บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1133: เขาคือทัศนาจารย์จริง ๆ ด้วย!
ตอนที่ 1133: เขาคือทัศนาจารย์จริง ๆ ด้วย!
ด้วยหนึ่งดาบ แดนฝันร้ายทมิฬก็ถูกทำลาย ช่างเสื้อถูกโจมตีหนักหน่วง!
ภาพอันอหังการทำเอาทุกคนตะลึงทีเดียว
“นั่น… ยังเป็นซูเสวียนจวินหรือ!?”
ปรมาจารย์เผิงอ้าปากค้าง
เหล่าตัวตนบรรพกาลที่อยู่ใกล้ ๆ เขาเองก็จังงังไปเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ ชิงถังได้เผยอำนาจต่อสู้ท้าทายสวรรค์ซึ่งเกินขอบเขตจักรพรรดิไปแสนไกล แข็งแกร่งไม่อาจคาดหยั่ง
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าช่างเสื้อ นางกลับถูกกำราบ ไม่อาจต่อสู้โต้กลับได้เลย
และยามนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับซูอี้ผู้ถือดาบไม้ ผู้แข็งแกร่งเช่นช่างเสื้อกลับไม่อาจต่อกร!!!
ช่างอัศจรรย์
ต้องทราบว่าทุกคนในโลกหล้าล้วนรู้ว่าปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินเวียนวัฏหวนคืน การฝึกฝนในชาติใหม่ของเขาอยู่เพียงในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเท่านั้น ยังห่างไกลและไม่คู่ควรจะเทียบกับอดีตชาติ
ทว่ายามนี้ หนึ่งดาบของเขากลับปราบช่างเสื้อลง ใครเล่าจะมิแปลกใจ?
“อาจารย์ เขา…”
พวกจิ่นขุยล้วนตะลึงงัน รู้สึกเพียงอาจารย์ของพวกตนราวเปลี่ยนเป็นคนละคน กระทั่งอุปนิสัยยังแปรเปลี่ยน เขาดูสูงส่งห่างเหิน เย่อหยิ่งไร้กังวล
“อาจารย์…”
ริมฝีปากสีซีดไร้โลหิตของชิงถังสั่นสะท้านเล็กน้อย หัวใจของนางแสนยินดีจนมิอาจบรรยายด้วยวาจา
อุปนิสัยของซูอี้แปรเปลี่ยนสมบูรณ์ ทว่านางกลับคุ้นเคย คุ้นจนไม่จำเป็นต้องมองก็รู้ ว่านั่น… คือบุคคลที่นางชื่นชมที่สุด!
ตำนานผู้กล้าหัวเราะเยาะกระทั่งเทพเซียนบนชั้นฟ้า กล่าวว่ากระทั่งพวกเขายังต้องก้มหัวให้ นักดาบผู้หลุดพ้นโลกหล้าแห่งนิรันดร์กาล!!!
หมอกควันทั่วฟ้าดินเหือดมลาย
ซูอี้ยืนอยู่บนอากาศ ดวงตามองลงสู่หลุมลึกบนพื้นดินพลางกล่าวขึ้น “ช่างเสื้อเฒ่า ต่อให้เจ้าจะเป็นเพียงอวตาร แต่เจ้าก็ไม่น่าปวกเปียกเพียงนี้ได้ หรือจะบอกว่าดาบข้าไม่เพียงทำให้มหาวิถีของเจ้าเสียหายร้ายแรง แต่ยังป่นกระทั่งสันหลังของเจ้าจนคดงอหรือไร?”
กิริยาของเขาไร้พันธะผูกมัด เปี่ยมเสรีสูงส่งเหนือผู้ใด ดาบไม้ในมือครวญวจีดุจเทพดาบผู้ไร้เทียมทาน
ทันทีที่วาจาถูกกล่าว เหล่าผู้ฟังล้วนสะท้านถึงทรวง ก่อนหน้านี้… ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินเคยโจมตีช่างเสื้ออย่างหนักหน่วงมาก่อนหรือ!?
มีเพียงชิงถังที่รู้ว่าเมื่อกาลก่อน ช่างเสื้อผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ที่อันตรายสูงสุดในส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวเคยพ่ายแพ้สิ้นท่าด้วยมืออาจารย์ของนาง!
ทว่าเจ้าเฒ่าผู้นี้ร้ายกาจยิ่งนัก และยังเป็นตัวตนร้ายกาจผู้เดียวที่รอดชีวิตจากเงื้อมมืออาจารย์ของนางอีกด้วย!
“ไฉนใต้เท้าช่างเสื้อจึงพ่ายแพ้รวดเร็วนัก…”
คุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยตะลึงอึ้ง สีหน้าของนางดูไม่อยากเชื่อ
ในหลุมลึกบนพื้น เสียงกระอักไอรุนแรงดังขึ้น
ช่างเสื้อผู้เลือดโซมกายลุกขึ้นจากหลุม
เขามองขึ้นไปยังซูอี้พลางยกยิ้มถากถาง “ข้ายอมรับว่าหากเจ้ายังอยู่ ข้าคงลี้หนีไปแสนไกล ทว่าเจ้าสิ้นสุดตัวตนจากโลกหล้าไปแสนนาน ทัศนาจารย์เหี่ยวเฉาลาลับ ทว่าข้า… ยังอยู่!”
สีหน้าแววตาเฒ่าชราของเขาสุขุมเยือกเย็น
ซูอี้คว้ามือ
ครืน!
อากาศแหลกสลาย มือใหญ่ข้างหนึ่งคว้าไปในอากาศ
ช่างเสื้อสูดหายใจลึก มือและนิ้วประทับตราปล้นสวรรค์ เหวี่ยงออกอย่างแรง
ทว่าเพียงพริบตา ตราประทับปล้นสวรรค์กลับระเบิดออก ช่างเสื้อไม่ทันตั้งตนก็ถูกมือใหญ่คว้าหมับอย่างรุนแรงราวกับแมลงวัน
โลกหล้าฮือฮาอีกคำรบ ตะลึงเกินวาจาสาธยาย
ซูอี้ในขณะนี้แข็งแกร่งเกินไป!
อำนาจเช่นนี้เหนือความคิดฝันของทุกคนโดยสิ้นเชิง และไม่แน่ชัดว่าต้องมีพลังมหาวิถีระดับใดจึงมาถึงขั้นนี้ได้
ทว่ายามนี้ ช่างเสื้อกลับเยือกเย็นจนน่าประหลาดใจ!
เขากล่าวด้วยเสียงลุ่มลึก “แม่หนูรั่วซี ถึงกาลที่เจ้าต้องลงมือแล้ว! ไม่ต้องห่วงความปลอดภัยของข้า ข้าตายไปก็ไม่เป็นไร หลวงจีนเยี่ยนซินจะตายไปแน่นอน!”
วาจายังไม่ทันสร่าง ช่างเสื้อก็ถูกลากมาตรงหน้าซูอี้
“เป็นเพียงอวตารแต่เย่อหยิ่งเพียงนี้ มิน่าเชื่อจริงแท้”
ซูอี้แย้มยิ้ม ใช้นิ้วเคาะลงบนหัวของช่างเสื้อ
ตู้ม!
เสียงอึกทึกดุจตีกลองดังขึ้น
ร่างผอมแห้งซึ่งบาดเจ็บอยู่เดิมของช่างเสื้อระริกสั่นรุนแรง และอำนาจทั่วกายของเขาก็ถูกผนึกสิ้นเชิง!
“ยายหนูชิงถัง คุมไอ้แก่นี่ไว้ก่อนนะ ข้าจะกลับมาจัดการกับเขาทีหลัง”
ซูอี้ทำท่าโยน แล้วช่างเสื้อก็ถูกโยนไปหาชิงถัง
“อื้อ!”
ชิงถังพยักหน้ารับคำสั่ง
ในขณะเดียวกัน ดวงตาของซูอี้ก็มองไปยังคุณหนูรั่วซีแห่งโรงวาดฤทัย ซึ่งอยู่ห่างออกไป
เมื่อถูกสายตาของซูอี้จับจ้อง รั่วซีก็สะท้านถึงวิญญาณ ทั้งกายใจพลุ่งพล่านด้วยความกลัวอันไม่อาจสะกดกลั้น
รั่วซียกมือขึ้นโดยไม่ลังเลอีกต่อไป
“ชิ!”
ร่มกระดูกคันหนึ่งทะยานสู่เวหา มันกางออกและหมุนวนในอากาศ จนปรากฏแสงศักดิ์สิทธิ์ขาวพิสุทธ์ปกคลุมท้องนภา
สายตาทุกคู่เจ็บแปลบ หัวใจตะลึงอึ้ง
“ร่มกระดูกเพลิงพิสุทธิ์ลับแล? ที่แท้เจ้าก็เป็นทายาทตระกูลจง”
ซูอี้กระซิบ
เขาก้าวไปเบื้องหน้า ดาบไม้ในมือถูกยกฟาดลงเก้าหนในพริบตาราวค้อนยักษ์
เปรี้ยง!
ยามปราณดาบสายแรกถูกฟาดฟัน อากาศแหลกสลาย เพลิงศักดิ์สิทธิ์ขาวพิสุทธิ์ระเบิดขึ้นสู่เวหา
ร่มกระดูกพลันสั่นสะเทือน ลวดลายประหลาดปรากฏขึ้นบนใบร่มซึ่งต้านรับปราณดาบแรกนี้ไว้ได้ ก่อนที่ปราณดาบสายที่สอง สาม สี่… จะฟาดเข้ามา
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ทันใดนั้น เสียงกระทบกระทั่งสะเทือนโลกาก็ก้องกังวาน
แม้ร่มกระดูกนั้นจะไม่อาจคาดเดา ทว่าในพริบตา ลวดลายวิถีอันลึกลับซับซ้อนมากมายก็เสื่อมสลายหาย ใบร่มถูกรอยดาบฟาดฟันแหว่งวิ่นน่าใจหาย
ท้ายที่สุด สมบัตินี้ก็แหลกสลายเป็นชิ้น ๆ สิ้นท่าสมบูรณ์
ใบหน้างดงามของรั่วซีซีดขาว ดูไม่อยากเชื่อ
ร่มคันนี้คือสมบัติช่วยชีวิตจากตระกูลเบื้องหลังนางซึ่งสามารถหลอมบรรบตลำธาร กักขังตัวตนระดับราชันแห่งภูมิได้!
ทว่าครานี้ มันกลับถูกทำลายลงในพริบตา!
หมอกควันพลิ้วจาง ร่างของซูอี้ก้าวเข้ามา
รั่วซีสูดหายใจลึก ๆ และขยี้ยันต์ลับชิ้นหนึ่งซึ่งซ่อนไว้ในกำมือขวา
ทันใดนั้น รุ้งทิพย์สายหนึ่งก็พุ่งเข้ามา อากาศปั่นป่วน
“ผู้ใดกันที่กล้าลงมือกับตระกูลจงของข้า?”
เสียงอันยิ่งใหญ่อหังการสะเทือนทั่วฟ้าดิน
พร้อมกันนั้น แสงสีดำนับพันสายพุ่งทะยานจากทั่วฟ้าดิน หล่อหลอมเป็นชายชราชุดดำผู้หนึ่ง สองมือไพล่หลัง อำนาจยิ่งใหญ่ดุจเทพจากแดนสรวง!
รอบข้างเงียบสงัด หนังศีรษะทุกคนชายิบ ตระหนกกลัวขวัญฝ่อ
ปราณของคนผู้นี้น่ากลัวเกินไป!
“บรรพชนช่วยข้าด้วย!”
รั่วซีกล่าวด้วยใบหน้าซีดเผือด ราวตะเกียกตะกายคว้าเส้นฟางช่วยชีวิต
ซูอี้พลันย่างขึ้นสู่บนอากาศ มองร่างของผู้เพิ่งปรากฏตัว และอดแสดงสีหน้าครุ่นคิดไม่ได้ ทว่ามิได้เร่งรีบลงมือ
“แม่หนู อย่ากลัวไป”
ชายชราชุดดำกล่าวกับรั่วซีด้วยสีหน้าสงสาร “มีข้าอยู่ ข้าจะทำให้เจ้าปลอดภัยหายห่วง!”
“ท่านบรรพชน ท่านต้องระวังตัวนะเจ้าคะ คู่มือเราคราวนี้คือ…”
รั่วซีเพิ่งกล่าวถึงจุดนี้ ชายชราชุดดำก็ส่ายหน้ากล่าวขัด “ไม่ว่าผู้ใดล่วงเกินตระกูลจงของข้า มันต้องตาย!”
ทุกคนเปลี่ยนสีหน้า ได้ยินจิตสังหารในวาจาชายชราชุดดำชัดเจน
เมื่อเห็นเช่นนี้ มุมปากของช่างเสื้อซึ่งอยู่ห่างออกไปก็กระตุก และอดกล่าวขึ้นมิได้ “เจ้าเฒ่าจง ข้าแนะนำให้เจ้าระวังตัวไว้นะ ครานี้ศัตรูเจ้าคือ…”
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดคำว่า ‘ทัศนาจารย์’ ชายชราชุดดำก็กล่าวขึ้นอย่างมิสบอารมณ์ “แล้วเจ้าเป็นใครกัน ลาเฒ่าหัวล้าน มีคุณสมบัติใดมาสั่งสอนข้าผู้นี้?”
ช่างเสื้อ “???”
“ช่างเสื้อ?”
ชายชราชุดดำกล่าวกับตนเอง ดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าตะลึงอึ้ง ไม่อาจเชื่อลง “ถูกอัดน่วมเพียงนี้ ใช่เจ้าเฒ่าช่างเสื้อนั่นจริง ๆ หรือ?”
ช่างเสื้อ “…”
“เขาคือผู้ใด?”
ชายชราชุดดำตระหนักแล้วว่าบางอย่างผิดปกติ สายตาของเขามองไปยังซูอี้ซึ่งยืนอยู่ห่างออกไปบนอากาศ
“เขา… เขาคือทัศนาจารย์เจ้าค่ะ!”
รั่วซีกล่าวเสียงสั่น
ทันทีที่วาจาถูกกล่าว ทุกคนก็เห็นชัดเจนว่าร่างของชายชราชุดดำสั่นสะท้านรุนแรง เขาดูตกใจเสียจนแทบสะดุ้ง
เขาดูจังงังอย่างเห็นได้ชัด “เป็นไปไม่ได้! ไฉนทัศนาจารย์จึงเยาว์วัยเช่นนี้? อายุกระดูกเขาแค่ราวยี่สิบ แล้วเขา… จะเป็นทัศนาจารย์ไปได้เช่นไร?”
อารมณ์ของทุกคนพลิกผันขึ้นลง
ทัศนาจารย์?
ตัวตนนี้คือผู้ใดกันแน่?
เพียงหนึ่งสมญากลับทำให้ชายชราชุดดำตกใจกลัวได้เพียงนี้!
คาดเดาได้ว่า ‘ทัศนาจารย์’ น่าจะอยู่ในห้วงลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว และเกรงว่าเขาก็คงเป็นตัวตนอันน่าอัศจรรย์ยิ่ง!
ยามนี้ ซูอี้ก็ดูจะจำบางเรื่องขึ้นได้ในที่สุด และกล่าวกับตนเอง “ข้าบอกแต่แรกแล้ว ว่าเมื่อตัวตนเหนือขอบเขตราชันแห่งภูมิจากตระกูลจงพบข้า หากไม่คุกเข่าลงกราบกราน ก็จะต้องทำศึกจนสาแหรกตระกูลจงของเจ้าแหลกลาญไม่เหลือดี…”
กล่าวจบ เขาพลันมองชายชราชุดดำซึ่งอยู่ห่างออกไป “เจ้า… จะคุกเข่าลงหรือไม่?”
เหล่าผู้ชมต่างเงียบกริบ ตะลึงค้างในใจ
ทุกสายตาเพ่งนิ่งที่ชายชราชุดดำ
ชายชราจากตระกูลจงซึ่งยามปรากฏตัวแสนอหังการกร่างอำนาจ ยามนี้กลับหน้าซีดเซียวราวถูกสายฟ้าฟาด
รั่วซีอดถามมิได้ “ท่านบรรพชน มีกฎเช่นนี้อยู่จริงหรือเจ้าคะ?”
รั่วซีรู้สึกเพียงงุนงงเหลือแสน กล่าวออกมาอย่างเผลอตัว “ไฉนมันจึง… เป็นเช่นนั้นไปได้?!”
ชายชราชุดดำเมินนาง มองซูอี้ซึ่งอยู่ห่างออกไป ก่อนกัดฟันกล่าว “ผู้อื่นบอกว่าเจ้าคือทัศนาจารย์ ทว่าข้าไม่เชื่อ!!”
เสียงยังไม่ทันสร่าง ท่ามกลางความประหลาดใจของคนทุกคน ชายชราชุดดำพลันยกมือคว้ารั่วซีเขวี้ยงไปแสนไกล
“แม่หนู หนีไปเสีย! ข้าจะหาทางช่วยชีวิตเจ้า!”
ชายชราชุดดำตวาดลั่น
ร่างของเขาระเบิดแสงสีดำลี้ลับ ทะยานเข้าใส่ซูอี้
ตู้ม!
โลกหล้าพลิกกลับ อากาศปั่นป่วนรวนเร
ชายชราชุดดำดูราวลุกไหม้ ด้วยหนึ่งหมัด ท้องนภาดูราวพลิกกลับด้าน โลกหล้าคล้ายถล่มพังทลาย
ไม่ว่าใครก็เห็นว่าชายชราชุดดำนั้นมิต่างกับคนสิ้นหวัง ณ ขณะนี้ และโจมตีออกมาอย่างทุ่มสุดกำลัง! เดิมพันแลกชีวิต!
“ตระกูลจงของพวกเจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเมื่อข้าไม่อยู่ เจ้าจะเมินเฉยวาจาของข้าในกาลก่อนได้?”
ซูอี้แค่นเสียงอย่างเย็นชา
ร่างของเขาวูบไหว ฟาดดาบไม้เข้าปะทะ
เปรี้ยง!
เสียงระเบิดสะท้านโลหา ประกายเพลิงซัดสาดเยี่ยงคลื่น
ในสนามรบอันปั่นป่วนโกลาหล ร่างของซูอี้และชายชราชุดดำโซเซ
ร่างของชายชราชุดดำแข็งทื่อไป ก่อนจะตะโกนสุดเสียงอย่างยากลำบาก “แม่หนู… เร็วเข้า… หนีไป… เขา… คือทัศนาจารย์จริง ๆ ด้วย!!”
วาจากระท่อนกระแท่นยังก้องอยู่ทั่วฟ้าดิน ทว่าร่างของชายชราชุดดำระเบิดเป็นพิรุณแสงสลายไป
ช่างเสื้อลอบถอนใจ
ถึงอย่างไร เจ้าเฒ่าจงก็เป็นเพียงเจตจำนง เมื่ออยู่ต่อหน้าบุคคลเยี่ยงทัศนาจารย์ย่อมไร้อำนาจต่อกร
ห่างออกไปแสนไกลใต้ท้องนภา ใบหน้าของรั่วซีซีดขาว จิตวิญญาณปั่นป่วนสุดพรรณนา ไม่เคยคิดเลยว่าเมื่อบรรพชนทุ่มสุดฝีมือจะยังเหมือนตั๊กแตนตำข้าวนำตัวไปขวางเกวียน ถูกบดขยี้พ่ายในพริบตา!
นี่มิได้มอบโอกาสให้นางหนีได้มากนักเลย!
และยามนี้เอง คอของรั่วซีก็ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งคว้าไว้!!