บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1120: ลับลมคมใน
ตอนที่ 1120: ลับลมคมใน
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยน
ที่มหาแดนดิน ค่ายกลล้างสรวงพินาศภพนั้นถือเป็นค่ายกลสังหารอันไร้เทียมทานระดับสุดยอดเช่นกัน
แต่ในเวลานี้ กลับโดนจ้าวเรือนจำที่หกฟันจนเกิดรอยร้าวในดาบเดียว!
“ดาบเล่มนี้ประหลาดจริง ๆ ด้วย”
ซูอี้ยืดตัวลุกขึ้น จากนั้นจึงเก็บเก้าอี้หวาย
“ดูสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ ระดับการฝึกตนไม่ได้ลดลงมากนัก บาดแผลที่ได้รับก็ไม่ถือว่าสาหัส ในทางกลับกันเป็นเพราะผ่านการโจมตีของค่ายกลนี้ จึงทำให้ลมปราณของเขาได้รับการขัดเกลา พลังในตัวพุ่งสูงขึ้นถึงระดับสูงสุด”
คิ้วดำคมเข้มของจักรพรรดิมารสวรรค์ขมวดเล็กน้อย
ปัญหาจ้าวเรือนจำที่หก เกินกว่าความคาดหมายของนางในตอนแรก
“มารสวรรค์ ข้าได้ให้โอกาสเจ้าไปแล้ว แต่เสียดาย เจ้ากลับโง่เขลาเบาปัญญา คิดว่าร่วมมือกับซูเสวียนจวินแล้วจะสามารถลุล่วงไปได้โดยง่ายเช่นนั้นหรือ?”
เขาปล่อยผมยาวสยาย รอยบาดแผลบนใบหน้ามีเลือดไหลซิบ ๆ ทว่าท่าทีดุดันนั้นสั่นคลอนถึงฟ้าดิน สายตาฉายแววอาฆาต
ในมือของเขา ดาบวิถีเปล่งประกายราวกับหลอมสร้างจากทองคำ แสงเทวะเปล่งปลั่ง เสียงดาบดังกึกก้อง รับกับอานุภาพที่น่ากลัวยิ่งของเขา
จักรพรรดิมารสวรรค์กลั้นหายใจ ไม่ใช่เพราะตื่นตระหนกในอานุภาพของจ้าวเรือนจำที่หกหรอก แต่เป็นเพราะดาบวิถีเถ้าวิญญาณที่เต็มไปด้วยพลังต้องห้ามสุดโต่งเล่มนั้นต่างหากที่ทำให้นางรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามถึงชีวิตอีกครั้ง
ทว่าสายตาของซูอี้กลับผุดประกายประหลาดขึ้นมาบาง ๆ ก่อนกล่าวขึ้น “ข้าจัดการกับคนผู้นี้เอง เจ้าอย่าได้สอดมือเข้ามายุ่ง”
พูดจบ เขาก็ก้าวเดินออกไป ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ปรากฏขึ้นในมืออย่างเงียบงัน
หลังจากที่เขาบรรลุสู่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ คนผู้นี้เป็นคู่ต่อสู้คนแรกที่พบเจอ และก็เป็นศัตรูที่ถือได้ว่าน่ากลัวมากคนหนึ่ง
ทว่า นี่ก็เป็นสิ่งที่ซูอี้ต้องการจะเผชิญเช่นกัน
หากว่าคู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไป เขาคงคร้านแม้แต่จะมอง และปล่อยให้จักรพรรดิมารสวรรค์ไปจัดการก็ได้แล้ว
นอกจากนี้ กลิ่นอายของดาบเถ้าวิญญาณในมือคนผู้นี้ก็มีเอกลักษณ์พิเศษและต้องห้าม สร้างความสนใจให้แก่ซูอี้ด้วยเช่นกัน
เสียงเย็นชาน่ากลัวยังคงดังกึกก้อง ทว่าจ้าวเรือนจำที่หกได้ตวัดดาบพุ่งเข้ามาแล้ว
ครืน!
ดาบเถ้าวิญญาณฟันลงมา ราวกับสายรุ้งสีทองเจิดจ้าส่องสว่างไปทั่วแผ่นดินได้ปรากฏขึ้น ทุกสิ่งพิบัติ อากาศผันผวน เต็มไปด้วยอานุภาพที่แข็งแกร่งไม่มีสิ่งใดทัดทาน
ซูอี้ไม่ได้หลบเลี่ยง และเผชิญหน้าบุกเข้าไป
ชูดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์เข้าปะทะกับฝ่ายตรงข้าม
ชิ้ง!!!
เสียงดังแสบแก้วหู สั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าดิน
พลังดาบรุนแรงราวกับพลังทำลายล้างแผ่ซ่านออกมาจากคมดาบของคนทั้งสอง แผ่ขยายออกเป็นวงกว้าง อากาศในระยะพันจั้งยุบตัวและถล่มลงในทันใด
ร่างของซูอี้ถอยออกไปสิบกว่าจั้งเพราะแรงสั่นสะเทือน ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ในมือสั่นระริก เลือดลมเดือดพล่าน
โม่อวี๋กับสัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งหลายของสำนักแดนอสูรปรีดีพากันสูดปาก ใต้เท้าซูเป็นถึงตัวตนแข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว กลับยังต้องถอยระหว่างปะทะ!?
จักรพรรดิมารสวรรค์แสดงสีหน้าครุ่นคิดสงสัย
หลังจากผ่านศึกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เทวยุทธ์มาแล้ว ไม่ว่าใครในโลกต่างก็ไม่กล้าดูแคลนความแข็งแกร่งของซูเสวียนจวินผู้กลับชาติอีก
สามารถกล่าวได้เต็มปากว่าศึก ณ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เทวยุทธ์ ซูเสวียนจวินสามารถฆ่าตัวตนขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นต้นได้
และตอนนี้ เขาได้ผ่านพ้นภัยพิบัติใหญ่ บรรลุสู่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำแล้ว! ขอบเขตวิถีเต๋าในตัวไม่เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว
นอกจากนี้ จักรพรรดิมารสวรรค์ก็ยังรู้ดีว่ากฎเกณฑ์วอนสวรรค์ที่จ้าวเรือนจำที่หกควบคุมนั้นอาจจะน่ากลัวเหลือคณาก็จริง สามารถทำให้ตนเองซึ่งเป็นตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิเช่นนี้ยังต้องให้ความยำเกรง
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าซูอี้ สิ่งเหล่านี้กลับไม่มีความรุนแรงแต่อย่างใด
ทว่า แม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ จ้าวเรือนจำที่หกผู้อยู่ในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นกลางกลับทำให้ซูเสวียนจวินต้องถอยร่นไปได้ในดาบเดียว
จักรพรรดิมารสวรรค์จึงสามารถตัดสินได้ในทันใดว่าสาเหตุทั้งหมดมาจากดาบเถ้าวิญญาณในมือจ้าวเรือนจำที่หก!
“ฆ่า!”
จ้าวเรือนจำที่หกไม่พูดพล่าม และฟันไปที่ซูอี้
เขาไม่ได้สู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งเช่นนี้มานานมากแล้ว หากไม่ใช่เพราะคู่ต่อสู้อ่อนเกินไป ก็เป็นเพราะเวลาไม่เอื้ออำนวย
เมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับจ้าวเรือนจำที่หก จึงเกิดความรู้สึกยินดียิ่งนักที่พบเจอคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียม
ครืน!
แผ่นดินแถบนี้สั่นสะเทือน พลังดาบพุ่งทะลุฟ้าจรดแผ่นดิน บดขยี้ทุกสิ่ง
ศึกใหญ่ปะทุขึ้นแล้ว
และจ้าวเรือนจำที่หกในเวลานี้ก็แลดูแข็งแกร่งไร้ขอบเขต
วิถีเต๋าของเขาเหนือกว่าซูอี้มาก แม้กระทั่งภาวะดาบก็ยังเป็นที่ครั่นคร้ามอย่างที่สุดเช่นกัน กอปรกับศักยภาพของดาบเถ้าวิญญาณในมือ ทำให้ทุก ๆ ครั้งที่เขาฟาดฟันสามารถสู้รู้แพ้รู้ชนะกับตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิได้
ภายใต้การประหัตประหารเช่นนี้ ซูอี้ถอยร่นไปหลายครั้ง!
ทว่าซูอี้ก็ไม่ได้ท้อถอย และยิ่งกระหน่ำใส่ เขาก็ยิ่งอาจหาญ ถือดาบเข้าสู้
การต่อสู้เช่นนี้มีอันตรายรอบด้าน แต่ละกระบวนท่ามีความรุนแรง โหมกระหน่ำซัดคู่ต่อสู้ไม่ยั้ง ใช้ฝีมือวิถีดาบที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองเข้าสู้
เสียงคมดาบปะทะกันดังก้องไปทั่วผืนแผ่นดิน ดังติดต่อกันราวกับรัวกลอง อากาศแปรปรวน สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ชมการต่อสู้อยู่ห่าง ๆ เหล่านั้นถึงกับตาลาย จิตใจปั่นป่วนด้วยความตื่นตระหนก
การประลองกำลังกันเช่นนี้ คล้ายกับเซียนดาบสองคนสัประยุทธ์ อานุภาพวิถีดาบที่ต่างฝ่ายต่างสำแดงออกมานั้นสามารถสังหารตัวตนขอบเขตสานพันธะลึกล้ำทั่วไปได้อย่างง่ายดาย
แต่เห็นได้ชัดว่าจ้าวเรือนจำที่หกเป็นฝ่ายได้เปรียบ ระมัดระวังตัวทุกฝีก้าว สลายการจู่โจมของซูอี้อยู่ไม่ขาด ร้ายกาจยิ่งนัก
ทุกคนถึงกับปาดเหงื่อแทนซูอี้
มีแต่จักรพรรดิมารสวรรค์คนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง พึมพำออกมา “ผู้ชายคนนี้ ให้คนผู้นี้มาลับดาบ…”
ความรู้สึกตื่นตะลึงอย่างบอกไม่ถูกพลุ่งพล่านขึ้นในใจ…
นี่มันเวลาใดกันแล้ว ซูเสวียนจวินนั่นยังจะมีอารมณ์มานั่งลับวิถีดาบอยู่อีก?!
ทว่า ไม่นานนักจักรพรรดิมารสวรรค์ก็พบว่า กลิ่นอายในตัวซูอี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบ ๆ ทั้งดุดันยิ่งขึ้นและเรียบง่ายมากขึ้น
ลมปราณในตัวเขาเปรียบดั่งเตาหลอมที่ร้อนระอุ หล่อหลอมวิถีเต๋ากับฝีมือวิถีดาบของตัวเองอยู่ไม่ขาด จนเป็นเหตุให้การโจมตีของเขาเริ่มคมเฉียบและรุนแรงขึ้นมาทีละน้อยด้วยเช่นกัน
ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้จ้าวเรือนจำที่หกระมัดระวังตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าฉงนสงสัยปรากฏบนใบหน้า
นับตั้งแต่ต่อสู้กันจนถึงตอนนี้ ไม่อาจสยบซูอี้ได้อย่างราบคาบทำให้เขายากจะสงบใจได้ และตอนนี้ เมื่อเห็นพลังในตัวซูอี้เกิดความเปลี่ยนแปลงอีก ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกได้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว
และเขาก็ใช้ท่าไม้ตายโดยไม่ลังเลอีก!
ครืน!
ดาบเถ้าวิญญาณในมือจ้าวเรือนจำที่หกระเบิดประกายแสงสีทองเจิดจรัส ภาวะดาบน่ากลัวราวกับแดนต้องห้ามถูกปลุกให้ตื่นขึ้นแล้ว ปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มพิกัด
ในชั่วครู่เดียว อานุภาพของดาบเถ้าวิญญาณพุ่งสูงถึงขั้นคาดไม่ถึง!
ไม่ได้การ!
โม่อวี๋ถึงกับหน้าถอดสี จำได้ว่าเมื่อก่อนหน้านี้จ้าวเรือนจำที่หกก็ใช้ภาวะดาบต้องห้ามเช่นนี้ทลายค่ายกลล้างสรวงพินาศภพ
และตอนนี้ ภาวะดาบต้องห้ามนี้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
จักรพรรดิมารสวรรค์กลั้นหายใจ รู้สึกเจ็บแสบไปทั่วตัว ดวงตาคู่สวยหรี่เล็กลง
ยามนี้ จ้าวเรือนจำที่หกหมดความอดทนลงแล้ว จากนั้นเขาก็ตัดสินใจใช้ไพ่ใบสุดท้ายต่อสู้ให้รู้แพ้รู้ชนะ
ครืน!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน รอบทิศทางสับสนอลหม่าน
ประกายดาบสีทองส่องสว่างแวววาว ท้องนภากลายเป็นสีทองเจิดจ้าไปด้วย
เมื่อจ้าวเรือนจำที่หกชักดาบฟันออกไป พลังดาบที่มีความยาวร้อยจั้งกดอากาศอย่างแรงจนระเบิดเกิดเสียงดังอึกทึก
อานุภาพดาบอันไร้เทียมทานเช่นนั้นราวกับต้องการจะทำลายโลก!
ชั่วขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิมารสวรรค์หรือว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่น ๆ อย่างโม่อวี๋ต่างก็มีสีหน้าตื่นตระหนกในแบบเดียวกัน
ภาวะดาบเช่นนี้ แข็งแกร่งจนถึงขั้นคาดไม่ถึง สามารถดับชีวิตของพวกเขาทั้งหมดได้!
เมื่อเผชิญหน้ากับดาบเล่มนี้ ชุดที่ซูอี้สวมใส่พลันพองลม สีหน้ายังคงราบเรียบดุจเดิม มีแต่เพียแววตาเท่านั้นที่ผุดประกายประหลาดขึ้น
ตอนที่จ้าวเรือนจำที่หกอาศัยภาวะดาบเช่นนี้ทลายค่ายกลก่อนหน้านี้ เขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
ดาบที่เต็มไปด้วยภาวะดาบต้องห้ามเล่มนี้ ถึงกับทำให้ดาบเก้าคุมขังในห้วงความนึกคิดของเขาสั่นสะเทือนขึ้นมาราวกับถูกกระตุ้น
นับตั้งแต่กลับชาติมาจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ซูอี้เจอสถานการณ์เช่นนี้!
ซูอี้กวัดแกว่งดาบฟันออกไปโดยไม่รอช้า
ชิ้ง!
ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ส่งเสียงดังกังวาน ตัวดาบใสสว่างราวกับน้ำเกิดภาวะดาบลึกลับขึ้น เพิ่มความดุดันอย่างไร้ขอบเขตขึ้นมา
เมื่อดาบเล่มนี้ถูกฟันออกไป
ฟ้าดินตกอยู่ในสภาพที่น่ากลัว ภูเขาลำเนาไพรสั่นสะท้าน ฟ้าสะท้านดินสะเทือน
จากนั้น ภาพเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น…
ภาวะดาบร้อยจั้งที่จ้าวเรือนจำที่หกฟันออกมานั้นสั่นสะท้านอย่างแรง พลังที่ปกคลุมอยู่บนพลังดาบแยกตัวออกและเข้าไปรวมตัวอยู่ในพลังดาบที่ซูอี้ฟันออกไปราวกับนกนางแอ่นบินกลับรัง!
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้จ้าวเรือนจำที่หกถึงกับอ้าปากตาค้าง แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง นี่มัน… เกิดเรื่องอันใดขึ้น!?
ปัง!!
ภาวะดาบร้อยจั้งเล่มนั้นก็แตกกระจุยราวกับเศษกระดาษ
ส่วนดาบเล่มนั้นของซูอี้พุ่งเข้ามาแล้ว
“ไม่ได้การ!”
จ้าวเรือนจำที่หกสีหน้าเปลี่ยน เขาหลบไม่ทันแล้ว ได้แต่กวัดแกว่งดาบขึ้นต้านทานอย่างเต็มกำลัง
ฉึบ!
ดาบเถ้าวิญญาณเล่มนั้นหักเป็นท่อน ๆ
ส่วนจ้าวเรือนจำที่หกถูกสังหารตายตรงนั้น หลังจากที่ร่างวิถีถูกฟันก็กลายเป็นผงธุลีดิน วิญญาณแตกดับ
แม้กระทั่งจุดที่เขายืนก็ยังปริร้าวเป็นทางน่าสยดสยอง!
ดาบเล่มนี้ช่างรุนแรงเสียเหลือเกิน จ้าวเรือนจำที่หกยังไม่ทันได้ร้องคร่ำครวญก็ถูกฆ่าจนเป็นผุยผง ไม่เหลือแม้แต่กระดูก
น่ากลัวเหลือเกิน!
จ้าวเรือนจำที่แข็งแกร่งจนสามารถสร้างความสั่นสะเทือนให้แก่ตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิกลับถูกสังหารตายในดาบเดียว ไม่มีเหลือ!
“ถึงแม้จะรู้แต่แรกแล้วว่าในการประลองไพ่ใบสุดท้าย คนผู้นี้ไม่มีทางด้อยกว่าอย่างแน่นอน แต่… เช่นนี้จะแรงเกินไปแล้ว…”
จักรพรรดิมารสวรรค์ตื่นตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้นจนตาค้างด้วยเช่นกัน
และก็เป็นเวลานี้เช่นกัน นางจึงเข้าใจแล้วว่า ตั้งแต่แรกเริ่มซูอี้ก็มั่นใจแล้วว่าต้องชนะ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความคิดที่จะใช้จ้าวเรือนจำที่หกมาลับดาบ เพื่อฝึกฝนขัดเกลาระดับวิถีของตัวเอง!
ส่วนจ้าวเรือนจำที่หก ดูคล้ายกับจะมีระดับวิถีที่น่ากลัว มีฝีมือร้ายกาจ แต่หากว่าไม่มีดาบวิถีเล่มนั้น ก็ดูไม่ได้เช่นกัน
ก็เหมือนกับดาบสุดท้ายของจ้าวเรือนจำที่หก เมื่อไม่มีภาวะดาบต้องห้ามนั้นแล้ว ก็เหมือนกับไร้ซึ่งวิญญาณ ไม่มีอะไรพิเศษ
ฟ้าดินปั่นป่วน อากาศปรวนแปร
หลังจากที่ซูอี้ฆ่าจ้าวเรือนจำที่หกแล้ว ไม่มีความรู้สึกอะไร
ก็เหมือนกับที่จักรพรรดิมารสวรรค์คาดเดา สำหรับซูอี้แล้ว หากว่าจ้าวเรือนจำที่หกไม่มีดาบวิถีอยู่ในมือ อาศัยเพียงแค่วิถีเต๋าขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นกลางของเขา ไม่มีอะไรให้น่าดูเลย
ที่สำคัญคือดาบเถ้าวิญญาณสร้างความสนใจให้แก่ซูอี้!
เมื่อเก็บซากดาบวิถีเถ้าวิญญาณที่แตกหักเหล่านั้นแล้ว เขาพินิจพิจารณาดูอย่างละเอียด
การจู่โจมท้ายสุด ภาวะดาบต้องห้ามที่จ้าวเรือนจำที่หกแสดงออกมานั้น เป็นฝ่ายหลอมรวมเข้าสู่ภาวะดาบวิถีที่ตนเองฟันออกไปราวกับคนทรยศ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างประหลาดเช่นนี้ ทำให้ซูอี้รู้สึกว่ามีลับลมคมใน
………………..