บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1115: สตรีลึกลับใช้หอก
ตอนที่ 1115: สตรีลึกลับใช้หอก
แดนบูรพาน้อย
ต้นโพธิ์โบราณยืนตระหง่านแผ่ร่มกิ่งก้านหนา ใบไม้เขียวชอุ่ม บรรยากาศเคร่งขรึมเปี่ยมมนต์ขลัง
ดวงตาของหลวงจีนชราผอมแห้งดุจกิ่งไผ่ใต้ร่มโพธิ์หลับสนิท เงียบนิ่งดั่งศิลา
ไกลออกไป จี้หยวน หลวงจีนวัยกลางคนในจีวรขาวดุจแสงจันทร์เดินเข้ามา ก่อนจะหยุดนิ่งห่างออกไป
เขาพนมมือกล่าว “อาจารย์ ศึกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เทวยุทธ์จบลงแล้วขอรับ”
หลวงจีนชรามิได้มีปฏิกิริยาใด ๆ ราวกับปลิดปลงมิรู้เรื่องราวใด
จี้หยวนไม่ได้แปลกใจ ปริปากเล่าเรียงรายละเอียดของศึกนั้นออกมาเป็นฉาก ๆ
ต่างจากข่าวที่แพร่ไปในโลกหล้า จี้หยวนได้เห็นศึกนั้นมากับตา ยามอธิบายไล่เรียงจึงตรงไปตรงมาและละเอียดกว่าข่าวใด ๆ
ทว่า ท้ายที่สุด ความงุนงงก็ปรากฏจาง ๆ บนใบหน้าของเขา “ยากที่ศิษย์จะคาดคิดได้ว่าการเวียนวัฏของคนผู้หนึ่งจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงมหาศาลได้เพียงนี้ จวบจนยามนี้จึงไม่อาจตัดสินได้เลยว่าซูเสวียนจวินในชาตินี้คือผู้ใดขอรับ”
ดวงตาของหลวงจีนเฒ่าใต้ร่มโพธิ์หลับสนิท ทว่าเสียงชราวัยแว่วออกมาจากริมฝีปากเหี่ยวแห้ง “เจ้าและข้าหาเข้าใจการเวียนวัฏสงสารไม่ ย่อมไม่อาจประเมินความลึกลับของมหาวิถีเช่นนี้ออก อย่าว่าแต่ตัวตนอย่างเจ้าหอเก้าสวรรค์ เจ้าลัทธิทางช้างเผือก หรือบรรพชนของโรงวาดฤทัยเลย พวกเขาก็ไม่เข้าใจเคล็ดเวียนวัฏสงสารเช่นกัน”
จี้หยวนตะลึงไป และกล่าวว่า “อาจารย์ หรือท่านก็ไม่สามารถคาดหยั่งตัวตนที่แท้จริงของซูเสวียนจวินจากศึกนี้ได้เช่นกันหรือขอรับ?”
หลวงจีนเฒ่าตอบ “มีการคาดเดาอยู่ ข้าไม่อาจแน่ใจ ทว่า… ยามซูเสวียนจวินยึดถ้ำเสวียนจวินคืน ความจริงจะปรากฏเอง”
หัวใจของจี้หยวนตะลึงอึ้ง กล่าวออกมาว่า “อาจารย์คิดว่าตัวตนที่แท้จริงของซูเสวียนจวินสามารถตัดสินได้จากการกระทำของชิงถังหรือขอรับ?”
หลวงจีนชราก้มหน้าเล็กน้อย “สตรีผู้นี้มาจากห้วงลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวเมื่อหนึ่งหมื่นแปดพันเก้าร้อยปีก่อน และในมหาแดนดินนี้ กระทั่งซูเสวียนจวินยังไม่รู้โฉมหน้าที่แท้จริงของสตรีผู้นี้ ทว่าไม่อาจซุกซ่อนจากข้าได้”
หลังจากเว้นช่วงเล็กน้อย เขาก็กล่าวต่อ “ข้าพอคาดได้ว่านางต้องการวางแผนทำสิ่งใด ซึ่งเป็นเหตุให้ตลอดมานี้ ข้าจึงเลือกอยู่เฉย ๆ ในแดนบูรพาน้อยเสมอ และห่วงว่าจะทำการใดเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ขอเพียงสตรีผู้นี้สังเกตเห็น การเก็บตัวเงียบแสนนานของข้า… ก็จะเสียเปล่า”
หลวงจีนเฒ่ากล่าวต่อโดยไม่รอให้จี้หยวนถามอีก “รอไปเงียบ ๆ เถอะ ซูเสวียนจวินกลับมายังมหาแดนดินได้ไม่ถึงครึ่งปี ทว่าตอนนี้ผีหมัวก็ถูกสังหาร กำลังของโรงวาดฤทัยพ้นคมดาบไปชั่วขณะ และด้วยอุปนิสัยของซูเสวียนจวิน อีกไม่นานเขาคงไปยังถ้ำเสวียนจวินแน่ ถึงยามนั้น เขาย่อมต้องเผชิญหน้ากับชิงถัง”
จี้หยวนเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะก้มหัวรับคำสั่ง “ขอรับ”
…
นี่คือยอดเขาอันงดงามแห่งหนึ่ง
ซูอี้นั่งเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้หวาย มองหมู่เมฆบนฟ้าไปพลาง พูดคุยกับจักรพรรดิพิษเทียนฮู่ข้างกายไปพลาง
สองวันผ่านไปหลังสังหารผีหมัว
ในสองวันมานี้ ซูอี้ทำสมาธิเสริมเสถียรภาพการฝึกฝนวิถีขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นต้นของเขาอย่างเงียบงัน สร้างแท่นวิถีรู้แจ้งลึกล้ำในร่างของเขา ควบแน่นกฎเจตจำนงในวิญญาณ และกฎเต๋าในร่างของเขาก็ถูกกลั่นบริสุทธิ์โดยถ้วนทั่วสมบูรณ์
พลังต่อสู้ในร่างของเขาไม่อาจเทียบได้กับยามอยู่ในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำอีกต่อไป
“หรือก็คือ หลังจากพวกเจ้าเผชิญเหตุพลิกผันครั้งใหญ่ระหว่างเดินทางสู่ห้วงลึกจักรวาลพร่างดาว มีเพียงเจ้าหรือที่หนีกลับมาได้?”
ซูอี้กล่าวอย่างแปลกใจเล็กน้อย
เมื่อหลายหมื่นปีก่อน จักรพรรดิพิษเทียนฮู่ จักรพรรดิมหายุทธ์ จักรพรรดิผีซีหมิง และตัวตนบรรพกาลอื่น ๆ ได้ออกเดินทางไปยังจักรวาลพร่างดาวด้วยกัน
ทว่าพวกเขาประสบเหตุพลิกผันใหญ่หลวงขณะเดินทาง
จากวาจาของจักรพรรดิพิษเทียนฮู่ ผู้ใช้หอกซึ่งพวกเขาพบในจักรวาลพร่างดาวนั้นเป็นสตรีลึกลับ
นางขวางทางพวกเขาไว้
สตรีลึกลับผู้นี้กล่าวว่าการพานพบคือชะตา และผู้ใดที่หยุดการโจมตีของนางได้จะสามารถเป็นลูกน้องของนาง และได้รับการคุ้มครองจากนางในภายหน้า
วาจานี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าดูวางก้ามน่าขัน เป็นไปมิได้เลยที่จักรพรรดิพิษเทียนฮู่จะตอบตกลง
ทว่า พวกเขาก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าสตรีถือหอกผู้นี้ไม่ใช่ธรรมดา พวกเขาจึงมิได้กล่าวร้ายปรามาส แต่วางแผนอ้อมจากไป
แต่ใครเล่าจะคิดว่าสตรีถือหอกจะไม่คิดเห็นด้วย และลงมือในทันที
ผลลัพธ์ช่างน่าสะพรึงกลัว
สตรีถือหอกผู้นั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง จักรพรรดิมหายุทธ์ จักรพรรดิผีซีหมิงและตัวตนบรรพกาลอื่น ๆ ต้องร่วมมือกันจึงสามารถหยุดการโจมตีอีกฝ่ายไว้ได้!
ท้ายที่สุด จักรพรรดิมหายุทธ์และตัวตนบรรพกาลอื่น ๆ ล้วนถูกสตรีถือหอกพาตัวไปทั้งสิ้น
เหลือเพียงจักรพรรดิพิษเทียนฮู่ที่ได้กลับมา
ซูอี้ “…”
นี่มันหยามเกียรติกันเกินไป!
ไม่ว่าอย่างไร แม้ว่าจักรพรรดิพิษเทียนฮู่จะไม่แข็งแกร่งเท่าจักรพรรดิมหายุทธ์ก็ตามที แต่เขาก็ยังเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นปลาย ศาสตร์พิษไร้ผู้ใดในโลกเทียบได้
แต่ใครเล่าจะคิดว่าสตรีถือหอกจะไม่เห็นจักรพรรดิพิษเทียนฮู่ในสายตาเลย!
“จากที่เจ้าว่า สตรีใช้หอกผู้นั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นตัวตนระดับราชันย์แห่งภูมิ แค่ขอบเขตฝึกฝนก็บดขยี้เจ้าได้แล้ว”
ซูอี้ครุ่นคิด “จะมองข้ามความเป็นไปได้ที่การฝึกฝนของอีกฝ่ายจะสูงกว่านั้นไปไม่ได้ จะว่าไป เจ้าจำรูปลักษณ์อีกฝ่ายได้หรือไม่?”
ซูอี้ถูกกระตุ้นความสงสัยจริงแท้
ลึกเข้าไปในจักรวาลพร่างดาว สตรีถือหอกผู้หนึ่งสามารถปราบพวกจักรพรรดิมหายุทธ์ลงได้โดยง่ายดาย เป็นเรื่องเหลือเชื่อโดยไร้กังขา
ต้องทราบว่าจักรพรรดิมหายุทธ์และพวกจักรพรรดิผีซีหมิงนั้นล้วนแต่เป็นตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิ ไม่ก็เป็นตัวตนบรรพกาลในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นปลาย เรืองอำนาจเป็นหนึ่งในมหาแดนดินเนิ่นนาน ยากหาผู้ใดในโลกหล้าเทียบเคียง!
และพวกเขาก็ออกเดินทางสู่เบื้องลึกจักรวาลพร่างดาวก็เพื่อค้นหาวิถีสู่สวรรค์
แต่ใครเล่าจะคิดว่าหนึ่งสตรีจะปราบพวกเขาลงง่ายดาย ซูอี้จะไม่แปลกใจได้เช่นไร?
“สัตว์ประหลาดเฒ่าซู เจ้าดูเถอะ”
จักรพรรดิพิษเทียนฮู่กล่าว และด้วยหนึ่งกระดิกปลายนิ้ว ม้วนหยกชิ้นหนึ่งก็ปรากฏ ม่านแสงถักทอเป็นภาพ
ในภาพนั้นคือจักรวาลพร่างดาวอันกว้างไกล แร้นแค้นและเย็นเยือก สตรีถือหอกผู้หนึ่งยืนกลางสุญญะ มีวงแหวนอุกกาบาตละล่องเบื้องหลังนาง
สตรีผู้นี้แต่งกายเรียบง่ายมาก นางสวมเพียงอาภรณ์ผ้าสีเทา เรือนผมดำนุ่มสลวยมัดเป็นหางม้าด้วยเชือกสีแดง สวมรองเท้าแตะ
ทว่าใบหน้าของนางถูกปกปิดด้วยหน้ากากสำริด เผยให้เห็นเพียงดวงตาเย็นชาซึ่งเรืองประกายสีม่วง
นอกจากนั้น นางก็ไร้สิ่งตกแต่งอื่นใดบนร่างกาย ทว่าเพียงยืนเฉย ๆ ก็ให้บรรยากาศเรืองอิทธิฤทธิ์เป็นหนึ่งในจักรวาล!
จักรวาลพร่างดาวแสนกว้างไกล ทว่ากลับดูเหมือนถูกนางเหยียบย่ำใต้เท้า!
อาภรณ์ผ้า สวมหน้ากาก มัดหางม้าด้วยเชือกแดง ถือหอกยาว!
สิ่งที่ทำให้ซูอี้สนใจเป็นพิเศษคือหอกในมือสตรีผู้นั้น ยาวสองจั้ง เป็นสีครามเทา เรียบง่ายดูสำรวม
ที่ด้ามหอกสลักลวดลายวิถีลึกลับซึ่งดูเหมือน ‘สวัสดิกะ’ หนึ่งในนานาอักขระยันต์สำนักพุทธ!
สวัสดิกะนั้นแทนวัฏจักรแห่งการเวียนบรรจบ
“หรือที่มาของสตรีผู้นี้จะเกี่ยวกับสำนักพุทธ?”
ซูอี้เลิกคิ้วเล็กน้อย
น่าเสียดายที่นี่เป็นเพียงภาพ ซูอี้จึงไม่อาจเห็นได้มากไปกว่านี้
“นางเคยได้ขานชื่อตัว หรือสถานที่ที่นางมาบ้างหรือไม่?”
ซูอี้ถาม
จักรพรรดิพิษเทียนฮู่ส่ายหน้า “ไม่เลย นางบอกเพียงนางเป็นผู้ใช้หอกซึ่งระหกระเหินในจักรวาลพร่างดาวหลายต่อหลายปี มองหาศัตรูที่แข็งแกร่งและวิถีที่แข็งแกร่งกว่าตลอดมา”
ซูอี้ตะลึงไป นี่น่าสนใจเล็กน้อย!
จักรพรรดิพิษเทียนฮู่ดูคิดบางอย่างออก และกล่าวว่า “นางเคยถามเราเกี่ยวกับภูมิดาราฟ้าดิน และบอกว่าหากนางมีโอกาส นางจะลองมาเยือน แต่หาไม่ก็ช่างเถิด”
ซูอี้อดประหลาดใจไม่ได้ “เช่นนี้ก็แสดงว่าสตรีผู้นี้กระทำการไร้อุปสรรค ไม่ได้แสวงหาจุดหมาย ตามกระแสทุกสิ่ง เหมือนหลวงจีนสำนักพุทธบางส่วนจริงแท้”
ต้องทราบว่าเมื่อจักรพรรดิพิษเทียนฮู่ได้พบสตรีถือหอกในส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว อีกฝ่ายกล่าวไว้ว่าการพบกันเป็นชะตา
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าสตรีถือหอกไม่ได้จงใจมาหาพวกจักรพรรดิมหายุทธ์ ทว่าเป็นการพานพบโดยบังเอิญ
ทว่าฝีมือของสตรีถือหอกผู้นี้แข็งแกร่งมาก แม้ว่าจะเป็นการพบพานโดยบังเอิญ แต่นางก็ยังลงมือโดยมิพูดพร่ำทำเพลง แล้วรับอีกฝ่ายเป็นลูกน้อง…
“ก็จริง ข้าไม่ได้รู้สึกถึงความมาดร้ายจริงแท้จากสตรีถือหอกผู้นั้นเลย”
“ยิ่งกว่านั้น เรื่องนี้ยังเกิดขึ้นแสนนาน และจวบจนยามนี้ สตรีถือหอกผู้นั้นก็ไม่ได้มายังมหาแดนดิน ดูเหมือน… หากนางไร้โอกาส คงไม่ได้มาอีก”
ซูอี้กล่าวเย้า “เจ้าอยากให้สตรีผู้นั้นมาจริง ๆ หรือ?”
จักรพรรดิพิษเทียนฮู่รีบส่ายหน้าพลางกล่าวอย่างขมขื่น “ด้วยพลังต่อสู้ของสตรีผู้นั้น หากนางมายังแดนเทวามหาแดนดินจริง ๆ คงไร้เทียมทานเป็นแน่ กระทั่งเจ้า สัตว์ประหลาดเฒ่าซูยังรับมือนางไม่ได้! เชื่อข้าสิ ความต่างขอบเขตสูงเกินไปจริง ๆ!”
ซูอี้ยิ้มอย่างไม่เห็นด้วย กล่าวว่า “ช่องว่างของระดับฝึกฝน ภายหน้ามีโอกาสได้เติมเต็มเสมอ ข้าไม่คิดว่ายามต่อกรในขอบเขตเท่าเทียม นางจะสามารถสยบข้าได้”
“นั่นก็จริง”
จักรพรรดิพิษเทียนฮู่เห็นด้วย
ขณะที่ทั้งสองเสวนา พวกจิ่นขุยก็เข้ามาหา
“อาจารย์ ศิษย์ขอถามว่าเราควรทำเช่นไรกับซากของผีหมัวเจ้าคะ?”
จิ่นขุยถามเบา ๆ
“ให้ข้าจัดการเถอะ”
ซูอี้กล่าวเนิบ ๆ “ภายหลังยามไปถ้ำเสวียนจวิน เจ้าสามารถใช้ซากนี้ตรวจสอบได้ว่าผีหมัวตายสนิทแล้วหรือไม่”
จิ่นขุยแปลกใจ “อาจารย์สงสัยว่าผีหมัวยังไม่ตายหรือเจ้าคะ?”
ซูอี้พยักหน้าน้อยๆ “ผีหมัวมีแผนสำรองยามกระทำการเสมอ ครุ่นคิดให้รอบคอบก่อนลงมือ ในศึกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทุกคนที่สังเกตหน่อยจะเห็นได้ว่าเขาลงมืออย่างสิ้นหวัง ไม่ต่างจากแมลงเม่าสู้กองไฟ นั่นมิสมกับเป็นเขาเลย”
เขาเว้นช่วงเล็กน้อย และกล่าวว่า “ต่อให้หัวใจของเขาจะหมกมุ่นในห้วงเสน่หาเพราะคุณหนูจากโรงวาดฤทัยผู้นั้น แต่มันก็แสนโง่เง่าหากเขาจะส่งตนเองไปตาย ณ ขณะนั้น”
จิ่นขุยอ้าปากค้าง “หากท่านว่าเช่นนั้น ผีหมัว… ก็อาจจะยังมีชีวิตอยู่ในโลกหล้าหรือเจ้าคะ? แต่เมื่อศิษย์เก็บซากก่อนหน้านี้ ข้าก็ตรวจสอบแล้วว่าเป็นร่างต้นของเขาจริง ๆ และแม้เขาจะสร้างร่างแฝด แต่เมื่อร่างต้นตายไป เขาก็ย่อมไม่อาจอยู่ได้นานนะเจ้าคะ”
ซูอี้กล่าวเบา ๆ “ในยามที่ข้าอยู่ในถ้ำเสวียนจวิน ข้าเคยมีบงกชแฝดร่วมก้านอยู่คู่หนึ่ง ด้วยวัตถุศักดิ์สิทธิ์ปฐมสวรรค์นี้ก็จะสามารถทำให้เขาสร้างร่างแฝดที่ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากร่างต้น ดังนั้น ขอเพียงไปตรวจสอบถ้ำเสวียนจวินว่าผีหมัวได้สิ่งนั้นไปหรือไม่ เราก็จะได้รู้แล้วว่าเขายังมีชีวิตหรือไม่”
ยามนั้นเอง จิ่นขุยจึงเข้าใจ และอดกล่าวมิได้ว่า “อาจารย์ ท่านคิดกลับไปยังถ้ำเสวียนจวินยามใดเจ้าคะ?”
ทันทีที่วาจานี้ถูกกล่าว สายตาของหวังเชวี่ย เย่ลั่วและไป๋อี้จากไกล ๆ ต่างหันมามอง
ถ้ำเสวียนจวิน ที่ตั้งสำนักของพวกเขา!
ที่สำคัญกว่านั้นคือ การกลับสู่ถ้ำเสวียนจวินจะต้องเป็นการสะสางเรื่องราวของชิงถังอย่างไม่อาจเลี่ยง!