
นี่จะไม่น่าอับอายเช่นไร? จะไม่ให้ถอนใจได้เช่นไร?
“นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่าความรักทำให้คนตาบอด คนมีความรักเหมือนถูกผีเข้า หากไม่สำนึกก่อนตาย ตายไปก็ไม่เสียดาย!”
จิ่นขุยกล่าวอย่างเย็นชา
เย่ลั่ว หวังเชวี่ยและคณะเองก็คิดเช่นนั้น
การกระทำก่อนหน้านี้ของผีหมัวทำให้พวกเขาโกรธเกลียดเคี้ยวฟันเสียจนแทบป่น ทว่าเมื่อยามนี้มาเห็นเขาถูกคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยซึ่งเขาเชื่อใจนักหนาสลัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใยจนตาย พวกเขาก็รู้สึกเพียงเจ็บแปลบเล็กน้อยอย่างมิอาจบรรยาย ไร้ความเห็นใจใด ๆ ทั้งสิ้น
ทำตนเอง สมควรตาย!
“ข้ายังคิดอยู่นะว่าผีหมัวผู้นี้เป็นยอดคนเลิศฝีมือ ทว่าท้ายที่สุดก็เป็นเพียงลิ่วล้อช่างประจบ”
จักรพรรดิพิษเทียนฮู่กล่าวอย่างดูแคลน
เขาไร้เมตตาสำหรับสิ่งที่เกิดกับผีหมัว
ลิ่วล้อช่างประจบ?
เมื่อได้ยินคำบรรยายนี้ สีหน้าของทุกคนที่ได้ยินก็แปรเปลี่ยนพิกล
หัวใจของซูอี้ดูสับสนเล็กน้อยในการตายของผีหมัว
ไม่ว่าอย่างไร ตลอดกาลนานมา ศิษย์เอกผู้นี้ก็ฝึกฝนอยู่ข้างกายเขา
และเมื่อมาเห็นผีหมัวตายอนาถเช่นนี้ หัวใจของซูอี้เองก็จะไร้คลื่นกระเพื่อมคงเป็นไปไม่ได้
ทว่าส่วนใหญ่แล้วก็มีเพียงความผิดหวังและตะลึง
ดวงตาของนางจับจ้องไปยังท้องนภาเท่านั้น
ณ จุดนั้นมีหายนะคุกรุ่นชวนใจหาย เพียงปราณของมันก็ทำให้นางตื่นกลัว
นางมาจากส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว ด้วยฐานะพิเศษสูงส่ง นางจึงเคยได้เห็นอัจฉริยะมากมายที่แข็งแกร่งสะท้านยุคสมัยนิรันดร์ บุตรศักดิ์สิทธิ์อันเกิดมาพร้อมโชคลาภมหาศาล บรรลุสู่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำได้แต่เด็ก หายากยิ่งในโลกหล้า
แต่นี่คือครั้งแรกที่นางได้เห็นว่ายามข้ามผ่านหายนะรู้แจ้งลึกล้ำ จะมีผู้ต้องเผชิญหายนะน่ากลัวเพียงนี้!
จากนั้น นางก็หันมองซูอี้ “ซูเสวียนจวิน ผีหมัวตายแล้ว เจ้าก็บรรลุการล้างสำนัก ข้าว่าเราควรหยุดเพียงเท่านี้”
คุณหนูยกมือขึ้นชี้เข้าไปในท้องนภา “หลังข้ามหายนะเสร็จ ข้าคุยกับเจ้าได้ ไม่ว่าเจ้าจะอยากรู้เรื่องใด ข้าจะบอกเจ้าทุกอย่าง”
“และหากเจ้าต้องการ ข้าจะส่งเจ้าสู่ห้วงลึกจักรวาลพร่างดาว กรุยทางทุกวิถีทางให้เจ้าเข้าสู่วิถีสู่สวรรค์ เป็นอันดับหนึ่งในจักรวาลพร่างดาวได้!”
เมื่อกล่าวถึงยามนี้ แรงกดดันมหาศาลก็ปรากฏบนใบหน้าของนาง นางชี้ที่หัวใจตนพลางกล่าวอย่างจริงจัง “ไม่เหมือนผีหมัว ยามนี้ ข้าสาบานด้วยหัวใจวิถีของข้าได้ว่าวาจาเหล่านี้ไร้สิ่งใดเป็นเท็จ!”
รอบข้างเงียบสงัด
หัวใจทุกคนสั่นสะท้าน ไม่คาดเลยว่าคุณหนูผู้ลึกลับแห่งโรงวาดฤทัยจะเลือกเกลี้ยกล่อมปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินอย่างจริงจัง
ในท้องนภา ทัณฑ์อสนีบาตสุดท้ายกำลังคุกรุ่น ปรากฏสัญญาณระเบิดออกจาง ๆ
ทว่าซูอี้ไม่ได้สนใจมัน ดวงตาลึกล้ำของเขานิ่งเฉย ขณะก้าวเข้าไปใกล้คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยอีกก้าว และกล่าวว่า “กาลก่อน เจ้าก็ล่อลวงผีหมัวเช่นนี้ โชคร้ายที่ข้าไม่ใช่เขา วิถีเต๋าของข้า ไม่ต้องการผู้ใดกรุยทางให้!”
น้ำเสียงของเขาเฉยเมยเย็นชา สะท้อนก้องทั่วฟ้าดิน
คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยขมวดคิ้วกล่าว “ตัวตนเช่นเจ้าน่าจะรู้ ว่าหากไม่ใช่เพราะความทะเยอทะยานของผีหมัว เขาคงไม่เลือกทรยศเพราะข้าหรอก ยามนี้เขาตายแล้ว ชดใช้ความผิดอย่างสาสม ความแค้นระหว่างศิษย์อาจารย์ก็คลายลง ไฉนจึงยังเลือกเป็นศัตรูข้าอีกเล่า?”
กล่าวถึงจุดนี้ นางก็ขมวดคิ้วกล่าว “กล่าวตรง ๆ หากข้าคิดจะทำ ข้าก็สั่งการขุมกำลังสูงสุดมากมายในห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวมารับใช้ข้า หรือกระทั่งให้บรรพชนข้าทำข้อยกเว้น ช่วยข้าในพริบตาเสียก็ได้! หากเจ้าเลือกเป็นศัตรูข้า ผลลัพธ์จะยิ่งร้ายแรงกว่าเป็นศัตรูกับโรงวาดฤทัยอีกนะ!”
ทันทีที่วาจานี้ถูกกล่าว เหล่าผู้ฟังก็ยิ่งหน้าซีดเหมือนศพ ตะลึงนิ่งกับที่
ที่มาของคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยนั้นพิเศษทรงพลังอย่างยิ่ง และดูเหมือนว่ามันกระทั่งสามารถทำให้บรรพชนจากโรงวาดฤทัยออกมาลงมือเพื่อนางได้ด้วย!
หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“สตรีผู้นี้… ไม่ธรรมดาเลย…”
จักรพรรดิพิษเทียนฮู่ขมวดคิ้ว
“แปลก สตรีจากโรงวาดฤทัยผู้นี้มีฐานะอื่นหรือ?”
ในหมู่ผู้คนไกลออกไป จี้หยวนแห่งแดนบูรพาน้อยแววตาวูบไหว ดูงุนงงเล็กน้อย
“ถึงอย่างไร ผีหมัวก็เป็นศิษย์ข้า และการที่เขาเลือกทรยศก็เป็นเรื่องของเขา แต่มันไม่อาจแยกจากเจ้าได้”
ซูอี้ถือดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ในหนึ่งมือ ก้าวออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา “และยามนี้เจ้ายังอยากทำเหมือนเรื่องทุกอย่างไม่เกิดขึ้น จะเป็นไปได้หรือ?”
วาจายังไม่ทันสร่าง ดาบในมือของเขาก็กวัดไกว
เขาโจมตีไร้ลังเล ไม่ได้สนใจคำขู่ของคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยแม้แต่น้อย
เปรี้ยง!
ดาบนั้นดุร้ายไม่อาจคาดเดา
ความเงียบสงัดถูกทำลายกะทันหัน หัวใจทุกคนสั่นสะท้าน ตะลึงกับวิธีการอันดุดันเฉียบขาดของซูอี้
ซูอี้ขมวดคิ้ว
เขาเงยหน้ามองเมฆาทัณฑ์ซึ่งอยู่ในท้องนภา หากเขาข้ามหายนะก้าวสู่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้จริง ๆ เขาจะมีวิธีไล่ตามสตรีผู้นี้ได้
แต่ไม่ใช่ยามนี้
ประการแรก การฝึกฝนของเขากำลังเลื่อนขอบเขต เขาในยามนี้กำลังเปลี่ยนแปร ขอบเขตอยู่ในระหว่างหยั่งเห็นลึกล้ำและรู้แจ้งลึกล้ำ ไร้ความเสถียรและความเหมาะสม
ประการที่สอง คุณหนูผู้นี้จากโรงวาดฤทัยไม่มีทางเป็นคนธรรมดา ไม่เพียงมีฐานะพิเศษ แต่ยังมีวิธีการ เคล็ดวิชาและสมบัติแข็งแกร่งเกินหยั่งคาดมากมาย
จากการคาดการณ์ของซูอี้ หากจะสังหารนาง เขาต้องอยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ และลงมือสุดกำลังมิให้นางตั้งตัว
“ซูเสวียนจวิน ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธ จะให้เวลาเจ้าสงบสติคิดไตร่ตรองก่อนได้นะ”
ไกลออกไปใต้ท้องนภา คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยกล่าวเสียงเรียบ “ข้าก็รู้ว่าเจ้ายังมิได้ฆ่าคางคกทองสามตา หากคิดให้ดีในภายหน้าและตัดสินใจจบความข้องใจเก่ากับข้า ก็ปล่อยคางคกทองสามตาของมา และข้าจะช่วยเจ้าตามลั่นวาจา!”
จากนั้น นางก็หันหลังเตรียมจากไป
ทว่ายามนี้ ซูอี้กลับพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “ไม่ต้องรอถึงภายหลังหรอก”
ด้วยหนึ่งโบกแขนเสื้อ คางคกทองสามตาซึ่งถูกผนึกและหมดสติก็ปรากฏขึ้นบนอากาศ
“ซูเสวียนจวิน ข้าแนะนำว่าเจ้าควร…”
คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยดูจะตระหนักถึงบางสิ่ง ใบหน้างามของนางเปลี่ยนแปรกะทันหัน
ทว่าก่อนที่นางจะทันพูดจบ นางก็เห็นซูอี้ชักดาบออกมาบั่นหัวคางคกทองสามตา
ปราณของดาบเก้าคุมขังอันอาบแน่นบนใบดาบไม่เพียงบดขยี้จิตวิญญาณของคางคกทองสามตาเท่านั้น แต่ยังกวาดล้างเจตจำนงของจิตรกรในจิตวิญญาณของมันไปด้วยกันในคราเดียว!
เปรี้ยง!
ภายใต้สายตาผู้คน ศพของคางคกทองสามตาแปรเปลี่ยนเป็นเถ้าปลิวหายไปทันที
ไม่รู้ว่าคนมากมายเพียงไรที่ไม่อาจพูดออก การกระทำของซูอี้แข็งแกร่งอหังการอย่างไม่ต้องสงสัย ไร้ช่องให้ต่อรองแม้แต่น้อย
สิ่งนี้พิสูจน์โดยไม่ต้องสงสัยว่าซูอี้ตั้งใจสังหาร ไม่มีทางเชื่อมสัมพันธ์ใด ๆ กับคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยได้!
ใบหน้างามของคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยเคืองแค้น เห็นได้ชัดว่าถูกกระตุ้นจนดิ้นเร่าด้วยโทสะ ดวงตาคู่งามพลุ่งพล่านจิตสังหาร
ซูอี้มองขึ้นไปบนท้องนภา กล่าวออกมาว่า “หากเจ้ากล้า ก็รอสู้กับข้าที่นี่ หากไม่ ข้าในภายหน้าจะไปฆ่าเจ้า”
กล่าวจบ เขาก็เมินอีกฝ่ายไป
คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยสูดหายใจลึก รอยยับย่นบนใบหน้าเลือนหาย แปรเปลี่ยนกลับไปเป็นความเฉยเมยเย็นชาจากหัวใจ กระทั่งแววตายังเย็นชาลึกล้ำ ไร้ร่องรอยอารมณ์ใด ๆ
นางมองซูอี้และกล่าวชัดถ้อย “ข้ารับปากว่าเจ้าซูเสวียนจวินต้องชดใช้กับการตัดสินใจวันนี้!”
กล่าวจบ ร่างของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นละอองแสงหายไป
เหลือเพียงเสียงเย็นชาอันก้องกังวานพร้อมจิตสังหาร สะท้อนทั่วฟ้าดิน
ไม่ว่าใครก็เห็นได้ว่าระหว่างปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินและคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยแตกหักโดยสิ้นเชิง และทั้งสองฝ่ายจะโจมตีใส่กันไม่จบสิ้น!
และเมื่อคิดถึงวาจาก่อนหน้านี้ของสตรีผู้นั้น รวมถึงฐานะพิเศษของนาง ก็ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากมายเพียงไรหนาวเยือกสะท้าน
ทว่าซูอี้หาสนใจไม่
บางทีสตรีผู้นี้อาจสูงส่งยิ่งจนสามารถสั่งการขุมกำลังมากมายในจักรวาลพร่างดาวให้รับใช้ได้ หรืออาจขอให้บรรพชนโรงวาดฤทัยออกมาช่วยก็ย่อมได้
แต่หนึ่งในอดีตชาติของเขาซูเสวียนจวิน เขาเคยใช้หนึ่งดาบปราบทั่วจักรวาลพร่างดาว ปราบชาวประมงแห่งลัทธิทางช้างเผือกมาแล้ว
ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ บรรพชนแห่งโรงวาดฤทัยกลับต้องเก็บตัวเงียบนานแสนนาน ด้วยกลัวจะถูกบั่นหัวไปเลี้ยงสุนัข!
แม้พานพบเทพเซียนจากสวรรค์ พวกเขาก็ยังต้องก้มหัวยามพบข้า
ในกาลก่อน ทัศนาจารย์สามารถยืนหนึ่งไร้พ่ายในจักรวาลพร่างดาว
ในภายหน้า เขาซูอี้จะมีวิถีดาบเหนือทัศนาจารย์!
………………..