บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1114: เลือกทางตาย ส่งสู่สุคติ
………………..
ตอนที่ 1114: เลือกทางตาย ส่งสู่สุคติ
พันธมิตรเสวียนจวินล่มสลาย!
ผีหมัวดับดิ้น!
ปรมาจารย์เสวียนจวินเผชิญหายนะ ก้าวข้ามสู่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ!
เมื่อข่าวเช่นนี้แพร่สะพัดไปในเก้ามหาแดนดินก็โด่งดังเยี่ยงอสนีบาตฟาดพสุธา จนเกิดเสียงฮือฮาในแดนดิน ไม่รู้ว่ามีขุมกำลังมากมายเพียงใดที่สั่นสะท้านเพราะมัน ผู้ฝึกตนมากมายเท่าไรต้องตื่นตกใจ
“ที่แท้ ซูอี้ก็เป็นร่างเวียนวัฏของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจริง ๆ!”
ยามนี้เอง ผู้คนจึงเชื่อในที่สุดว่าซูอี้ผู้ถูกผีหมัวถือเป็นผู้แอบอ้าง แท้จริงแล้วคือปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน
“หนึ่งคนหนึ่งดาบทลายค่ายกล สะบั้นผีหมัว ขับไล่โรงวาดฤทัย และก้าวสู่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ! มองหาทั่วโลกหล้า มีเพียงตัวตนเช่นใต้เท้าซูที่ทำได้เช่นนี้!”
บางคนรำพึงอย่างชื่นชม
“ใต้เท้าซู เขา… แข็งแกร่งเพียงไร?”
“ความแข็งแกร่งนี้ไม่มีทางวัดได้ด้วยขอบเขต จากข่าวว่า ตัวตนในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำไม่น่าเป็นคู่มือใต้เท้าซูได้อีกแล้ว!”
…โลกหล้าเดือดพล่าน ขุมกำลังหลักต่างออกไถ่ถามรายละเอียดของเรื่องราวอย่างบ้าคลั่ง พยายามค้นหาความจริงจากมัน
และวันนี้เอง คนทุกคนในมหาแดนดินจึงตระหนักว่าตัวตนสูงสุดดุจตำนานในกาลก่อนกลับมาแล้วจริง ๆ!!
…
แคว้นหนึ่งทักษิณ เมืองธารบูรพา
เมืองธารบูรพานั้นลือนามเนื่องจากเหนือนภาแห่งเมืองโบราณนี้มีท่าเรือล่องจักรวาลสร้างอยู่ ซึ่งสามารถนำไปสู่ ‘ภูมิวิมานเหมันต์’ ที่อยู่นอกมหาแดนดินได้
ภูมิวิมานเหมันต์คือหนึ่งในสามสิบสามภูมิดารารายล้อมมหาแดนดิน แร้นแค้นน้อยผู้อาศัย และถือได้ว่าเป็นสถานที่อันเปี่ยมโทสะแห่งเทพ
ยามนี้ ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ณ เมืองธารบูรพา
ชายชุดเทาร่างผอมผู้หนึ่งนั่งดื่มเดียวดาย
สีหน้าของเขาแข็งค้าง วิญญาณว้าเหว่ บรรยากาศหม่นหมอง
โรงเตี๊ยมคลาคล่ำเซ็งแซ่ ทุกคนต่างพูดถึงศึกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เทวยุทธ์ กระแสเสียงดุจคลื่นทะลวงสู่สวรรค์
“ผีหมัวผู้นั้นเคยเป็นศิษย์เอกของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน ก่อตั้งพันธมิตรเสวียนจวินอันงดงามยิ่งใหญ่ ทว่าใครเล่าจะคิดว่าเขาจะปลิดปลิวเยี่ยงนี้”
บางคนถอนใจ
บางคนกล่าวขัด “มีสิ่งใดให้เสียดาย คนหลอกลวงเนรคุณเช่นเขาต้องป่นเป็นชิ้น ๆ ไม่ให้เหลือถึงจะดี!”
“เจ้าไม่คิดหรือว่าผีหมัวผู้นี้ทั้งน่าเวทนาและน่าสมเพช? กล่าวกันว่าเขาถูกสังหารโดยสตรีผู้หนึ่งจากโรงวาดฤทัย และนางคือผู้ที่ผีหมัวมีใจ!”
“ใต้เท้าจักรพรรดิพิษเทียนฮู่บอกว่าผีหมัวเป็นลิ่วล้อช่างประจบ ประจบเลียแข้งเลียขาจนลมหายใจสุดท้าย และถูกปลิดชีพไปเช่นนี้ น่าเศร้าเพียงไรกัน?”
“ลิ่วล้อช่างประจบ? ฮ่า ๆๆ! ประเมินได้ถูกต้องตรงเผง”
เกิดเสียงระเบิดหัวเราะในโรงเตี๊ยม บรรยากาศครึกครื้นชื่นมื่น
ชายร่างผอมในชุดสีเทานั่งข้างหน้าต่าง วางจอกสุราในมือและกำมืออย่างเงียบ ๆ เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ
ข้าผู้นี้ไม่ใช่ลิ่วล้อช่างประจบโว้ย!
ชายชุดเทาสูดหายใจลึก ๆ ยืนขึ้นและออกจากโรงเตี๊ยมไป
เขาตัดสินใจออกจากเมืองธารบูรพาไปยังภูมิวิมานเหมันต์ในวันนี้ ตัดการติดต่อกับเก้ามหาแดนดินโดยสมบูรณ์
นอกเมืองธารบูรพา
พิรุณโปรยปราย ท้องนภามืดครึ้ม
เมื่อเดินจากโรงเตี๊ยมมาถึงนอกเมือง ชายชุดเทาก็สงบใจลงโดยสมบูรณ์
ทันใดนั้น เสียงฉินดุจเสียงสวรรค์ก็ดังมาจากไกล ๆ ปกคลุมทั่วบริเวณ
ดวงตาของชายชุดเทานิ่งค้าง หันเดินกลับเข้าไปในเมือง
ทว่าเขาเพิ่งก้าวได้ก้าวเดียว เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังคลอมากับเสียงฉิน
“ต่อให้ร่างแท้ของเจ้าอยู่ก็อย่าหวังได้จากไป ไฉนต้องดิ้นรนเสียเปล่าด้วย?”
ทว่ามันทำให้ชายชุดสีเทาชะงักกะทันหัน จิตสังหารคุกรุ่นท่ามกลางพิรุณโปรยปรายอย่างเงียบ ๆ ทำให้เขาไม่กล้าขยับตัว
“มาคุยกันหน่อยสิ เราสองไม่ได้พบกันมาหลายปีแล้วนะ”
เสียงเย็นชานั้นดังขึ้นอีกครั้ง
ชายชุดเทาเงียบไปครู่หนึ่ง และจากนั้นเขาจึงพยักหน้า เดินไปทางต้นเสียง
บนเนินแห่งหนึ่ง โขดหินประหลาดตา พฤกษาพงหญ้าเขียวขจี ธารไหลเอื่อยที่ด้านข้าง
มีร่างคนผู้หนึ่งนั่งเอกเขนกอยู่บนหนึ่งโขดหิน
นางสวมชุดกระโปรงดำสนิท ไร้เครื่องประดับตกแต่งร่าง เส้นผมนุ่มสีดำสยายระเอวบาง ใบหน้างดงามเกินใดเทียบ ดุจนางสวรรค์ในภาพวาด
นางวางกู่ฉินเก่า ๆ บนสองเข่า เรียวนิ้วขาวดุจหิมะดีดไปบนสาย ส่งเสียงฉินดุจคีตสวรรค์
เมื่อเขาเห็นสตรีผู้นี้ ร่างของชายชุดเทาก็สั่นไหวรุนแรง ดวงตาหรี่ลง
ชิงถัง!!
ไฉนนางจึงมาอยู่ที่นี่ได้?
หลังหนึ่งช่วงจังหวะ เขาก็กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “เจ้า… มองตัวตนของข้าออกแล้วหรือ?”
สิบนิ้วของชิงถังพร่างพรมลงบนสายฉินบนโขดหิน ขณะที่ดวงตาลึกล้ำงดงามเปี่ยมจิตวิญญาณของนางเงยขึ้นมองชายชุดเทา “เมื่อห้าร้อยปีก่อน เจ้าพาคนจากสำนักหกมหาวิถีมาฉวยโอกาสชุลมุนขโมยสมบัติที่อาจารย์ทิ้งไว้ในกรุไปเสียมากมาย หนึ่งในนั้นมีบงกชแฝดร่วมก้านคู่หนึ่งด้วย”
หลังเว้นช่วงเล็กน้อย ปลายนิ้วของนางก็ดีดสายฉินอย่างแผ่วเบา พลางกล่าวอย่างเฉยเมย “สมบัติเช่นนี้เป็นเอกลักษณ์ในมหาแดนดิน แทบไม่มีผู้ใดรู้วิธีใช้ และโชคร้ายที่ข้าบังเอิญรู้”
สีหน้าของชายชุดเทาแปรเปลี่ยนฉับพลัน และในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดชิงถังถึงมาหาเขาถูก
ที่แท้ นับแต่ห้าร้อยปีก่อน อีกฝ่ายก็จับตามองพวกเขาอยู่แล้ว!
“ผู้ฝึกตนก็แค่ดึงวิถีเต๋าและจิตวิญญาณออกมานิดหน่อยยามหล่อหลอมบงกชแฝดร่วมก้าน เท่านี้ก็จะสามารถสร้างร่างเต๋าแฝดที่สามารถแตกออกจากร่างวิถีของตนเป็นอิสระได้แล้ว”
ชิงถังพึมพำราวกับพูดกับตนเอง “ปกติแล้วยามสร้างร่างเต๋าแฝด หากร่างแท้ตายไป ร่างแฝดก็จะกลายเป็นไม้ไร้ราก ไร้ที่มา และไม่ช้าก็ต้องตกตาย”
“ทว่าร่างแฝดอันเกิดจากบงกชแฝดร่วมก้านนั้นแตกต่างออกไป ต่อให้ร่างแท้ตายไป อวตารก็จะยังอยู่ต่อ รับสืบทอดความทรงจำและประสบการณ์ทั้งหมดจากร่างแท้ได้ เพียงแค่วิถีเต๋าจะอ่อนแอลงเท่านั้น”
ชายชุดเทาดูหม่นหมอง ครู่ต่อมาเขาก็ทอดถอนใจ “ข้าไม่คิดจริง ๆ ว่าเบาะแสนี้จะทำให้เจ้ารู้ตัวตนของข้า”
ชิงถังเก็บฉินที่หน้าตักของนางไป จากนั้นก็หยิบไหสุราออกมากระดกดื่ม ก่อนกล่าวว่า “โลกนี้รู้ว่าเจ้าผีหมัวเป็นลิ่วล้อช่างประจบ และเจ้าเลือกทรยศอาจารย์โดยให้อารมณ์ที่ว่าพาไป แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น”
“ข้ารู้นิสัยเจ้า ยามอาจารย์เป็นที่ยกย่องในโลกหล้า เจ้าจะติดตามอาจารย์อย่างสัตย์ซื่อ แต่เมื่อมีผู้ใดแข็งแกร่งกว่าอาจารย์ปรากฏขึ้น เจ้าจะเลือกทรยศโดยไม่ลังเล”
“คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยก็ไม่ต่างจากบันไดที่เจ้าคิดปีน และเมื่อเจ้ามีโอกาสก้าวข้ามนางในสักวัน เจ้าก็จะถีบบันไดนั้นโดยไร้ลังเล”
หลังเว้นช่วงเล็กน้อย ชิงถังก็กล่าวด้วยแววตาแฝงนัยยะ “หากไม่ใช่เช่นนี้ เจ้าคงมิเตรียมร่างแฝดเตรียมหนีแต่เนิ่น ๆ หรอก”
หลังของผีหมัวหนาวเยือก ดวงตาหม่นหมองลง
เมื่อเผชิญกับสายตาของชิงถัง เขาก็รู้สึกเพียงว่าทุกความลับในใจล้วนถูกเปิดโปง ไม่อาจสงบใจได้
“ยามนี้ โลกหล้ารู้แล้วว่าผีหมัวตกตาย อาจารย์ก็แตกหักกับคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัย ทำให้เจ้าเสียหายย่อยยับ แต่ท้ายที่สุดเจ้าก็รอดชีวิต เปลี่ยนฐานะและเตรียมผงาดเรืองอำนาจในโลกหล้าอีกครั้ง”
ชิงถังกล่าวอย่างครุ่นคิด “หากข้าเดาถูก แผนต่อมาของเจ้าคงเป็นการเลือกกบดานสักพัก ดูว่าระหว่างอาจารย์กับคุณหนูจากโรงวาดฤทัยนั่น ผู้ใดจะตกตาย และดูว่าอาจารย์จะทวงถ้ำเสวียนจวินคืนเช่นไร”
ได้ยินเช่นนี้ ผีหมัวก็อดขัดมิได้ “เจ้าพูดเสียยืดยาว ต้องการทำอันใดกันแน่?”
ชิงถังเชิดคอดื่มสุราในไห จากนั้นก็กล่าวอย่างเฉยเมย “แน่นอน มาส่งเจ้าสู่โลกหน้าอย่างไรเล่า”
ม่านตาของผีหมัวหดตัวกะทันหัน “ชิงถัง เท่าที่ข้ารู้ ตัวตนของเจ้าไม่ได้ธรรมดา แต่มาจากห้วงลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว ไฉนจึงเลือกช่วยอาจารย์ลงมือกับข้าด้วย?”
ชิงถังถามอย่างมีวาทศิลป์ “ตลอดมานี้ ไฉนเจ้าถึงสาดเสียเทเสีย เอาเรื่องชั่วที่เจ้าทรยศอาจารย์มาปรักปรำแต่ข้าเล่า?”
ผีหมัวขมวดคิ้ว “เจ้ามาจากห้วงลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว และย่อมรู้ว่าตลอดมา ข้าฟังคำสั่งคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยมาโดยตลอด นอกจากนั้น เจ้ากล้าพูดหรือว่าเจ้าไร้แผนอื่นยามแทรกซึมเข้ามาในถ้ำเสวียนจวิน?”
ชิงถังลุกขึ้นจากโขดหิน ยืดเส้นสายพลางกล่าว “ข้ามีแผนอื่นอยู่จริง แต่เรื่องเหล่านั้นไม่เกี่ยวกับเจ้า”
กล่าวเช่นนั้น นางก็มองผีหมัวและกล่าวอย่างเฉยเมย “เลือกทางตายสิ เห็นแก่ความเป็นศิษย์ร่วมสำนัก ไม่ว่าเจ้าจะอยากตายเช่นไร ข้าจะสงเคราะห์ให้เจ้า”
ร่างของผีหมัวเกร็งค้าง อดกล่าวไม่ได้ว่า “ชิงถัง ขอเพียงเจ้าปล่อยข้าไป ข้าสัญญาจะตอบแทนเจ้าในภายหน้า! ข้าเป็นวัวเป็นม้า สาบานตายเพื่อเจ้าได้นะ!”
ชิงถังส่ายหน้าน้อย ๆ “เจ้าไม่ได้สำคัญต่อข้า แต่การไม่มีเจ้า… สำคัญต่อข้ามาก”
ผีหมัวเปลี่ยนสีหน้าโดยสมบูรณ์ ร่างของเขาสั่นเทิ้ม เสียงต่ำแหบแห้ง “เจ้าไม่ได้ให้ข้าเลือกทางตายหรือ? ได้ ข้าอยากตายโดยรู้เรื่อง!”
ชิงถังพยักหน้ากล่าว “ได้”
กล่าวจบ นางก็ยกมือเปล่าฟาดลงดั่งคมดาบ
ฉับ!
หัวของผีหมัวกระดอนขึ้นสู่มือของชิงถัง
ในขณะเดียวกัน ร่างของผีหมัวแปรเปลี่ยนเป็นเศษเลือดเนื้อเสี้ยวเล็ก ๆ ร่วงลงไปกองสลายไปกับพื้น
ชิงถังยกหัวของผีหมัวขึ้นสูง และกล่าวเบา ๆ “เมื่อผลแพ้ชนะปรากฏ ข้าจะเผากระดาษเงินกระดาษทองให้เจ้าและบอกความจริงให้กระจ่าง ยามนี้ เจ้าไปสู่สุคติเถอะ”
ใบหน้าของผีหมัวเต็มไปด้วยความตะลึงและไม่เต็มใจตาย ดวงตาเหลือกถลน สีหน้าแข็งค้าง
………………..