บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1125: รู้สึกละอายใจ
ตอนที่ 1125: รู้สึกละอายใจ
………………..
ตอนที่ 1125: รู้สึกละอายใจ
ท้องนภาสงบเงียบ ฟ้าดินปราศจากเสียง
ภายใต้การจับจ้องของสายตาจำนวนนับไม่ถ้วน ร่างของคนกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าอันไกลโพ้น
ผู้ที่นำขบวน ชุดสีเขียวของเขาโบกสะบัด มือไพล่หลัง ก้าวเดินกลางอากาศราวกับเดินเล่นสบายใจ โดดเด่นเกินกว่าใคร
ทุกคนในเหตุการณ์ระส่ำระสาย สีหน้าของคนทั้งหลายดูตื่นเต้น ตื่นตะลึง และเคารพยำเกรง
ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน!
ในที่สุดตัวตนในตำนานท่านนั้นก็กลับมา!
เหล่าตัวตนบรรพกาลเหล่านั้นก็ใจเต้นรุนแรงเช่นกัน
ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินในตอนนี้ ท่าทางอายุน้อย ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะมีระดับวิถีลึกล้ำ แต่เป็นเพราะเขามีอายุเพียงแค่ยี่สิบกว่า ๆ เท่านั้น อยู่ในวัยฉกาจฉกรรจ์อย่างแท้จริง
ทุกคนสังเกตเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่ติดตามอยู่ข้างหลังปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินอย่างรวดเร็ว
และยังมีจักรพรรดิมารสวรรค์
ในการต่อสู้บนภูเขาศักดิ์เทวยุทธ์เมื่อครั้งก่อน พวกเขาก็เคยปรากฏตัวเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นพวกเขาติดตามปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินมาด้วยในครั้งนี้ ทุกคนจึงไม่รู้สึกประหลาดใจ
ทว่าคนที่ทำให้ประหลาดใจกับเป็นอีกคน
นางสวมชุดกระโปรงสีแดงแรงร้อนราวกับเพลิงไฟ ผิวขาวยิ่งกว่าหิมะ งดงามเป็นที่ตะลึงในใต้หล้า สง่าราวกับเทพเซียน ติดตามอยู่ข้างกายปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน เป็นที่สะดุดตายิ่งนัก
“จักรพรรดิมารสวรรค์!”
ตัวประหลาดคนหนึ่งร้องตะโกน ทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบ
ฉับพลัน เสียงร้องโหวกเหวกก็ดังไปทั่ว
อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไปเลย แม้กระทั่งเหล่าตัวตนบรรพกาลส่วนใหญ่ในเหตุการณ์ก็ยังแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา
ทั่วแผ่นดินมหาแดนดินในตอนนี้ ใครบ้างไม่รู้จักความน่ากลัวของบรรพชนแห่งสำนักแดนอสูรปรีดีคนนี้?
“เหตุใดนางนางผู้นี้จึงเดินทางมาพร้อมกับปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินได้ ในอดีตที่ผ่านมา นางเคยพ่ายแพ้ต่อปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินมาหลายครั้ง ไม่ถูกกันดั่งน้ำกับไฟ”
บรรยากาศที่แตกตื่นเช่นนั้นยิ่งทำให้จักรพรรดิมารสวรรค์แลดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
ทว่า นางไม่ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้แม้แต่น้อย สายตาใสสว่างมีแต่ความราบเรียบ ท่าทีหยิ่งผยอง มองดูสรรพสิ่งทั้งหลายราวกับไร้ตัวตน
มีเพียงบางครั้งเวลาที่มองดูซูอี้จึงแสดงสายตาอ่อนโยนออกมา
สำหรับซูอี้แล้ว เขาเคยชินกับการออกงานใหญ่ จึงไม่ใส่ใจกับสายตาจำนวนนับไม่ถ้วนที่จ้องมองมา
“ถ้ำเสวียนจวินยังคงเหมือนแต่ก่อน ไม่เคยเปลี่ยน…”
ซูอี้เบนสายตามองดูกลุ่มเทือกเขางดงามมีชีวิตชีวาที่อยู่ห่างไกลออกไป เมื่อครั้งอดีต ที่นั่นมีความทรงจำมากมายที่เขาไม่อาจลบเลือนไปได้
กลับชาติมาเกิดใหม่ในครั้งนี้ ได้ย้อนกลับมายังถ้ำเสวียนจวินอีกครั้ง ซูอี้รู้สึกราวกับลูกน้อยที่รอนแรมอยู่ข้างนอกเป็นเวลานานได้กลับบ้านอีกครั้ง
“น้องซู เจ้านับวันก็ยิ่งอายุน้อยลงจริง ๆ”
ห่างออกไป ปรมาจารย์เผิงส่งเสียงหัวเราะดังกังวานพลางก้าวเดินขึ้นสู่กลางอากาศไปต้อนรับ
เขามีใบหน้ายิ้มแย้ม สวมชุดเต๋าเก่า ๆ สะอาดเรียบร้อย ดูแล้วปกติธรรมดา ทว่าความจริงแล้วหากมองดูคนอื่น ๆ ในที่นั้น เขาอายุมากที่สุดและอาวุโสที่สุด
“เหตุใดครั้งนี้ผู้เฒ่าผู้แก่อย่างเจ้าก็ยังปรากฏตัวได้? ข้าคิดว่าผู้เฒ่าผู้แก่อย่างเจ้าจะคอยมองดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ เหมือนเมื่อครั้งก่อน ไม่กล้าโผล่หน้าออกมาในเวลาเช่นนี้”
ซูอี้เอ่ยขึ้น
พอกล่าวเช่นนี้ออกมา พวกเหล่าตัวตนบรรพกาลที่ก่อนหน้านี้เอาแต่หลบลี้หนีหน้าพากันกระอักกระอ่วน เพราะฟังน้ำเสียงประชดประชันของซูอี้ออก
ทว่าปรมาจารย์เผิงกลับไม่สนใจ หัวเราะเสียงดังพลางกล่าว “เจ้า ซูเสวียนจวินยังมีนิสัยแย่ ๆ เช่นนี้เหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนเลย”
“เหล่าตัวตนบรรพกาลซู พวกเราไม่ได้มาเพื่อดูเรื่องสนุกหรอก”
ห่างออกไป ผู้เฒ่าชุดสีดำผิวขาวซีดร่างผอมสูงส่งเสียงแหบแห้งออกมา “ผลการต่อสู้ของเจ้าในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับทิศทางแนวโน้มของมหาแดนดิน”
บรรพชนมารเยว่อิ๋น!
เหล่าตัวตนบรรพกาลคนหนึ่งจาก ‘ศาลาเมฆาเซียน’ สำนักปีศาจอันดับหนึ่งของมหาแดนดิน
“หากว่าเจ้าชนะ ทั่วทั้งแดนเทวามหาแดนดินแห่งนี้ก็จะเคารพเจ้าเหมือนดังเดิม แต่หากว่าเจ้าแพ้… มันย่อมมีผลกระทบต่อมหาแดนดินอย่างใหญ่หลวง”
ซูอี้หัวเราะขึ้นมา กล่าว “ข้าคิดว่ามารเฒ่าเช่นเจ้ามาเพื่อช่วยข้าเสียอีก ที่แท้ก็มาเพื่อจะดูว่าข้าซูเสวียนจวินจะสามารถกลับมาปกครองถ้ำเสวียนจวินได้หรือไม่”
บรรพชนมารเยว่อิ๋นตอบด้วยความน้ำเสียงดุดัน “ต่อให้ข้าอยากจะช่วย เจ้ายอมให้ช่วยเช่นนั้นหรือ?”
“ก็จริงอย่างว่า” ซูอี้พยักหน้าน้อย ๆ
เขารู้จักปรมาจารย์เผิงกับบรรพชนมารเยว่อิ๋นมานาน ถึงแม้จะไม่สนิทมากนัก แต่ก็ถือได้ว่าเป็นคนในวิถีเดียวกัน
“เหล่าตัวตนบรรพกาลซู เจ้าต้องระวังตัวหน่อย ลัทธิทางช้างเผือกคอยหนุนหลังศิษย์คนเล็กของเจ้าอยู่ จะประมาทไม่ได้”
เสียงดังทุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้น
ห่างออกไป ชายวัยกลางคนในชุดสีหยกมองมา
เขารัดผมด้วยเกล้าหยก มือถือหยกหรูอี้ สง่างามยิ่งนัก
แต่เมื่อเขาเอ่ยวาจา คนจำนวนไม่น้อยถึงกันตื่นตะลึง
องค์วิญญาณหมอกดำ!
“ลัทธิทางช้างเผือก?”
ซูอี้ส่ายหน้า “ไม่จำเป็นต้องกังวล”
องค์วิญญาณหมอกดำนวดขมับ ยิ้มถอนใจพลางกล่าว “คิดไว้แล้วว่าเจ้าเหล่าตัวตนบรรพกาลซูจะต้องไม่ฟังคำเตือน หากว่าเจ้าเกิดพ่ายแพ้ต่อศิษย์คนเล็กคนนั้นของเจ้าขึ้นมา ไม่เพียงแค่อับอายขายหน้าเท่านั้น ทั้งยังอาจจะ…”
เพิ่งพูดถึงตรงนี้ เสียงเสนาะหูราวกับเสียงสวรรค์พลันดังก้องขึ้น
“เหตุใดพวกผู้อาวุโสอย่างพวกเจ้าคิดจึงว่าอาจารย์ของข้าจะต่อสู้กับข้า?”
ประโยคเดียวเผยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ออกมา กลบเสียงทุกเสียงให้เงียบลง บรรยากาศทั่วทุกหนแห่งกดดันไร้เสียงในทันที
ทุกคนต่างก็สะดุ้ง สีหน้าเปลี่ยนไป แหงนหน้ามองอย่างพร้อมเพรียงกัน
ที่หน้าประตูถ้ำเสวียนจวิน ร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งเดินออกมา
นางรวบผมขึ้นสูง อกผายไหล่ผึ่ง เอวคอดกิ่ว สวมชุดกระโปรงสีดำทั้งตัว แม้จะไร้เครื่องประดับตกแต่ง ทว่าสวยจนหัวใจสะท้าน
แสงอรุณทอประกาย เมฆหมอกลอยละล่อง
แม้กระทั่งตัวประหลาดเฒ่าเหล่านั้นก็ยังรู้สึกอึดอัด
จักรพรรดินีชิงถัง!
เมื่อห้าร้อยปีก่อน หลังจากที่ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินกลับชาติสู่วัฏสงสาร ชิงถังปกครองถ้ำเสวียนจวิน เป็นใหญ่เพียงผู้เดียวในใต้หล้า! จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยมีใครสั่นคลอนเก้าอี้ของนางได้!
ร่างของนางลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า หลังจากกวาดตามองดูโดยรอบแล้ว จึงเบนสายตามองไปที่ซูอี้ที่อยู่ห่างออกไป
ชั่วขณะนี้ เมื่อศิษย์อาจารย์สองคนสบตากันจากระยะไกล ฟ้าดินพลันเงียบกริบ จิตใจของทุกคนเกร็งขึง
ช่วงเวลาเมื่อก่อนหน้านี้ ใต้หล้าพากันคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา เมื่อปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินผู้กลับชาติเกิดใหม่กลับมายังถ้ำเสวียนจวินอีกครั้ง จักรพรรดินีชิงถังจะวางตัวเช่นใดและจะแสดงท่าทีอันใดออกมา
บางคนพูดเป็นตุเป็นตะ มั่นใจว่าเมื่อศิษย์อาจารย์คู่นี้เจอหน้ากัน จะต้องกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่มีอิทธิพลต่อแนวโน้มของแผ่นดินมหาแดนดินอย่างแน่นอน!
บางคนสันนิษฐานว่าระหว่างศิษย์กับอาจารย์คู่นี้จะต้องเกิดการต่อสู้กันในที่สุด
ทว่าตอนนี้ ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินกับจักรพรรดินีชิงถังได้พบกันแล้ว ทุกคน ๆ ต่างก็กลั้นหายใจจับตามองด้วยความตื่นตระหนก
ภายใต้การจับตามองของคนมากมายเช่นนี้ จู่ ๆ ชิงถังก็สูดหายใจลึก ๆ ทีหนึ่งพลันกล่าว “ศิษย์ชิงถัง กราบคารวะอาจารย์!”
เมื่อเสียงดังขึ้น นางก้มหน้าลง โค้งตัวแสดงความเคารพ
ปลายหางตาเชิดสวยคู่นั้นเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรง
ทุกคนระส่ำระสายราวกับไม่อยากจะเชื่อ ไม่คิดเลยว่าชิงถังผู้ที่ใคร ๆ ต่างก็มองว่าเป็นผู้ทรยศถ้ำเสวียนจวินคนนี้ เหตุใดจึงแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมาได้?
สายตาของซูอี้เปลี่ยนไป เกิดความสับสนขึ้นมา
ในความทรงจำของเขาการน้อมคารวะของชิงถังในเวลานี้เหมือนกับการคารวะของศิษย์คนเล็กที่ตัวเองรักเอ็นดูเป็นที่สุด หาจุดแตกต่างไม่ได้แม้แต่น้อย
เพียงแต่ว่า วันเวลาผ่านไป ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ห้าร้อยปีที่ผ่านเกิดเรื่องขึ้นมากมาย จนเป็นเหตุใดเมื่อได้พบเจอกับชิงถังอีกครั้งในเวลานี้ ยากนักที่ซูอี้จะดีใจขึ้นมาได้
บรรพชนมารเยว่อิ๋นสบถเสียงร้องฮึขึ้นมา “ในช่วงเวลาที่ผ่านมา นางได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์ของตัวเอง ได้รับการถ่ายทอดวิชาอันสูงส่งจนมีความสำเร็จด้านมหาวิถีได้ดังทุกวันนี้ และตอนนี้ นางน้อมต้อนรับการมาของอาจารย์ตัวเองในฐานะของลูกศิษย์ มีตรงไหนที่ไม่ถูกต้องเช่นนั้นหรือ?”
ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบ สีหน้าแตกต่างกันไป
คำกล่าวของบรรพชนมารเยว่อิ๋นนั้นไม่ผิด ทว่าทั่วผืนแผ่นดินในตอนนี้ มีใครบ้างไม่รู้ว่าจักรพรรดินีชิงถังแตกต่างไปจากเดิมตั้งนานแล้ว?
หลังจากที่ชิงถังแสดงความเคารพก็ลุกขึ้นยืดตัวตรง ริมฝีปากสีชมพูดเผยอขึ้นน้อย ๆ เสียงใสประดุจหยดน้ำค้างดังขึ้น “ผู้อาวุโสบรรพชนมารเยว่อิ๋นกล่าวได้ถูกต้อง ข้าชิงถังเดิมทีก็เป็นศิษย์คนที่เก้าของสำนัก และตอนนี้อาจารย์กลับมาแล้ว ในฐานะที่ข้าเป็นลูกศิษย์ ไม่ได้ออกไปต้อนรับแต่เนิ่น ๆ ผิดมารยาทยิ่ง”
ทุกคนต่างก็สงสัย เพราะไม่เข้าใจความคิดของนางเลยสักนิด
เพราะว่าท่าทีที่นางแสดงออกมานั้นเปิดเผยและราบเรียบจนเกินไป แม้กระทั่งเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินผู้เป็นอาจารย์ของตัวเอง ทุกกิริยาวาจาล้วนไม่มีที่ติ
“เจ้าเข้าใจนิสัยของข้าดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราสองคนศิษย์อาจารย์ได้พบหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องพูดพล่ามอีก”
ซูอี้เอ่ยพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ ไร้ความรู้สึก “ข้าเพียงแค่ต้องการจะถามเจ้าประโยคเดียวเท่านั้น เคยรู้สึกละอายใจบ้างหรือไม่?”
ป่าเขาลำเนาไพรเงียบสงัด ทุกสิ่งปราศจากเสียง สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ชิงถังอย่างพร้อมเพรียง
เหล่าตัวตนบรรพกาลจับความรู้สึกได้อย่างแม่นยำ คำกล่าวของซูอี้เช่นนี้มีความหมายที่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
ชิงถังนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ใบหน้างดงามสดใสสับสน
สักพักใหญ่ นางก็พยักหน้าน้อย ๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงอาการโศกเศร้าอย่างปกปิดไม่อยู่ “ศิษย์รู้สึกละอายแก่ใจตลอดมา!”
ทุกคนพากันตะลึง คำกล่าวนี้ หมายความว่าจักรพรรดินีชิงถังยอมรับแล้วใช่หรือไม่ว่าเคยกระทำความผิดต่ออาจารย์ตัวเองจริง!?
สีหน้าของพวกจิ่นขุยกับหวังเชวี่ยหมองคล้ำลง
ก่อนหน้านี้ พวกเขายังแอบตั้งความหวังไว้ในใจ พวกเขาคิดว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้ชิงถังจะประพฤติตัวเลยเถิดไปมากมาย แต่ก็ยังไม่ถึงกับเป็นการหลอกลวงอาจารย์ล้างผลาญบรรพชน ยิ่งกว่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับการทรยศด้วย
ด้วยเหตุนี้จึงตั้งความหวังเอาไว้อย่างสูงว่าชิงถังอย่าได้เป็นคนทรยศอย่างผีหมัวเช่นนั้นเลย
เพราะอย่างไรเสียก็ดี พวกเขาเคยเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน เคยฝึกตนร่วมกันมานาน การทรยศของผีหมัวสร้างความสะเทือนใจแก่พวกเขาอย่างมากแล้ว ไหนเลยจะอยากเห็นชิงถังทรยศอีก?
ทว่าตอนนี้ เมื่อชิงถังกล่าวออกมาว่า ‘รู้สึกละอายแก่ใจ’ จิตใจของพวกจิ่นขุยจึงดำดิ่งลงสู่เหวลึก
เหล่าตัวตนบรรพกาลทั้งหลายอย่างปรมาจารย์เผิง บรรพชนมารเยว่อิ๋น กับองค์วิญญาณหมอกดำ ต่างก็ตื่นตะลึง
รู้สึกละอายแก่ใจ?
สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว!
ซูอี้ขมวดหัวคิ้วน้อย ๆ ยากจะสังเกตเห็น กวาดสายตามองดูรอบ ๆ แล้วจึงกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “ข้าเคยให้โอกาสผีหมัวได้อธิบาย เจ้าก็เช่นเดียวกัน ตอนนี้ เจ้าอยากจะอธิบายก่อน หรือว่าอยากจะขัดขวางการกลับสู่ถ้ำเสวียนจวินของข้าในทันที?”