บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1121: แผนที่หนังสัตว์
ตอนที่ 1121: แผนที่หนังสัตว์
ฝุ่นควันสลายสิ้น รอบด้านกลับสู่ความสงบ
ซูอี้พินิจมองเศษดาบเถ้าวิญญาณ หัวคิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย
ห่างออกไป โม่อวี๋กับสัตว์ประหลาดเฒ่าแห่งสำนักแดนอสูรปรีดีคนอื่น ๆ เดินมาหา เดิมทีพวกเขาต้องการจะกล่าวขอบคุณซูอี้ แต่กลับถูกจักรพรรดิมารสวรรค์ห้ามเอาไว้
“พวกเจ้าถอยออกไปกันก่อน”
จักรพรรดิมารสวรรค์ออกคำสั่ง
นางมองออกว่าซูอี้ไม่ได้สนใจจ้าวเรือนจำที่หกที่โดนสังหาร แต่เป็นเศษชิ้นส่วนของดาบเถ้าวิญญาณนั้นต่างหากที่สร้างความสนใจให้แก่ซูอี้
“ขอรับ”
โม่อวี๋กับคนอื่น ๆ จึงจากไปโดยเร็ว
จักรพรรดิมารสวรรค์ยืนอยู่อีกด้าน มองดูซากชิ้นส่วนดาบเถ้าวิญญาณสักครู่ จากนั้นจึงหันไปมองดูซูอี้ที่กำลังขมวดคิ้วขึ้นน้อย ๆ ราวกับกำลังใช้ความคิด
ซูอี้จึงพ่นลมหายใจออกจากปากยาว ๆ นานมาก ก่อนจะส่งพลังไปยังปลายนิ้ว เศษชิ้นส่วนของดาบเถ้าวิญญาณเหล่านั้นจะกลายเป็นผงธุลีปลิวหายไปกลางอากาศ
“พี่ซูเจอปัญหาหนักอะไรเข้าแล้วเช่นนั้นหรือ?” จักรพรรดิมารสวรรค์ถาม
ซูอี้ตอบ “ดาบเถ้าวิญญาณเล่มนี้ไม่ได้มีความร้ายกาจอันใด แต่ภาวะดาบที่หลอมประทับในดาบเล่มนี้มีความแปลกประหลาด หากว่าข้าคาดเดาไม่ผิด ภาวะดาบต้องห้ามนั้นควรจะมาจากดาบอีกเล่มหนึ่ง”
“ดาบอีกเล่มหนึ่ง?”
จักรพรรดิมารสวรรค์ตะลึง ทำหน้าไม่เข้าใจ
ซูอี้กล่าว “ยังจำที่ข้าเคยบอกกับเจ้าได้หรือไม่ว่าสมบัติล้ำค่าสูงสุดประจำหอเก้าสวรรค์คือดาบวิถีลึกลับเล่มหนึ่ง?”
จักรพรรดิมารสวรรค์นึกขึ้นได้ในทันใด
หอเก้าสวรรค์มีดาบวิถีลึกลับอยู่เล่มหนึ่ง นอกจากเจ้าหอของพวกเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้บวงสรวงสวรรค์ทั้งสามคนหรือว่าผู้แข็งแกร่งคนอื่น ๆ ในหอล้วนไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของดาบเล่มนี้
ทว่าเวลาที่ผู้แข็งแกร่งของหอเก้าสวรรค์กราบเข้าเป็นศิษย์ ล้วนเคยตั้งสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าดาบเล่มนี้ด้วยกันทั้งสิ้น
อีกทั้งคำสัตย์ปฏิญาณนี้ราวกับกฎสวรรค์ เมื่อทำผิดต่อคำสัตย์ปฏิญาณ ไม่ว่าจะมีระดับการฝึกตนสูงหรือต่ำล้วนต้องร่างแตกวิถีดับทั้งสิ้น
จักรพรรดิมารสวรรค์ตกตะลึง
“ไม่ผิด” ซูอี้พยักหน้า
เขาไม่ได้บอกจักรพรรดิมารสวรรค์ทั้งหมด และหากเพียงเท่านี้ยังไม่เป็นไร
ที่สำคัญคือ หากว่าภาวะดาบนั้นมาจากดาบวิถีประจำหอเก้าสวรรค์จริง ถ้าเช่นนั้นดาบวิถีเล่มนี้จะต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับดาบเก้าคุมขัง!
มิเช่นนั้น ตอนที่สู้กันก่อนหน้านี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นขณะที่จ้าวเรือนจำที่หกใช้ภาวะดาบนั่น!
ซูอี้จำได้แม่นยำว่า ตอนที่ภาวะดาบเจอกับกลิ่นอายของดาบเก้าคุมขัง ภาวะดาบพลันผละออกจากการควบคุมของจ้าวเรือนจำที่หก และเข้ามาหลอมรวมกับกลิ่นอายของดาบเก้าคุมขังเองราวกับไหลกลับสู่แก่น!
ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้จะให้ซูอี้นิ่งนอนใจได้อย่างไร?
“มิน่าเล่า สหายเต๋าจึงฆ่าเขาตาย ไม่ไว้ชีวิตเขาเพื่อจับตัวมาสอบถาม พวกเขาเคยตั้งคำสัตย์ปฏิญาณ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะถามได้ความอันใด”
จักรพรรดิมารสวรรค์กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา
ครู่ถัดมา นางก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จากนั้นก็เริ่มเก็บอาวุธและสมบัติล้ำค่าที่เก็บมาได้หลังจากได้รับชัยชนะ
ในจำนวนนั้นมีสมบัติลึกลับฟ้าดินถึงหกชิ้น!
“คนหลอกลวง ก่อนหน้านี้ยังพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าในมือเหลือสมบัติลึกลับฟ้าดินเพียงแค่สี่ชิ้นเท่านั้น ที่แท้ก็โกหกข้า”
จักรพรรดิมารสวรรค์บ่นอุบ
“เอ๊ะ พี่ซูดูสมบัติลับฟ้าดินชิ้นนี้สิ เหมือนว่าจะเป็นภาพลึกลับ”
ทันใดนั้น จักรพรรดิมารสวรรค์ก็สังเกตเห็นหนังสัตว์ผืนหนึ่ง ก่อนจะมอบมันให้กับซูอี้
บนหนังสัตว์ วาดภาพแนวเทือกเขาแม่น้ำที่หาพบได้ทั่วไป อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของวันเวลาที่ผันผ่านเนิ่นนาน
ซูอี้พินิจมองสักครู่จึงสำแดงกฎแห่งจุดจบ และยกมือขึ้นลูบเบา ๆ
พรึ่บ!
พลังปิดผนึกบนหนังสัตว์ถูกขจัดไปอย่างง่ายดาย
หนังผืนนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าตะลึงในทันใด เกิดประกายแสงสว่าง กลิ่นอายแหล่งที่มาคลุมเครืออันหนาแน่นแผ่กระจายออกมา
ซูอี้พินิจดูสักครู่ก็มองออกว่าอักขระลึกลับมหาวิถีทั้งแปดนั้นคือ ‘แดนมารดาหมื่นวิถีกำเนิดแห่งฟ้าดิน’!
ซูอี้ถึงกับสะดุ้งในใจ
‘แดนมารดาหมื่นวิถี’ สี่คำนี้ หมายถึงดินแดนที่หมื่นวิถีในโลกอุบัติขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
และ ‘กำเนิดแห่งฟ้าดิน’ ก็คงจะหมายถึงต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นของภูมิดาราฟ้าดิน!
เมื่อคำทั้งแปดรวมเข้าด้วยกัน ซูอี้รู้ได้ในทันใดว่าภาพภูเขาแม่น้ำที่วาดบนหนังสัตว์ผืนนี้อาจจะเป็นตำแหน่งต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นของภูมิดาราฟ้าดิน
สถานที่แห่งนั้นก็คือดินแดนแหล่งกำเนิดของหมื่นวิถีแห่งโลก!
เรื่องนี้สร้างความปั่นป่วนใจให้แก่ซูอี้ด้วยเช่นกัน เพราะหากว่าสามารถหาสถานที่แห่งนั้นพบ ก็เท่ากับสามารถหาต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นเริ่มแรกสุดของภูมิดาราฟ้าดินพบ!
เวลานี้ จักรพรรดิมารสวรรค์ก็รู้เช่นกันแล้วว่าหนังผืนนี้ไม่ธรรมดา นางกล่าวด้วยความตระหนก “สถานที่ที่วาดบนหนังผืนนี้ดูเหมือนจะเป็น ‘เขตต้องห้ามเซียนอับโชค’ ใช่หรือไม่?”
เขตต้องห้ามเซียนอับโชค
สถานที่ที่ถูกมองว่าเป็นดินแดนต้องห้ามอันดับหนึ่งในบรรพกาล มีชื่อเสียงลือลั่นไปทั่วมหาแดนดิน
เพราะว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผู้ฝึกตนคนใดก็ตามที่บุกเข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนอับโชค หากสติไม่สับสนกลายเป็นคนเสียสติ ก็ไม่ได้กลับออกมาอีก
เรื่องหนึ่งที่ฮือฮากันที่สุดก็คือเมื่อสี่หมื่นเก้าพันปีก่อน ตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิท่านหนึ่งเข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนอับโชคไปได้สามเดือน ถึงแม้จะมีชีวิตรอดกลับมา ทว่ากลับกลายเป็นคนฟั่นเฟือน สติล่องลอย จิตวิถีเสียหาย มักจะพูดจาเลอะเลือน
เขาเคยกล่าวว่าเขตต้องห้ามเซียนอับโชคมีซากกระดูกของเซียนอยู่จริง ๆ
และเคยกล่าวด้วยว่า เขาบุกเข้าสู่แดนเซียนโดยไม่ตั้งใจ เห็นเหล่าเทพเซียนเต็มฟ้าร่วงหล่นลงมาราวกับสายฝน เป็นภาพที่น่ากลัวมาก
…สุดท้าย หลังจากตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิท่านนี้เสียสติอยู่หลายเดือนก็ดับชีวิตไปอย่างกะทันหัน
ก่อนจะตาย ตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิท่านนี้ร้องตะโกนราวกับเสียสติ “สักวันหนึ่ง ภูมิดาราฟ้าดินจะทำให้หมื่นวิถีพินาศ กลายเป็นดินแดนฝังเซียน!”
เรื่องนี้สร้างความแตกตื่นให้กับคนในแผ่นดินมหาแดนดิน และสร้างความสนใจแก่ขุมกำลังระดับสูงนับไม่ถ้วน ต่างก็เริ่มสืบเสาะหาความจริงของเรื่องนี้
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผลอันใด
อีกทั้งเมื่อเวลาผ่านพ้นไป ผู้คนทั้งหลายก็เริ่มลืมเลือนเรื่องนี้ไปอย่างช้า ๆ ไม่มีใครเก็บเอาคำพูดของตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิที่ฟั่นเฟือนคนนั้นมาคิดเป็นจริงเป็นจังอีก ต่างก็เข้าใจว่าเป็นเพียงแค่คำพูดเลอะเลือนของคนสติไม่ดีคนหนึ่งเท่านั้น
“เขตต้องห้ามเซียนอับโชค?”
ซูอี้หยิบม้วนหนังสัตว์ผืนนั้นขึ้นมาพินิจดูอย่างจริงจัง พบว่าภาพแนวเทือกเขาและแม่น้ำที่วาดไว้บนนั้นคล้ายคลึงกับภูเขาลำเนาไพรที่อยู่ใกล้ ๆ ปากทางเข้าเขตต้องห้ามเซียนอับโชคมาก
ซูอี้ถึงกับตะลึงไปในทันใด
ถึงแม้เขตต้องห้ามเซียนอับโชคจะถูกมองว่าเป็นสถานที่ต้องห้ามอันดับหนึ่งในใต้หล้า ทว่าเมื่อชาติก่อน เขาเคยบุกเข้าไปสามครั้ง
ครั้งที่หนึ่ง คือตอนที่เขาบรรลุสู่ขอบเขตมหาจักรพรรดิ ด้วยระดับวิถีของตัวเอง ควรจะไปสำรวจเขตต้องห้ามเซียนอับโชคได้
ปรากฏว่าเพียงแค่เข้าไปถึงด้านนอกของเขตต้องห้ามเซียนอับโชคก็เจอกับสิ่งน่ากลัว พ่ายแพ้กลับมา จำต้องถอยออกไป
ครั้งที่สอง เป็นตอนที่ตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิเสียสติไปได้ไม่นาน เขาได้ยินวาจาเลอะเลือนเหล่านั้นเช่นกัน สงสัยว่าภายในเขตแดนต้องห้ามเซียนตกจะซ่อนเร้นความลับอันใดเอาไว้ จึงได้เดินทางไปอีกครั้ง
ครั้งนี้ เขาเตรียมไพ่ใบสุดท้ายแต่ละอย่างไปจนเพียบพร้อม ทว่าสุดท้ายบุกเข้าไปในเขตแดนต้องห้ามเซียนตกได้ไม่นานก็ต้องกลับมามือเปล่า ทั้งยังเกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งที่นั่นอีกด้วย
ครั้งที่สาม คือตอนที่เขาพยายามเสาะแสวงหาหนทางวิถีที่สูงส่งยิ่งกว่าด้วยความยากลำบากแต่ก็ไม่เป็นผล
แผนหนึ่งคือออกเดินทางไปยังจักรวาลพร่างดาว อีกแผนหนึ่งคือเสาะแสวงหาความลับแห่งวัฏสงสาร ส่วนแผนสุดท้ายคือไปสำรวจเขตต้องห้ามเซียนอับโชค
เรื่องที่สมควรกล่าวถึงก็คือตอนนั้นซูอี้ผ่านประสบการณ์ในการเสาะแสวงหามานานหลายปี เสาะหาเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับวัฏสงสารในภูมิมืดมิดเจอบ้างแล้ว
สุดท้าย ซูอี้ล้มเลิกที่จะไปจักรวาลพร่างดาว และตัดสินใจเดินทางไปยังเขตต้องห้ามเซียนอับโชคอีกครั้ง หากว่าไม่สำเร็จ ก็จะกลับมาตั้งหน้าตั้งตาสำรวจวัฏสงสาร
ด้วยเหตุนี้จึงได้สืบเสาะเขตต้องห้ามเซียนอับโชคขึ้นเป็นครั้งที่สาม
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ถึงแม้ระดับวิถีของเขาจะถือได้ว่าเป็นใหญ่ในใต้หล้า ยิ่งใหญ่ทั่วแดนดิน กล่าวได้ว่าเป็นนักดาบอันดับหนึ่งตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันของมหาแดนดิน ทว่าหลังจากที่เข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนอับโชคแล้ว ยังคงพบเจอภัยอันตรายมากมาย
สุดท้าย ถึงแม้ว่าเขาจะบุกถึงแถบรอบนอกและเข้าไปในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคได้ ทว่ากลับพบเจอแสงไฟประหลาดลึกลับที่บินได้ เพียงแค่กวาดผ่านเบา ๆ ก็บดขยี้ร่างวิถีของเขาได้ หากไม่ใช่เพราะจิตวิญญาณของเขามีดาบเก้าคุมขังเฝ้าดูแลอยู่ ก็เกือบจะดับไปแล้วเช่นกัน
การบุกเข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนอับโชคทั้งสามครั้งนี้ทำให้ซูอี้เข้าใจได้อย่างลึกซึ้งแล้วว่าสถานที่แห่งนั้นน่ากลัวเพียงใด อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไปเลย กระทั่งขอบเขตมหาจักรพรรดิก็ยังยากจะหนีรอดได้!
และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเช่นกัน ซูอี้จึงมุ่งมั่นในการเสาะแสวงหาหนทางวิถีของวัฏสงสาร
“หากว่าเขตต้องห้ามเซียนอับโชคคือต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นของภูมิดาราฟ้าดินจริง ตอนนั้นหากว่าข้าสามารถเสาะแสวงหาความลี้ลับในนั้นพบ ไม่จำเป็นต้องกลับชาติฝึกตนใหม่ ก็สามารถก้าวเข้าสู่หนทางสู่สวรรค์แสวงวิถีขอบเขตราชันแห่งภูมิได้”
นึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ เมื่อในอดีตชาติแล้ว ซูอี้อดรำพึงขึ้นมาไม่ได้
ไร้วาสนา ไร้ปัจจัยผูกพัน ก็คงจะเป็นเช่นนี้
ทว่าซูอี้ไม่ได้รู้สึกเสียดายมากนัก
ยามนึกถึงเมื่อชาติก่อน เขาออกเดินทางไปยังจักรวาลพร่างดาว ก็มีโอกาสเสาะหาหนทางสู่สวรรค์ได้เช่นเดียวกัน ทว่าเช่นนั้น เป็นไปไม่ได้ที่ความสำเร็จสูงสุดของหนทางวิถีในชาตินี้จะเกินกว่าความสำเร็จสูงสุดของทัศนาจารย์
เพราะอย่างไรเสียก็ดี ถึงแม้เขาเมื่อในอดีตชาติจะเป็นใหญ่ในมหาแดนดิน ทว่าสุดท้ายมหาวิถียังคงไม่สมบูรณ์!
ด้วยเหตุผลเดียวกัน ถึงแม้เมื่อในอดีตชาติเขาจะมีโอกาสได้เสาะแสวงหาแหล่งกำเนิดฟ้าดิน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำการฝึกตนใหม่ ตรวจความบกพร่องและเสริมความสมบูรณ์ ฝึกตนใหม่จนพบวิถีดาบที่เพียบพร้อมสมบูรณ์เหมือนในชาตินี้ได้!
“พี่ซู ตัวตนบรรพกาลจะต้องทิ้งแผนที่หนังสัตว์ผืนนี้ไว้อย่างแน่นอน เมื่อเรามีแผนที่ผืนนี้ บางทีอาจบุกไปตรวจสอบเขตต้องห้ามเซียนอับโชคได้ก็ได้!”
ซูอี้พูดตัดความหวังจักรพรรดิมารสวรรค์อย่างตรงไปตรงมา “โอกาสสัมพันธ์ยิ่งมากก็ยิ่งอันตราย เมื่อชาติก่อนข้าเคยไปมาแล้วสามครั้ง ทั้งสามครั้งแทบจะเอาชีวิตไม่รอด เจ้าคิดว่าเจ้าจะไหวรึ?”
จักรพรรดิมารสวรรค์นิ่งไป ก่อนกะพริบตาปริบ ๆ และกล่าวว่า “ข้าไม่ไหว เจ้าก็ไม่ไหวเหมือนกันอย่างนั้นหรือ?”
ซูอี้ “…”
มีผู้ชายคนไหนบ้างที่คิดว่าตัวเองไม่ไหว?
อีกทั้ง ซูอี้ก็อยากจะลองเช่นกัน
เขาเคยหาต้นกำเนิดของภูมิมืดมิดเจอบนหนทางแห่งวัฏสงสารพบ และได้รับผลดีมหาศาลอย่างคาดไม่ถึง เพราะเหตุนี้จึงสามารถรู้แจ้งถึงสัจธรรมของวัฏสงสารอย่างแท้จริง!
และบัดนี้ หากสามารถหาต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นของภูมิดาราฟ้าดินพบจริง ๆ ผลดีที่ได้รับจะต้องยิ่งใหญ่กว่าหาแหล่งกำเนิดของภูมิมืดมิดเจออย่างแน่นอน!
เพราะอย่างไรเสีย ภูมิดาราฟ้าดินในครั้งแรกสุด ถูกมองว่าเป็นดินแดนแห่งต้นกำเนิดบรรพบุรุษมหาวิถีของหมื่นภูมิดารา
และเคยให้กำเนิดตัวตนผู้ยิ่งใหญ่คับฟ้ามากมายที่เรียกได้ว่าเป็นตัวตนในตำนาน!
เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว ซูอี้หยิบแผนที่หนังสัตว์ผืนนั้นขึ้นมาพิจารณาดูใหม่อีกครั้ง
อย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาลุกวาว พบรายละเอียดจุดหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน
………………..