บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1127: ชักดาบสู้
ตอนที่ 1127: ชักดาบสู้
………………..
ตอนที่ 1127: ชักดาบสู้
เสียงของซ่างเทียนฉีราบเรียบและเย็นชา ดังกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน สร้างความตื่นตะลึงให้กับคนทั้งหลาย
ทุกคนต่างก็ตื่นตระหนก ความหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้า
ลัทธิทางช้างเผือก!
ขุมกำลังยักษ์ใหญ่จากห้วงลึกของจักรวาลพร่างดาว!
สำหรับผู้ฝึกตนในใต้หล้ามหาแดนดินแล้ว ห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวเปรียบดังคำเล่าขาน เต็มไปด้วยสิ่งต้องห้ามและความไม่รู้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เมื่อขุมกำลังที่มาจากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวแสดงตัวในมหาแดนดิน ใครบ้างจะไม่รู้สึกหวาดกลัว?
เมื่อเทียบกันแล้ว เหล่าตัวตนบรรพกาลเหล่านั้นสงบใจลงไม่น้อย
เมื่อก่อนนานมากแล้ว พวกเขาได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับลัทธิทางช้างเผือก หอเก้าสวรรค์ กับโรงวาดฤทัยมาบ้างพอสมควร ด้วยเหตุนี้การปรากฏตัวของพวกซ่างเทียนฉีจึงไม่ได้สร้างความตระหนกมากนัก เพราะอยู่ในความคาดหมายของพวกเขาก่อนหน้าแล้ว
ทว่าไม่มีใครกล้าประมาท
ในทางกลับกันพวกของจิ่นขุยกับหวังเชวี่ยกลับสงบนิ่งที่สุด
พวกเขาเคยเห็นอาจารย์ถล่มภูเขาศักดิ์เทวยุทธ์ รู้ว่าอาจารย์เคยสังหารตัวตนของโรงวาดฤทัยมาไม่รู้เท่าใด แม้กระทั่งคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยผู้ลึกลับคนนั้นก็ยังต้องร่นหนีด้วยความตื่นตระหนก
และเมื่อไม่นานมานี้ อาจารย์บุกไปถึงสำนักแดนอสูรปรีดี สังหารผู้แข็งแกร่งทั้งหลายอย่างจ้าวเรือนจำที่หกของหอเก้าสวรรค์ตายจนไม่เหลือ!
ฉินเฟิงจากลัทธิทางช้างเผือกก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาล้วนถูกอาจารย์สังหารมาหมดแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะหวาดกลัวเหมือนกับคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์
ซูอี้เองยิ่งไม่ใส่ใจคนเหล่านี้
“ข้าจะใช่ผู้ทรยศหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับลัทธิทางช้างเผือกของพวกเจ้าด้วย?”
ชิงถังกวาดตามองซ่างเทียนฉีด้วยสายตาราบเรียบ
ซ่างเทียนฉีกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “สหายเต๋าชิงถัง ตอนนี้พวกเรายืนอยู่ในเรือลำเดียวกัน สำหรับการรับมือซูเสวียนจวิน ลัทธิทางช้างเผือกของข้าไม่มีทางนิ่งดูดายเป็นแน่”
นิ่งเงียบไปสักครู่ เขาเบนสายตาราบเรียบมองไปที่ชิงถัง กล่าว “เจ้ามาจากห้วงลึกของจักรวาลพร่างดาว หลอกลวงซูเสวียนจวินมานานหลายปี ลำพังเพียงแค่จุดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับการอภัยจากเขา!”
ทุกคนในเหตุการณ์ต่างก็ร้องอุทาน
“จักรพรรดินีชิงถัง…. มาจากห้วงลึกของจักรวาลพร่างดาว!?”
“สวรรค์! หากว่าเป็นเช่นนี้ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา นางพรางตัวอยู่ข้างกายซูเสวียนจวินก็เพราะมีจุดประสงค์อื่นอย่างนั้นหรือ?”
“มิน่าเล่า นางจึงได้สมรู้ร่วมคิดกับลัทธิทางช้างเผือก ที่แท้นางก็ไม่ใช่ผู้ฝึกตนของมหาแดนดินนั่นเอง!”
…ทุกคนในเหตุการณ์แตกตื่น เสียงร้องดังระงม
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก เมื่อก่อนหน้านี้ ใครบ้างที่รู้ว่าจักรพรรดินีชิงถังผู้เคยเป็นใหญ่แห่งมหาแดนดินในช่วงเวลาห้าร้อยปีที่ผ่านมาจะเป็นคนที่มาจากห้วงลึกของจักรวาลพร่างดาว?
เหล่าตัวตนบรรพกาลอย่างปรมาจารย์เผิงกับบรรพชนมารเยว่อิ๋นต่างก็ตกใจระคนสับสน
พวกเขาพากันเบนสายตามองไปที่ซูอี้โดยสัญชาตญาณ แต่กลับเห็นซูอี้ยังคงมีสีหน้าราบเรียบดุจเดิม ไม่มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
เช่นนี้ เหล่าตัวตนบรรพกาลเหล่านั้นจึงเข้าใจได้ว่า ซูเสวียนจวินอาจจะรู้ว่าที่มาของชิงถังมีปัญหาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว!
ผิดความคาดหมายของพวกเขา หลังจากที่ถูกเปิดเผยที่มา ชิงถังยังคงทำตัวตามสบายเหมือนก่อนหน้านี้ ไม่ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้เลย
ดวงตางดงามของนางหันไปมองที่ซ่างเทียนฉี กล่าวด้วยน้ำเสียงสงสารเห็นใจ “ดูท่าแล้ว เจ้าคงจะกลัวแล้วจริง ๆ กลัวว่าข้าจะร่วมมือกับอาจารย์ ดังนั้นจึงทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายเขา”
ซ่างเทียนฉีกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่น “สหายเต๋าชิงถัง จนถึงเวลานี้แล้ว เจ้ายังจะเรียกซูเสวียนจวินว่าอาจารย์อีก ไม่รู้สึกว่าเสื่อมเสียศักดิ์ศรีบ้างหรือ?ไม่กลัวว่าจะถูกคนมหาแดนดินในที่นี้หัวเราะเยาะหรอกหรือ?”
ชิงถังหัวเราะ “หากว่าชาวประมงเฒ่า บรรพชนของพวกเจ้าอยู่ตรงนี้ เขาจะไม่มีทางทำเหมือนเจ้า โง่เขลาจนถึงขั้นทำลายความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับอาจารย์”
นางราวกับคร้านจะพูดอธิบายอีก จากนั้นจึงเบนสายตากลับไปมองซูอี้ที่อยู่ห่างออกไปอีกครั้ง และกล่าวเบา ๆ
“อาจารย์ อันดับถัดมา คือสิ่งน่ายินดีที่ศิษย์ให้ท่านเป็นชุดที่สี่ เมื่อท่านเห็นแล้ว ศิษย์เชื่อว่า ท่านจะต้องมองข้าเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน”
เสียงเสนาะหูดังเสียงสวรรค์ยังคงดังกึกก้อง ชิงถังหมุนตัวก้าวเดินไปหาพวกซ่างเทียนฉี
ทุกคนต่างก็ตะลึง
จักรพรรดินีชิงถังจะทำอะไร?
ซ่างเทียนฉีกับคนอื่น ๆ สีหน้าเปลี่ยน เข้าใจบางอย่างขึ้นมาได้
ผู้ชายชุดดำทนไม่ไหวแผดเสียงร้องคำรามออกมา “ชิงถัง หรือว่าเจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับลัทธิทางช้างเผือกของพวกเรา!?”
ดวงตาของชิงถังใสสว่างดุจน้ำ อานุภาพน่าเกรงขามแผ่กระจายออกมาจากรอบตัว
ขณะที่พูด นางเบนสายตามองไปที่ซ่างเทียนฉี กล่าวจริงจัง “ข้าอดทนต่อพวกเจ้ามานานแล้วจริง ๆ!”
ชุดที่นางใส่พลิ้วไปตามสายลม ขณะกวาดมือออกไปในอากาศ
ครืน!
ฟ้าดินในแถบนี้มืดครึ้มลงในทันใด ภูเขาลำเนาไพรสั่นสะท้าน
พลังดาบเล่มหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์ ราวกับสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ร่วงหล่นสู่โลกมนุษย์ บดขยี้เมฆบนฟ้า ทะลุผ่านนภากว้าง
ภาวะดาบอันน่ากลัวสร้างความกดดันและทำให้รู้สึกหัวใจสั่นสะท้านนั้นแผ่กระจายไปทั่วฟ้าดิน ผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก
ในสายตาเหล่าตัวตนบรรพกาลเหล่านั้น ดาบเดียวที่ดูเหมือนเบาบางของชิงถังนี้ กลับคล้ายสายรุ้งดาราเก้าสวรรค์ร่วงหล่นสู่โลกมนุษย์ ซึ่งเต็มไปด้วยอานุภาพภาวะดาบที่ถือได้ว่าสุดยอด
พลังวิถีดาบเช่นนั้นทำให้เหล่าตัวตนบรรพกาลอย่างปรมาจารย์เผิงกับบรรพชนมารเยว่อิ๋นยังต้องหรี่ตาลง ใจสั่นระรัว
“ให้ตายสิ!”
ซ่างเทียนฉีแผดเสียงร้องด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาไม่ชักช้ารีรออีกต่อไป และรับมืออย่างเต็มกำลัง
ปัง!!!
เสียงปะทะดังก้องฟ้าดินดังขึ้น
พลังดาบแผ่กระจายไปทั่ว ผืนดินแตกร้าวเกิดรอยแยกนับไม่ถ้วน เพลิงไฟร้อนแรงปะทุ ภูเขาลำเนาไพรสั่นสะเทือนอย่างแรง
ร่างของซ่างเทียนฉีโดนกระแทกออกไปอย่างแรง!
ผู้แข็งแกร่งลัทธิทางช้างเผือกที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาล้วนถูกซัดกระเด็นออกไปกองระเนระนาดเช่นกัน พลางส่งเสียงร้องคร่ำครวญน่าสงสาร
เพียงแค่ดาบเดียว ซัดคนของลัทธิทางช้างเผือกจนกระเด็น!
ภาพน่ากลัวและรุนแรงเช่นนั้นสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนทั้งหลาย ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าใดถึงกับอ้าปากตาค้างพูดไม่ออก
เหล่าตัวตนบรรพกาลที่อยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้นต่างตกใจจนเหงื่อท่วมตัว สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป
ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้บ่มเพาะภายใต้การนำของซ่างเทียนฉีกลับถูกฟันจนยับไม่เป็นท่าในดาบเดียว!
“ชิงถัง เจ้า… แข็งแกร่งได้จนถึงขั้นนี้แล้วหรือ?”
หวังเชวี่ยตื่นตะลึง
พวกจิ่นขุยกับเย่ลั่วก็สีหน้าเปลี่ยนเช่นกัน จิตใจพลันปั่นป่วนระคนสับสน
ใคร ๆ ก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของชิงถัง มิเช่นนั้นในช่วงเวลาห้าร้อยปีที่ผ่านมา นางจะปกครองถ้ำเสวียนจวินและเป็นใหญ่ในใต้หล้าแต่เพียงผู้เดียวได้เช่นใด
เพียงแต่ ไม่มีใครคาดคิดว่า ชิงถังจะแข็งแกร่งได้จนถึงขั้นนี้ ผู้แข็งแกร่งของลัทธิทางช้างเผือกที่แม้กระทั่งเหล่าตัวตนบรรพกาลก็ยังรู้สึกหวาดกลัวกลับไม่เป็นท่าเมื่ออยู่ต่อหน้าชิงถัง!
ซูอี้ถึงกับนิ่งตะลึง แววตาสับสน สายตาคลุมเครือขึ้นมาน้อย ๆ
ดาบที่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์มหาวิถีของชิงถังดาบนี้ไม่ใช่ดาบของแผ่นดินมหาแดนดิน!
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ซูอี้จำภาวะดาบอันมีเอกลักษณ์ที่ซ่อนเร้นอยู่ในดาบเล่มนี้!
ยังไม่ทันได้สติกลับมา ชิงถันก็ลงมือฟันพวกของซ่างเทียนฉีอีกครั้ง
ชุดกระโปรงสีดำของนางโบกสะบัด เวลาที่เดิน ภาวะดาบล้อมรอบไปทั่วร่าง ราวกับคลื่นที่กำลังถาโถม อานุภาพในตัวยิ่งใหญ่ทะลุฟ้า กดดันภูเขาลำเนาไพรในแถบนี้
ใต้ฝ่าเท้าของนาง ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างแรงราวกับยอมจำนน
ถึงแม้ไม่ได้ใช้สมบัติล้ำค่าอันใด เพียงแค่นางลงมือ พลังดาบร้ายกาจอันน่าตื่นตะลึงก็หล่นร่วงลงมายังโลกมนุษย์เล่มแล้วเล่มเล่า อานุภาพน่ากลัวไร้พรมแดน
พวกซ่างเทียนฉีไหนเลยจะคาดคิดว่าจู่ ๆ ชิงถังผู้ที่อยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขามาตลอดในช่วงเวลาที่ผ่านมาจะลงมือกับพวกเขาอย่างกะทันหันอย่างนี้?
อีกทั้ง ความสามารถที่ชิงถังแสดงออกมายังเกินกว่าความคาดเดาของพวกเขามากอีกด้วย!
ทว่า พวกเขาไม่นั่งรอความตายอย่างแน่นอน ต่างก็หยิบเอาสมบัติล้ำค่าของตัวเองออกมาสู้ ร่วมมือกับซ่างเทียนฉีรับมืออย่างเต็มที่
ครืน!
และศึกใหญ่ก็ระเบิดขึ้นที่หน้าประตูสำนักถ้ำเสวียนจวิน
ทว่า ศึกใหญ่ในครั้งนี้ไม่มีอะไรต้องคาดเดา
เพราะว่านับตั้งแต่แรก จักรพรรดินีชิงถังก็แสดงความสามารถในการบดขยี้อย่างล้ำเลิศออกมาแล้ว
เพียงแค่ดีดนิ้วหกครั้ง ซ่างเทียนฉีก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่างทั้งร่างทรุดกับพื้น เลือดอาบทั่วร่าง เวลานี้เขาดูน่าสมเพชยิ่งนัก
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ถึงกับตื่นตระหนก ตัวสั่นสะท้าน
ชิงถังแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ไม่ว่ารุกหรือรับล้วนไม่มีใครสู้ได้!
ปรมาจารย์เผิงกับบรรพชนมารเยว่อิ๋นต่างก็มองหน้ากัน จิตใจได้รับความกระทบกระเทือน
“ตัวตนบรรพกาลซูแข็งแกร่งจนทำให้ใครต่อใครต้องสิ้นหวังแล้ว ตอนนี้ แม้กระทั่งศิษย์คนเล็กของเขาก็ยังน่ากลัวถึงเพียงนี้ การอยู่ในยุคเดียวกับพวกเขา ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและกดดันเหลือเกิน…”
ผู้เฒ่าบางคนร่ำร้อง
“ชิงถังมาจากห้วงลึกของจักรวาลพร่างดาว เป็นธรรมดาที่ไม่ใช่ตัวตนทั่วไป อย่าลืมสิ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา นางปิดบังต่อซูเสวียนจวินและพรางตัวเข้าไปฝึกตนอยู่ในถ้ำเสวียนจวินได้จนถึงทุกวันนี้! หากว่านางเป็นคนธรรมดาทั่วไป เป็นไปได้หรือที่จะทำได้ถึงขั้นนี้?”
“จริงด้วย แม้กระทั่งปรมาจารย์เสวียนจวินก็ยังดูเงื่อนงำในตัวชิงถังไม่ออก เห็นได้ว่าฐานะกับระดับวิถีของผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน พวกเราไม่อาจจะคาดคะเนได้”
“ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าว่า ที่ชิงถังพรางตัวมาอยู่ที่ถ้ำเสวียนจวิน ที่แท้แล้วมีจุดประสงค์อันใดกันแน่?”
ขณะเดียวกัน ในการต่อสู้ที่ห่างออกไป เสียงร้องคำรามด้วยความโกรธของซ่างเทียนฉีก็ดังขึ้น
“เมื่อบรรพชนของพวกข้ามา จะต้องคิดบัญชีกับเจ้าอย่างแน่นอน!!”
แต่ละคำดังก้องกังวานไปทั่วฟ้า แฝงด้วยความเคียดแค้นฝังกระดูก
เขาประมาทเกินไปจริง ๆ ไม่คาดคิดเลยสักนิดว่าชิงถังที่เคยอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขา และเคยต่อสู้กับโรงวาดฤทัยมาด้วยกันจะลงมือกับพวกเขาโดยไม่ไว้หน้าเช่นนี้!
“หากว่าอวตารของชาวประมงเฒ่ากล้ามา ฆ่าให้ตายเสียก็จบเรื่อง”
ชิงถังพูดจบ นางก็ตวัดดาบในมือ พลังป้องกันตัวของซ่างเทียนฉีแตกสลาย แม้กระทั่งร่างกายก็ยังถูกฟันจนขาดเป็นชิ้น ๆ
ซ่างเทียนฉีสิ้นหวังอย่างแรง จนแผดเสียงออกมา “ชิงถัง! ที่แท้แล้วเจ้าเป็นใครกันแน่!?”
“ข้าก็คือศิษย์สำนักถ้ำเสวียนจวิน ศิษย์สายตรงคนที่เก้าของอาจารย์”
ชิงถังกล่าวมั่นใจ
ครืน!
ภาวะดาบพาดผ่านท้องฟ้า จิตวิญญาณกับร่างของซ่างเทียนฉีแตกดับไม่เหลือและเลือนหายไปท่ามกลางพลังดาบอันยิ่งใหญ่
ร่างกายและจิตวิญญาณสูญสิ้น!
จนถึงตอนนี้ พวกของซ่างเทียนฉีไม่มีใครรอดแม้แต่คนเดียว
ประกายแสงที่เฉิดฉายหายลับไป ฟ้าดินและภูเขาลำเนาไพรยังคงสั่นสะเทือน อบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดจาง ๆ
คนทั้งหลายที่อยู่ห่างออกไปต่างนิ่งตะลึงอยู่ตรงนั้น เนื่องจากอึ้งจนพูดไม่ออก
แสงตะวันสาดลงมา ร่างสูงโปร่งอรชรของชิงถังถูกปกคลุมด้วยแสงสว่างอันเรืองรอง ดุจดังนางฟ้านางสวรรค์ ยืนสง่าอย่างทระนง
นางหมุนตัวกลับมา ดวงตาใสสว่างประดุจน้ำจ้องมองไปที่ซูอี้ สีหน้าแห่งความหวังผุดขึ้นบนใบหน้าใสสะอาดงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแฝงไว้ซึ่งความเคารพยำเกรง “อาจารย์ นี่คือสิ่งน่ายินดีชุดที่สี่ที่ศิษย์มอบให้ท่าน ไม่ทราบว่า… ท่านพึงพอใจหรือไม่?”