บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1113: เมฆาทัณฑ์สลายคล้อย ก้าวสู่รู้แจ้งลึกล้ำ
- Home
- บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ]
- ตอนที่ 1113: เมฆาทัณฑ์สลายคล้อย ก้าวสู่รู้แจ้งลึกล้ำ
ตอนที่ 1113: เมฆาทัณฑ์สลายคล้อย ก้าวสู่รู้แจ้งลึกล้ำ
เหนือท้องนภา อสนีบาตสุดท้ายซึ่งก่อตัวอยู่แสนนาน ในที่สุดก็ฟาดผ่าลงมา
เปรี้ยง!
ฟ้าดินสะเทือนรุนแรง อสนีบาตพิสุทธิ์ฟาดลงสู่หล้าราวธารดารา ผ่าสุญญะจรัสแสงทั่วเก้าสวรรค์ทศทิศส่องหล้า
ทุกคนมิอาจลืมตาได้ หัวใจต่างตะลึงค้าง สิ้นหวังอับจนหนทาง
และเหล่าตัวตนบรรพกาล ยิ่งแข็งแกร่งยิ่งได้รับผลกระทบ พวกเขาแต่ละคนล้วนมีสีหน้าซีดขาว อารมณ์ปั่นป่วน ไม่รอช้าปกป้องตนเองอย่างสุดกำลัง
ทัณฑ์อสนีบาตสุดท้ายนี้ทำให้ทุกคนล้วนคิดตรงกัน…
ต่อให้เป็นตัวตนในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำยังร่างแหลกในหายนะนี้แน่แท้!
กล่าวอีกนัยก็คือ ทัณฑ์สวรรค์เช่นนี้ประหลาดพิกลราวสั่งตาย เล็งไปทางซูอี้อย่างจงใจ หมายลบตัวตนเขาจากโลกหล้า ไม่ให้มีชีวิตอยู่ต่อได้อีกเลย!
เมื่อเห็นอสนีบาตดุจธารดาราโปรยปรายลงมาเยี่ยงน้ำตก ดวงตาของซูอี้ก็เผยความเย็นชาออกมาเล็กน้อย
นับแต่เวียนวัฏกลับมา เขารอดพ้นจากทัณฑ์สวรรค์มานับครั้งไม่ถ้วน และหายนะแต่ละหนล้วนเปี่ยมด้วยปราณร้ายกาจ แข็งแกร่งจนตะลึงทั่วโลกหล้า ไม่คิดปล่อยเขารอดชีวิต
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากพึ่งพาเพียงวิถีเต๋าตน ต่อให้เลิศเลอท้าทายสวรรค์เพียงไร เขาก็ไม่อาจต่อกรหายนะเช่นนี้ได้ และถูกลบหายจากโลกหล้า!
และทั้งหมดนี้ยังทำให้ซูอี้มั่นใจหมายมาดว่าเขาถูกหมายหัว!
ทว่าซูอี้หาได้กลัวไม่
เหมือนเช่นกาลก่อน เขาทะยานสู่อากาศไปต้อนรับ
ในห้วงความนึกคิดของเขา ดาบเก้าคุมขังถูกปลุกตื่นโดยสมบูรณ์ มันสั่นสะเทือนรุนแรง ตรวนทั้งแปดกู่คำราม อำนาจลี้ลับดุจคลื่นน้ำป่าหลากทะลวงออกมาจากภายใน
ยามนี้ ซูอี้ไม่ลังเลใช้ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ฟาดเข้าใส่อากาศ
ตู้ม!
และเมื่อปราณดาบฟาดฟันทะยานสู่นภากาศ เมฆาทัณฑ์ก็สะเทือนรุนแรงก่อนถูกฉีกกระชากเป็นละอองแสงโปรยปรายเช่นน้ำตก
และจางหายไป!
ซูอี้เก็บดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ ทะยานสู่ฟ้า วิถีเต๋าโคจร และพิรุณแสงบนฟ้าก็ถูกดึงเข้ามาสู่ร่างของเขาราวสายธาร
ดูไม่ต่างจากวาฬกลืนสมุทร!
การฝึกฝนของซูอี้ทะยานตรงสู่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ พลันสำแดงการเปลี่ยนแปลงสะเทือนหล้าทั้งจากในและนอกกาย
ในร่างของเขา กฎต่าง ๆ ในอารามมหาวิถีลึกล้ำถักทอประสาน อำนาจร้อยพันควบรวมเป็นต้นแบบแท่นวิถีอย่างเงียบ ๆ
ร่างวิถีของเขาเดือดพล่านด้วยเลือดลม กล้ามเนื้อและกระดูกสั่นระริก ได้รับการกลั่นบริสุทธิ์ถึงสุดขั้ว
และภายในจิตวิญญาณของเขา กฎเจตจำนงอันยิ่งใหญ่เลิศล้ำถูกควบรวมอย่างต่อเนื่อง…
การฝึกฝน จิตวิญญาณ ร่างวิถี… ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลงเสริมแกร่ง!
หายนะสลายหายไปเนิ่นนานแล้ว ทุกคนที่หลับตาอยู่ ลบจิตสัมผัสเมื่อครู่ลืมตาขึ้นมาคนแล้วคนเล่า จากนั้นก็ได้เห็นภาพอันน่าตื่นตา
และร่างสูงของซูอี้ก็ยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศอันเคร่งขรึม วจีวิถีดุจอสนีบาต ทำให้เขาดูราวเทพเซียน
ดูราวเขากลายเป็นแสงสว่างอันเจิดจ้าที่สุดในฟ้าดิน!
“นี่…”
ไม่รู้ว่ามีผู้ฝึกตนมากมายเพียงไรที่ตะลึงอึ้งในภวังค์ราวได้เห็นเทพจุติจากสรวง ความรู้สึกพรึงเพริดหวั่นเกรงเอ่อขึ้นในใจอย่างไม่อาจบรรยาย
“หายนะเมื่อครู่ประหลาดน่ากลัวเพียงไร ทว่าใต้เท้าซูกลับทำลายมันได้เช่นนี้… ราวกับปาฏิหาริย์ไม่ผิด…”
เยี่ยนซู่หนีพึมพำ ใบหน้างามเปี่ยมความทึ่ง
“นับแต่โบราณในมหาแดนดิน ไม่เคยมีหายนะรู้แจ้งลึกล้ำใด เหมือนครานี้มาก่อน และนี่หมายความว่าใต้เท้าซูผู้เวียนวัฏย่อมต้องเลือกวิถีอันไม่เคยปรากฏมาก่อนแต่โบราณจวบจนปัจจุบันเช่นกัน!”
ผู้อาวุโสใหญ่แห่งแดนลี้ลับขั้นเก้ารำพึง
“วิถีเต๋าปัจจุบันของสัตว์ประหลาดเฒ่าซู แม้จะยังห่างไกลเกินเทียบได้กับอดีตชาติ แต่พลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ…”
จักรพรรดิพิษเทียนฮู่ก็อดรำพันไม่ได้
ความแตกต่างระหว่างแต่ละขอบเขตดุจโคลนตมกับชั้นเมฆา!
ก่อนหน้านี้ ซูอี้ในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นสมบูรณ์สามารถบีบให้ศิษย์เอกของตนผีหมัวในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นต้นไม่อาจรับดาบได้ถึงสาม!
ยามนี้ เขาผ่านหายนะเข้าสู่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าวิถีเต๋าของเขาขณะนี้แตกต่างจากก่อนโดยสิ้นเชิง!
ส่วนเรื่องที่ซูอี้แข็งแกร่งเพียงใดนั้น จักรพรรดิพิษเทียนฮู่ไม่อาจคาดการณ์ได้
เพราะเขาไร้มาตรฐานให้ชี้วัด!
พวกจิ่นขุยและเย่ลั่วมองหน้ากันแล้วยิ้ม แม้ว่าหัวใจของพวกเขาจะปั่นป่วนก็ตาม
วันนี้ พันธมิตรเสวียนจวินล่มสลาย ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เทวยุทธ์ถูกทำลาย และผีหมัวตกตาย!
และวันนี้เช่นกันที่อาจารย์ของพวกเขาแตกหักกับคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยผู้มีที่มาพิศวง ข้ามหายนะสั่งตายซึ่งไม่เคยถูกพบเห็นในโลกหล้า พิสูจน์เต๋าสู่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำภายใต้สายตาทุกคน!
สิ่งนี้ทำให้พวกเขา ศิษย์ถ้ำเสวียนจวินล้วนรู้สึกเป็นเกียรติ หัวใจของทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นภาคภูมิ
พวกเขาไม่ต้องคิดก็รู้ ว่าเมื่อข่าววันนี้แพร่ออกไป มหาแดนดินจะลุกฮือมหาศาลแน่นอน!
ไม่นานนัก หมอกควันก็จางลง ทุกนิมิตในโลกหล้าเลือนหาย
ใต้ท้องนภา แม้ว่าอาภรณ์ของซูอี้จะเปรอะโลหิต แต่บรรยากาศและเสน่ห์ของเขาเปลี่ยนแปรอย่างมหันต์
ยืนเดียวดายไร้มลทิน เยี่ยงเทพเซียนพินิจโลกา!
“ยินดีด้วยใต้เท้าซู พิสูจน์เต๋าลุล่วงแล้ว!”
ผู้อาวุโสใหญ่แห่งแดนลี้ลับขั้นเก้าเอ่ยออกมาคนแรก สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง กล่าวแสดงความยินดีจากไกล ๆ
ทันใดนั้น เหล่าตัวตนบรรพกาลก็ล้วนไม่กล้ารอช้า พวกเขาทั้งหมดล้วนลุกขึ้น ก้าวเข้ามาโค้งหัวให้ซูอี้ ต่างคนต่างแสดงความยินดี
สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความหวาดเกรง
พริบตาจากนั้น เหล่าผู้ฝึกตนจากทั่วมหาแดนดินซึ่งอยู่ ณ ที่นี้ต่างล้วนเอ่ยปาก
“ยินดีด้วยใต้เท้าซู พิสูจน์เต๋าลุล่วงแล้ว!”
“ยินดีด้วยใต้เท้าซู พิสูจน์เต๋าลุล่วงแล้ว!”
ดูราวหมื่นแสนบริวารก้มหัวลงคำนับนายเหนือสูงสุด!
“ศึกนี้ได้ประกาศแล้วว่าหลังผ่านไปห้าร้อยปี ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินก็เวียนวัฏกลับมาอย่างยิ่งใหญ่! จากนี้ไป จะไร้ผู้ใดในโลกหล้ากล้าสงสัยการเวียนวัฏของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินอีก!”
ตัวตนบรรพกาลบางคนถอนใจ
“ตำนานไร้พ่ายเมื่อกาลก่อน เพิ่มชัยชนะยิ่งใหญ่ครานี้ไป แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะกลับเป็นเช่นกาลก่อนได้”
“อย่าลืมนะ ศิษย์คนเล็กของเขาชิงถังยังยึดครองถ้ำเสวียนจวินอยู่ และในมหาแดนดินทุกวันนี้ยังมียักษ์ใหญ่เหล่านั้นอีก!”
บางคนกระซิบ วิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็น “ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจะปกครองทั่วโลกา หนึ่งดาบปกสวรรค์ได้เช่นก่อนหรือไม่ ยามนี้ยังไม่แน่ชัด”
คำกล่าวนี้ดึงให้ผู้คนมากมายคล้อยตาม
ขณะที่ทั่วหล้าส่งเสียงเซ็งแซ่ ภายใต้ท้องนภา ซูอี้ก็หยิบน้ำเต้าสุราขึ้นยกชี้ฟ้าดื่ม จากนั้น ดวงตาของเขาก็กวาดมองเหล่าผู้ชมโดยถ้วนทั่ว “ยังมีผู้ใดอยากใช้โอกาสนี้มาประลองกับคนแซ่ซูผู้นี้หรือไม่?”
วาจาเฉยเมยก้องทั่วน่านฟ้าแดนดิน สะกดเสียงเซ็งแซ่ให้เลือนหาย
ใต้เท้าซูกล่าวเช่นนี้หมายความเช่นไร หรือเขาคิดว่าในโลกนี้จะยังมีผู้คิดเป็นศัตรูกับเขาอีก?
จักรพรรดิพิษเทียนฮู่ก็มองกวาดในหมู่ผู้คนราวพยายามหาบางสิ่ง
ทว่าโชคร้าย ท้ายที่สุดก็ไร้ผู้ใดขานรับ ไม่มีผู้ใดกล้าต่อกรกับซูอี้
เห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็ถอนใจเบา ๆ ไม่พูดอันใดอีก จากนั้นก็หันหลังจากไปจากใต้นภา
“จิ่นขุย เจ้าพาศิษย์น้องทั้งหลายไปช่วยกันเก็บซากผีหมัวเสีย”
ซูอี้สั่งการ
“เจ้าค่ะ”
จิ่นขุยรับคำสั่ง
“เฒ่าสารพัดพิษ ไปหาที่ดื่มกันเถอะ”
ซูอี้หันไปกล่าวกับจักรพรรดิพิษเทียนฮู่ยิ้ม ๆ
จักรพรรดิพิษเทียนฮู่หัวเราะลั่น
ทว่าทันใดนั้น เขาก็มองไปไกล พลางชี้ไปทางเหล่าจักรพรรดิที่หลงเหลือของห้าขุมกำลังนั้น และกล่าวว่า “สัตว์ประหลาดเฒ่าซู ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า ในใจรู้สึกไม่ค่อยดีนัก รอข้าเชือดเจ้าพวกเส้นผมรกหูรกตาพวกนี้ก่อน แล้วเราค่อยดื่มกันนะ”
วาจาไม่ทันสร่าง จักรพรรดิพิษเทียนฮู่ก็เริ่มโจมตีแล้ว
เหล่าจักรพรรดิตกใจกลัวเสียจนหน้าถอดสี บางคนไม่อาจคุมสติได้อีก จนทรุดลงโหยหวนขอชีวิต ในขณะที่คนอื่นแตกตื่นหันหลังเผ่นหนี
ซูอี้ไม่ได้หยุดยั้งหรือมีความเห็นใจใด ๆ
แต่เดิม พวกเจ้าเฒ่าจากขุมกำลังที่ติดตามผีหมัวเข้าเข่นฆ่าปล้นสะดมในถ้ำเสวียนจวิน ดุร้ายบ้าคลั่ง
ยามนี้ ก็ถึงครากวาดล้างพวกนั้นให้หมดจด
“เราไปด้วยสิ”
หวังเชวี่ยเดือดดาล ใช้ดาบวิถีพุ่งเข้าโจมตี
จิ่นขุย เย่ลั่วและไป๋อี้ก็ไม่ได้อยู่เฉย ล้วนตามไปร่วมราวี
“นี่แหละอำนาจของใต้เท้าซู ไม่จำเป็นต้องออกคำสั่ง แต่จะมีผู้อาสาช่วยเหลือเอง”
เยี่ยนซู่หนีรำพัน
ผู้อาวุโสใหญ่ส่ายหัวน้อย ๆ “ในอดีต วาจาเจ้าไม่ผิด ทว่ายามนี้… ผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือล้วนฉวยโอกาสสร้างบุญคุณกับใต้เท้าซูทั้งสิ้น”
ช่วยใครก็ตามที่ชนะ?
เยี่ยนซู่หนีอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะทอดถอนใจไปชั่วครู่
และรอยยิ้มจากหัวใจก็ปรากฏบนใบหน้าเย็นชาดุจหิมะของเยว่ซือฉานซึ่งเดิมเงียบงันอยู่ ร่างของนางผ่อนคลายลงโดยสมบูรณ์
ไม่นานนัก ศึกก็มาถึงจุดจบ และภายใต้การล้อมโจมตีของพวกจักรพรรดิพิษเทียนฮู่ เหล่าจักรพรรดิผู้แตกตื่นก็ถูกสังหารคนแล้วคนเล่า ไม่หลงเหลือผู้ใด!
ภาพอันนองเลือดล้วนทำให้หัวใจผู้ชมสั่นสะท้าน
นี่คือราคาที่ต้องจ่ายเมื่อเลือกเป็นศัตรูกับปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน!
จากนี้ไปในมหาแดนดิน ‘สำนักหกมหาวิถี’ ย่อมมีชะตาหายลับไปในธารประวัติศาสตร์อันยาวไกล!
ซูอี้เสียดายเล็กน้อย
เดิมเขาคิดไว้ว่าเหล่าขุมกำลังจากจักรวาลพร่างดาวจะออกมาลงมือยามหายนะปรากฏ แต่ใครเล่าจะคิดว่าจวบจนยามนี้ยังไร้ท่าที
พวกเขาล้วนระแวงว่าตนจะชนะศึกนี้และก้าวสู่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ จึงไม่กล้าออกมากระทำการบุ่มบ่าม
ในวันเดียวกัน มหาสงครามอันเป็นที่สนใจแห่งโลกหล้าจบลง และข่าวของศึกนี้ก็แพร่ไปอย่างรวดเร็วเท่าที่จะเกิดได้
ชั่วขณะนั้น โลกหล้าเดือดพล่าน ขุมกำลังทั่วทิศต่างตื่นตะลึง เกิดเป็นคลื่นมหึมา