บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1122: โอกาสรอดน้อยนิด
ตอนที่ 1122: โอกาสรอดน้อยนิด
ซูอี้ใช้ปลายนิ้วแตะลงบนแผนที่หนังสัตว์
ทันใด ภาพแนวภูเขาลำน้ำที่วาดบนแผนที่เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมหัศจรรย์ พวกมันเคลื่อนตัวเหมือนกับไส้เดือนราวกับมีชีวิตและค่อย ๆ เกิดเป็นภาพใหม่อีกภาพหนึ่ง
ขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวอักษรเล็ก ๆ ที่มีขนาดเท่ากับหัวแมลงวันก็ปรากฏขึ้นบนเขตแดนที่แตกต่างกันไปบนแผนที่ราวกับสัญลักษณ์แสดงที่ตั้งบนแผนที่
ตัวอักษรตัวเล็ก ๆ ที่มีขนาดเท่ากับหัวแมลงวันเหล่านั้นมีเพียงไม่กี่คำ ประกอบด้วย ‘ทางรอด’ ‘อันตราย’ ‘อันตรายถึงตาย’ และ ‘ทางตาย’
เมื่อมองดูสภาพพื้นที่ที่แสดงบนแผนที่อีกครั้ง ซูอี้ถึงกับตะลึง นี่คือแผนที่ด้านนอกของเขตต้องห้ามเซียนอับโชคจริง ๆ เสียด้วย!
เมื่อชาติก่อนเขาเคยบุกเข้าไปในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคแห่งนี้ถึงสามครั้ง เป็นไปได้หรือที่จะจำไม่ได้?
ที่น่าอัศจรรย์เป็นที่สุดคือบนแผนที่ผืนนี้เขียนแสดงไว้อย่างชัดเจนว่าตรงไหนบ้างที่เป็นทางรอด และตรงไหนบ้างที่อันตราย และตรงไหนที่เป็นทางตาย!
ดังเช่นจุดหนึ่งที่เขียนกำกับไว้ว่า ‘อันตรายถึงตาย’ ที่แห่งนั้นมีรูปร่างคล้ายกับที่รกร้างซึ่งเต็มไปด้วยหุบเหว
ตอนนั้น ซูอี้เจออันตรายในที่รกร้างแห่งนั้นจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
และตอนนี้ เมื่อเห็นที่รกร้างแห่งนั้นเขียนกำกับไว้ว่า ‘ทางตาย’ ซูอี้จึงเข้าใจได้ว่าที่ตนเองสามารถมีชีวิตและหนีรอดออกมาได้ในตอนนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเอาเสียเลย
ขณะเดียวกัน ซูอี้ใช้ประสบการณ์และสิ่งที่รับรู้มาจากการบุกเข้าไปในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคเมื่อชาติก่อนเปรียบเทียบกับแผนที่หนังสัตว์ในมือ
ทันใดเขาก็พบว่า ‘ทางรอด’ ที่ระบุนั้นแท้จริงแล้วก็อันตรายมากเช่นกัน หากไม่ระวังร่างก็อาจแตกวิถีดับได้เลย
ส่วนแถบที่ระบุว่า ‘อันตราย’ ก็ยิ่งไม่ต้องสงสัยว่าจะน่ากลัวแค่ไหน โอกาสรอดมีน้อยมาก
ขณะที่แถบ ‘อันตรายถึงตาย’ นั้นไม่แตกต่างไปจากสถานที่แห่งความตาย
เมื่อชาติก่อนซูอี้เคยบุกเข้าไปแล้ว จึงรู้ซึ้งเป็นอย่างดี
สำหรับบริเวณรอบนอกเขตต้องห้ามเซียนอับโชคที่ถูกเขียนกำกับไว้ว่า ‘ทางตาย’ มีด้วยกันทั้งหมดสามแห่ง เมื่อชาติก่อนซูอี้ยังไม่เคยบุกเข้าไป
เขาจึงไม่อาจคาดเดาไว้ว่า บน ‘ทางตาย’ นั้นจะมีอันตรายร้ายแรงน่ากลัวถึงเพียงใด
และนี่ยังเป็นเพียงแค่บริเวณรอบนอกของเขตต้องห้ามเซียนอับโชคเท่านั้น!
“ไม่รู้เช่นกันว่าบนแผนที่หนังสัตว์ผืนนี้จะแสดงพื้นที่ด้านในของเขตต้องห้ามเซียนอับโชคหรือไม่…”
ซูอี้เกิดความคิดขึ้นมา จากนั้นจึงใช้ปลายนิ้วกดลงบนแผนที่หนังสัตว์อีกครั้ง
ตามความคาดหมาย แผนที่หนังสัตว์เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง
ที่น่าตื่นตระหนกก็คือภาพแผนที่ที่แสดงออกมาในครั้งนี้มีแต่ความเลือนราง หรือกล่าวได้อีกอย่างว่าเพียงแค่วาดโครงร่างใหญ่ ๆ เท่านั้น ไม่มีรายละเอียดอื่นใดมากนัก
อักขระลึกลับมหาวิถีโบราณดั้งเดิมปรากฏขึ้นบนแผนที่เป็นบรรทัด ๆ
‘หากไม่ใช่ราชันแห่งภูมิก็เข้าไปไม่ได้ สถานที่แห่งนี้มีตัวประหลาดน่ากลัว ที่สามารถทำให้ราชันแห่งภูมิขอบเขตไร้ขีดจำกัดแตกดับเป็นเถ้าธุลีได้ในพริบตา!’
ราชันแห่งภูมิขอบเขตไร้ขีดจำกัด!?
ซูอี้สูดปาก
หนทางสู่สวรรค์หรือถูกมองอีกว่าหนทางราชันแห่งภูมิแบ่งเป็นสามขอบเขตใหญ่ ๆ
โดยไม่ต้องสงสัย ขอบเขตไร้ขีดจำกัดเป็นขอบเขตสูงสุดของหนทางสู่สวรรค์แล้ว เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในขอบเขตราชันแห่งภูมิ!
หากว่าเทียบกับหนทางแห่งวิถีลึกล้ำ ราชันแห่งภูมิขอบเขตไร้ขีดจำกัดก็เปรียบได้กับจักรพรรดิขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ!
ทว่าเมื่อราชันแห่งภูมิขอบเขตไร้ขีดจำกัดที่แข็งแกร่งเข้าไปในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคก็ยังต้องตายกลายเป็นผงธุลีในชั่วพริบตา เช่นนี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
สงบสติอารมณ์ได้แล้ว ซูอี้ก็อ่านแผนที่ต่อไป
‘ผู้ที่ครอบครองแผนที่ลับฉบับนี้จงระวัง หากต้องการเข้าไปในสถานที่แห่งนี้ มีแต่ผู้ที่หล่อหลอมปราณมารดาฟ้าดินเท่านั้นจึงจะมีโอกาสรอด’
อ่านถึงตรงนี้ ยังไม่ทันที่ซูอี้จะได้ดีใจก็อ่านเจอประโยคสุดท้าย
‘เพียงแค่มีโอกาสรอด… น้อยนิดเท่านั้น’
ซูอี้นิ่งเงียบไปในทันใด
เขาไม่อาจสงบใจลงได้อีก นึกถึงเรื่องมากมายขึ้นมา
ภูมิดาราฟ้าดินในตอนแรกสุด มีความรุ่งเรืองและจรัสแสงอย่างที่สุด จึงถูกมองว่าเป็นดินแดนแห่งต้นกำเนิดบรรพชนของหมื่นวิถีหมู่ดารา และเคยให้กำเนิดบุคคลยิ่งใหญ่คับฟ้าราวกับเทพนิยายมามากมาย
และกฎกำเนิดห้วงดาราของภูมิดาราฟ้าดินนั้นอุบัติขึ้นในต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นของภูมิดาราฟ้าดิน!
จากจุดนี้สามารถสันนิษฐานได้ว่า สถานที่ภายในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคที่ถูกระบุว่าเป็น ‘แดนมารดาหมื่นวิถี กำเนิดแห่งฟ้าดิน’ กระจายตัวอยู่ในต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นของภูมิดาราฟ้าดิน!
เช่นนี้ก็หมายความว่าถึงแม้ประวัติศาสตร์ในช่วงก่อนบรรพกาลจะถูกทำลายไปสิ้น ดับสูญไปในกาลเวลาที่ยาวนาน ทว่าต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นของภูมิดาราฟ้าดินไม่เคยเลือนหายไปอย่างแท้จริง!
กล่าวได้อีกอย่างคือถึงแม้กฎกำเนิดห้วงดาราของภูมิดาราฟ้าดินจะเสื่อมสลายไปแล้ว ทำให้โลกหมู่ดาราแห่งนี้ต้องพลอยเสื่อมสลายไปด้วย ยิ่งกว่านั้นจนถึงตอนนี้ถูกมองว่าเป็นปิตุภูมิเวิ้งดารา แต่…
ไม่ได้หมายความว่าต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นของภูมิดาราฟ้าดินจะต้องสิ้นสลายไปจนไม่เหลือ
ในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคแห่งนั้นมีต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นฟ้าดินกระจายตัวอยู่!
ซูอี้รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
เขามั่นใจได้ว่าหากพูดการค้นพบในครั้งนี้ออกไป มหาแดนดินจะต้องแตกตื่น เกิดเป็นพายุใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน!
ถึงขั้นพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของมหาแดนดิน และสืบทอดประวัติศาสตร์โบราณที่ดับสลายไปนานแล้วเมื่อก่อนบรรพกาล!
การสืบทอดและอารยธรรมที่ถูกทำลายไปจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
เรื่องเล่าขานของความเจริญรุ่งโรจน์ก็จะกลับมาสืบทอดในมหาแดนดินอีกครั้ง!
สามารถคาดเดาได้ว่า มหาแดนดินเวลานั้นจะเป็นที่ฮือฮาเพียงไหน และยิ่งใหญ่เพียงไหน
ทว่าสุดท้าย เมื่อซูอี้สงบใจลงมาได้แล้ว เขาก็เข้าใจถึงความเป็นจริงที่โหดร้าย
รู้เรื่องราวในอดีตบรรพกาลแล้วอย่างไร?
แผ่นดินในตอนนี้ แม้กระทั่งสมบัติลับฟ้าดินก็ยังหาพบได้ไม่มาก แม้กระทั่งหนทางสู่สวรรค์ก็ขาดสะบั้นลงแล้ว ทั่วทั้งแดนดินกลายเป็นปิตุภูมิเวิ้งดาราไปตั้งนานแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นฟูมหาแดนดินให้กลับมารุ่งเรืองเหมือนเดิมได้อีก
ที่สำคัญที่สุดคือ ต้นกำเนิดฮุ่นตุ้นของภูมิดาราฟ้าดินอาจจะยังคงมีสืบทอดอยู่ในเขตต้องห้ามเซียนอับโชค
แต่มองดูแผ่นดินในตอนนี้ มีสักกี่คนกันที่สามารถเสาะหาโชคยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้?
ตามที่เจ้าของแผนที่หนังสัตว์กล่าวเอาไว้ แม้แต่ราชันแห่งภูมิขอบเขตไร้ขีดจำกัดเข้าไปก็ยังต้องกลายเป็นเถ้าธุลี!
และในปฐพีมหาแดนดิน ไม่มีหนทางสู่สวรรค์ไปตั้งนานแล้ว ไหนเลยจะมีราชันแห่งภูมิได้? ตัวตนน่ากลัวระดับราชันแห่งภูมิขอบเขตไร้ขีดจำกัดก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง!
เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว ซูอี้สงบใจลงมา
“อย่างไรเสียความจริงก็เป็นสิ่งโหดร้าย หากให้ผู้ฝึกตนในโลกได้รู้ว่า ภูมิดาราฟ้าดินเมื่อครั้งแรกสุดนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองเพียงใด และมหาแดนดินในตอนนี้เสียหายและห่อเหี่ยวเพียงใด สุดท้ายกลับจะสร้างความโศกเศร้าและไม่พอใจมากขึ้น…”
ซูอี้ส่ายหน้า สลัดความคิดฟุ้งซ่านออก
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ได้รับแผนที่หนังสัตว์ในครั้งนี้เป็นผลดีอันยิ่งใหญ่ที่คาดไม่ถึงอย่างแน่นอน
และทำให้ซูอี้สันนิษฐานเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
หนึ่ง ในเขตต้องห้ามเซียนอับโชคมีแหล่งกำเนิดคลุมเครือของภูมิดาราฟ้าดินกระจายอยู่!
สอง ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งที่หล่อหลอมพลังมารดาฟ้าดินเข้าไปเสาะหา ก็มีโอกาสรอดเพียงน้อยนิดเท่านั้น
สาม แผนที่หนังสัตว์ผืนนี้ถูกเก็บรักษามาเป็นเวลานานนับแต่บรรพกาล ส่วนเจ้าของแผนที่หนังสัตว์ผืนนี้จะต้องเป็นตัวตนร้ายกาจมากคนหนึ่งอย่างแน่นอน ระดับการฝึกตนจะต้องอยู่ในขอบเขตราชันแห่งภูมิอย่างแน่นอน!
มิเช่นนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจเขตต้องห้ามเซียนอับโชคได้ดีถึงเพียงนี้
“พี่ซู ที่แท้แล้วท่านเจอสิ่งใดกันแน่?”
จักรพรรดิมารสวรรค์อยากรู้ใจจะขาด จนต้องถามออกไปในที่สุด
ก่อนหน้านี้นางรอคอยอยู่เงียบ ๆ ไม่ได้รบกวนซูอี้แต่อย่างใด นางสังเกตเห็นสีหน้าแววตาของซูอี้เปลี่ยนแปลงไปหลายครั้ง
เป็นไปได้หรือที่นางจะไม่รู้ว่าซูอี้พบเจอสิ่งที่น่าตะลึง?
ซูอี้บอกสิ่งที่ตัวเองค้นพบและข้อสันนิษฐานของตัวเองอย่างคร่าว ๆ ให้ฟังโดยไม่ปิดบัง
จักรพรรดิมารสวรรค์ฟังแล้วถึงกับตะลึงไม่หาย
“ตอนนี้ เจ้ายังกล้าไปอีกหรือไม่?”
ซูอี้ถาม
จักรพรรดิมารสวรรค์ยิ้มหวานหยดย้อย นัยน์ตาเป็นประกาย กล่าว “ขอเพียงพี่ซูกล้า ข้าจะกล้า”
ซูอี้กล่าว “ถ้าเช่นนั้นวันข้างหน้าค่อยว่ากันอีกที”
ซูอี้ส่ายหน้าพลางกล่าว “ข้าไม่ได้บอกสักหน่อยว่าไม่ไป”
ตาของจักรพรรดิมารสวรรค์ลุกวาว “ถ้าเช่นนั้นข้ารอไปพร้อมกับพี่ซู!”
ลำดับถัดมา ทั้งสองก็เริ่มแบ่งสมบัติศาสตราวุธที่เก็บมาได้
สมบัติลับฟ้าดินหกชิ้น ซูอี้แบ่งไปครึ่งหนึ่ง ในจำนวนนั้นรวมไปถึงแผนที่หนังสัตว์ผืนนั้น
ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นของจักรพรรดิมารสวรรค์
วันเดียวกัน ภายใต้คำหว่านล้อมของจักรพรรดิมารสวรรค์ ซูอี้ก็ตัดสินใจพำนักอยู่ที่สำนักแดนอสูรปรีดีต่อช่วงเวลาหนึ่ง
สำนักแดนอสูรปรีดีเป็นสายมารอสูรอันดับหนึ่งของมหาแดนดิน มีภูมิหลังเก่าแก่ ปราณในบริเวณที่ตั้งสำนักเข้มข้นจนน่าตกใจ ถือเป็นสถานที่สมบูรณ์เพียบพร้อมระดับสุดยอด
สาเหตุที่ซูอี้ตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่อเพราะตั้งใจว่าจะปิดตนฝึกฝนบนแท่นสะบั้นตน เพื่อหล่อหลอมขัดเกลาระดับวิถีในตัวให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น
“พี่ซู หากว่าเราสองคนฝึกคู่ พี่ซูจะเด็ดดอมเช่นใดข้าก็ยอม รับรองว่าจะทำให้การฝึกตนของพี่ซูก้าวหน้าขึ้นในระยะเวลาอันสั้น”
กลางดึก จักรพรรดิมารสวรรค์มาหาถึงที่ เป็นฝ่ายรุกขึ้นก่อน ตั้งใจว่าจะถือโอกาสนี้นอนกับซูอี้ในถิ่นของตัวเองให้ได้
ประกอบกับนางเป็นฝ่ายเสนอตัวเข้าหา เสน่ห์และความเย้ายวนใจเช่นนั้นช่างรัญจวนใจยิ่งนัก รู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
อย่าว่าแต่ผู้ชายทั่วไปเลย แม้กระทั่งตัวตนในวิถีพุทธผู้มีภาวะจิตแข็งแกร่งก็ยังทนความยั่วยวนเช่นนี้ไม่ได้
ทว่าซูอี้กลับสงบใจก้มมองดูแต่ตัวเอง นั่งสมาธิอย่างสงบราวกับไม่ได้ยิน ไม่ใส่ใจ แม้กระทั่งลืมตาขึ้นมองก็ยังไม่มี
จักรพรรดิมารสวรรค์เห็นเช่นนี้แล้วทั้งรู้สึกขันและทั้งรู้สึกจนปัญญา
“ในโลกนี้ผู้ชายคนอื่น ๆ เห็นข้าแล้ว หากไม่เทิดทูนราวกับเทพ แสดงตนต่ำต้อยดังมดตะนอยล่ะก็ เป็นต้องหวาดกลัวข้าราวกับมารร้าย ราวกับน้ำที่เชี่ยวกราก มีแต่ซูเสวียนจวินเพียงคนเดียวที่ไม่เคยมองข้าเลย!”
“แต่ เขายิ่งเป็นเช่นนี้ เหตุใดข้ากลับยิ่งชอบนะ? คงเป็นเพราะ…นี่คือความแตกต่างระหว่างซูเสวียนจวินกับคนอื่น ๆ กระมัง…”
จักรพรรดิมารสวรรค์ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องไปยังซูอี้ ด้วยจิตใจว้าวุ่น
“เมื่อข้าบรรลุสู่ขอบเขตราชันแห่งภูมิแล้ว รับรองได้เลยว่าจะจัดการเจ้าให้อยู่หมัด!”
ไม่รู้เช่นกันว่าจักรพรรดิมารสวรรค์นึกอะไรขึ้นมาได้ ใบหน้าของนางพลันแดงระเรื่อ สุดท้ายจากไปพร้อมกับความคาดหวังและอารมณ์ดี
“อย่าลืมช่วยข้าส่งข่าวบอกคนอื่น ๆ ภายนอกด้วย อีกสามเดือนข้างหน้า ข้าจะกลับไปยังถ้ำเสวียนจวิน”
โดยไม่ระวังตัว เสียงของซูอี้ก็ดังขึ้นจากข้างหลัง
“พี่ซูวางใจได้ เรื่องของพี่ซู ข้าไม่กล้าเพิกเฉยเป็นแน่”
จักรพรรดิมารสวรรค์ส่งเสียงหวานตอบ
เสียงยังคงดังก้อง ทว่าร่างอรชรของนางได้หายลับไปแล้ว
………………..