บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1123: ขจัดความเจ็บแค้น ภาวะใจจึงสงบ .
ตอนที่ 1123: ขจัดความเจ็บแค้น ภาวะใจจึงสงบ
สามเดือนให้หลัง ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจะกลับมาปกครองถ้ำเสวียนจวินอีกครั้ง!
ข่าวนี้แพร่สะพัดออกมาจากขุมกำลังวิถีมารในใต้หล้า แพร่สะพัดไปทั่วแดนเทวามหาแดนดินอย่างรวดเร็วราวกับพายุ
ใต้หล้าเกิดความระส่ำระสายและโกลาหล
“เมื่อครั้งก่อน ใต้เท้าซูให้เวลาผีหมัวเตรียมตัวสามเดือน ผลปรากฏว่า ผีหมัวโดนประหาร พันธมิตรเสวียนจวินดับสิ้น ขุมกำลังโรงวาดฤทัยจากจักรวาลพร่างดาวต้องถอยหนี! และครั้งนี้ ใต้เท้าซูประกาศก้องไปทั่ว เท่ากับถึงเวลาต้องการจะจัดการกับศิษย์คนเล็กของเขาแล้ว”
“รุนแรงมาก! ใส่กันตรง ๆ ไม่มีการปกปิดท่าทีของตัวเอง ไม่ต้องใช้แผนการอันใดทั้งสิ้น มั่นใจเต็มที่!”
“นี่ก็คือความสง่างามของนักดาบอันดับหนึ่งในปฐพี ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน!”
…เสียงร้องระงมดังขึ้นจากทั่วทุกหัวระแหง
ก่อนหน้านี้ไม่นาน อาการแตกตื่นที่เกิดจากพันธมิตรเสวียนจวินดับสลายยังคงไม่คลายหายไป และตอนนี้ ซูอี้ก็เล็งปลายดาบไปที่ชิงถังอีก พอมีข่าวว่าจะกลับมาปกครองถ้ำเสวียนจวินอีกครั้ง ทั่วทั้งมหาแดนดินเกิดความโกลาหลขึ้น
“แต่ใต้เท้าซูก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลย สามารถสังหารผีหมัวได้ตั้งแต่ตอนอยู่ขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำแล้ว น่ากลัวจนแม้กระทั่งคุณหนูของโรงวาดฤทัยก็ยังต้องถอยหนี!”
“ตอนที่อยู่หน้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์เทวยุทธ์ ทุกคนก็เห็นแล้วว่าใต้เท้าซูผ่านพ้นภัยพิบัติใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จากนั้นก็พุ่งขึ้นไปสู่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ!”
“เห็นได้ว่า ความสามารถของใต้เท้าซูเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ตอนนี้ผู้อาวุโสมากมายก็ยังคาดคะเนกันว่าเวลานี้คงจะมีแต่เพียงตัวตนขอบเขตมหาจักรพรรดิเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับใต้เท้าซูได้!”
…ทุกหนแห่งในมหาแดนดินล้วนพูดถึงศึกใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอีกสามเดือนที่จะถึงนี้อย่างดุเดือด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเก่งกาจของชิงถังกับซูอี้ กลายเป็นเรื่องพูดประเด็นร้อนของใต้หล้ากันไปแล้ว
นอกจากนี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมการแสดงออกต่าง ๆ นานาของชิงถังเมื่อในอดีตอีกครั้ง
“พวกเจ้าคิดว่า จักรพรรดินีชิงถังทรยศใต้เท้าซูมานานเหมือนกับผีหมัวเช่นนั้นหรือ?”
“เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว มีใครบ้างไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่จักรพรรดินีชิงถังครอบครองถ้ำเสวียนจวินแต่เพียงผู้เดียวนั้น นางยึดสมบัติทั้งหมดที่ใต้เท้าซูเก็บเอาไว้เป็นของตัว?”
“นอกจากนี้ นางยังเคยทำร้ายไป๋อี้ศิษย์พี่แปดและขับไล่จิ่งหังศิษย์พี่รองของตัวเอง! นี่เป็นเรื่องที่ใคร ๆ ต่างก็รู้ด้วยกันทั้งนั้น”
“หลักฐาน? อย่าลืมสิว่าเมื่อห้าร้อยปีก่อน หลังจากที่ใต้เท้าซูกลับชาติแล้ว ชิงถังเคยเปิดฝาโลงของใต้เท้าซู ว่ากันว่าทำเช่นนั้นเพราะต้องการยึดสมบัติทั้งหมดในตัวของใต้เท้าซู การกระทำเช่นนี้ถือได้ว่าไม่จงรักภักดีและอกตัญญู ไร้ยางอาย! เช่นนี้ยังไม่เรียกว่าทรยศอีกหรือ?”
“แต่ตอนนั้นใต้เท้าซูไม่ได้ละสังขารไปจริง ๆ ในโลงตอนนั้นมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดอยู่ในนั้น”
“แต่ชิงถังก็ไม่ควรจะเปิดโลง! นางทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง!”
“หึ เรื่องที่พวกเจ้าพูดคุยกันในตอนนี้ ล้วนเป็นเรื่องที่ผีหมัวป่าวประกาศออกมาในตอนนั้น อย่าลืมสิว่าผีหมัวต่างหากที่เป็นผู้ทรยศอย่างแท้จริง สาเหตุที่เขาอ้างชื่อใต้เท้าซูเพื่อสร้างพันธมิตรเสวียนจวิน ก็เพราะมีเจตนาชั่วร้ายเช่นกัน ต้องการจะแย่งถ้ำเสวียนจวินจากมือของจักรพรรดินีชิงถัง!”
“ผีหมัวเป็นผู้ทรยศ แต่จักรพรรดินีชิงถังก็ใช่ว่าจะเป็นผู้รับเคราะห์! มิเช่นนั้น ใต้เท้าซูย้อนกลับมายังมหาแดนดินตั้งนานแล้ว เหตุใดนางจึงไม่เคยไปกราบคารวะเลยสักครั้ง? ในทางกลับกันนางยังหลบอยู่แต่ในถ้ำเสวียนจวิน เห็นได้ชัดเจนว่ามีปัญหา!”
…ในช่วงเวลาต่อมาการถกเถียงกันในลักษณะนี้ก็เกิดขึ้นไม่หยุด ทั้งยังทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
สำหรับชิงถังแล้ว คนส่วนใหญ่มองว่านางเป็นผู้ทรยศ
เพราะข้อสงสัยในตัวนางมีอยู่มากมาย อีกทั้งความจริงในหลาย ๆ เรื่องก็แสดงให้เห็นแล้วว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานางเคยทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องอยู่มากมายจริง ๆ
ทว่ายังมีคนอีกจำนวนมากที่เชื่อว่าจักรพรรดินีชิงถังไม่ได้ทรยศ ทุกอย่างยังคงต้องคอยดูกันไป
ทว่าทุกคนต่างก็เข้าใจตรงกันว่าหลังจากนี้สามเดือน ความจริงทุกอย่างจะปรากฏที่หน้าถ้ำเสวียนจวิน
…
แดนบูรพาน้อย
ใต้ต้นโพธิ์
หลวงจีนร่างผอมกะหร่องยังคงหลับตาวิปัสสนา กิ่งก้านและใบสีเขียวของต้นโพธิ์โน้มต่ำ อาบชโลมร่างของเขาด้วยกลิ่นอายของเทพศักดิ์สิทธิ์
“อาจารย์ ซูเสวียนจวินแสดงท่าทีออกมาแล้วขอรับ อีกสามเดือนให้หลังจะย้อนกลับไปยังถ้ำเสวียนจวิน”
ห่างออกไป จี้หยวนผู้สวมจีวรสีขาวสะอาดดั่งแสงจันทร์พนมมือขึ้น ก้มหน้าแสดงความเคารพ “ศิษย์ขอเรียนถามอาจารย์ ถึงเวลานั้นอาจารย์จะไปด้วยตนเองหรือไม่ขอรับ?”
“จี้หยวน เจ้าไม่มีความอดทนเสียแล้ว”
หลวงจีนร่างผอมกะหร่องส่งเสียงถอนใจเบา ๆ
จริงดังที่กล่าว เมื่อรู้ว่าซูเสวียนจวินจะกลับสู่ถ้ำเสวียนจวินอีกครั้งอีกสามเดือนให้หลัง ในใจของเขาก็ร้อนรนขึ้นมา เพราะต้องการจะทำตามแผนที่วางไว้ก่อนเวลา
“ซูเสวียนจวินร้ายกาจมาก”
หลวงจีนผอมกะหร่องลืมตาขึ้นช้า ๆ พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งของผู้ชรา “นับตั้งแต่ย้อนกลับมายังมหาแดนดิน เขาก็แสดงท่าทีแข็งกร้าวออกมาแล้ว แสดงออกมาตรง ๆ ไม่มีปิดบัง ประการที่หนึ่งเป็นเพราะนิสัยของเขาก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีใครเหมือน ประการที่สองเป็นเพราะมั่นใจในความสามารถของตัวเอง”
“ในฐานะที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขา เมื่อเผชิญหน้ากับซูเสวียนจวินที่มีความแข็งกร้าวถึงเพียงนี้ ภาวะจิตของตัวเองกลับเป็นฝ่ายได้รับผลกระทบก่อน คาดเดาไปต่าง ๆ นานา เปรียบดั่งนกกระเรียนส่งเสียงร้องท่ามกลางเสียงลม มองเห็นอะไรก็หวาดระแวง มีแต่ทำลายขวัญกำลังใจของตัวเอง”
“ผีหมัวก็เป็นเช่นนี้ คิดไปเองว่าวางแผนมาอย่างละเอียด วางค่ายกลอย่างแน่นหนา แต่ช่วงเวลาที่เขาเริ่มลงมือก่อน ก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบไปเสียแล้ว”
“เจ้าจงจำเอาไว้ เผชิญหน้ากับตัวตนอย่างซูเสวียนจวิน จะต้องมีความอดทน มิเช่นนั้น ยิ่งเจ้ากระทำไปมาก ก็ยิ่งแสดงว่าเจ้าไม่มั่นใจพอที่จะต่อสู้กับเขา เช่นนี้เท่ากับพ่ายแพ้ไปแล้วสามส่วน”
“หันกลับไปมองชิงถัง หนักแน่นดุจภูเขา ยืนหยัดไม่หวั่นไหว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยแสดงความคิดเห็นที่แท้จริงออกมา เช่นนี้จึงมีคุณสมบัติจะประลองกับซูเสวียนจวิน”
พูดถึงตรงนี้ หลวงจีนร่างผอมกะหร่องนิ่งเงียบไปชั่วครู่ จึงกล่าว “แน่นอน ซูเสวียนจวินจะต้องไม่ใช่คนอื่น”
“แน่นอน ไม่ว่าชิงถังมีท่าทีเช่นใด หลังจากนี้สามเดือน จะเผชิญหน้าซูเสวียนจวินเช่นใด ล้วนไม่มีความสำคัญต่อพวกเราทั้งสิ้น”
“ที่สำคัญก็คือ สามารถถือโอกาสนี้ตัดสินฐานะที่แท้จริงในชาตินี้ของซูเสวียนจวิน”
หลวงจีนร่างผอมกะหร่องพูดถึงตรงนี้แล้ว แววตาที่ขุ่นมัวเกิดประกายเย็นยะเยือกอย่างประหลาดขึ้นมา “และนี่ก็คือสิ่งที่ข้ารอคอยมาเป็นเวลานาน เมื่อถึงวันที่ความจริงทุกอย่างปรากฏ ก็คือเวลาที่พวกเราลงมือ”
จี้หยวนก้มหน้ากล่าว “ศิษย์น้อมรับคำสั่งสอน ขอบพระคุณอาจารย์ที่สอนสั่ง”
หลวงจีนร่างผอมกะหร่องกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เมื่อเจ้าเหมือนดังข้า ยินดีที่จะหลบฉากอยู่เบื้องหลังเป็นเวลายาวนาน เดินทางอยู่ในความมืดมิด เจ้าก็เข้าใจว่าเพราะเหตุใดพวกผู้เฒ่าในจักรวาลพร่างดาวเหล่านั้นจึงได้ยำเกรงข้า”
“และก็จะเข้าใจอย่างลึกซึ้งเช่นกัน ไม่ว่าคิดจะทำการอันใด หากต้องการให้สำเร็จสมปรารถนา จะต้องมีความอดทนที่คู่ควรกับการนั้น”
ฟังแล้ว จี้หยวนก็ยิ่งเงียบลง
จี้หยวนก้มหน้าไปนานมาก ราวกับกำลังรวบรวมความกล้า กล่าว “อาจารย์ ท่าน… เคยนึกถึงสถานการณ์ในยามที่พ่ายแพ้บ้างหรือไม่?”
หลวงจีนร่างผอมกะหร่อง บนใบหน้าที่มีแต่รอยเหี่ยวย่นผุดประกายประหลาดออกมา “เคย ไม่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
พูดจบ ริมฝีปากแห้งกรังของเขาเผยอขึ้น เอ่ยพูดวาจาเย้ยหยัน “นี่ก็คือความดื้อรั้น ต่อให้แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ ใจกว้างยิ่งกว่านี้ ก็ยังต้องได้รับผลกระทบจากความดื้อรั้นนี้ เปรียบดั่งความเจ็บแค้นที่สุมอก ก้างปลาที่ติดคอ ไม่ขจัดทิ้ง ยากนักจะสงบใจลงได้ หากไม่ขจัดออก ภาวะจิตยากจะมั่นคงได้”
จี้หยวนที่อยู่ห่างออกไปสะดุ้งขึ้นมา สีหน้าสับสนไม่นิ่ง
เขารู้เรื่องนี้
และยังเข้าใจดีด้วยว่า หลังจากที่เสียท่านักดาบคนนั้นแล้ว ภาวะจิตของอาจารย์ก็เกิดมารผจญ เป็นเหตุให้การฝึกตนในช่วงเวลาอันยาวนานเช่นนี้ได้รับผลกระทบ ไม่พัฒนาเลยแม้แต่น้อย!
ใต้ต้นโพธิ์ หลวงจีนผอมกะหร่องกล่าวขึ้นเบา ๆ “ตอนนี้ ข้าสงบนิ่งมานาน ในที่สุดก็รอจนพบกับแสงสว่างจนเจอแล้ว หลังจากนี้สามเดือน บางทีอาจจะสามารถขจัดความเจ็บแค้น ขจัดก้างปลา ทำให้จิตใจสงบลงได้”
พูดถึงท้ายสุด เขากล่าวขึ้นมาเบา ๆ ราวกับกำลังพูดกับตัวเอง “และตอนนี้ ข้าหวังเพียงแต่ว่าซูเสวียนจวินจะเป็นคนที่ข้าหวังจะได้พบเจอคนนั้น มิเช่นนั้น ข้าจะต้องเสียเวลาเพื่อค้นหาและรอคอยต่อไป…”
เพิ่งพูดถึงตรงนี้ จู่ ๆ จี้หยวนรู้สึกอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นจึงยื่นมือออกไปกลางอากาศและก็คว้ามา
ยันต์ลับลักษณะคล้ายดอกบัวดอกหนึ่งปรากฏขึ้น
สังเกตดูสักครู่ จี้หยวนก็กล่าวด้วยความตื่นตะลึง “อาจารย์ คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยมา บอกว่าต้องการจะพบท่านสักครั้ง”
หลวงจีนร่างผอมกะหร่องคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว จึงกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “นางมาครั้งนี้ คงต้องการยืมพลังข้าไปกำราบซูเสวียนจวินเป็นแน่ เจ้าจงไปพบนางด้วยตนเอง ให้นางกลับไปเสีย”
จี้หยวนพยักหน้า แล้วหมุนตัวออกไป
เพียงแค่ครู่เดียว จี้หยวนก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับถือกล่องหกใบหนึ่งมาด้วย เขาก้มหน้าแสดงความเคารพ “อาจารย์ คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยบอกว่า ขอเพียงท่านเปิดดูสิ่งของในกล่องหยกใบนี้ จะต้องให้นางเข้าพบเป็นแน่”
หลวงจีนร่างผอมกะหร่องนิ่งเงียบไป เขาดูเหมือนจะเอาออกแล้วว่าในกล่องหยกใบนั้นคือสิ่งใด
สักพักใหญ่ ๆ เขาจึงถอนใจออกมาเบา ๆ “ให้นางเข้ามาได้”
จี้หยวนถึงกับตะลึง
เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่าอาจารย์จำต้องเปลี่ยนใจเพราะวัตถุสิ่งหนึ่ง!
ดังที่รู้กันว่าในจักรวาลพร่างดาว แม้กระทั่งบรรพชนแห่งโรงวาดฤทัยก็ยังไม่อาจทำให้ความตั้งใจของอาจารย์เปลี่ยนแปลงไปได้
ที่แท้แล้ววัตถุในกล่องหยกใบนี้คือสิ่งใดกันแน่?
เพราะเหตุใดอาจารย์จึงได้เปลี่ยนความตั้งใจ?
“ไม่จำเป็นต้องคิดมาก เมื่อนานมาแล้ว ข้าติดค้างน้ำใจวงศ์ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังนางเท่านั้น รีบไปบอกนางเถอะ”
จี้หยวนสะดุ้งในใจ หมุนตัวออกไปไม่รอช้าอีก
คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยผู้สวมชุดกระโปรงสีพื้น ท่าทางราบเรียบประดุจน้ำก็เดินตามจี้หยวนเข้ามาอย่างรวดเร็ว
แวบแรกที่เห็นหลวงจีนร่างผอมกะหร่อง คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยผู้ลึกลับนางนี้ก็ยิ้มน้อยพลางกล่าวคารวะ “ผู้น้อยลั่วซีคารวะใต้เท้าช่างเสื้อ”
…
ณ ถ้ำเสวียนจวิน ในหอแห่งหนึ่งที่สร้างขึ้นบนริมหน้าผายอดภูเขา
“สหายเต๋าชิงถัง สามเดือนข้างหน้า ซูเสวียนจวินจะมาถ้ำเสวียนจวิน ไม่ทราบว่าเจ้ามีแผนรับมืออย่างไร?”
ซ่างเทียนฉีเอ่ยพูดน้ำเสียงเคร่งขรึม ถึงแม้ศิษย์ของตำหนักสุริยันแห่งลัทธิทางช้างเผือกคนนี้จะมีหน้าตาราบเรียบ ทว่าแววตาของเขากลับแฝงความกังวลที่ไม่อาจขจัดออกไปได้ไว้
“เดิมทีถ้ำเสวียนจวินก็เป็นของอาจารย์ข้าอยู่แล้ว ตอนนี้อาจารย์กลับมาแล้ว ก็ต้องมาจัดการกับเรื่องราวในสำนักเป็นธรรมดา จำเป็นต้องให้ข้ารับมือด้วยหรือ?”
ริมรั้วของตัวหอ ร่างสูงโปร่งของชิงถังยืนอยู่ตรงนั้น ชุดกระโปรงสีดำทั้งตัวโบกสะบัดไปตามสายลม งดงามประดุจเซียน
ขณะที่พูด นางหมุนตัวกลับมา ดวงตาใสสะอาดคู่นั้นมองไปที่ซ่างเทียนฉี “ข้าเสียอีกที่อยากจะถาม เหตุใดจนถึงบัดนี้อวตารของชาวประมงเฒ่าก็ยังไม่กลับมาจากภูมิมืดมิด หรือว่า…จะเกิดเหตุอันใดขึ้นจริง ๆ?”
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา ดวงตาของซ่างเทียนฉีหรี่เล็กลง
………………..