บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1131: ทัศนาจารย์?
ตอนที่ 1131: ทัศนาจารย์?
ทั่วฟ้าดินสะเทือนเคลื่อนคลั่ง อากาศกระจัดกระจายไร้ระเบียบ
ยามชิงถังตั้งหลักได้ ใบหน้างามของนางซีดขาว เรือนผมยาวสยายกระเซิง หยาดโลหิตหลั่งรินจากร่าง
นางบาดเจ็บสาหัส มุมปากหลั่งโลหิตรินไหล
สภาพน่าเวทนาบีบหัวใจ
ห้าร้อยปีผ่านมา นางดูแลถ้ำเสวียนจวินเพียงลำพังเสมอ เกียรติยศสูงส่งทั่วมหาแดนดิน เป็นที่เคารพเกรงขามในโลกหล้า
และวันนี้ นางก็สำแดงอำนาจต่อสู้ร้ายกาจซึ่งทำให้เหล่าตัวตนบรรพกาลล้วนผงะหงาย ดูราวเป็นจ้าวครองโลกา
ทว่า ผู้ใดเล่าจะคาดว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าช่างเสื้อ ยักษ์ใหญ่ผู้น่าหวาดหวั่นจากส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว นางจะถูกต้อนเสียจนดูไม่ได้ถึงเพียงนี้?
และนี่ยังแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าช่างเสื้อร้ายกาจเพียงใด!
“ชิงถัง เจ้าในยามนี้หากไม่คิดแลกชีวิต เกรงว่าคงมิอาจทำอันใดข้าได้นะ”
ไกลออกไป ในที่สุดคุณหนูรั่วซีแห่งโรงวาดฤทัยก็อดกล่าวออกมามิได้ ใบหน้ายิ้มแย้ม น้ำเสียงเจือเยาะเย้ยแดกดัน
ก่อนหน้านี้ ชิงถังขู่ให้นางหุบปาก แต่ด้วยความกลัว นางจึงไม่กล้ากล่าววาจาใด
ทว่ายามนี้ เมื่อชิงถังถูกโจมตีสาหัส นางก็ดูจะมองข้ามคำขู่ไปอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้ามาจากส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว ปะปนเข้ามาในถ้ำเสวียนจวินหลายต่อหลายปีเยี่ยงคนชั่ว หลอกซูเสวียนจวินมาเสียเนิ่นนาน ทั้งหมดนี้ย่อมกำหนดให้ไม่มีผู้ใดลุกมาช่วยเจ้าอยู่แล้ว”
รั่วซีแย้มยิ้มถากถาง “ดูผู้คนที่นี่สิ เห็นชัด ๆ ว่าพวกเขาเห็นเจ้าใกล้ตาย ทว่าไร้ผู้ใดก้าวออกมาสักคน!”
ทันทีที่วาจานี้ถูกเปล่ง ปรมาจารย์เผิง บรรพชนมารเยว่อิ๋นและตัวตนบรรพกาลอื่น ๆ ล้วนดูกระอักกระอ่วนมาก
จริงดังนางว่า แม้พวกเขาจะเห็นอกเห็นใจชิงถัง แต่เนื่องจากตัวตนของชิงถังจึงไม่มีผู้ใดคิดยื่นมือช่วย
จิ่นขุยและพวกหวังเชวี่ยต่างหันมองซูอี้พร้อมเพรียง สีหน้าของพวกเขาดูกระวนกระวายเป็นกังวล
อาจารย์ไม่ได้เอ่ยวาจา ต่อให้พวกเขาจะยอมรับชิงถังกลับเข้ามาในใจก็ตาม แต่ก็มิกล้าประกาศจุดยืน
ช่างเสื้อยืนอยู่ไกล ๆ นิ่งงันเนิ่นนาน และแม้จะไม่ได้ลงมือทันที เขาก็เห็นได้ว่าชิงถังจะอยู่ได้อีกไม่นาน
ทว่ายามนี้ ชิงถังมีโอกาสสูงมากที่จะเดิมพันอย่างสิ้นหวัง และอันตรายที่สุดโดยไร้กังขา!
ในทางกลับกัน ยิ่งสถานการณ์ยืดเยื้อ ยิ่งย่ำแย่สำหรับชิงถัง
“เจ้าดูสิ กระทั่งท่านอาจารย์ที่เจ้านับถือนักหนาก็ยังแค่มองอย่างเย็นชาเลย”
รั่วซีหัวเราะคิก ดูไร้ความกลัวมากขึ้นทุกที
ยามนี้ ทุกคนต่างหันมองซูอี้ แต่พวกเขากลับเห็นว่าร่างของเขายืนนิ่งไม่ขยับ สีหน้านิ่งเฉยเยี่ยงกาลก่อน
เรื่องนี้น่าสับสน
ก่อนหน้านี้ ชิงถังเผยเรื่องน่าประหลาดใจออกมามากมาย และความเคลือบแคลงใจในอดีตก็ค่อย ๆ ถูกสะสาง และคนก็คิดน้อยลงว่าชิงถังคือคนทรยศ
ทว่าในขณะเดียวกัน ในฐานะอาจารย์ของชิงถัง ปฏิกิริยาของซูอี้ดูเย็นชามาก และกระทั่ง… ไร้เมตตา!
ทั่วฟ้าดินเงียบสงัด บรรพตลำธารเหือดแห้ง
สายตาของชิงถังกวาดมองใบหน้าของคนทุกผู้ ตัวตนบรรพกาลล้วนหลบสายตา สีหน้ากระวนกระวายเป็นห่วงของพวกจิ่นขุยล้วนอยู่ในสายตานางชัดเจน
ช่างเสื้อยืนห่างออกไปแสนไกล ดูเก่าแก่โบราณ
และอาจารย์ของนาง…
เมื่อนางเห็นสีหน้านิ่งเฉยของซูอี้ มุมปากของชิงถังก็ยกขึ้นเล็กน้อย และท้ายที่สุดก็มิได้เอ่ยวาจาใด
“ข้าไม่เคยคิดอยู่แล้วว่าที่นี่ยามนี้ จะมีผู้ใดก้าวเข้ามาช่วยข้า”
ชิงถังหันไปกล่าวกับรั่วซี “ข้าพนันด้วยชีวิต เจ้าจะตายวันนี้อย่างแน่นอน”
วาจานั้นเรียบง่ายเลื่อนลอย
ทว่าสันหลังของรั่วซีหนาวเยือก
ชิงถังบาดเจ็บสาหัสจริงแท้ ทว่านางกลับยังยืนตรงดูขึงขัง ไม่ได้คุดคู้ลงแต่อย่างใด
กระทั่งความเยือกเย็นมุ่งมั่นในสายตานางยังไม่เคยสั่นคลอนด้วยการใด!
ในขณะเดียวกัน ช่างเสื้อก้าวเดินบนอากาศมาหาชิงถังทีละก้าว
ภาพลักษณ์ของเขาคือหลวงจีนเยี่ยนซิน ใบหน้าชราวัยไร้การผันผวนแต่ต้นจนจบ เปี่ยมด้วยอำนาจแข็งแกร่งร้ายกาจชวนสิ้นหวัง
“ข้ารู้ว่าเจ้ายังมีไพ่ตายอยู่ ใช้ออกมาเถอะ”
ช่างเสื้อกล่าวช้า ๆ
แต่ละย่างก้าวของเขาเชื่องช้า ทว่าอำนาจของเขาพุ่งสูงขึ้นทุกก้าวเดิน ภาวะกดดันมหาศาลทำให้ฟ้าดินปั่นป่วนถ้วนทั่ว
ชิงถังซึ่งอยู่ไกลออกไปสัมผัสได้ถึงแรงกดดันปะทะหน้า
นางปาดคราบเลือดที่มุมปากออก เมินบาดแผลโชกเลือดทั่วร่าง ปราณพุ่งทะลวงนภากะทันหัน
ภาวะดาบทั่วร่างของนางพลุ่งพล่านดุจเพลิง ทะลวงผ่านฟ้าดิน เจิดจ้าจรัสแสงทั่วโลกหล้า
ทุกคนล้วนตัวสั่นด้วยความตะลึง พวกเขาจะไม่เห็นได้เช่นไรว่ายามนี้ ชิงถังใช้เคล็ดวิชาบางอย่างเพื่อหวังสู้แลกชีวิต?
ดวงตาของช่างเสื้อหรี่ลง และจากนั้นก็ส่ายหัวทันที “เจ้าทำไม่ได้หรอก”
เขาประทับฝ่ามือฟาดในอากาศ
ตู้ม!
บริเวณโดยรอบพังทลายดุจสร้างจากกระจก
ฝ่ามือประทับอันแฝงด้วยอำนาจมหาศาลเกินบรรยายดูราวหลอมอำนาจแห่งสวรรค์เข้าด้วยกัน!
ชุดกระโปรงของชิงถังสะบัดไสว ร่างของนางดุจติดในหล่มโคลน ดูราวกับเป็นที่เดียดฉันท์จากมหาวิถีฟ้าดิน ไร้กำลังอย่างมิอาจอธิบาย ร่างเดียวดายดูเล็กจ้อยไร้พิษสง
นางเม้มปากซีดเซียวของนาง มิได้กล่าวขอความช่วยเหลือใด และไม่ได้แสดงอารมณ์อื่น มีเพียงความมุ่งมั่นในแววตาที่แข็งแกร่งขึ้น
นางยกมือขวาของนางขึ้น ใช้นิ้วดุจดาบ ภาวะดาบแผดเผาทะลักไหลสู่มือของนางพร้อมเสียงคำรามลั่น
ทว่ายามนี้ พลันมีเสียงครวญดาบเสียงหนึ่งดังก้องขึ้นกะทันหัน
แทบจะในยามเดียวกัน ร่างสูงร่างหนึ่งวูบไหวทะยานผ่านเวหา ฟาดฟันดาบเข้าใส่ประทับฝ่ามือของช่างเสื้อ
ชิงถังตะลึงอึ้ง ดวงตาของนางเบิกกว้าง
เปรี้ยง!!!
ปราณดาบและประทับฝ่ามือปะทะกัน ทั่วโลกหล้านภากาศสะเทือนด้วยคลื่นทำลายล้างมหาศาล
ร่างของซูอี้ถูกซัดกระเด็นไป
ยามตั้งหลักได้ เขายืนอยู่เบื้องหน้าชิงถังหนึ่งจั้ง
ชิงถังเห็นได้ชัดเจนว่าร่างของอาจารย์ตนสะท้านสั่นรุนแรง เพราะถูกฝ่ามือนี้ซัดเข้า
ทว่าร่างของอาจารย์ของนางกลับเป็นดั่งหนึ่งคีรีเดียวดายเชื่อมฟ้าดิน ดูไร้ไหวหวั่นแม้นภาถล่มลง
ดูเหมือนว่าไร้วายุจากทิศใดอาจพัดข้ามขุนเขานี้ได้!
สองหยาดน้ำตาใสรินหลั่งจากดวงตาของชิงถัง ขณะรินไหลบนใบหน้างามซีดเซียวของนาง
ตัวนางก่อนหน้านี้ช่างเย่อหยิ่ง จองหองอวดดี ต่อให้ถูกล้อเลียนเยาะเย้ย แม้ไร้ผู้ใดช่วยเหลือ นางก็หาได้สนใจไม่ ดวงตายังคงมั่นคงสุขุม ไร้ความผันผวนสะเทือนอารมณ์ใด ๆ
ทว่ายามนี้ เมื่อได้เห็นแผ่นหลังกว้างดุจหินผาถลาเข้าปกป้องนาง นางก็ไม่อาจซ่อนความรู้สึกในใจได้อีก
ดวงตาของนางแดงก่ำ หยาดน้ำตาหลั่งริน
“อาจารย์… ท่าน…”
ชิงถังกล่าว และแม้จะพยายามสุดชีวิตเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ในใจ แต่เสียงของนางก็ยังปนสะอื้นเล็กน้อย
“ก่อนหน้านี้ที่ข้าไม่ได้ลงมือ เพราะข้ากำลังสับสน ไม่รู้จะปฏิบัติต่อเจ้าเช่นไร ทว่ายามนี้ ข้าคิดว่ารู้แล้ว”
ซูอี้ไม่ได้หันกลับมามอง ทว่าเขาก็สังเกตเห็นสภาพฟูมฟายของชิงถังเบื้องหลังเขาแล้ว ดวงตาของเขาจึงอดเผยแววสงสาร น้ำเสียงนั้นจึงนุ่มนวลลง
เขาไม่ได้พูดว่ารู้อันใด
ชิงถังไม่ได้ถาม น้ำตาของนางยังมิอาจหยุดหลั่ง รอยยิ้มยินดีจากใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าซีดขาวของนาง มุมปากอดยกขึ้นเล็กน้อยมิได้
ยามนี้ นางพลันรู้สึกว่าความรู้สึกซึ่งซุกซ่อนในใจของนางตลอดมา ความจนใจที่มิอาจระบายล้วนถูกชะล้างสลายไปด้วยกระแสคลื่นอบอุ่น
ต่อให้ครานี้นางต้องตาย นางก็ไม่รู้สึกเสียใจใด ๆ!
เหล่าผู้ชมต่างเงียบดุจป่าช้า ตะลึงกับการลุกขึ้นช่วยนางของซูอี้
เหล่าตัวตนบรรพกาลลอบถอนใจโล่งอก พวกเขาล้วนรู้ว่าหากซูอี้ อาจารย์ของชิงถังไม่ออกมาลงมือ ก็เกรงว่าชิงถังคงได้จบสิ้นแน่แท้
พวกเขาแต่ละคนล้วนทั้งโล่งใจและตื่นเต้น
โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาได้เห็นสภาพฟูมฟายชุ่มน้ำตาของชิงถัง เหล่าศิษย์พี่ล้วนรู้สึกกระวนกระวาย
ชิงถังต้องรู้สึกตื่นเต้นปรีดาเพียงใดกัน นางจึงมิอาจซุกซ่อนความรู้สึกในใจและหลั่งน้ำตาต่อหน้าผู้คนเช่นนี้?
“โอ้ มีละครศิษย์อาจารย์รักใคร่กลมเกลียวด้วย”
รั่วซี คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยหัวเราะแดกดัน
ซูอี้เมินนาง หันไปกล่าวกับช่างเสื้อว่า “ก่อนหน้านี้ ทัศนาจารย์ไม่ได้ฆ่าเจ้าสิ้นเสีย ทว่าภายหน้า ข้าจะทำ”
“ปรากฏว่าสุดท้ายแล้ว เจ้าก็ยังไม่ได้เป็นทัศนาจารย์…”
ช่างเสื้ออดหัวเราะมิได้
เขาดูจะได้เห็นความลับ ร่างของเขาผ่อนคลายลง รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าชราวัย
บทสนทนาของทั้งสองทำให้คนผู้อื่นล้วนสับสนงุนงง
ทว่าเมื่อวาจาเหล่านี้กระทบโสตคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัย มันกลับเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางกระหม่อม ร่างของนางชะงักค้าง ถามด้วยเสียงสั่น “ใต้เท้าช่างเสื้อ ท่านบอกว่าเขา… เขาคือ… ทัศนาจารย์หรือ!?”
วาจาของนางติดขัดด้วยความตระหนกแตกตื่นอันไม่อาจซุกซ่อน
เรื่องชักน่าประหลาดใจขึ้นทุกทีแล้ว ทัศนาจารย์? ยามใดกันที่ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินมีตัวตนใหม่?
“ไม่หรอก เขายังไม่ใช่ เจ้าปฏิบัติต่อเขาในฐานะซูเสวียนจวินเช่นกาลก่อนได้”
ช่างเสื้อกล่าวช้า ๆ “เมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวข้าเองก็สามารถปล่อยวาง ไม่ต้องกังวลเรื่องใด ๆ ได้อย่างสมบูรณ์เสียทีเช่นกัน”
เขากล่าวพลางยกมุมปากขึ้นยิ้ม
ครืน!
ร่างผอมแห้งของช่างเสื้อดูราวภูเขาไฟโบราณปะทุเดือด อำนาจของเขาพลันทะยานสูง
รัศมีมืดมนเย็นชาอันแปลกประหลาดปกคลุมทั่วบริเวณอย่างเงียบงัน ทำให้ยามกลางวันดูจะถูกลากสู่รัตติกาลนิรันดร์ทันที!
อาเพศนี้ทำให้ทุกคนล้วนตื่นตระหนก
ก่อนหน้านี้ อำนาจร้ายกาจจากช่างเสื้อก็แข็งแกร่งเสียจนชวนสิ้นหวังแล้ว
ทว่า ใครเล่าจะคิดว่าอำนาจของช่างเสื้อยามนี้จะยังทะยานสูงขึ้นอีก?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจวบจนยามนี้ ช่างเสื้อออมมือมาโดยตลอด!!
“เจ้าไปพักเถอะ ข้าจะจัดการไอ้แก่นี่เอง”
ซูอี้ออกคำสั่งเรียบ ๆ
ชิงถังส่ายหัวเล็กน้อย น้ำตาเหือดหายไปทันที สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสุขุม “อาจารย์ ของขวัญสุดท้ายนี้ ศิษย์ต้องมอบให้ท่านด้วยตนเองเจ้าค่ะ”
ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ช่างเสื้อหัวเราะกล่าว “ตาข่ายฟ้ากลับประสาน ตัดรากถอนโคนไม่ละเว้น กระทำการใด ๆ ควรเป็นเช่นนี้ การฆ่าคนก็ควรเป็นเช่นนี้ ซูเสวียนจวิน เจ้าไร้โอกาสรอดแล้ว”
เสียงยังไม่ทันจาง ร่างของช่างเสื้อก็หายวับไป
ครืน!
ปราณของช่างเสื้อหายวับไปสิ้น!
ยิ่งกว่านั้น ยามนี้ ทัศนวิสัยของซูอี้มืดดำ สัมผัสทั้งหกราวถูกตัดแยก ไม่อาจรับรู้สิ่งใดทั้งปวง
กระทั่งจิตสัมผัสยังมิอาจช่วย!
การเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ทำให้ร่างของซูอี้กระตุกเกร็ง แผ่นหลังชาวาบ
เขาใช้ไพ่ตายสูงสุดโดยไม่ลังเล ห้วงความนึกคิดเดือดพล่าน จนปลุกดาบเก้าคุมขังให้ตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์
อำนาจลึกลับเกินเข้าใจแผ่ออกมาจากดาบเก้าคุมขัง
ทว่า ก่อนซูอี้จะทันได้เคลื่อนไหว ทันใดนั้นเอง วจีดาบหนึ่งพลันขับขานราวหงส์อันเยาว์วัยกู่ร้องสะท้านเก้าชั้นฟ้า
………………..