บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1130: กฎปล้นสวรรค์
ตอนที่ 1130: กฎปล้นสวรรค์
ร่างของช่างเสื้อซึ่งอยู่ห่างออกไปสั่นสะท้านเล็กน้อย ม่านตาพลันหดตัวลง
ทันใดนั้น เขาก็รำพึง “สมกับเป็นซูเสวียนจวิน แม้การฝึกฝนจะต่ำต้อยแค่รู้แจ้งลึกล้ำ แต่กลับฝืนต่อต้าน ‘เนตรพรากฝันร้าย’ ของข้าได้ ทรงพลังจริงแท้!”
ทันทีที่เขากล่าววาจา ใบหน้าเหี่ยวเฉาของเขาก็แฝงความมิเข้าใจ “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าในยามนี้ปลุกความทรงจำในอดีตชาติได้แล้วหรือยัง?”
วาจาของเขาทำให้ทุกคนล้วนสะพรึง!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตัวตนระดับยักษ์ใหญ่ซึ่งอันตรายที่สุดในห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวผู้นี้เคยลงมือโจมตีปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินมาก่อน ทว่าไร้ผล!
สิ่งที่ยิ่งน่าประหลาดใจคือความหมายในวาจาของช่างเสื้อ สิ่งใดคือปลุกความทรงจำในอดีตชาติ?
ก่อนที่ซูอี้จะทันได้ตอบ ใบหน้างดงามของชิงถังก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา “เจ้าเต่าเฒ่า รนหาที่ตาย!”
เปรี้ยง!
ร่างของนางวูบไหวในอากาศธาตุ ปรากฏขึ้นตรงหน้าช่างเสื้อ มือขวาขาวกระจ่างกำหมัดชกออกไปราวคมดาบ
บริเวณรอบข้างพลันพังทลาย อากาศระเบิดแหลก
อำนาจแห่งหนึ่งหมัดทะลวงฟ้าดิน ขยี้สิ้นบรรพตสะท้านวารี!
ทว่าช่างเสื้อกลับไม่ไหวติง โบกแขนเสื้อประทับฝ่ามือ
เปรี้ยง!!!
หมัดของชิงถังถูกต้านรับไว้ทันที คลื่นทำลายล้างกวาดไปรอบทิศอย่างรุนแรง ทิวทัศน์รอบข้างพลันถูกบดสลายดุจกระดาษยุ่ย ผืนพิภพพังทลายครืนโครม
ในขณะเดียวกัน ร่างของชิงถังพลันทะยานถอยไปหลายสิบจั้ง
อาภรณ์ของนางพลิ้วสะพัด และยามยืนตั้งหลักได้ นอกจากเลือดลมปั่นป่วนก็ไร้อาการบาดเจ็บใด ๆ
ภาพนี้ทำให้เหล่าผู้ชมตะลึงจังงัง
อำนาจของช่างเสื้อช่างร้ายกาจ เพียงยืนเฉย ๆ กลับทำให้ปรมาจารย์เผิงและเหล่าตัวตนบรรพกาลใจหาย
พลังต่อสู้เช่นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกินกว่าสามขอบเขตในวิถีจักรพรรดิ!
ความแปลกใจอย่างหาได้ยากปรากฏขึ้นเล็กน้อยบนใบหน้าเฒ่าชราของช่างเสื้อ “น่าสนใจนิด ๆ แล้วสิ ดูเหมือนอาจารย์เจ้าจะมอบทุกสิ่งให้เจ้าหมดแล้ว”
วาจาเหล่านี้ทำให้ผู้คนคิดไปต่าง ๆ นานา
เพราะถึงอย่างไร ทุกคนก็รู้แล้วว่าชิงถังมาจากห้วงลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว และอาจารย์ของชิงถังก็ไม่น่าใช่ซูอี้ แต่เป็นผู้อื่น!
มีเพียงซูอี้ที่รู้ว่าช่างเสื้อกำลังกล่าวถึงหนึ่งในอดีตชาติของเขา ผู้ทัศนาโลกหล้า!
และยามนี้เช่นกันที่ซูอี้รู้ในที่สุด ว่าชิงถังและทัศนาจารย์เป็นศิษย์อาจารย์กัน!
“น่าเสียดายที่ท้ายที่สุด เขาก็หาใช่อาจารย์เจ้าไม่ ต่อให้เตรียมสารพัดวิธีการมาจัดการกับข้า เจ้าก็จะแพ้อยู่ดี”
ช่างเสื้อส่ายหน้าน้อย ๆ
“ก็แค่อวตาร อย่าคิดสำคัญตนให้มากนัก”
ชิงถังก้าวขึ้นไปสู่อากาศ ภาวะดาบรอบกายนางคมกริบทิ่มแทง
ครืน!
ฝ่าเท้าของนางพลันออกแรง ร่างของนางแปรเปลี่ยนดุจรุ้งทิพย์อันไวว่อง ออกหมัดต่อยใส่ช่างเสื้อ
“หากอาจารย์เจ้าลงมือ ข้าคงยังหวั่นเกรงอยู่บ้าง แต่เจ้า… ยังห่างไกลเกินคู่ควร!”
เสียงเชื่องช้าของช่างเสื้อยังไม่ทันสร่าง ร่างผอมแห้งของเขาก็เปล่งแสงทมิฬเย็นเยือก ฟาดมือออกไป
ฟึ่บ!
เพียงหนึ่งฝ่ามือ ทว่ากลับเหมือนดาบเทวะอันร้ายกาจ ฟาดเข้าใส่หมัดของชิงถังอันเปี่ยมด้วยภาวะดาบเจิดจรัส
ชิงถังแค่นเสียงเย็นชา กดฝ่ามือของนางลง
ปราณดาบบนท้องนภาพลันร่วงโรยโปรยปรายดุจธารสวรรค์พร่างพรม!
ช่างเสื้อไม่ได้หลบ ทำเพียงโบกมือรับ
ในพริบตา ทั้งสองประมือนับร้อยกระบวนท่า รวดเร็วเหลือเชื่อ ท้องนภาปั่นป่วนถล่มทลาย
ท้องนภาถล่มลงจริงแท้!
ทุกครั้งที่พวกเขาประมือกันประหนึ่งสองเทพเซียนโรมรัน การโจมตีใด ๆ ล้วนแผดเผานภาและปฐพี บดขยี้ทุกด้าวแดนมิเหลือซาก
เหล่าผู้ฝึกตนซึ่งอยู่ต่ำกว่าขอบเขตจักรพรรดิ แม้จะลี้หนีไปไกลลิบก็ยังคงตระหนกกลัว เผ่นหนีไปไกลยิ่งกว่าเดิม
และเหล่าตัวตนบรรพกาลที่ยังหลงเหลือในจุดเกิดเหตุล้วนหนาวสะท้านทั่วกายดุจตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง
การเผชิญหน้าเช่นนี้ห่างไกลจากการคาดเดาและจินตนาการของพวกเขามากนัก!
พวกเขาตัดสินหนักแน่นในใจ ว่าอำนาจของทั้งช่างเสื้อจากห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวหรือชิงถังล้วนห่างไกลเกินกว่าจะอยู่ในวิถีจักรพรรดิมากนัก!
“นี่หรืออำนาจที่กล่าวได้ว่าเป็นตัวตนอันตรายที่สุดผู้หนึ่งในห้วงลึกจักรวาลพร่างดาว? เพียงหนึ่งร่างอวตารกลับน่ากลัวเสียจนเกินคาดหยั่งเพียงนี้…”
บรรพชนมารเยว่อิ๋นสะท้านสั่นทั้งใจกาย น้ำเสียงหดหู่ขมขื่นเล็กน้อย
ในมหาแดนดิน วิถีเหนือจักรพรรดิถูกสะบั้นขาดแสนนาน กระทั่งตัวตนบรรพกาลในขอบเขตมหาจักรพรรดิเช่นเขาจะเป็นสุดยอดฝีมือ แต่ไม่ว่าพื้นฐานของพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงไร ก็หยุดค้างไว้เพียงขอบเขตนี้!
ทว่าลึกเข้าไปในจักรวาลพร่างดาวยังมีวิถีอันเหนือกว่าจักรพรรดิอยู่ และมีตัวตนเช่นช่างเสื้อซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ที่อันตรายที่สุด!
เทียบกันแล้ว ตัวตนบรรพกาลใดบ้างที่ไม่รู้สึกหดหู่ท้อแท้?
“อย่าได้รู้สึกท้อแท้เพื่อการนี้ ในด้านความสามารถ ฝีมือและมรดก พวกเราไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ใดในห้วงจักรวาลพร่างดาว แต่สิ่งที่เราขาดคือวิถีอันสูงกว่านี้ต่างหาก!”
จักรพรรดิมารสวรรค์กระซิบ “ยามนี้ เราได้เห็นกับตาแล้วว่าวิถีสู่สวรรค์แข็งแกร่งเพียงใด และในภายหน้า เราทั้งหลายก็สามารถทะลวงคอขวดเรืองอำนาจขึ้นได้!”
นางได้รู้เคล็ดการฝึกฝนสู่วิถีที่สูงขึ้นจากซูอี้แล้ว และได้ลงมือกระทำกับตน ดังนั้นนางย่อมไม่รู้สึกขัดข้องใจใด ๆ แต่กลับเปี่ยมความคาดหวัง
“ถูกต้อง สิ่งที่เราขาดในชีวิตนี้ก็มีเพียงโอกาสเท่านั้น”
ปรมาจารย์เผิงก้มหน้าลงเล็กน้อย “ยิ่งกว่านั้น ในความเห็นข้า ผู้เรืองอำนาจระดับช่างเสื้อนั้นนับเป็นยักษ์ใหญ่สูงสุดในห้วงลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว ห่างไกลจะเทียบได้กับตัวตนทั่วไป เราไม่จำเป็นต้องตีโพยตีพายเศร้าใจเรื่องนี้เลย”
ขณะพวกเขาเสวนา ดวงตาของซูอี้ยังคงจับจ้องศึกที่เกิดขึ้นไกล ๆ
ช่างเสื้อลงมือแล้ว แม้นี่จะเป็นเพียงอวตาร แต่อำนาจของมันกลับน่ากลัวเกินคาดหยั่ง รับมือยากเสียยิ่งกว่าอวตารวิถีของชาวประมงเสียอีก!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทัศนาจารย์เตือนเขาให้ระวังคนผู้นี้ไว้ แต่กลับไร้ซึ่งชาวประมงและจิตรกรในสายตา
ไม่ใช่เพราะตัวตนระดับเจ้าสำนักทั้งสองจากห้วงลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวไม่ได้แข็งแกร่งพอ แต่ความอันตรายของพวกเขาต่ำกว่าช่างเสื้อต่างหาก
ความแข็งแกร่งที่ชิงถังสำแดงก็ห่างไกลเกินคาดของซูอี้ จนทำให้เขาแปลกใจเช่นกัน
ทว่าไม่นานนัก ซูอี้ก็ขมวดคิ้ว
ชิงถังกำลังถูกกดดัน!
อำนาจของช่างเสื้อดูจะสามารถช่วงชิงอำนาจสวรรค์มาใช้ได้ ยามต่อกรกับศัตรูผู้หนักแน่นสม่ำเสมอและไร้ช่องโหว่
ชิงถังไร้โอกาสได้พักผ่อนหรือหาช่องโหว่ใด ๆ ได้
ด้วยประการฉะนี้ ทุกการโจมตีของชิงถังจึงล้วนไร้ผลสำหรับช่างเสื้อ!
ตู้ม!
ทันใดนั้น ชิงถังก็ออกดาบ อำนาจดุร้ายแข็งแกร่ง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อพยายามพลิกสถานการณ์
ช่างเสื้อส่ายหน้าน้อย ๆ ใบหน้าเหี่ยวย่นโบราณกล่าวว่า “ไร้ประโยชน์ ไพ่ตายและอำนาจในมือเจ้าไร้ภัยคุกคามในสายตาข้า”
เสียงยังไม่ทันเลือนหาย เขาก็ฟาดฝ่ามืออกไป
ดุจเทพเจ้าใช้หนึ่งฝ่ามือปิดนภา!
มันให้ความรู้สึกประหนึ่งอำนาจทั่วฟ้าดินโลกหล้าต่างหลอมรวมในประทับฝ่ามือของช่างเสื้อ
ประทับปล้นสวรรค์!
ศาสตร์ลับสูงสุดซึ่งช่างเสื้อเจนจัด เคล็ดวิชาอันช่วงชิงกฎฟ้าดินมาใช้ หลอมรวมกับมหาวิถีของตน
ดุจจ้าวเหนือฟ้าดิน ควบคุมมหาวิถีความเป็นความตาย!
ประทับฝ่ามือของช่างเสื้อฟาดลง
เคร้ง!!!
ดาบวิถีซึ่งชิงถังฟาดฟันออกไปพลันครวญวจีแหลมเสียด แรงกระแทกมหาศาลสะเทือนร่างชิงถังจนกระอักโลหิต
ใบหน้างดงามหาใดเทียบซีดขาว
ผู้คนทั่วหล้าต่างตะลึง
ตัวตนบรรพกาลทั้งหลายอดหลั่งเหงื่อแทนชิงถังไม่ได้ หัวใจของทุกคนก็สั่นคลอนเช่นกัน
ยามนี้ ช่างเสื้อแข็งแกร่งเกินไป!
เพียงมองจากไกล ๆ พวกเขาก็ล้วนรู้สึกอึดอัดท้อแท้ ใจวิถีเต๋าทุกคนถูกกระทบร้ายแรง!
คาดเดาได้ว่าชิงถังผู้ประมือตรง ๆ กับช่างเสื้อต้องเผชิญอันตรายและแรงกดดันร้ายกาจเพียงไร!
“ชิงถัง นาง…”
หัวใจของจิ่นขุยและพวกหวังเชวี่ยบีบตัวแน่น เป็นกังวลยิ่งกว่าหนใด
เทียบกับช่างเสื้อผู้มีที่มาลึกลับร้ายกาจ พวกเขาล้วนยืนข้างชิงถัง และยามนี้เมื่อเห็นนางบาดเจ็บ ใครเล่าจะมิเป็นห่วง?
ทันทีที่ชิงถังบาดเจ็บ ใจของเขาก็เหมือนถูกมีดแทง จิตสังหารอันไม่อาจบรรยายได้เอ่อขึ้นอย่างเกินควบคุม
ครืน!
มหาสงครามดำเนินต่อ
เพียงว่า กระทั่งใช้ดาบวิถีออกมา เมื่อเผชิญหน้ากับช่างเสื้อผู้ร้ายกาจยิ่ง ชิงถังก็ยังพ่ายและมิอาจทนได้ต่อ
เส้นผมยาวซึ่งเดิมถูกรวบมวยสูงสยายกระเซิง อาภรณ์ดำสนิทของนางถูกย้อมด้วยโลหิตแดงฉานน่าใจหาย
ใบหน้างดงามดุจภาพวาดของนางก็ซีดลงอีก!
ทว่านางไม่เคยถอยหนี ดวงตาคู่งามคมกริบดุจคมดาบ จิตสังหารเดือดพล่าน และสีหน้าแววตาของนางก็เยือกเย็นมุ่งมั่นยิ่ง
ทว่าในสายตาคนนอก สถานการณ์ของชิงถังในยามนี้ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงโดยไร้กังขา!
“ชิงถัง หากเจ้ายอมแพ้เสียยามนี้ ข้าอาจเมตตาขอใต้เท้าช่างเสื้อไว้ชีวิตเจ้าให้ก็ได้นะ”
ไกลออกไป คุณหนูจากโรงวาดฤทัยนามรั่วซีแย้มยิ้มอ่อนโยน “แน่นอน เงื่อนไขคือเจ้าต้องไปจับซูเสวียนจวินด้วยตนเองเป็นสินสวามิภักดิ์นะ”
วาจานั้นเจือด้วยคำล้อเลียน สงสารและประชดประชัน
สีหน้าของพวกจิ่นขุยทั้งกังวลและเดือดดาล
“หากพูดอีกคำเดียว ข้าจะเสี่ยงชีวิตฆ่าเจ้าด้วยดาบนี้”
ชิงถังกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชาเย็นเฉียบ
สภาพของนางดูไม่ได้และกำลังลำบาก
ทว่ายามเอ่ยวาจานี้ มันกลับทำให้คุณหนูรั่วซีแห่งโรงวาดฤทัยเปลี่ยนสีหน้า ใบหน้ากระจ่างงดงามถมึงทึงนัก
ทว่าท้ายที่สุด นางก็มิกล้าเอ่ยวาจาใด ๆ
ยามนี้ แม้ชิงถังจะเผยสัญญาณการแพ้พ่ายอย่างไม่อาจเลี่ยง แต่รั่วซีก็แน่ใจมากว่าหากชิงถังทุ่มสุดตัว การทำให้นางบาดเจ็บล้มตายก็เป็นไปได้จริง ๆ!
“มาทำเล่นต่อหน้าข้า ไม่ลำบากแย่หรือ”
ช่างเสื้อรำพึง
ฝ่ามือห้านิ้วประทับตรา ฟาดลงบนอากาศ
เปรี้ยง!!
ดาบวิถีของชิงถังซึ่งรับการโจมตีหนักหน่วงมากมายแหลกสลายลงเป็นเศษเสี้ยว
ร่างของนางเองก็กระเด็นดุจว่าวสายป่านขาด ใบหน้างดงามซีดดุจกระดาษ
ก่อนที่ร่างของนางจะทันยืนตั้งหลัก ผิวกายกระจ่างขาวของนางก็ปริแตกอาบโลหิต ย้อมอาภรณ์สีดำดุจหมึกของนางเป็นสีเลือดโดยพลัน!
ทุกคนต่างตกใจจนหน้าถอดสี
“แย่แล้ว!”
หัวใจของพวกจิ่นขุยจุกลำคอ กระวนกระวายไม่อาจช่วยเหลือ
ปรมาจารย์เผิงและจักรพรรดิมารสวรรค์เองก็หนาวเยือกในใจ หันมองซูอี้โดยไม่รู้ตัว
ทว่าสีหน้าของซูอี้ยังคงเรียบเฉยเช่นก่อน ดูเหมือนเขาจะมิได้รับผลกระทบใด ๆ จากการบาดเจ็บของชิงถัง
ทว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเลย ว่ามือของเขาซึ่งซุกซ่อนในแขนเสื้อกำแน่นอย่างเงียบงัน