บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1134: ตบหน้า
ตอนที่ 1134: ตบหน้า
………………..
ตอนที่ 1134: ตบหน้า
ชายชราชุดดำถูกสังหารในหนึ่งกระบวน รั่วซีถูกจับตัวได้!
เหล่าผู้เฝ้ามองต่างตะลึงอึ้ง
ร่างของรั่วซีเกร็งทื่อราวร่วงสู่ถ้ำน้ำแข็ง
นางหันมาอย่างยากลำบาก พยายามสงบสติตนเองลง และกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ข้าพอเดาได้แล้วว่าซูอี้คือร่างเวียนวัฏของซูเสวียนจวิน และซูเสวียนจวินคือร่างเวียนวัฏของท่าน!”
“กล่าวคือ ท่านตรงหน้าข้านี้เป็นเพียงอำนาจซึ่งหลงเหลือมาจากตัวท่านในอดีตชาติ หวนคืนสู่โลกหล้าด้วยร่างของซูเสวียนจวิน ในขณะที่ร่างจริงของท่านย่อมไม่อาจหวนคืนสู่โลกหล้าอีก”
รั่วซีกล่าวจบก็สูดหายใจลึก ๆ กล่าวขึ้นว่า “หากผู้อาวุโสฆ่าข้าเสียยามนี้ ตระกูลจงของข้าจะไม่มีวันยอมปล่อยซูเสวียนจวินไปในภายหน้า และโรงวาดฤทัยก็เช่นกัน”
“แต่หากผู้อาวุโสไว้ชีวิตข้า ข้าประกันได้ว่าความขัดแย้งในวันนี้จะถูกคลี่คลาย และข้าจะไม่มายังภูมิดาราฟ้าดินอีกแม้แต่ครึ่งก้าวในภายหน้า!”
“หากผู้อาวุโสมีเงื่อนไขใด ก็ขอให้แถลงมา ขอเพียงข้าทำได้ ข้าจะไม่บิดพลิ้ว”
กล่าวจบ สายตาของรั่วซีที่มองมายังซูอี้ก็ค่อย ๆ สงบลง
นางพบว่าจวบจนยามนี้ ซูอี้ซึ่งคว้าคอนางอยู่ไม่ได้ออกแรงบีบ จึงทำให้นางเห็นโอกาสแก้สถานการณ์!
ซูอี้อดหัวเราะมิได้ “ข้ารอเจ้าพูดอยู่เลย”
ดวงตาเป็นประกายของรั่วซีเจิดจรัสขึ้น “หมายความว่าผู้อาวุโสรับปากจะไว้ชีวิตผู้น้อยแล้วหรือ?”
ซูอี้ส่ายหน้าเล็กน้อย “เปล่า ข้าแค่คิดว่าชาตินี้ของข้า ยิ่งศัตรูเยอะยิ่งดี ยิ่งครึกครื้นต่างหาก”
รั่วซีตกใจ จากนั้นนางก็พลันตระหนักถึงบางสิ่ง และใบหน้างามของนางก็แปรเปลี่ยนกะทันหัน
กร๊อบ!
และยามนี้เองที่ลำคอขาวระหงของรั่วซีถูกหัก
อำนาจร้ายกาจแผ่ซ่าน แผดเผาทั้งร่างและวิญญาณของนางสู่เถ้า
ทุกคนต่างตกตะลึง
กาลก่อน โลกหล้านั้นคาดเดาถึงตัวตนของคุณหนูแห่งโรงวาดฤทัยผู้นี้ และรู้กระจ่างแจ้งว่าที่มาของนางจะต้องเป็นตัวตนอันโดดเด่นในห้วงลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวแน่แท้
และวันนี้ หลังจากได้เห็นสรรพวิธีของรั่วซีทว่ากลับตายตก ปรมาจารย์เผิง บรรพชนมารเยว่อิ๋นและเหล่าตัวตนบรรพกาลทั้งหลายล้วนตกตะลึงในพื้นหลังอันร้ายกาจของรั่วซี
ทว่า ใครเล่าจะคาดว่าซูอี้จะไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้แม้แต่น้อย และสังหารนางทิ้งอย่างแสนเรียบง่าย!
“ยิ่งศัตรูเยอะยิ่งดี…”
ช่างเสื้อที่อยู่ไกลออกไปกล่าวกับตนเอง “การเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกสามารถทำให้คนแปรเปลี่ยนเรืองอำนาจได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังเป็นเส้นทางซึ่งอันตรายที่สุดอีกด้วย ทุกย่างก้าวอาจนำสู่มรณะ!”
เสียงชราวัยของเขาก้องไปทั่ว ฟังดูเย็นเยียบและน่าพรั่นพรึง!
ศัตรูกับคนทั้งโลก?
ฆ่ารั่วซีเพียงหนึ่ง ไฉนจึงเกิดพายุใหญ่เช่นนั้นได้?
รั่วซีผู้นี้ร้ายกาจเพียงนั้นเลยหรือ?
“อย่าว่าแต่สิ่งอื่นใด เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยร่างเวียนวัฏของเจ้ารอดไปหรือ?”
ช่างเสื้อมองซูอี้อย่างไร้อารมณ์
ก่อนหน้านี้เขาบาดเจ็บสาหัส ร่างเต็มไปด้วยบาดแผล กลายเป็นเชลยศึก ทว่าหาได้ตระหนกร้อนใจไม่
ทั่วฟ้าดินเงียบสงัด กดดันเสียจนยากหายใจ
ซูอี้ก้าวเข้ามาจ้องช่างเสื้อ และกล่าวว่า “จอมปลอมเกินไป เจ้าไม่ใช่ช่างเสื้อหรอก”
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ถูกกล่าว ทุกคนที่รู้เห็นต่างตะลึงอึ้ง
ไม่ใช่… ช่างเสื้อ!?
แล้วอีกฝ่ายคือผู้ใด?
ยามนี้ กระทั่งชิงถังผู้พอรู้เรื่องราวภายในยังอดประหลาดใจไม่ได้ หลังของนางเย็นวูบวาบ
ซูอี้พลันเอื้อมมือออกกดลงบนกระหม่อมของช่างเสื้อซึ่งสำแดงลักษณ์เป็นหลวงจีนเยี่ยนซิน
ตู้ม!
ซูอี้ละฝ่ามือออก แล้วจิตวิญญาณดวงหนึ่งที่ดิ้นรนอย่างรุนแรงก็ถูกคว้าลากออกมาจากร่างของหลวงจีนเยี่ยนซิน
จิตวิญญาณนี้พันเกี่ยวด้วยเส้นไหมสีดำนับไม่ถ้วน บิดตัวอย่างบ้าคลั่งดุจฝูงหนอน แปลกประหลาดน่าขนลุก
เหล่าผู้พบเห็นต่างอื้ออึง ต่างฝ่ายต่างพรั่นพรึงหนาวเยือก
จริงดังคาด หลวงจีนเยี่ยนซินถูกชิงร่างวิถี!
“เจ้า… เห็นอยู่แล้วหรือ?”
จิตวิญญาณนั้นดูตะลึงอย่างชัดเจนเช่นกัน
“เว้นเพียงเจ้าถูกต้อนจนมุม ไอ้แก่ชั่วอย่างเจ้าช่างเสื้อคงไม่มีทางเผยร่องรอย ต่อให้เป็นเพียงร่างอวตารก็จะไม่กล้าลุกขึ้นมาแสดงตัวเช่นเจ้า”
ซูอี้กล่าวโดยไม่คิด
กล่าวจบ ปราณดาบอันเจิดจ้าสายหนึ่งก็ระเบิดออกจากฝ่ามือ พริบตาเดียว จิตวิญญาณนั้นก็ถูกบดขยี้หายไปในอากาศ
“น่าเวทนาชีวิตศิษย์ข้ายิ่งนัก”
เสียงรำพึงหนึ่งดังขึ้น
บนผืนฟ้าที่อยู่ห่างออกไปแสนไกล ร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ
คนผู้นั้นสวมจีวรขาวดุจแสงจันทร์ ดูเหมือนชายวัยกลางคน เขาคือจี้หยวน ศิษย์ใกล้ชิดของหลวงจีนเยี่ยนซิน!
“เขาคือช่างเสื้อตัวจริงหรือ!?”
เสวียนหนิงขนลุก
คนอื่น ๆ ที่เฝ้ามองอยู่ต่างตื่นกลัวเช่นกัน
แต่เดิม ทุกคนคิดว่าเพียงจับตัวช่างเสื้อ สังหารรั่วซี พายุคลั่งซึ่งเกิดขึ้นหน้าถ้ำเสวียนจวินคงจบลงได้
ทว่ายามนี้ ทุกคนตระหนักแล้วว่าพายุนี้อันตรายร้ายกาจยิ่งกว่าคาดฝันไกลลิบ!
“บางที เขาก็อาจไม่ใช่ช่างเสื้อตัวจริงเช่นกัน”
ชิงถังขมวดคิ้ว
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ถูกกล่าว ผู้คนก็ยิ่งสะพรึงกลัวตัวสั่น
“เปล่า เขาคือร่างอวตารของไอ้เฒ่าสารเลวนั่น ขอเพียงแผนของเขาพังพินาศ เขาจะใช้วิธีนี้เผยร่องรอยเพื่อพิสูจน์ว่าตนซ่อนตัวมองหายนะอยู่จริง ๆ และแผนของเขาก็ไม่ได้พังทลายแต่อย่างใด เช่นนี้เพื่อข่มขวัญศัตรู ทำให้อีกฝ่ายยากจะกินอิ่มนอนหลับ”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยชาเจือประชดประชัน
ณ ท้องนภาที่ห่างไกลออกไป ใบหน้าของจี้หยวนดูทอดถอนใจ “ว่าแล้วเชียว ผู้ที่รู้จักเราดีที่สุดในโลกคือศัตรูเสมอ”
ทันใดนั้น เขาก็แย้มยิ้ม “ข้าได้ผลพวงมากมายจากเหตุนี้ และยังตั้งตารอพบร่างเวียนวัฏของเจ้าในภายหน้า”
กล่าวจบ ร่างของเขาก็ค่อย ๆ เลือนหาย จนสุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นแสงพร่ามัวสลายไร้ร่องรอย
เห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็ยกมือขึ้นฟาด
ฟิ้ว!
ดาบไม้หายวับไปในอากาศธาตุ
เหนือท้องนภา
ในจักรวาลพร่างดาวอันแร้นแค้น พร่างพราวด้วยอุกกาบาตมากมาย
บนอุกกาบาตลูกหนึ่ง
ท่ามกลางแสงสลัวริบหรี่ ชายชราร่างผอมบางในชุดดำปรากฏตัวขึ้นจากอากาศธาตุ
เขาชราวัยยิ่งนัก ดวงตาขุ่นมัว บรรยากาศเก่าแก่บรรพกาล
นี่คือรูปลักษณ์ที่แท้จริงของช่างเสื้อ
ยามนี้ เขาถือเศษหน้ากากหนังมนุษย์ไว้ในมือขวา
เมื่อพินิจให้ดี ก็พบว่าใบหน้านั้นคือจี้หยวน!
ช่างเสื้อกำมือ และทันใดนั้น ผิวหนังของจี้หยวนก็มอดไหม้ เหลือเพียงด้ายดำเส้นจ้อยร่วงลงในมือชายชรา
“ทัศนาจารย์เอ๋ย เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผนครานี้สำเร็จหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ ขอเพียงเจ้าเวียนวัฏกับมาก็พอแล้วสำหรับข้า”
ช่างเสื้อกระซิบในใจ
หือ?
ทันใดนั้นเอง ร่างของเขาก็ชะงักค้าง พลันเงยหน้าขึ้น
และเขาก็เห็นหนึ่งดาบไม้ปรากฏขึ้นบนอากาศ คมมีดห่างจากหน้าของเขาเพียงสามจั้ง!
ร่างของช่างเสื้อเกร็งตัวอย่างเงียบเชียบ ม่านตาหดตัวเยี่ยงรูเข็ม
ขณะที่เขากำลังจะขยับกาย ทันใดนั้น ดาบไม้ก็ขยับราวเงื้อฝ่ามือ แล้วตบหน้าเขาเบา ๆ
แปะ!
มันเบาหวิว เสียงก็ไม่ดัง
เป็นเพียงการตบเบา ๆ!
จากนั้น ดาบไม้ก็หันหลังกลับหายวับไป
ทว่าช่างเสื้อดูราวถูกเหยียบย่ำเกียรติแสนอดสู ใบหน้าชราวัยซีดเซียวมืดหมองเป็นพิเศษ ร่างสะท้านสั่นเกินควบคุมด้วยโทสะ
ดาบไม้เล่มนั้นแข็งแกร่งพอจะสังหารเขาได้แน่แท้ แต่มันกลับมิทำเช่นนั้น ทำเพียงตบหน้าเขาเบา ๆ!
การหยามหมิ่นเช่นนี้สมแล้วกับที่เป็นทัศนาจารย์!
ช่างเสื้อเดาได้ว่าการกระทำนี้คือการจงใจหมิ่นเกียรติให้อับอาย
และยังแสดงให้เห็นว่าร่างอวตารของเขาไม่ได้อยู่ในสายตาคนผู้นั้นแม้แต่น้อย!
แม้ช่างเสื้อไม่ใช่คนประเภทเจ้าคิดเจ้าแค้น ทว่าความอัปยศนี้มากมายเกินไปเสียจนอยากหวนกลับไปรบกับทัศนาจารย์เสีย!
ทว่า สุดท้ายเขาก็ยั้งใจไว้
“ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะใช้เข็มเย็บผ้าเย็บร่างเจ้า ให้เจ้าคุกเข่าตบหน้าตัวเองเสียตลอดกาล ทัศนาจารย์!”
ช่างเสื้อลอบกัดฟัน
เขาหันหลังจากไป
วูบ!
ร่างของเขาดูราวเปลี่ยนเป็นเส้นด้ายสีดำทะลวงอากาศ
พริบตาเดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทว่า ครึ่งชั่วยามต่อมา
ช่างเสื้อก็หยุดลงกะทันหันและมองไปไกล
เส้นทางตรงหน้าเขามีสตรีผู้หนึ่งปรากฏขึ้น
นางสวมอาภรณ์สีเทาเรียบ ๆ สวมรองเท้าแตะฟาง เรือนผมสีดำถูกรวบเป็นหางม้าด้วยเชือกแดง ใบหน้าปกปิดด้วยหน้ากากสำริด เผยเพียงดวงตาทอประกายสีม่วง
ในมือขวาของนางถือหอกยาวสองจั้งสีครามเทา เรียบง่ายไร้เครื่องประดับ
นอกจากนั้น นางก็ไร้สิ่งตกแต่งอื่นใด ทว่าแม้นางจะทำเพียงยืนเฉย แต่กลับให้ความรู้สึกราวเหยียบจักรวาลพร่างดาวไว้แทบเท้า ประหนึ่งเทพยดาผู้ควบคุมทุกสิ่ง ไร้ผู้ใดเทียมทาน!
ดวงตาพร่ามัวของช่างเสื้อหรี่ลง ประคองกำปั้นกล่าวขึ้น “เราสองพบพานบังเอิญ ไร้บุญคุณความแค้น หวังว่าสหายเต๋าจะช่วยเปิดทาง”
เขาสังเกตเห็นแล้วว่าจักรวาลพร่างดาวในบริเวณใกล้เคียงถูกผนึกไว้โดยปราณของสตรีถือหอก ไม่อาจอ้อมหนีได้!
“น่าเสียดายที่เจ้าเป็นเพียงอวตารวิถี”
สตรีถือหอกกระซิบ ดวงตาพร่างประกายสีม่วงแสดงความผิดหวังไร้ปิดบัง
ช่างเสื้อเงียบเสียง ทว่าในใจกลับรู้สึกพิกลเกินบรรยาย
ก่อนหน้านี้ เขาถูกทัศนาจารย์ใช้ดาบไม้ตบหน้า และครานี้ยังถูกสตรีถือหอกปฏิบัติด้วยอย่างดูแคลน ช่างเสื้อจึงอดสับสนไม่ได้
วันนี้มันเกิดอันใดขึ้น?
แค่ทัศนาจารย์ยังไม่พอ กระทั่งสตรีผู้นี้ยังกล้าดูถูกเขา คิดว่าเขารังแกง่ายนักหรือ!?
“ร่างจริงของเจ้าทรงพลังเพียงใด?”
สตรีถือหอกถาม
ช่างเสื้อสงบใจลง และกล่าวอย่างใจเย็น “ยากจะกล่าวได้ แม้จะไม่ทรงพลังนัก แต่ก็ไม่ใช่ใครจะล่วงเกินข้าก็ย่อมได้… สหายเต๋า เจ้าถามเช่นนี้ไปเพื่อการใดหรือ?”
สตรีถือหอกตอบ “ประลองกัน!”
ม่านตาของช่างเสื้อหดตัว “ไร้ความแค้น มิใช่ศัตรู… ก็ยังสู้หรือ?”
สตรีถือหอกตอบ “ถูกต้อง พาข้าไปหาร่างจริงเจ้าที หากรับการโจมตีของข้าได้ เจ้าจะได้เป็นลูกน้องและรับการคุ้มครองจากข้า”
ช่างเสื้อเบิกตากว้าง แทบไม่เชื่อหูตน
เขาอยู่ในห้วงลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวเนิ่นนานหลายปี ถูกยกย่องเป็นยักษ์ใหญ่ผู้อันตรายที่สุด กระทั่งตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิ เมื่อกล่าวถึงเขายังต้องสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
ทว่ายามนี้ กลับมีสตรีถือหอกผู้หนึ่งกล่าวว่า ขอเพียงร่างจริงของเขารับการโจมตีของนางได้ เขาจะได้เป็นลูกน้องของนาง!
มันไร้สาระเพียงไร?
น่าขันสิ้นดี!
“เร็วเข้าสิ!”
สตรีถือหอกเร่งเร้า “อย่ามัวชักช้า!”
สีหน้าของช่างเสื้อแปรผันชั่วขณะ ข่มกลั้นโทสะและจิตสังหารในใจ ก่อนจะกล่าวว่า “หากข้าหยุดการโจมตีของสหายเต๋าได้ ข้าไม่ขอเป็นลูกน้องสหายเต๋า แต่ขอให้หลีกทางให้ข้าแทนได้หรือไม่?”
ตู้ม!
จักรวาลพร่างดาวสั่นสะท้านรุนแรง สรรพสิ่งดับแสงมืดมน
คมหอกแทงทะลุนภา และพริบตาเดียวก็จ่อคอของช่างเสื้อห่างไปหนึ่งชุ่น
“เจ้า… หยุดมันได้หรือไม่”
สตรีถือหอกถาม
ช่างเสื้อดูสงบเฉยเมยไม่เปลี่ยนแปลง
ทว่าหัวใจของเขาปั่นป่วน ร่างกายแข็งทื่อและหนาวเยือก!