บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1132: ถอดฌานท่องหุบเขาเซียนเก้าสวรรค์
ตอนที่ 1132: ถอดฌานท่องหุบเขาเซียนเก้าสวรรค์
พร้อมกับวจีดาบขานลั่น ฟ้าดินอันปกคลุมด้วยความมืดมิดพลันปั่นป่วนสั่นสะเทือนเคลื่อนคลั่ง จากนั้นก็บังเกิดรอยร้าวอันน่าสะพรึง
แสงสว่างเจิดจ้าพลันสาดส่องผ่านรอยร้าว
ทัศนวิสัยของซูอี้ถูกฟื้นคืน ประสาทสัมผัสทั้งหกกลับสู่ปกติ
ยามนี้เอง…
เขาก็เห็นว่าจากจุดเดิมที่เขายืนอยู่ มือขวาของช่างเสื้อยกขึ้น กำลังจะฟาดฝ่ามือมาทางตน
ทว่ายามนี้ ช่างเสื้อก็ราวถูกกระตุ้น ใบหน้าชราวัยของเขาพลันเปลี่ยนแปร จากนั้นจึงถอยร่นไปไกลทันที
ครืน!
จุดที่ช่างเสื้อยืนอยู่เดิมพลันปรากฏคลื่นอำนาจดาบที่มองไม่เห็นกวาดผ่านราวพายุ บดขยี้ความว่างเปล่าในระยะร้อยจั้งเป็นรอยแตกมิติ!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อครู่นี้ หากช่างเสื้อมิอาจหลบทัน เขาก็คงไม่แคล้วถูกอำนาจดาบอหังการนั่นขยี้แหลก!
และภาพนี้เองก็ทำให้ซูอี้ลอบตกใจ
หนึ่งคือตกใจกับเคล็ดวิชาประหลาดของช่างเสื้อ
ประการที่สองคือวจีดาบที่ดังขึ้นกะทันหัน ซึ่งแท้จริงถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นยามที่เขาเกือบใช้พลังของดาบเก้าคุมขังออกมาอยู่แล้ว!
ครืน!
รัตติกาลมืดมิดอันปกคลุมทั่วฟ้าดินพังทลายลง แสงสว่างจากนภาคืนกลับเช่นกาลก่อน
และไกลออกไปในสุญญะ ความตกตะลึงอันหาได้ยากปรากฏขึ้นบนใบหน้าชราวัยของช่างเสื้อ ยากตัดสินความคิดในใจ
ก่อนหน้านี้ เขาใช้ ‘ภพฝันร้ายมืดทมิฬ’ ซึ่งพัฒนาขึ้นจากกฎปล้นสวรรค์ของเขา อย่าว่าแต่สังหารตัวตนในขอบเขตมหาจักรพรรดิเลย การสังหารราชันแห่งภูมิทั่วไปบางคนยังทำได้โดยไม่ต้องออกแรง!
ทว่าขณะที่เขากำลังจะสังหารซูอี้นั้นเอง อำนาจดาบอหังการพลันปรากฏขึ้น ทำลายแผนของเขาป่นปี้
ยิ่งกว่านั้น เสี้ยวอำนาจดาบที่ปรากฏขึ้นนี้ยังทำให้เขารู้สึกถึงภัยคุกคามร้ายแรง!
“หรือจะเป็น… ดาบเล่มนั้น? เป็นไปไม่ได้ ดาบแห่งโลกาของทัศนาจารย์ถูกใช้ผนึกเรือของชาวประมงไปนานแล้ว เพื่อให้ชาวประมงไม่อาจหลุดออกจากกับดักกลับสู่ห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวได้…”
“แต่หากมิใช่ดาบแห่งโลกา… ไฉนพลังดาบนั่นจึงน่ากลัวนักเล่า?”
ช่างเสื้อขมวดคิ้ว
ตลอดชีวิตของเขา เขาแทบจะซ่อนตัวหลังฉากเสมอ กระทำการลับ ๆ ล่อ ๆ ดุจตัวการเบื้องหลัง เป็นที่หวาดกลัวยำเกรงของเหล่าตัวตนในส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว
และสิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุดคือการพลิกผันเฉียบพลัน!
ยามนี้ ทุกคนซึ่งมองอยู่จากไกล ๆ ล้วนตะลึงตกใจ
ก่อนหน้านี้ ในคลองจักษุของพวกเขา ทั่วฟ้าดินล้อมรอบซูอี้ต่างปกคลุมด้วยความมืด ไม่อาจมองเห็นว่าเกิดสิ่งใดบ้าง
ภาพประหลาดนั้นทำให้ทุกคนขนลุกขนพอง
ทว่าในพริบตา เพียงหนึ่งวจีดาบ ความดำมืดนั้นกลับระเบิดออก และได้เห็นภาพเช่นนี้
เมื่อพวกเขาเห็นว่าซูอี้และชิงถังไม่ได้ถูกทำร้าย ทั้งพวกจิ่นขุยและเหล่าตัวตนบรรพกาลล้วนโล่งใจ
ซูอี้เมินทุกอย่างพลางหันไปมองชิงถัง
เขาพบว่าชิงถังถือกล่องดาบสำริดโบราณใบหนึ่งไว้ในมือ ใบหน้างดงามของนางเปี่ยมความตื่นเต้นและจมในห้วงภวังค์อย่างไม่อาจปิดบัง
ดูเหมือนหัวใจของนางจะสะท้านสะเทือนยิ่งนัก
เมื่อซูอี้มองมา ชิงถังก็คืนสติราวตื่นจากฝัน จากนั้นก็สูดหายใจลึก ๆ ก้มหัวลงส่งกล่องดาบสำริดในมือนางให้
“อาจารย์ นี่คือของขวัญสุดท้ายที่ศิษย์เตรียมไว้ให้ท่าน และมีเพียงท่าน… ที่เปิดกล่องดาบนี้ได้เจ้าค่ะ”
เสียงของชิงถังสั่นเครือ เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นจนหลุดควบคุมเล็กน้อย
กริ๊ก!
ก่อนที่ซูอี้จะทันขยับตัว เมื่อกล่องดาบสำริดปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา ผนึกซึ่งปกคลุมกล่องดาบอยู่ก็ถูกอำนาจดาบร้ายกาจสะบั้นแตก
ดาบไม้เล่มหนึ่งทะยานออกมา หมุนควงรอบกายซูอี้ราวกับปรีดาเหลือแสน
ดาบเล่มนี้มีสีคราม ดูเรียบง่ายและไร้สิ่งตกแต่ง เว้นเพียงสองอักษรเล็กจ้อยซึ่งสลักไว้ที่ด้าม
‘ถอดฌาน’!
ซูอี้นยกมือขวาขึ้นถือดาบเล่มนั้นไว้
ทันใดนั้น ความรู้สึกคุ้นเคยอันไม่อาจบรรยายก็พุ่งสู่ใจ เชื่อมต่อกับสายเลือดของเขา และในห้วงความนึกคิดของเขา ดาบเก้าคุมขังพลันสะเทือนสั่นรุนแรง
หนึ่งในแปดตรวนสะท้านโคลง ปลดปล่อยอำนาจมหาวิถียิ่งใหญ่หนักหนา
ครืน!
ดาบไม้พลันคำราม อำนาจดาบร้ายกาจปรากฏขึ้นบนใบดาบอันเรียบง่ายไร้ตกแต่ง
เป็นดั่งพายุคลั่งกวาดผืนนภา ปั่นป่วนเก้าชั้นฟ้าทศทิศรอบแดนดิน ปกคลุมโลกาบรรพกาล!
ฟ้าดินสะเทือนไหว ทุกสิ่งสรรพหม่นรัศมี
ทุกคนต่างรู้สึกตะลึงอย่างไม่อาจบรรยาย ชะงักค้างกับที่ราวกับได้เป็นสักขีแก่ปาฏิหาริย์อันเหลือเชื่อ
ในคลองจักษุของพวกเขา ดูเหมือนทุกที่จะเต็มไปด้วยภาวะดาบสีขาวพร่างพรม อำนาจดาบดุร้ายแฝงไปทุกอณูในอากาศ ดูสูงส่งแข็งแกร่งเกินเอื้อมถึง
ไร้การข่มขู่คุกคาม ทว่ากลับทำให้ทุกคนรู้สึกด้อยค่าเล็กจ้อยจากส่วนลึกแห่งวิญญาณ
เหมือนยามกบมองขึ้นสู่ฟ้า รำพึงว่านภาช่างกว้างใหญ่ ตัวมันช่างเล็กจ้อย!
“นี่…”
ปรมาจารย์เผิง จักรพรรดิมารสวรรค์และเหล่าตัวตนบรรพกาลล้วนดูตะลึงพรึงเพริด ปากอ้าค้าง รู้สึก ‘มึนงงไม่รู้เรื่อง’ อย่างไม่เคยเกิดขึ้น
เพราะอำนาจดาบเช่นนี้แข็งแกร่งเกินประมาณมากเกินไป มันจึงอยู่เหนือจินตนาการของทุกคน!
“นี่มันดาบอันใดกัน!?”
คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยสั่นเทิ้มทั้งใจกาย ใบหน้างดงามแปรเปลี่ยนวูบไหว
นางมีภูมิหลังที่พิเศษ และยังมีไพ่ตายประหลาดเหลือเชื่อมากมาย ในด้านภูมิปัญญา กระทั่งตัวตนระดับราชันแห่งภูมิมากมายยังมิอาจเทียบนางได้
ทว่ายามนี้ เพียงหนึ่งอำนาจดาบก็ทำให้นางทั้งตะลึงและหวาดหวั่นอย่างไม่เคยเกิดมาก่อน
ความรู้สึกเช่นนั้นช่างอธิบายเป็นวาจาได้ยาก ทำให้ความรู้ความเข้าใจของผู้พบเห็นมลายสิ้น!
“ถอดฌานท่องหุบเขาเซียนเก้าสวรรค์ หนึ่งดาบล่องลอยสะบั้นนิรันดร์กาล!”
ชิงถังกระซิบ ใบหน้าดุจภาพวาดเปี่ยมทั้งความตื่นเต้น ชื่นชม ปรีดาและเหม่อสู่ภวังค์
ดาบถอดฌานสะบั้นพันธะแห่งโลกาบรรพกาล!
ดาบนี้อาจไม่ได้แข็งแกร่งองอาจเยี่ยงดาบแห่งโลกา ทว่านี่คือดาบที่อาจารย์นางรักที่สุด เคลื่อนคล้อยไร้พันธะ อิสระเสรีไร้ข้อจำกัด!
“ทัศนาจารย์?”
ช่างเสื้อกระซิบอย่างจริงจัง
เขาขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเก่าแก่โบราณดูมิอาจคาดเดา
ในสายตาของเขา ซูอี้ซึ่งอยู่ห่างออกไปแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง เขาให้บรรยากาศยิ่งใหญ่โอ่อ่า ละล่องลอยดุจเทพเซียน!
ทัศนาจารย์?
ยามนี้ พวกจิ่นขุยล้วนแปลกใจ
พวกเขาก็สังเกตเช่นกันว่าปราณของอาจารย์แปรเปลี่ยนอย่างมโหฬาร เขายืนนิ่งกับที่แท้ ๆ แต่กลับให้ความรู้สึกสูงส่งเกินมนุษย์ ยืนบนเมฆหมอกเก้าสวรรค์ มองลงมาสู่โลกหล้าบรรพกาล!
ทุกคนที่เห็นล้วนรู้สึกต้อยต่ำราวปุถุชนแหงนพิศเทพเซียน
“ทัศนาจารย์?”
ดวงตาลึกล้ำของซูอี้ไร้อารมณ์พลางกระซิบ “ชาตินี้… ข้าไม่ใช่ข้าแล้ว”
“จริงหรือ?”
ดวงตาของช่างเสื้อวูบไหว
“ไม่ลองก็ไม่รู้สิ?”
ซูอี้หัวเราะ แขนเสื้อโบกสะบัด และดาบไม้ในมือของเขาก็ร้องคำราม ฟาดสู่อากาศไกลนับพันจั้ง
ม่านตาของช่างเสื้อพลันหดตัว
เปรี้ยง!
ม่านรัตติกาลพลันคลี่ปกคลุมท้องฟ้าเบื้องหลังเขา และอำนาจสวรรค์อันน่าเกรงขามก็ปรากฏขึ้นบนร่าง ราวกับเปลี่ยนตนเป็นศูนย์รวมแห่งมหาวิถีทั่วฟ้าดินนี้
“ฝืน!”
ช่างเสื้อตวาดลั่น อำนาจมหาวิถีสีทมิฬผุดพรายจากมือ ก่อเกิดเป็นม่านแสงมหาวิถี
ดูราวอำนาจสวรรค์แปรเป็นโล่คุ้มกาย!
ม่านปล้นสวรรค์!
ทว่าเมื่อดาบของซูอี้ฟาดฟันลง ฟ้าดินพลันปริเป็นเส้นตรงราวถูกดาบผ่า
ปราณดาบมุ่งบดขยี้ม่านรัตติกาลมืดมิดอย่างดุดัน
เปรี้ยง!!!
พิรุณแสงพร่างพรมทั่วฟากฟ้า
ท้องนภามืดมิดดูราวถูกขยี้โดยแสงสว่างอันมิอาจถูกทำลาย จนสลายหายไปในอากาศ
แต่ละย่างก้าว สรรพสิ่งล้วนสะเทือนสั่น และสีหน้าของช่างเสื้อก็แปรเปลี่ยนอีกหน
จนเมื่อเขายืนตั้งหลักได้ อกผอมแห้งของช่างเสื้อกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง ร่างสั่นเทิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็กระอักไอตัวโยน โลหิตสายหนึ่งหยาดหยดจากมุมปาก
เหล่าผู้ชมต่างตะลึงค้าง
ก่อนหน้านี้ ช่างเสื้อร้ายกาจเพียงใด? เขาดูราวกับเทพผู้ยิ่งใหญ่ไร้สั่นคลอน ปราบจักรพรรดินีชิงถังลงโดยมิต้องออกแรง
ทว่ายามเผชิญหน้าซูอี้ผู้ถือดาบไม้ในครานี้ ช่างเสื้อกลับถูกหนึ่งดาบผลักกระเด็นกระอักเลือด!!!
“ข้าเข้าใจว่าเจ้าอาจไม่ใช่ทัศนาจารย์ แต่สิ่งที่เจ้ากำลังใช้อยู่คือพลังที่ทัศนาจารย์ทิ้งไว้”
ดวงตาของช่างเสื้อวูบไหว เสียงแหบแห้ง “โชคร้ายที่มันเป็นเพียงพลังที่ทัศนาจารย์ทิ้งไว้ เกรงว่าคงไม่ได้อยู่นาน”
“มันเกินพอจะฆ่าเจ้าได้”
ซูอี้กวัดแกว่งดาบไม้ ขณะก้าวเข้ามา
ขวับ!
ดาบขับวจี ภาวะดาบยิ่งใหญ่โอฬาร
ทั้งบนฟ้าดิน อำนาจดาบยิ่งใหญ่แผ่กระจาย
ช่างเสื้อโคจรพลังเต็มที่ และฟาดมือขวาของเขาใช้งานกระสวยทรงเรียวสีดำชิ้นหนึ่ง
กระสวยเคลื่อนไปบนอากาศ ดึงอำนาจสวรรค์อันทรงพลัง และความมืดมนไร้จุดจบก็จุติลงปกคลุมทั่วฟ้าดิน
วิชาทอฝันร้ายพรากวิญญาณ!
หัวใจผู้ชมต่างสั่นสะเทือนราวร่วงหล่นลงสู่อนธการนิรันดร์ วิญญาณมิอาจหาที่ใดพักพิง สิ้นหวังหวาดกลัว
ราวถูกฟ้าดินเนรเทศ ต้องร่วงหล่นชั่วกาลนาน!
นี่คือวิชามหาวิถีสูงสุดของช่างเสื้อ ช่วงชิงอำนาจสวรรค์มาทอเป็นแดนฝันร้าย พรากวิญญาณ ความทรงจำ และกระทั่งชีวิตของคู่ต่อสู้ได้โดยง่าย!
ในห้วงลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว วิชานี้ถูกมองเป็นหนึ่งในเจ็ดเคล็ดวิชาอันตรายที่สุด จนแม้แต่ยามที่เหล่ายักษ์ใหญ่ในขอบเขตราชันแห่งภูมิพูดถึงมันยังต้องหวาดกลัว
ทว่าเพียงพริบตา เสียงเฉยเมยของซูอี้ก็ดังขึ้น
“ช่างเสื้อเฒ่า นับแต่เจ้าออกมาเผยตัวจากหลังฉาก เจ้าก็เสียข้อได้เปรียบสูงสุดของเจ้าไปแล้ว”
ตู้ม!
เมื่อเสียงกังกังวาน ภาวะดาบไร้ใดเทียบก็แผ่ขยายออกไป
อากาศบิดเบี้ยว อนธการพังทลาย
ทุกคนล้วนตื่นจากฝันร้ายอันกัดกร่อนไม่รู้จบ
ในคลองจักษุ พวกเขาเห็นหนึ่งปราณดาบโผทะยานผ่านฟ้าดิน
ร่างของช่างเสื้อเป็นดั่งเรือน้อยท่ามกลางคลื่นคลั่งปราณดาบ โคลงเคลงปะทะ บาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง
รอยดาบโชกเลือดนับไม่ถ้วนปรากฏบนร่างผอมแห้งของเขาทันที เลือดเนื้อสาดกระเซ็น กระดูกขาวปรากฏ!
ทุกคนล้วนตกใจไร้วาจา
ทว่าช่างเสื้อดูราวไม่รู้จักเจ็บปวด สีหน้าของเขาเย็นชาเฉยเมย ใช้กระสวยสีดำอย่างเต็มกำลัง
“เปิด!”
เสียงของเขาตวาดลั่น พยายามดิ้นให้หลุดจากวงล้อปราณดาบไพศาล
ทว่าดาบไม้เล่มหนึ่งกลับฟาดลงในอากาศ
เคร้ง!!!
เสียงระเบิดลั่นก้องกังวาน
กระสวยสีดำระเบิดแหลกเป็นเศษซาก
ทันใดนั้น อำนาจคุ้มกันร่างของช่างเสื้อก็ระเบิดออก ร่างของเขาถูกดาบฟาดใส่จัง ๆ จนร่วงลงจากอากาศสู่ปฐพี
เปรี้ยง!!
พิภพถูกฟาดรุนแรงจนยุบเป็นหลุมใหญ่ เศษหินโปรยปรายท่ามกลางฝุ่นควัน
และที่ก้นหลุมใหญ่ ร่างของช่างเสื้อก็กระตุกเกร็งจมกองเลือด
ช่างน่าใจหาย!
………………..