บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1129: ช่างเสื้อ!
ตอนที่ 1129: ช่างเสื้อ!
วาจาที่กล่าวออกมาลอย ๆ ของชิงถังทำให้ผู้ฟังตัวสั่น!
หรือจะมียักษ์ใหญ่ผู้น่าหวาดหวั่นเข้าแทนที่ร่างของหลวงจีนเยี่ยนซิน?
ในขณะที่ทุกคนกำลังตะลึง เสียงหวานเสียงหนึ่งก็อุทานเบา ๆ “เยี่ยมยอด ตลอดกาลมานี้ ข้าสงสัยอยู่เสมอว่าเจ้าชิงถังคือผู้ใด ทว่ายามนี้ ในที่สุดข้าก็พอจะเดาได้บ้างแล้ว”
ผู้คนไกลออกไปต่างฮือฮา และร่างอรชรร่างหนึ่งก็เดินออกมา ทะยานขึ้นสู่อากาศ
นางสวมอาภรณ์เรียบง่าย กิริยานุ่มนวลทว่าเย็นชา สตรีนางนี้คือคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัย!
เมื่อนางเผยร่องรอย ผู้คนในบริเวณก็แตกตื่นฮือฮา
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าคุณหนูผู้ถูกปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินบีบให้หนีไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนจะปะปนอยู่ในฝูงชน
ซูอี้ขมวดคิ้ว ก่อนจะส่งกระแสเสียงปราณให้กับจักรพรรดิมารสวรรค์ข้างกายเขา “หากภายหลังเกิดศึก ช่วยข้าปกป้องศิษย์ข้าด้วย”
จักรพรรดิมารสวรรค์พยักหน้าน้อย ๆ
ไกลออกไป ชิงถังเหลือบมองคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยพลางกล่าวอย่างเฉยเมย “ที่มาของข้า ยายหนูน้อยเช่นเจ้าหรือจะเดาได้ คิดจริง ๆ หรือว่าเจ้าจะกลับมากุมชัยหลังร่วมมือกับช่างเสื้อ?”
วาจาของนางเจือความดูแคลน
ช่างเสื้อ!!?
หัวใจของซูอี้ตะลึงงัน ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าผู้ใดกันที่ชิงถังถือว่าเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ผู้อันตรายที่สุดในห้วงลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว
กาลก่อน ณ สระเวียนวัฏ ทัศนาจารย์ได้เตือนเขาสามประการ
หนึ่งในนั้นคือให้ระวังช่างเสื้อ!
จากวาจาของทัศนาจารย์ ร่างจริงของช่างเสื้อนั้นเป็นบรรพชนของเผ่าสมเสร็จเขมือบฝัน ทว่าช่างเสื้อยังมีตัวตนซึ่งยังมิเป็นที่รู้จัก และสงสัยว่าจะรับใช้ขุมกำลังลึกลับ!
ยิ่งกว่านั้น ทัศนาจารย์ยังคิดว่าช่างเสื้อประหลาดพิกลยิ่งนัก และเมื่อซูอี้ได้เรียนรู้ความทรงจำในมหาวิถีที่เขาทิ้งไว้ในดาบเก้าคุมขัง ซูอี้ก็จะได้เข้าใจรายละเอียดของคนผู้นี้เช่นกัน
ทว่าซูอี้มิคาดเลยว่าช่างเสื้อจะเข้ามาในมหาแดนดินแสนนาน และเข้าแทนร่างของหลวงจีนเยี่ยนซินในแดนบูรพาน้อย เก็บงำตนเงียบจวบจนยามนี้!!
“เกรงว่าคงไม่ใช่ข้าหรอกที่ถูกช่างเสื้อหมายตา มันอาจเป็นทัศนาจารย์หรือดาบเก้าคุมขังต่างหาก!”
ซูอี้คิดไม่ตกด้วยสีหน้ามืดมน
ขณะเดียวกัน คิ้วของคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยย่นเล็กน้อย “ยายหนูน้อย? เจ้าไม่คิดหรือว่ามันน่าขำ ที่เจ้าชิงถังแสนพินอบพิเทาต่อหน้าซูเสวียนจวิน แต่กลับกร่างวางท่าต่อหน้าข้า?”
นางกล่าวพลางก้าวไปบนอากาศ เข้ามาใกล้ประตูถ้ำเสวียนจวิน
ระหว่างทาง ไม่รู้ว่ามีผู้ฝึกตนมากมายเพียงใดแหวกทางให้ สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว
ชิงถังเมินนาง มองซูอี้พลางโค้งคำนับ “อาจารย์ แม้ว่าแผนสังหารนี้จะเล็งไปที่ท่าน แต่ก็เพราะศิษย์ด้วยเช่นกัน และต่อจากนี้ ศิษย์จะส่งของขวัญสุดท้ายแก่อาจารย์!”
กล่าวจบ ภาวะดาบของนางพลันพุ่งออก แปรเป็นพลังให้กับชิงถัง
ครืน!!
ท้องนภาไหวสะท้าน ทั่วบริเวณสั่นสะเทือน
สุญญะทั่วทศทิศกระเพื่อมสะเทือนราวกับผิวน้ำแปรปรวน
อาภรณ์สีดำพัดพลิ้ว เรือนผมดำปลิวไสว ใบหน้างดงามไร้ผู้เทียบเย็นชาเฉยเมย
หากมองจากระยะไกล จะดูเหมือนดั่งมหาเทวาจุติสู่โลกหล้า!
ปรมาจารย์เผิง บรรพชนมารเยว่อิ๋นและตัวตนบรรพกาลอื่นๆ ล้วนลืมหายใจ ร่างแข็งทื่อ สัมผัสได้ถึงแรงกดดันปะทะหน้า
ชิงถังคนเดิมแข็งแกร่งเพียงพอจะสังหารซ่างเทียนฉีและยอดฝีมืออื่น ๆ จากลัทธิทางช้างเผือกได้แล้ว
ทว่า ด้วยอำนาจแท้จริงของชิงถังในยามนี้ เหล่าตัวตนบรรพกาลล้วนตะลึงเมื่อพบว่าชิงถังนั้นแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคาดไว้มากนัก!
“ควรค่าแล้วที่เป็นผู้เกี่ยวข้องกับเจ้าผู้ทัศนาโลกหล้า…”
ดวงตาของซูอี้แปรเปลี่ยนละเอียดอ่อน
ปราณของชิงถังในยามนี้แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าตัวเขาในยามสมบูรณ์พร้อมในอดีตชาติเสียอีก!
สิ่งนี้ทำให้ซูอี้อดสงสัยไม่ได้ว่าบางที ตัวชิงถังเองอาจจะเป็นตัวตนในระดับราชันแห่งภูมิ!
หาไม่ อำนาจที่นางมีคงไม่แข็งแกร่งได้เพียงนี้
“นี่…”
และยามนี้เองที่พวกเขาพลันตระหนักเรื่องหนึ่ง บางทีชิงถังอาจไม่เคยทรยศอาจารย์ แต่ถึงอย่างไร นางก็มาจากส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว และตัวตนก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่ดี
และนางย่อมไม่อาจถูกมองเป็นศิษย์คนเล็กของอาจารย์ได้อีก
ดูเหมือนเชื่องช้าทว่าแท้จริง ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพียงในพริบตา
เมื่อชิงถังปลดปล่อยอำนาจออกมาเต็มที่ นางก็ก้าวเข้าหาคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยหนึ่งก้าว
มนุษย์คิดฆ่าฟัน ฟ้าดินผันแปร
เมื่อชิงถังก้าวเดิน ปราณเข่นฆ่าก็คุโชนออกมาทั่วฟ้าดิน วจีวิถีคำรามก้องฟ้า ภาวะดาบอันมิอาจเทียบเคียงแผ่พุ่ง
ทุกคนซึ่งอยู่ไกลออกไปล้วนตะลึงตกใจ ถอยห่างไปไกลทันที สถานการณ์ชุลมุนชั่วขณะ
“ฮึ!”
ม่านตาของคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยหดตัว พู่กันสีครามปรากฏขึ้นบนฝ่ามือและวาดออกเป็นเส้นขวาง
ควันสีครามพลันถูกวาดเป็นลวดลายอันเก่าแก่โบราณ บุปผาดารดาษ หมู่สกุณา ฝูงมัจฉา มวลแมลง ตะวัน จันทรา ดวงดาวกระจ่างสรวง ซ้ำยังคลอด้วยเสียงสวดภาวนาอย่างเคร่งขรึมของเหล่าบรรพชน
“แม้พู่กันนอแรดของจิตรกรจะเป็นของดี แต่เมื่ออยู่ในมือเจ้ากลับไม่น่าต้องตาเท่าไร”
แววตาของชิงถังเจิดจรัสวาวโรจน์ ขณะดีดนิ้วของนางเบา ๆ
เป๊าะ!
ปราณดาบสายหนึ่งระเบิดขึ้นจากอากาศธาตุ
จากนั้นก็เกิดเสียงเลื่อนลั่น ลวดลายทิวทัศน์โบราณทลายลง แปรเปลี่ยนเหือดหายเป็นหมอกควัน
ใบหน้างดงามของคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยแปรเปลี่ยนกะทันหัน ‘จะเป็นไปได้เช่นไร?’
นางไม่เคยดูแคลนชิงถัง และการโจมตีของนางก่อนหน้านี้แทบทุ่มสุดกำลัง ซึ่งนั่นเพียงพอจะเป็นภัยต่อชีวิตตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิ!
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าชิงถัง มันกลับอ่อนปวกเปียกดั่งกระดาษยุ่ย!
“เจ้าก็รับดาบข้าด้วยสิ”
ชิงถังโบกมือใส่อากาศธาตุ
เห็นเช่นนี้ คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยก็สั่นเทิ้มทั้งกายใจ จากนั้นนางก็เคลื่อนกายในพริบตา ปฏิกิริยานั้นไม่อาจใช้คำว่ารวดเร็วมาบรรยาย
แต่อำนาจจากดาบของชิงถังทลายทศทิศในอากาศ เช่นนี้จะกล่าวได้หรือว่าธรรมดา?
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงระเบิดดุจรัวกลองดังถี่รัว
คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยติดอยู่ท่ามกลางคลื่นคลั่งร้ายกาจ รอยกระเพื่อมแตกบนสุญญะอันเกิดจากปราณดาบประดังเข้าหานางจากทุกทิศ แสงศักดิ์สิทธิ์ระเบิดพร่างพรม สารพัดเสียงระเบิดกระทบกระทั่งดังไม่ขาดสาย
ในพริบตา อำนาจคุ้มกายบนร่างคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยก็ทลายลงทีละชั้น!
ใบหน้างดงามของนางเปี่ยมความตระหนกตกใจ ชิงถังผู้นี้… ร้ายกาจกว่าที่นางคาดไว้มากนัก!!
เมื่อเห็นว่ารอยแตกกระเพื่อมบนสุญญะประดังเข้ามาไร้จุดจบ คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยก็ตื่นกลัวอย่างช่วยมิได้
ตัวข้า… กระทั่งดาบของชิงถังก็หยุดมิได้หรือ!!?
ทันใดนั้น เสียงแหบแห้งอันแก่ชราพลันก้องขึ้นทั่วฟ้าดิน
เสียงนั้นดังขึ้นเนิบช้า ทว่าทุกถ้อยคำกลับเปี่ยมเจตจำนงสะท้อนทั่วแดนดิน
ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนเจ็บปวดทั้งกายใจ เห็นดวงดาวพร่างพรายในสายตา วิญญาณแทบหลุดลอย
ความรู้สึกของเหล่าตัวตนบรรพกาลในที่นี้ล้วนราวกับถูกสายฟ้าระดมฟาด พวกเขาแต่ละคนต่างขนลุก สีหน้าแปรเปลี่ยนกะทันหัน
ยามนี้ กระทั่งพวกเขาก็ยังไม่กล้าเผลอไผล ต่างคนต่างโคจรการฝึกฝนของตนเต็มกำลัง ฝืนอำนาจกดดันมหาศาลจากเสียงนั้นไว้
ซูอี้ขมวดคิ้ว พลังปราณรอบกายเขาโคจรเงียบเชียบ แม้กายใจของเขาจะไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย แต่เขาเองก็หน้านิ่วคิ้วขมวด
และเมื่อวาจานั้นถูกกล่าว รอยร้าวก็ปลิดปลิวหายไปราวถูกพายุคลั่งกวาดทิ้ง
คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยซึ่งแขวนชีวิตบนเส้นด้ายรอดตายหวุดหวิด!
หน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง เห็นได้ชัดว่ากำลังตื่นกลัว
ทว่าชิงถังนั้นคร้านเกินกว่าจะสนใจนาง ณ ขณะนี้ แววตาลึกล้ำพร่างพรายมองขึ้นไปบนอากาศแสนไกล
“เจ้าเต่าเฒ่า ในที่สุดก็กล้าออกมาจากแดนบูรพาน้อยแล้วหรือ”
เมื่อทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าบนอากาศปรากฏม่านแสงสีดำดุจหมึกขึ้นปกคลุมกะทันหัน
ความมืดลึกล้ำดุจหมึกแปดเปื้อนบนท้องนภา
หลวงจีนชราผอมแห้ง ใบหน้ายับย่นรูปหนึ่งยืนอยู่ใต้ท้องนภา
เปลือกตาหย่อนคล้อย แววตาพร่ามัว ร่างของเขาดูราวถูกปกคลุมด้วยรัตติกาลนิรันดร์ ดูประหลาดลึกลับและน่าสะพรึงกลัว!
“หลวงจีนเยี่ยนซิน?!”
เหล่าตัวตนบรรพกาลอุทาน
“ไม่สิ เขาไม่ใช่หลวงจีนเยี่ยนซินแล้ว!”
สีหน้าของปรมาจารย์เผิงจริงจังยิ่งกว่าหนใด
ไม่เพียงแค่เขา แต่ตัวตนบรรพกาลอื่น ๆ ล้วนเปลี่ยนสีหน้าประหนึ่งว่าเผชิญกับมหาศัตรูเฉกเช่นกัน
นี่หรือคือปราณของช่างเสื้อ?
มองปราดแรก ช่างเสื้อย้ำเตือนซูอี้ถึงอีกหนึ่งคน
ชาวประมง!
ยามนั้นที่สระเวียนวัฏ ชาวประมงสวมเสื้อคลุมและอาภรณ์ผ้า แม้จะเป็นเพียงอวตาร แต่ปราณอันน่าหวาดหวั่นนั้นก็บรรยายได้เพียงเกินคณานับ!
ยามนี้ ช่างเสื้อซึ่งปรากฏขึ้นในร่างของหลวงจีนเยี่ยนซินมีปราณอันประหลาด ลึกล้ำและน่ากลัวยิ่งกว่านั้นอีก!
บรรยากาศรอบข้างหดหู่ ฟ้าดินปกคลุมด้วยความรู้สึกน่าหวาดหวั่น
ผู้ฝึกตนทั้งหลายต่างหนีเอาชีวิตรอด ซุกซ่อนตามสถานที่ต่าง ๆ ห่างออกไป ไม่กล้าเข้าหาพื้นที่นี้แม้แต่น้อย
หัวใจของทุกคนราวกับถูกปกคลุมด้วยเงามืดแห่งความกลัวและกระวนกระวาย!
กระทั่งตัวตนบรรพกาลเหล่านั้นยังอึดอัดเหลือแสน!
แข็งแกร่งเกินไป!
ช่างเสื้อลึกลับเพิ่งปรากฏกาย ยืนเฉยใต้นภามืดหม่น แต่อำนาจของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง
เปลือกตาของช่างเสื้อกระตุกเล็กน้อย วาจาเนิบช้า “แม้ยามที่อาจารย์ของเจ้ายังอยู่ เขาก็ยังไม่กล้าดูแคลนข้าด้วยวาจาเช่นนี้เลย”
เสียงของเขาเฒ่าชราแหบแห้งราวไม่ได้กล่าววาจาใดแสนนาน
เมื่อกระทบโสตผู้ใด อำนาจร้ายกาจไม่ต่างจากสวรรค์ก็สะเทือนถึงหัวใจคนทุกคน
ช่างเสื้อกล่าวพลางกวาดตามองชิงถัง จากนั้นก็มองไปทางซูอี้ซึ่งอยู่ไกลออกไป
ยามนี้ ดวงตามืดมัวของเขาพลันเจิดจรัสด้วยประกายมืดมนน่าพรั่นพรึงราววังวนหมุนเวียน กลืนกินได้กระทั่งจิตวิญญาณผู้คน!
ซูอี้สะท้านทั้งใจกาย จิตวิญญาณเจ็บสาหัสราวถูกหนอนแมลงนับไม่ถ้วนกัดกิน หวังจะลากจิตวิญญาณของเขาสู่ห้วงลึกอันดำมืดไม่รู้จบ
“ฮึ!”
ทันใดนั้น ดวงตาของซูอี้ก็วาวโรจน์ระคนเย็นชา
ในห้วงความนึกคิดของเขา ดาบเก้าคุมขังสั่นระริกเงียบงัน และคลื่นอำนาจอันเกินเข้าใจก็แผ่ออกมากะทันหัน
ในฉับพลัน อำนาจประหลาดในจิตวิญญาณดุจสารพันแมลงกัดทึ้งพลันสลายหายไป